ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 481 อาศัยจวนหลี่เฉี่ยนโม่สักระยะ

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 481 อาศัยจวนหลี่เฉี่ยนโม่สักระยะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หลี่เฉี่ยนโม่คนนี้ดูเป็นคนดี คนดูแลประตูก็เข้าใจมารยาทเช่นนี้” เฉี่ยนอินพึมพำเบาๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง ไม่ใช่คนดูแลประตูที่ออกมา แต่เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าที่ดูสะอาดสะอ้าน เขามองไปที่หยุนชางและเฉี่ยนอินจากนั้นรีบโค้งมือและกล่าวว่า “ข้าน้อย หลี่เฉี่ยนโม่ เชิญท่านทั้งสองเข้ามาข้างใน”

หยุนชางพยักหน้า และพูดกับคนดูแลประตูที่ที่อยู่ข้างหลังหลี่เฉี่ยนโม่ “เราเพิ่งมาจากเมืองหลี และได้นำของฝากมามากมาย อยู่บนรถม้า ต้องขอรบกวนพี่ชายท่านนี้ช่วยไปเอาด้วยได้หรือไม่”

คนดูแลประตูตอบรับอย่างรวดเร็ว หยุนชางจึงตามหลี่เฉี่ยนโม่เข้าไปในจวน จวนหลี่นั้นเรียบง่ายมาก ด้านหน้าเป็นสวนที่มีดอกไม้และต้นไม้ และมีหินตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง เข้าไปด้านในจะเจอโถงดอกไม้ ลอดโถงดอกไม้ แล้วเดินเข้ามา เป็นลานที่ใหญ่ขึ้น ในลานมีสระบัวขนาดเล็กเปิดออกด้วยดอกบัวบ้าง สระบัวแบ่งลานออกเป็นสองฝั่ง เชื่อมต่อกันด้วยทางเดิน มีเซียงฝางทั้งสองด้าน

หลี่เฉี่ยนโม่พาหยุนชางเข้าไปในห้องด้านซ้ายมือ ดูเหมือนเป็นห้องหนังสือ หยุนชางหาได้ยากนักที่จะเห็นว่าห้องหนังสือของคนทั่วไปจะใหญ่โตเยี่ยงนี้ มีชั้นหนังสือที่อัดแน่น บนชั้นเต็มไปด้วยหนังสือ และไม่มีของตกแต่งอย่างอื่น ห้องหนังสือนั้นเรียบง่าย มีโต๊ะหนึ่งตัว และเก้าอี้สองสามตัว

หยุนชางและเฉี่ยนอินเข้ามาในห้อง หลี่เฉี่ยนโม่ก็ปิดประตู หันหลังกลับและโค้งคำนับหยุนชาง “ข้าน้อยขอคารวะนายหญิง”

หยุนชางพยักหน้าเบาๆ ใช้เสียงของตัวเอง “ลุกขึ้น”

หลี่เฉี่ยนโม่กระตุกมุมปากของเขาเล็กน้อย และมองที่หยุนชาง พูดด้วยเสียงเบาว่า “นายหญิงใช้เสียงผู้ชายพูดเถอะขอรับ ข้าน้อยรู้สึกว่า… เอ่อ ยากที่จะยอมรับ ยากที่จะยอมรับ”

หยุนชางยิ้ม ก็ทำตามที่เขาร้องขอ “ตอนนี้ที่จวนกั๋วกงและจวนรุ่ยอ๋องถูกจับตาดูอยู่ ข้าจะขอพักอยู่ที่นี่สักพัก ได้หรือไม่”

หลี่เฉี่ยนโม่รีบพูด “ข้าน้อยจะให้คนไปทำความสะอาดเซียงฝางทางด้านขวาทันทีขอรับ”

หยุนชางพยักหน้าและนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ หลี่เฉี่ยนโม่ลุกจึงขึ้น หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ รินน้ำชาให้หยุนชาง และกล่าวว่า “ข้าน้อยฟัง เซียงกุ้ยผินกล่าวว่า นายหญิงยังอยู่เมืองหลี ยังคงคิดว่าต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่นายหญิงจะกลับมา”

“ถ้าอยู่เมืองหลีจะได้ชมที่สนุกของเมืองจิ่นได้อย่างไร” หยุนชางหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบชา แล้วพูดว่า “สถานการณ์ในเมืองจิ่นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

หลี่เฉี่ยนโม่กล่าวอย่างเร่งรีบ “นายหญิงมาได้จังหวะพอดี ได้ยินว่าบ่ายนี้ นายหญิง เอ่อ ศพของพระชายารุ่ยจะส่งมาที่เมืองจิ่น”

“อากาศร้อนมากเยี่ยงนี้  คิดว่าก็คงจะมีคนเชื่อ” หยุนชางเกี่ยวที่มุมปากของนางและทำเสียงอย่างเย็นชา “เสิ่นซู่เฟยถูกฮองเฮาใช้แผนอุบายเยี่ยงนี้ ก็ไม่การเคลื่อนไหวใดๆหรือ”

“เกรงว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลา ข้าน้อยชื่นชมเสิ่นซู่เฟยเสียจริง นางไม่ใช่คนใจร้อน นางทำให้ข้าน้อยชื่นชมที่สุดคือนางอดทนเก่งมาก หลังจากที่องค์ชายสิบเอ็ดและองค์หญิงสิบสองถูกส่งตัวไป เสิ่นซู่เฟยก็แค่ตื่นมาและร้องไห้แค่นั้น และให้นางกำนัลช่วยพยุงนางไปพบฝ่าบาท ทุกคนคิดว่านางคงจะไปขอร้องฝ่าบาทประทานอภัยโทษ แต่นางบอกแต่เพียงว่า ชาวหย่าทำให้โกรธเยี่ยงนี้ เป็นกรรมตามสนอง นางเต็มใจจะคัดลอกพระคัมภีร์และสวดธรรมทุกวันในพระอุโบสถในวัง และอธิษฐานขอพระพุทธเจ้าจะทรงอภัยความผิดพลาดของชาวหย่า” หลี่เฉี่ยนโม่พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เมื่อฝ่าบาททรงเห็นท่าทีที่อ่อนแอและน่าสงสารของนางก็เห็นด้วย ฮองเฮาถึงกับนึกถึงมาตรการรับมือแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าผลจะเป็นเยี่ยงนี้”

หยุนชางมองใบชาสีเขียวในถ้วยน้ำชาอย่างครุ่นคิดและยิ้ม “ข้าพูด ผู้หญิงอย่างเสิ่นซู่เฟยน่ากลัวที่สุด เกรงว่าทุกคนในวังจะรู้สึกว่าเป็นความผิดของ ชาวหย่านั้น ไม่ใช่ความผิดของเสิ่นซู่เฟย เสิ่นซู่เฟยเป็นเพียงแม่ ไม่ว่าในกรณีใด แม่จะคอยนึกถึงแต่เรื่องลูกๆ ของนาง และจะทำให้รู้สึกสงสารเสิ่นซู่เฟยมากขึ้นเรื่อยๆ และฮองเฮา เกรงว่านางจะถูกมองว่าเป็นคนที่โหดร้ายอีกครั้ง”

หลี่เฉี่ยนโม่ได้ยินดังนั้นพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นายหญิงขอให้ตรวจสอบในครั้งก่อน หลายวันที่นายหญิงเกิดเรื่อง คนในเมืองจิ่นพวกนั้นมีการเคลื่อนไหวอย่างไร ข้าน้อยพบว่าเสิ่นซู่เฟยเรียกองค์ชายสิบเอ็ดเข้าวังในวันที่นายหญิงจากเมืองจิ่น หลังจากที่องค์ชายสิบเอ็ดกลับจวน ทัพผู้ตายในมือของเขาก็ออกจากเมืองจิ่น” หลังจากหยุดชั่วคราว หลี่เฉี่ยนโม่กล่าวอีกครั้ง “อย่างไรก็ตาม ซูฉียังส่งคนจำนวนมากออกจากเมืองจิ่นด้วย แต่มันเป็นวันที่สองหลังจากที่นายหญิงจากเมืองจิ่นไป”

หยุนชางเคาะบนโต๊ะเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน มันควรจะเป็นหนึ่งในสองคนนี้ รอดูก่อน ข้าอยากรู้ว่าใครช่างกล้าได้ขนาดนี้”

“เมื่อร่างของพระชายารุ่ยมาถึงเมืองจิ่น เจ้าก็หาเหตุผลไปดูด้วย พาข้าไปกับเจ้าด้วย ข้าจะปลอมเป็นผู้ติดตามของเจ้า” หยุนชางกระซิบ “ตอนนี้แม้เสิ่นซู่เฟยในพระอุโบสถ ก็ต้องจับตามองให้ดี นางจะทำอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน และทุกคนที่นางติดต่อจะต้องคอยจับตาดูด้วย”

หลี่เฉี่ยนโม่ตอบและหยุนชางพูดอีกครั้ง “จวนของเจ้า คงจะไม่มีหมอใช่หรือไม่ ไปหาหมอที่วางใจได้มาสักคน มาไว้จวน เฉี่ยนอินได้รับเจ็บมาก ต้องให้หมอดู”

เฉี่ยนอินเบิกตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าไม่มีใครที่ไว้ใจได้ ก็แค่ไม่จำเป็น ถ้าหมอตรวจข้าแล้ว จะพบว่าข้าเป็นผู้หญิง และในตอนนั้นจะเกิดความสงสัยขึ้นอย่างแน่นอน”

หลี่เฉี่ยนโม่รีบพูด “มีขอรับ มีหมอขอรับ ข้าจะให้คนไปเชิญมาเดี๋วนี้ขอรับ”

หยุนชางตอบรับ และบอกว่าจะไปพักผ่อน หลี่เฉี่ยนโม่รีบพาหยุนชางไปที่เซียงฝางด้านขวา และรีบเรียกสาวใช้มาทำความสะอาดและเปลี่ยนทุกอย่างบนเตียง หยุนชางโบกมือ และกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เช่นนี้ก็ได้”

ในตอนบ่าย หลังจากหยุนชางรับประทานอาหารกลางวัน หลี่เฉี่ยนโม่เดินเข้ามาและกระซิบว่า “นายหญิง ร่างของพระชายารุ่ยเข้าเมืองมาแล้ว ข้าน้อยจะพาฝ่ายพิสูจน์ศพเข้าวังเพื่อชันสูตรศพ นายหญิงจะไปด้วยหรือไม่”

หยุนชางพยักหน้า “ในเมื่อเป็นการชันสูตรศพ แน่นอนว่าข้าต้องไป” จากนั้นเขาก็บอกให้เฉี่ยนอินเรียกองครักษ์ลับเพื่อจัดการการปลอมตัวให้ หยุนชางมองเข้าไปในกระจก ดวงตาของนางยังคงมองเห็นข้อบกพร่อง แต่ถ้านางแสร้งทำเป็นผู้รับใช้ของหลี่เฉี่ยนโม่ นางแค่ก้มศีรษะลงเท่านั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร

หยุนชางขอให้เฉี่ยนอินเติมแต่งมือของนาง ทำให้มือของนางหยาบขึ้น จากนั้นจึงหยิบรองเท้าคู่ใหญ่ผูกเท้าของนางให้แน่น จากนั้นพยักหน้าเบาๆลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ไปกันเถอะ”

เมื่อหลี่เฉี่ยนโม่และหยุนชางเดินออกจากลานด้านใน พวกเขาก็เห็นว่ามีฝ่ายพิสูจน์ศพสองคนรออยู่ด้านหน้าแล้ว ฝ่ายพิสูจน์ศพทั้งสองแบกถุงผ้าไว้บนหลัง เมื่อเห็นหยุนชางติดตามหลี่เฉี่ยนโม่ พวกเขาก็เอาถุงผ้าทั้งสองยื่นให้หยุนชางทันที หลี่เฉี่ยนโม่ขมวดคิ้ว แต่หยุนชางรีบรับไว้ ใช้สายตาส่งสัญญาณให้หลี่เฉี่ยนโม่ไม่ต้องใส่ใจ หลี่เฉี่ยนโม่ยกมือขึ้น ปิดปากทำทีไอเล็กน้อย ปกปิดท่าทีแปลกๆของเขา

เมื่อหลี่เฉี่ยนโม่ขึ้นรถม้า หยุนชางและฝ่ายพิสูจน์ทั้งสองก็เดินตามหลังรถม้า หยุนชางมองดูศีรษะของหลี่เฉี่ยนโม่ที่มองออกไปนอกหน้าต่างหลายครั้งตลอดทาง โดยจะหันไปมองหยุนชางอย่างเผลอตัวตลอด หยุนชางรู้ว่าเขากำลังกังวลตน อย่างไรก็ตาม นางเป็นผู้สูงศักดิ์ และไม่ค่อยเดินแบบนี้

แต่ว่า นางเกรงว่านางจะต้องหาโอกาสเตือนหลี่เฉี่ยนโม่ ในเมื่อนางปลอมตัวเป็นอีกคนแล้ว เขาควรปฏิบัติต่อนางในฐานะบุคคลนั้น ถ้าเขายังมีท่าทีเช่นนี้ เข้าวังไปอาจถูกจับได้ไม่ช้าก็เร็ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 481 อาศัยจวนหลี่เฉี่ยนโม่สักระยะ

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 481 อาศัยจวนหลี่เฉี่ยนโม่สักระยะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หลี่เฉี่ยนโม่คนนี้ดูเป็นคนดี คนดูแลประตูก็เข้าใจมารยาทเช่นนี้” เฉี่ยนอินพึมพำเบาๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง ไม่ใช่คนดูแลประตูที่ออกมา แต่เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าที่ดูสะอาดสะอ้าน เขามองไปที่หยุนชางและเฉี่ยนอินจากนั้นรีบโค้งมือและกล่าวว่า “ข้าน้อย หลี่เฉี่ยนโม่ เชิญท่านทั้งสองเข้ามาข้างใน”

หยุนชางพยักหน้า และพูดกับคนดูแลประตูที่ที่อยู่ข้างหลังหลี่เฉี่ยนโม่ “เราเพิ่งมาจากเมืองหลี และได้นำของฝากมามากมาย อยู่บนรถม้า ต้องขอรบกวนพี่ชายท่านนี้ช่วยไปเอาด้วยได้หรือไม่”

คนดูแลประตูตอบรับอย่างรวดเร็ว หยุนชางจึงตามหลี่เฉี่ยนโม่เข้าไปในจวน จวนหลี่นั้นเรียบง่ายมาก ด้านหน้าเป็นสวนที่มีดอกไม้และต้นไม้ และมีหินตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง เข้าไปด้านในจะเจอโถงดอกไม้ ลอดโถงดอกไม้ แล้วเดินเข้ามา เป็นลานที่ใหญ่ขึ้น ในลานมีสระบัวขนาดเล็กเปิดออกด้วยดอกบัวบ้าง สระบัวแบ่งลานออกเป็นสองฝั่ง เชื่อมต่อกันด้วยทางเดิน มีเซียงฝางทั้งสองด้าน

หลี่เฉี่ยนโม่พาหยุนชางเข้าไปในห้องด้านซ้ายมือ ดูเหมือนเป็นห้องหนังสือ หยุนชางหาได้ยากนักที่จะเห็นว่าห้องหนังสือของคนทั่วไปจะใหญ่โตเยี่ยงนี้ มีชั้นหนังสือที่อัดแน่น บนชั้นเต็มไปด้วยหนังสือ และไม่มีของตกแต่งอย่างอื่น ห้องหนังสือนั้นเรียบง่าย มีโต๊ะหนึ่งตัว และเก้าอี้สองสามตัว

หยุนชางและเฉี่ยนอินเข้ามาในห้อง หลี่เฉี่ยนโม่ก็ปิดประตู หันหลังกลับและโค้งคำนับหยุนชาง “ข้าน้อยขอคารวะนายหญิง”

หยุนชางพยักหน้าเบาๆ ใช้เสียงของตัวเอง “ลุกขึ้น”

หลี่เฉี่ยนโม่กระตุกมุมปากของเขาเล็กน้อย และมองที่หยุนชาง พูดด้วยเสียงเบาว่า “นายหญิงใช้เสียงผู้ชายพูดเถอะขอรับ ข้าน้อยรู้สึกว่า… เอ่อ ยากที่จะยอมรับ ยากที่จะยอมรับ”

หยุนชางยิ้ม ก็ทำตามที่เขาร้องขอ “ตอนนี้ที่จวนกั๋วกงและจวนรุ่ยอ๋องถูกจับตาดูอยู่ ข้าจะขอพักอยู่ที่นี่สักพัก ได้หรือไม่”

หลี่เฉี่ยนโม่รีบพูด “ข้าน้อยจะให้คนไปทำความสะอาดเซียงฝางทางด้านขวาทันทีขอรับ”

หยุนชางพยักหน้าและนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ หลี่เฉี่ยนโม่ลุกจึงขึ้น หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ รินน้ำชาให้หยุนชาง และกล่าวว่า “ข้าน้อยฟัง เซียงกุ้ยผินกล่าวว่า นายหญิงยังอยู่เมืองหลี ยังคงคิดว่าต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่นายหญิงจะกลับมา”

“ถ้าอยู่เมืองหลีจะได้ชมที่สนุกของเมืองจิ่นได้อย่างไร” หยุนชางหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบชา แล้วพูดว่า “สถานการณ์ในเมืองจิ่นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

หลี่เฉี่ยนโม่กล่าวอย่างเร่งรีบ “นายหญิงมาได้จังหวะพอดี ได้ยินว่าบ่ายนี้ นายหญิง เอ่อ ศพของพระชายารุ่ยจะส่งมาที่เมืองจิ่น”

“อากาศร้อนมากเยี่ยงนี้  คิดว่าก็คงจะมีคนเชื่อ” หยุนชางเกี่ยวที่มุมปากของนางและทำเสียงอย่างเย็นชา “เสิ่นซู่เฟยถูกฮองเฮาใช้แผนอุบายเยี่ยงนี้ ก็ไม่การเคลื่อนไหวใดๆหรือ”

“เกรงว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลา ข้าน้อยชื่นชมเสิ่นซู่เฟยเสียจริง นางไม่ใช่คนใจร้อน นางทำให้ข้าน้อยชื่นชมที่สุดคือนางอดทนเก่งมาก หลังจากที่องค์ชายสิบเอ็ดและองค์หญิงสิบสองถูกส่งตัวไป เสิ่นซู่เฟยก็แค่ตื่นมาและร้องไห้แค่นั้น และให้นางกำนัลช่วยพยุงนางไปพบฝ่าบาท ทุกคนคิดว่านางคงจะไปขอร้องฝ่าบาทประทานอภัยโทษ แต่นางบอกแต่เพียงว่า ชาวหย่าทำให้โกรธเยี่ยงนี้ เป็นกรรมตามสนอง นางเต็มใจจะคัดลอกพระคัมภีร์และสวดธรรมทุกวันในพระอุโบสถในวัง และอธิษฐานขอพระพุทธเจ้าจะทรงอภัยความผิดพลาดของชาวหย่า” หลี่เฉี่ยนโม่พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เมื่อฝ่าบาททรงเห็นท่าทีที่อ่อนแอและน่าสงสารของนางก็เห็นด้วย ฮองเฮาถึงกับนึกถึงมาตรการรับมือแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าผลจะเป็นเยี่ยงนี้”

หยุนชางมองใบชาสีเขียวในถ้วยน้ำชาอย่างครุ่นคิดและยิ้ม “ข้าพูด ผู้หญิงอย่างเสิ่นซู่เฟยน่ากลัวที่สุด เกรงว่าทุกคนในวังจะรู้สึกว่าเป็นความผิดของ ชาวหย่านั้น ไม่ใช่ความผิดของเสิ่นซู่เฟย เสิ่นซู่เฟยเป็นเพียงแม่ ไม่ว่าในกรณีใด แม่จะคอยนึกถึงแต่เรื่องลูกๆ ของนาง และจะทำให้รู้สึกสงสารเสิ่นซู่เฟยมากขึ้นเรื่อยๆ และฮองเฮา เกรงว่านางจะถูกมองว่าเป็นคนที่โหดร้ายอีกครั้ง”

หลี่เฉี่ยนโม่ได้ยินดังนั้นพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นายหญิงขอให้ตรวจสอบในครั้งก่อน หลายวันที่นายหญิงเกิดเรื่อง คนในเมืองจิ่นพวกนั้นมีการเคลื่อนไหวอย่างไร ข้าน้อยพบว่าเสิ่นซู่เฟยเรียกองค์ชายสิบเอ็ดเข้าวังในวันที่นายหญิงจากเมืองจิ่น หลังจากที่องค์ชายสิบเอ็ดกลับจวน ทัพผู้ตายในมือของเขาก็ออกจากเมืองจิ่น” หลังจากหยุดชั่วคราว หลี่เฉี่ยนโม่กล่าวอีกครั้ง “อย่างไรก็ตาม ซูฉียังส่งคนจำนวนมากออกจากเมืองจิ่นด้วย แต่มันเป็นวันที่สองหลังจากที่นายหญิงจากเมืองจิ่นไป”

หยุนชางเคาะบนโต๊ะเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน มันควรจะเป็นหนึ่งในสองคนนี้ รอดูก่อน ข้าอยากรู้ว่าใครช่างกล้าได้ขนาดนี้”

“เมื่อร่างของพระชายารุ่ยมาถึงเมืองจิ่น เจ้าก็หาเหตุผลไปดูด้วย พาข้าไปกับเจ้าด้วย ข้าจะปลอมเป็นผู้ติดตามของเจ้า” หยุนชางกระซิบ “ตอนนี้แม้เสิ่นซู่เฟยในพระอุโบสถ ก็ต้องจับตามองให้ดี นางจะทำอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน และทุกคนที่นางติดต่อจะต้องคอยจับตาดูด้วย”

หลี่เฉี่ยนโม่ตอบและหยุนชางพูดอีกครั้ง “จวนของเจ้า คงจะไม่มีหมอใช่หรือไม่ ไปหาหมอที่วางใจได้มาสักคน มาไว้จวน เฉี่ยนอินได้รับเจ็บมาก ต้องให้หมอดู”

เฉี่ยนอินเบิกตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าไม่มีใครที่ไว้ใจได้ ก็แค่ไม่จำเป็น ถ้าหมอตรวจข้าแล้ว จะพบว่าข้าเป็นผู้หญิง และในตอนนั้นจะเกิดความสงสัยขึ้นอย่างแน่นอน”

หลี่เฉี่ยนโม่รีบพูด “มีขอรับ มีหมอขอรับ ข้าจะให้คนไปเชิญมาเดี๋วนี้ขอรับ”

หยุนชางตอบรับ และบอกว่าจะไปพักผ่อน หลี่เฉี่ยนโม่รีบพาหยุนชางไปที่เซียงฝางด้านขวา และรีบเรียกสาวใช้มาทำความสะอาดและเปลี่ยนทุกอย่างบนเตียง หยุนชางโบกมือ และกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เช่นนี้ก็ได้”

ในตอนบ่าย หลังจากหยุนชางรับประทานอาหารกลางวัน หลี่เฉี่ยนโม่เดินเข้ามาและกระซิบว่า “นายหญิง ร่างของพระชายารุ่ยเข้าเมืองมาแล้ว ข้าน้อยจะพาฝ่ายพิสูจน์ศพเข้าวังเพื่อชันสูตรศพ นายหญิงจะไปด้วยหรือไม่”

หยุนชางพยักหน้า “ในเมื่อเป็นการชันสูตรศพ แน่นอนว่าข้าต้องไป” จากนั้นเขาก็บอกให้เฉี่ยนอินเรียกองครักษ์ลับเพื่อจัดการการปลอมตัวให้ หยุนชางมองเข้าไปในกระจก ดวงตาของนางยังคงมองเห็นข้อบกพร่อง แต่ถ้านางแสร้งทำเป็นผู้รับใช้ของหลี่เฉี่ยนโม่ นางแค่ก้มศีรษะลงเท่านั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร

หยุนชางขอให้เฉี่ยนอินเติมแต่งมือของนาง ทำให้มือของนางหยาบขึ้น จากนั้นจึงหยิบรองเท้าคู่ใหญ่ผูกเท้าของนางให้แน่น จากนั้นพยักหน้าเบาๆลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ไปกันเถอะ”

เมื่อหลี่เฉี่ยนโม่และหยุนชางเดินออกจากลานด้านใน พวกเขาก็เห็นว่ามีฝ่ายพิสูจน์ศพสองคนรออยู่ด้านหน้าแล้ว ฝ่ายพิสูจน์ศพทั้งสองแบกถุงผ้าไว้บนหลัง เมื่อเห็นหยุนชางติดตามหลี่เฉี่ยนโม่ พวกเขาก็เอาถุงผ้าทั้งสองยื่นให้หยุนชางทันที หลี่เฉี่ยนโม่ขมวดคิ้ว แต่หยุนชางรีบรับไว้ ใช้สายตาส่งสัญญาณให้หลี่เฉี่ยนโม่ไม่ต้องใส่ใจ หลี่เฉี่ยนโม่ยกมือขึ้น ปิดปากทำทีไอเล็กน้อย ปกปิดท่าทีแปลกๆของเขา

เมื่อหลี่เฉี่ยนโม่ขึ้นรถม้า หยุนชางและฝ่ายพิสูจน์ทั้งสองก็เดินตามหลังรถม้า หยุนชางมองดูศีรษะของหลี่เฉี่ยนโม่ที่มองออกไปนอกหน้าต่างหลายครั้งตลอดทาง โดยจะหันไปมองหยุนชางอย่างเผลอตัวตลอด หยุนชางรู้ว่าเขากำลังกังวลตน อย่างไรก็ตาม นางเป็นผู้สูงศักดิ์ และไม่ค่อยเดินแบบนี้

แต่ว่า นางเกรงว่านางจะต้องหาโอกาสเตือนหลี่เฉี่ยนโม่ ในเมื่อนางปลอมตัวเป็นอีกคนแล้ว เขาควรปฏิบัติต่อนางในฐานะบุคคลนั้น ถ้าเขายังมีท่าทีเช่นนี้ เข้าวังไปอาจถูกจับได้ไม่ช้าก็เร็ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+