ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 458 งานเลี้ยงในจวนกั๋วกง (๒)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 458 งานเลี้ยงในจวนกั๋วกง (๒) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันทีที่หยุนชางเข้าไปในจวนก็ถูกเรียกไปยังศาลาในสวนหลังจวน ที่ศาลานั้นฮวากั๋วกงฮูหยินและสตรีอีกสองสามคนที่ดูมีอายุแล้วกำลังดูงิ้วกันอยู่ บนเวทีมีเสียงร้องรำไม่ขาดปาก หยุนชางชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังเดินเข้าไปหาฮวากั๋วกงฮูหยิน

เมื่อกั๋วกงฮูหยินเห็นนางก็ดีใจเป็นอย่างมาก “เจ้ามาแล้วหรือ? มา นั่งลง มาดูงิ้วเป็นเพื่อนข้าหน่อย”

หยุนชางนั่งลงอย่างเชื่อฟัง โชคดีที่ละครนั้นไม่ยาวนัก ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็จบลง ฮวากั๋วกงฮูหยินจึงหันกลับมายิ้ม “เจ้าเพิ่งมาถึงแคว้นเซี่ย เหล่าฮูหยินจากตระกูลใหญ่ในเมืองจิ่นเจ้าก็ควรจะพบเสียหน่อย”

หยุนชางไม่รู้ว่าเหตุใดกั๋วกงฮูหยินจึงกล่าวเช่นนี้ แต่นางก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วหันไปมองหญิงชราเหล่านั้น กั๋วกงฮูหยินยิ้มน้อยๆ และเริ่มจากสตรีในชุดสีม่วงที่นั่งตรงหัวโต๊ะ “นี่คือพระชายาฉุนเสียงอ๋อง”

ฉุนเสียงอ๋องนั้นหยุนชางเคยเห็นจากในบันทึกมากก่อน เขาเป็นพี่ชายของอดีตจักรพรรดิ

“ต่อมาคือฮูหยินของท่านซือถู หลิ่วฮูหยิน ฮูหยินของไท่เว่ย หวังฮูหยิน และยังมีองค์หญิงหยุนหัว ฮูหยินของแม่ทัพฉางเวย เฉียนฮูหยิน ฮูหยินของแม่ทัพเจิ้นเป่ย โหลวฮูหยิน”

หยุนชางยืนขึ้นและย่อกายคำนับทีละคน สีหน้าเต็มไปด้วยแววเคารพสุภาพอ่อนโยน

“พวกท่านคงเคยเห็นนางที่งานเลี้ยงในวังตอนนั้น นางคือพระชายารุ่ยอ๋อง” กั๋วกงฮูหยินยิ้มและชี้ไปที่หยุนชาง

“เป็นเด็กที่ถ่อมตัวและสุภาพดีนี่” พระชายาฉุนเสียงเอ่ยชมเชยเบาๆ และทุกคนก็เห็นพ้องอย่างรวดเร็ว

องค์หญิงหยุนหัวยิ้มและกล่าวว่า “วันนั้นพบกันที่งานเลี้ยงแล้ว อยู่กับรุ่ยอ๋องช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก รูปโฉมเช่นนี้ในแคว้นเซี่ยคงมีน้อยคนที่จะมาเทียบเคียงได้ กิริยาก็งามนัก รุ่ยอ๋องช่างโชคดีเสียจริง”

หลังจากที่ทุกคนต่างผลัดกันสรรเสริญเยินยอนางแล้วก็มีสาวใช้ก็เข้ามาบอกฮวากั๋วกงว่า “ฮูหยิน องค์หญิงไท่อันพาเหล่าองค์หญิงน้อยและองค์ชายน้อยมาเจ้าค่ะ บอกว่ามาอวยพรวันเกิดฮูหยินเจ้าค่ะ”

ฮวากั๋วกงฮูหยินเลิกคิ้วและหันกลับมา “โอ้?”

นางพูดแล้วยิ้มและกล่าวกับฮูหยินเหล่านั้นว่า “พี่ๆ ทั้งหลายเป็นคนกันเองทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องเกรงใจ อยากดูงิ้วเรื่องไหนก็เลือกได้เลย”

พระชายาฉุนเสียงอ๋องโบกมือ “นางร้ายตัวน้อยนั่นรับมือไม่ง่ายเลย เจ้าไปเถอะ พวกเราจะไม่โทษเจ้าหรอก”

กั๋วกงฮูหยินจูงหยุนชางเดินออกจากศาลาไปตามระเบียงทางเดินไปยังสวนดอกไม้ “แม้ว่าฮูหยินเหล่านั้นจะอายุมากแล้ว แต่ทุกคนก็ล้วนเป็นยอดคนทั้งสิ้น ตระกูลใหญ่เหล่านี้ในเมืองจิ่นยังคงอยู่ในมือของพวกนาง เจ้าคลุกคลีกับพวกนางบ่อยๆ ย่อมต้องได้รับผลดีแน่ พวกนางคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในจวน ใบหน้าของลูกหลานเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่กลับไม่มีความจริงใจ หากเจ้าใส่ใจพวกนางเสียหน่อย พวกเขาก็จะรักเจ้าราวกับลูกหลาน บางครั้งปากของหญิงในจวนก็ไว้ใจไม่ได้เป็นที่สุด”

หยุนชางใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วจึงเข้าใจความหมายของกั๋วกงฮูหยิน นางพยักหน้าเบาๆ “ชางเอ๋อร์เข้าใจแล้ว”  “อายุมากแล้ว จิตใจก็ระวังมากขึ้น สิ่งที่พวกนางพูดอาจจะไม่ได้เป็นความจริงไปเสียทั้งหมด เจ้าต้องคอยพิจารณาอย่างละเอียด เหล่าคนหนุ่มสาวนั้น บางคนอายุเท่ากับเจ้า บางคนแก่กว่าเจ้าเล็กน้อย แต่พวกเขาไม่มีอำนาจตัดสินใจใดๆ อย่างมากก็แค่ทำตัวน่าเกรงขามได้เพียงในเรือนของตนเองเท่านั้นและเอาแต่หมกมุ่นคิดว่าสามีของตนเองจะรับอนุคนงามเข้ามาหรือไม่ อนุบ้านใครท้องบ้าง ร้านไหนมีเครื่องประทินโฉมอะไรใหม่ๆ หากเจ้าต้องการเข้าหาก็ไม่ยากนัก จิตใจของพวกนางไม่ได้คดเคี้ยวมากนัก สิ่งที่พูดออกมาก็มักจะเป็นความจริง เพียงแต่ไม่มีคุณค่าอะไรเลย”

หยุนชางรับคำเบาๆ ในชาติก่อนนางก็เคยคบหากับเหล่าสตรีพวกนั้นอยู่บ้าง เพียงแต่ตอนนั้นนางหยิ่งทระนงในศักดิ์อันสูงส่ง จึงได้ปฏิบัติต่อพวกนางอย่างเฉยเมย เพราะท่าทางหยิ่งผยองจนเกินไปของนาง ต่อมาจึงได้กลายเป็นเรื่องขบขันของคนเหล่านั้นไป แต่ละคนต่างก็มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นยิ่งนัก ส่วนในชาตินี้นั้น เนื่องจากจิ้งอ๋องทำสงครามมานานหลายปี คนคุ้นเคยในเมืองหลวงจึงมีไม่มากนัก จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้สนทนากับฮูหยินเหล่านั้น แม้ว่ากั๋วกงจะเอ่ยเพียงประโยคสั้นๆ ไม่กี่ประโยค แต่ก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับนางในชีวิตนี้

“ขอให้ฮูหยินอายุยืนเจ้าค่ะ” มีสาวใช้เดินผ่านและย่อกายทำความเคารพกั๋วกงฮูหยิน กั๋วกงฮูหยินจึงยิ้มรับ

ยามเดินผ่านทางเดินที่ทอดยาวก็เห็นว่าในสวนเต็มไปด้วยผู้คน ทั้งบุตรสะใภ้และหลานสะใภ้ของจวนกั๋วกงก็อยู่ด้วย เด็กๆ ต่างเล่นอยู่อีกด้าน มีชีวิตชีวากว่าศาลาหลังจวนมากนัก

หยุนชางเห็นองค์หญิงไท่อันในทันที วันนี้นางสวมชุดสีเขียวและมีเพียงปิ่นหยกประดับผม ดูแล้วช่างดูบริสุทธิ์กว่าเดิมมาก หยุนชางนึกได้ว่าเมื่อครู่พระชายาฉุนเสียงอ๋องกล่าวถึงองค์หญิงไท่อันว่าเป็นนางร้ายตัวน้อย แต่ท่าทางตอนนี้ของนางดูจะไม่เหมาะกับคำเรียกนั้นเล็กน้อย

“พี่สะใภ้ๆ” ในขณะที่หยุนชางกำลังคิดก็เห็นเด็กน้อยห้าหกคนเดินเข้ามาหานาง ทั้งหมดล้วนเป็นองค์หญิงองค์ชายในราชวงศ์องค์หญิงเชียนหลิงดูไม่ค่อยพอใจนัก นางเดินมาที่ข้างกายของหยุนชางอย่างอึดอัดแล้วจับมือของหยุนชางพลางยืนนิ่ง

ที่นั่นล้วนแต่เป็นหญิงสาวและคุณหนูที่ยังอายุไม่มากนัก หลายคนไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังจึงไม่รู้จักหยุนชางเลย พวกเขาต่างกระซิบกระซาบกันพลางมองดูหยุนชาง

หยุนชางกลับไม่ใส่ใจนักและปล่อยให้พวกเขาจ้องมองนางและเพียงจูงมือเด็กน้อยสองสามคนไปนั่งอยู่ด้านข้างเท่านั้น นางเรียกสาวใช้ให้นำผลไม้เชื่อมมาแล้วจึงหันไปพูดกับองค์หญิงไท่อัน “เป็นอะไรไป? มีใครทำให้องค์หญิงเชียนหลิงหรอกเราไม่พอใจหรือ?”

เชียนหลิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวสือจิ่ว*ป่วย” (*โอรสลำดับที่สิบเก้าของเซี่ยหวนอวี่)

หยุนชางอึ้งไปก่อนจะหันไปมองเด็กน้อยด้านข้าง ไม่มีองค์ชายสิบเก้าอยู่จริงๆ นางจึงถามเสียงเบาว่า “เจ้ารู้ไหมว่าป่วยเป็นอะไร?”

เชียนหลิงส่ายหัว “ข้าไม่รู้ แต่ร่างกายของเสี่ยวสือจิ่วร้อนไปทั้งตัว เขาตัวร้อนมาก เสด็จแม่ไม่ยอมให้ข้าไปเยี่ยมเพราะกลัวว่าจะป่วยไปด้วย แต่ข้าแอบฟังนางกำนัลกับเสด็จแม่คุยกันได้ยินมาว่าเมื่อคืนที่ตำหนักของเสี่ยวสือจิ่วเรียกหมอหลวงมาตั้งหลายครั้ง เกรงว่าจะอาการไม่ค่อยดีนัก”

หยุนชางคิดถึงเด็กชายตัวน้อยที่ถูกองค์หญิงเชียนหลิงจูงมือมาขอขนมจากนางก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย นางถอนหายใจออกมาครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เดี๋ยวข้าจะไปส่งเจ้ากลับวังแล้วก็ถือโอกาสไปดูว่าเสี่ยวสือจิ่วเป็นอย่างไรบ้าง แล้วค่อยมาบอกเจ้าดีไหม?”

เมื่อเชียนหลิงได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตาก็เปล่งประกายแวววาวและยิ้มตอบ “พี่สะใภ้ดีที่สุดเลย”

หยุนชางยิ้มและหยิบผลไม้เชื่อมให้นางแล้วกระซิบว่า “เสด็จอาไท่อันพาพวกเจ้ามาหรือ?”

เชียนหลิงพยักหน้าและพูดว่า “เสด็จอาไท่อันแปลกไปเล็กน้อย ช่วงนี้นางมักจะมาเล่นกับพวกเราแล้วยังนำของมากมายมาให้เราด้วย พวกเขาเกือบจะโดนนางซื้อใจไปสำเร็จแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่ชอบนางอยู่ดี”

หยุนชางแอบชำเลืองมององค์หญิงไท่อันอย่างลับๆ แต่ก็เห็นว่านางดูเหมือนจะเหม่ออยู่ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หยุนชางก็หันไปพูดกับองค์เชียนหลิงแล้วเอ่ยว่า “เสด็จแม่ของเจ้าว่าอย่างไร?”

แม้เชียนหลิงจะมีอายุเพียงสิบสองปี แต่กลับเป็นผู้ใหญ่แล้ว นางโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูของหยุนชางอย่างระมัดระวังว่า “เสด็จแม่บอกว่าอาหารที่นางให้ ให้แอบเอาเก็บไว้ ห้ามกินเด็ดขาด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 458 งานเลี้ยงในจวนกั๋วกง (๒)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 458 งานเลี้ยงในจวนกั๋วกง (๒) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันทีที่หยุนชางเข้าไปในจวนก็ถูกเรียกไปยังศาลาในสวนหลังจวน ที่ศาลานั้นฮวากั๋วกงฮูหยินและสตรีอีกสองสามคนที่ดูมีอายุแล้วกำลังดูงิ้วกันอยู่ บนเวทีมีเสียงร้องรำไม่ขาดปาก หยุนชางชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังเดินเข้าไปหาฮวากั๋วกงฮูหยิน

เมื่อกั๋วกงฮูหยินเห็นนางก็ดีใจเป็นอย่างมาก “เจ้ามาแล้วหรือ? มา นั่งลง มาดูงิ้วเป็นเพื่อนข้าหน่อย”

หยุนชางนั่งลงอย่างเชื่อฟัง โชคดีที่ละครนั้นไม่ยาวนัก ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็จบลง ฮวากั๋วกงฮูหยินจึงหันกลับมายิ้ม “เจ้าเพิ่งมาถึงแคว้นเซี่ย เหล่าฮูหยินจากตระกูลใหญ่ในเมืองจิ่นเจ้าก็ควรจะพบเสียหน่อย”

หยุนชางไม่รู้ว่าเหตุใดกั๋วกงฮูหยินจึงกล่าวเช่นนี้ แต่นางก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วหันไปมองหญิงชราเหล่านั้น กั๋วกงฮูหยินยิ้มน้อยๆ และเริ่มจากสตรีในชุดสีม่วงที่นั่งตรงหัวโต๊ะ “นี่คือพระชายาฉุนเสียงอ๋อง”

ฉุนเสียงอ๋องนั้นหยุนชางเคยเห็นจากในบันทึกมากก่อน เขาเป็นพี่ชายของอดีตจักรพรรดิ

“ต่อมาคือฮูหยินของท่านซือถู หลิ่วฮูหยิน ฮูหยินของไท่เว่ย หวังฮูหยิน และยังมีองค์หญิงหยุนหัว ฮูหยินของแม่ทัพฉางเวย เฉียนฮูหยิน ฮูหยินของแม่ทัพเจิ้นเป่ย โหลวฮูหยิน”

หยุนชางยืนขึ้นและย่อกายคำนับทีละคน สีหน้าเต็มไปด้วยแววเคารพสุภาพอ่อนโยน

“พวกท่านคงเคยเห็นนางที่งานเลี้ยงในวังตอนนั้น นางคือพระชายารุ่ยอ๋อง” กั๋วกงฮูหยินยิ้มและชี้ไปที่หยุนชาง

“เป็นเด็กที่ถ่อมตัวและสุภาพดีนี่” พระชายาฉุนเสียงเอ่ยชมเชยเบาๆ และทุกคนก็เห็นพ้องอย่างรวดเร็ว

องค์หญิงหยุนหัวยิ้มและกล่าวว่า “วันนั้นพบกันที่งานเลี้ยงแล้ว อยู่กับรุ่ยอ๋องช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก รูปโฉมเช่นนี้ในแคว้นเซี่ยคงมีน้อยคนที่จะมาเทียบเคียงได้ กิริยาก็งามนัก รุ่ยอ๋องช่างโชคดีเสียจริง”

หลังจากที่ทุกคนต่างผลัดกันสรรเสริญเยินยอนางแล้วก็มีสาวใช้ก็เข้ามาบอกฮวากั๋วกงว่า “ฮูหยิน องค์หญิงไท่อันพาเหล่าองค์หญิงน้อยและองค์ชายน้อยมาเจ้าค่ะ บอกว่ามาอวยพรวันเกิดฮูหยินเจ้าค่ะ”

ฮวากั๋วกงฮูหยินเลิกคิ้วและหันกลับมา “โอ้?”

นางพูดแล้วยิ้มและกล่าวกับฮูหยินเหล่านั้นว่า “พี่ๆ ทั้งหลายเป็นคนกันเองทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องเกรงใจ อยากดูงิ้วเรื่องไหนก็เลือกได้เลย”

พระชายาฉุนเสียงอ๋องโบกมือ “นางร้ายตัวน้อยนั่นรับมือไม่ง่ายเลย เจ้าไปเถอะ พวกเราจะไม่โทษเจ้าหรอก”

กั๋วกงฮูหยินจูงหยุนชางเดินออกจากศาลาไปตามระเบียงทางเดินไปยังสวนดอกไม้ “แม้ว่าฮูหยินเหล่านั้นจะอายุมากแล้ว แต่ทุกคนก็ล้วนเป็นยอดคนทั้งสิ้น ตระกูลใหญ่เหล่านี้ในเมืองจิ่นยังคงอยู่ในมือของพวกนาง เจ้าคลุกคลีกับพวกนางบ่อยๆ ย่อมต้องได้รับผลดีแน่ พวกนางคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในจวน ใบหน้าของลูกหลานเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่กลับไม่มีความจริงใจ หากเจ้าใส่ใจพวกนางเสียหน่อย พวกเขาก็จะรักเจ้าราวกับลูกหลาน บางครั้งปากของหญิงในจวนก็ไว้ใจไม่ได้เป็นที่สุด”

หยุนชางใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วจึงเข้าใจความหมายของกั๋วกงฮูหยิน นางพยักหน้าเบาๆ “ชางเอ๋อร์เข้าใจแล้ว”  “อายุมากแล้ว จิตใจก็ระวังมากขึ้น สิ่งที่พวกนางพูดอาจจะไม่ได้เป็นความจริงไปเสียทั้งหมด เจ้าต้องคอยพิจารณาอย่างละเอียด เหล่าคนหนุ่มสาวนั้น บางคนอายุเท่ากับเจ้า บางคนแก่กว่าเจ้าเล็กน้อย แต่พวกเขาไม่มีอำนาจตัดสินใจใดๆ อย่างมากก็แค่ทำตัวน่าเกรงขามได้เพียงในเรือนของตนเองเท่านั้นและเอาแต่หมกมุ่นคิดว่าสามีของตนเองจะรับอนุคนงามเข้ามาหรือไม่ อนุบ้านใครท้องบ้าง ร้านไหนมีเครื่องประทินโฉมอะไรใหม่ๆ หากเจ้าต้องการเข้าหาก็ไม่ยากนัก จิตใจของพวกนางไม่ได้คดเคี้ยวมากนัก สิ่งที่พูดออกมาก็มักจะเป็นความจริง เพียงแต่ไม่มีคุณค่าอะไรเลย”

หยุนชางรับคำเบาๆ ในชาติก่อนนางก็เคยคบหากับเหล่าสตรีพวกนั้นอยู่บ้าง เพียงแต่ตอนนั้นนางหยิ่งทระนงในศักดิ์อันสูงส่ง จึงได้ปฏิบัติต่อพวกนางอย่างเฉยเมย เพราะท่าทางหยิ่งผยองจนเกินไปของนาง ต่อมาจึงได้กลายเป็นเรื่องขบขันของคนเหล่านั้นไป แต่ละคนต่างก็มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นยิ่งนัก ส่วนในชาตินี้นั้น เนื่องจากจิ้งอ๋องทำสงครามมานานหลายปี คนคุ้นเคยในเมืองหลวงจึงมีไม่มากนัก จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้สนทนากับฮูหยินเหล่านั้น แม้ว่ากั๋วกงจะเอ่ยเพียงประโยคสั้นๆ ไม่กี่ประโยค แต่ก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับนางในชีวิตนี้

“ขอให้ฮูหยินอายุยืนเจ้าค่ะ” มีสาวใช้เดินผ่านและย่อกายทำความเคารพกั๋วกงฮูหยิน กั๋วกงฮูหยินจึงยิ้มรับ

ยามเดินผ่านทางเดินที่ทอดยาวก็เห็นว่าในสวนเต็มไปด้วยผู้คน ทั้งบุตรสะใภ้และหลานสะใภ้ของจวนกั๋วกงก็อยู่ด้วย เด็กๆ ต่างเล่นอยู่อีกด้าน มีชีวิตชีวากว่าศาลาหลังจวนมากนัก

หยุนชางเห็นองค์หญิงไท่อันในทันที วันนี้นางสวมชุดสีเขียวและมีเพียงปิ่นหยกประดับผม ดูแล้วช่างดูบริสุทธิ์กว่าเดิมมาก หยุนชางนึกได้ว่าเมื่อครู่พระชายาฉุนเสียงอ๋องกล่าวถึงองค์หญิงไท่อันว่าเป็นนางร้ายตัวน้อย แต่ท่าทางตอนนี้ของนางดูจะไม่เหมาะกับคำเรียกนั้นเล็กน้อย

“พี่สะใภ้ๆ” ในขณะที่หยุนชางกำลังคิดก็เห็นเด็กน้อยห้าหกคนเดินเข้ามาหานาง ทั้งหมดล้วนเป็นองค์หญิงองค์ชายในราชวงศ์องค์หญิงเชียนหลิงดูไม่ค่อยพอใจนัก นางเดินมาที่ข้างกายของหยุนชางอย่างอึดอัดแล้วจับมือของหยุนชางพลางยืนนิ่ง

ที่นั่นล้วนแต่เป็นหญิงสาวและคุณหนูที่ยังอายุไม่มากนัก หลายคนไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังจึงไม่รู้จักหยุนชางเลย พวกเขาต่างกระซิบกระซาบกันพลางมองดูหยุนชาง

หยุนชางกลับไม่ใส่ใจนักและปล่อยให้พวกเขาจ้องมองนางและเพียงจูงมือเด็กน้อยสองสามคนไปนั่งอยู่ด้านข้างเท่านั้น นางเรียกสาวใช้ให้นำผลไม้เชื่อมมาแล้วจึงหันไปพูดกับองค์หญิงไท่อัน “เป็นอะไรไป? มีใครทำให้องค์หญิงเชียนหลิงหรอกเราไม่พอใจหรือ?”

เชียนหลิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวสือจิ่ว*ป่วย” (*โอรสลำดับที่สิบเก้าของเซี่ยหวนอวี่)

หยุนชางอึ้งไปก่อนจะหันไปมองเด็กน้อยด้านข้าง ไม่มีองค์ชายสิบเก้าอยู่จริงๆ นางจึงถามเสียงเบาว่า “เจ้ารู้ไหมว่าป่วยเป็นอะไร?”

เชียนหลิงส่ายหัว “ข้าไม่รู้ แต่ร่างกายของเสี่ยวสือจิ่วร้อนไปทั้งตัว เขาตัวร้อนมาก เสด็จแม่ไม่ยอมให้ข้าไปเยี่ยมเพราะกลัวว่าจะป่วยไปด้วย แต่ข้าแอบฟังนางกำนัลกับเสด็จแม่คุยกันได้ยินมาว่าเมื่อคืนที่ตำหนักของเสี่ยวสือจิ่วเรียกหมอหลวงมาตั้งหลายครั้ง เกรงว่าจะอาการไม่ค่อยดีนัก”

หยุนชางคิดถึงเด็กชายตัวน้อยที่ถูกองค์หญิงเชียนหลิงจูงมือมาขอขนมจากนางก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย นางถอนหายใจออกมาครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เดี๋ยวข้าจะไปส่งเจ้ากลับวังแล้วก็ถือโอกาสไปดูว่าเสี่ยวสือจิ่วเป็นอย่างไรบ้าง แล้วค่อยมาบอกเจ้าดีไหม?”

เมื่อเชียนหลิงได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตาก็เปล่งประกายแวววาวและยิ้มตอบ “พี่สะใภ้ดีที่สุดเลย”

หยุนชางยิ้มและหยิบผลไม้เชื่อมให้นางแล้วกระซิบว่า “เสด็จอาไท่อันพาพวกเจ้ามาหรือ?”

เชียนหลิงพยักหน้าและพูดว่า “เสด็จอาไท่อันแปลกไปเล็กน้อย ช่วงนี้นางมักจะมาเล่นกับพวกเราแล้วยังนำของมากมายมาให้เราด้วย พวกเขาเกือบจะโดนนางซื้อใจไปสำเร็จแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่ชอบนางอยู่ดี”

หยุนชางแอบชำเลืองมององค์หญิงไท่อันอย่างลับๆ แต่ก็เห็นว่านางดูเหมือนจะเหม่ออยู่ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หยุนชางก็หันไปพูดกับองค์เชียนหลิงแล้วเอ่ยว่า “เสด็จแม่ของเจ้าว่าอย่างไร?”

แม้เชียนหลิงจะมีอายุเพียงสิบสองปี แต่กลับเป็นผู้ใหญ่แล้ว นางโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูของหยุนชางอย่างระมัดระวังว่า “เสด็จแม่บอกว่าอาหารที่นางให้ ให้แอบเอาเก็บไว้ ห้ามกินเด็ดขาด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+