ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 221 สุดยอดความลับสะท้านปฐพี

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 221 สุดยอดความลับสะท้านปฐพี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จากเมืองหลวงไปยังถึงเขากิเลนหากเดินทางโดยรถม้าต้องใช้เวลาเดินทางร่วมครึ่งเดือน แต่หยุนชางมิอาจรอนานเช่นนั้นได้ เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือน ก็จะถึงวันอภิเษกของนางกับจิ้งอ๋องแล้ว หากถึงเวลานั้นแล้ว นางและจิ้งอ๋องมิอาจปรากฏตัวในงาน ก็จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

หยุนชางตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไม่นั่งรถม้า นางควบม้าเหงื่อโลหิตที่จิ้งอ๋องหามาให้ มุ่งหน้าไปเขากิเลนทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก ใช้เวลาเพียง 5 วันก็ไปถึงหมู่บ้านเล็กๆที่ตีนเขากิเลนแล้ว

หมู่บ้านเล็กๆนี้เป็นเพียงหมู่บ้านที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงไม่กี่ร้อยคน มีชื่อว่าหมู่บ้านเถาซี ชาวบ้านในหมู่บ้านค่อนข้างตรงไปตรงมา เมื่อเห็นหยุนชางและจิ้งอ๋อง สายตาก็มีท่าทีหวาดระแวง

"หมู่บ้านเรามีคนแปลกหน้าเข้ามาอีกแล้ว นี่เป็นรายที่ 12 ของเดือนนี้แล้วนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะนี่?" หยุนชางได้ยินชาวบ้านเพ่งเล็งมาที่ตนและจิ้งอ๋อง พร้อมซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา หยุนชางและจิ้งอ๋องที่ล้วนเป็นจอมยุทธ ก็ตั้งใจฟังสิ่งที่ชาวบ้านกำลังพูดกัน

แต่หยุนชางก็อดสงสัยไม่ได้ หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ เมื่อมีคนต่างถิ่นเข้ามาก็กลายเป็นเรื่องแปลกประหลาดของคนที่นี่ แล้วกองกำลังทหาร 1 แสนนาย จะมาตั้งถื่นฐานที่เขากิเลนเป็นเวลานานได้อย่างไร จะไม่ทำให้ชาวบ้านแตกตื่นหรอกหรือนี่? อีกอย่าง ดูจากสถานการณ์แล้ว เกรงว่าจะมีคนล่วงรู้ว่าพวกทหารมากันแล้วก่อนที่พวกทหารจะมาถึงเขากิเลนเสียอีก หนึ่งในนั้นก็คือเซี่ยโหจิ้งและพรรคพวก

หยุนชางเงยหน้าสบตาจิ้งอ๋อง สายตาของทั้งคู่ดูมีความเคร่งขรึมเช่นเดียวกัน หยุนชางนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงวัยกลางคน "ท่านป้าคะ ข้าและสามีเดินทางมาจากเมืองซีอีเพื่อมาพบญาติ พี่ชายของข้าบอกว่าเขาอาศัยอยู่บริเวณเขากิเลน แต่บริเวณเขากิเลน ข้าก็พบเพียงแค่หมู่บ้านแห่งนี้เท่านั้น ข้าจึงคิดว่าพี่ชายของข้าคงไม่ได้อยู่ที่นี่ ขอถามท่านป้าหน่อยว่า บริเวณเขากิเลนนี้ยังมีเมืองอื่นที่ใหญ่กว่าเมืองนี้อีกไหมคะ?"

หญิงวัยกลางคนนางนั้นเห็นว่าหยุนชางและจิ้งอ๋องรูปร่างหน้าตาผิวพรรณดีเกินกว่าชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ในใจก็มองด้วยความเคารพยกย่อง แต่เมื่อพิจารณาว่าสองคนนี้ขี่ม้ามาก็รู้สึกแปลกๆ ผู้ใดกันที่ขี่ม้ามาพบญาติ? อีกอย่างก็เป็นผัวเมียที่ดูอายุน้อยเหลือเกิน แต่เมื่อได้ยินหยุนชางพูดว่ามาจากเมืองซีอี ก็เข้าใจสองคนนี้มากขึ้น เมืองซีอีเป็นเมืองที่อยู่ชายแดน ได้ยินว่าผู้คนที่นั่นห้าวหาญเก่งกล้า ทุกคนสามารถขี่ม้าและยิงธนูได้

"ที่ตีนเขากิเลนนี่ไม่มีเมืองอื่นอีกแล้วแม่หนู……" หญิงวัยกลางคนตอบ

หยุนชางขมวดคิ้วและกล่าวขอบคุณ นางหันมามองจิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องแน่นิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า "ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเราก็ออกไปจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยส่งคนออกไปเลาะถามก็แล้วกัน"

หยุนชางพยักหน้า ดันตัวควบม้า ออกไปจากหมู่บ้านพร้อมกับจิ้งอ๋อง

"หากเป็นดังเช่นเสด็จตาเคยว่าไว้ คน 1 แสน หากไม่มีพื้นที่กว้างใหญ่ จะเลี้ยงดูไพร่พลได้อย่างไร?" หยุนชางขมวดคิ้ว นางคิดว่าในคำกล่าวนี้มีหลายจุดที่น่าสงสัย

หยุนชางทำสัญลักษณ์ลับขึ้นมาโดยปราศจากเสียง อึดใจเดียว เมื่อหยุนชางและจิ้งอ๋องเดินมาถึงมุมที่ลับตาผู้คนแล้ว ก็ปรากฏร่างชายชุดดำคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า "องค์หญิง"

หยุนชางพยักหน้า "หมู่บ้านเถาซีแห่งนี้ไม่ค่อยจะยอมรับคนต่างถิ่น หลายวันมานี้ท่านไปพักที่ไหนหรือ? มีคนพบเจอท่านหรือไม่? ท่านบอกว่าตอนนี้เซี่ยโหจิ้งใกล้จะมาถึงแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?"

"ช่วงนี้หม่อมฉันพักอาศัยอยู่ในป่าทึบหลังหมู่บ้านเถาซีพ่ะย่ะค่ะ หมู่บ้านเถาซีแห่งนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก เมื่อมีคนต่างถิ่นแวะเวียนมาจึงกลายเป็นจุดสนใจ หม่อมฉันมิได้เข้าไปในเขตหมู่บ้าน หามีผู้ใดพบเห็นหม่อมฉันไม่พ่ะย่ะค่ะ ส่วนท่านอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเถาซี ตอนที่เขามาถึง เขาป่วยหนักอยู่ที่ริมแม่น้ำ มีหญิงใบ้และหูหนวกนางหนึ่งช่วยเขาเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ"

"ฮะ? เป็นใบ้และหูหนวกงั้นหรือ?" หยุนชางขมวดคิ้ว มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยหรือนี่? แต่ว่าเซี่ยโหจิ้งจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไรกันล่ะ? "ช่วงนี้ เซี่ยโหจิ้งกำลังทำสิ่งใดอยู่?"

ชายชุดดำรีบรายงาน "ตอนกลางวัน หญิงใบ้และหูหนวกนางนั้นจะอยู่บ้าน เขาก็แสร้งทำเป็นป่วย ตกดึกก็อาศัยช่วงที่หญิงใบ้และหูหนวกกำลังหลับ แอบไปพบผู้นำหมู่บ้านเถาซี บางครั้งก็ไปที่เขากิเลน แต่ที่เขากิเลนนั้นมีสภาพอากาศร้อนชื้นอันตรายมาก หม่อมฉันไม่กล้าเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางพยักหน้า "แล้วยังรู้อะไรมาอีกหรือไม่?"

"หม่อมฉันค้นพบว่า ที่เขากิเลนมีแร่เหล็กพ่ะย่ะค่ะ……" ชายชุดดำนิ่งเงียบไปสักพักแล้วจึงพูดต่อ "อีกเรื่องหนึ่ง หม่อมฉันรู้มาว่า เมื่อ 10 ปีก่อน ที่นี่ยังไม่ได้เป็นหมู่บ้านเถาซี มีคนกลุ่มหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่นี่เมื่อ 8 ปีก่อน ผู้ดูแลท้องถิ่นได้ลงบันทึกว่าผู้อพยพทุกคนอพยพมาเพราะต้องการหนีจากความทุกข์ยาก เมื่อ 8 ปีที่แล้วเมืองหยุนหลางได้เกิดน้ำหลาก ทำลายที่อยู่อาศัย หลายครัวเรือนจึงต้องอพยพ โดยมีหมู่บ้านเถาซีเป็นจุดหมายของพวกเขา จึงกลายมาเป็นหมู่บ้านที่มีผู้คนปักหลักพักอาศัยดังเช่นทุกวันนี้พ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางขมวดคิ้ว เรื่องราวดูจะซับซ้อนมากขึ้นไปทุกที

แต่เมื่อจิ้งอ๋องได้ยินเรื่องแร่เหล็ก นัยน์ตาก็ครุ่นคิดไปมา สายตาของเขาจดจ้องไปที่เขากิเลนที่สูงตระหง่าน

หยุนชางสั่งให้ชายชุดดำหลบไปก่อน จิ้งอ๋องจึงหันมาพูดกับนาง "ข้านึกว่าผู้ติดตามของเจ้าจะมีแต่พวกผู้หญิงเสียอีก"

หยุนชางยิ้ม "หม่อมฉันชอบเรียกใช้ผู้หญิงเพราะว่าหม่อมฉันเป็นผู้หญิง แล้วอีกอย่าง บางครั้งผู้หญิงสามารถลดความหวาดระแวงของผู้อื่นได้ แต่ก็มีบางเรื่องที่ให้ผู้ชายไปจัดการจะดีกว่าเพคะ จะให้ผู้หญิงที่อรชรบอบบางไปตกระกําลําบาก หม่อมฉันเองคงยอมให้เป็นเช่นนั้นมิได้เพคะ"

จิ้งอ๋องมองไปยังเส้นผมของหยุนชาง เพราะความเร่งรีบที่จะต้องออกเดินทาง เขามัดผมให้นางแล้วปักปิ่นอย่างเรียบง่าย แม้จะเรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกสบายตาเป็นอย่างมาก

ณ ตีนเขากิเลน นอกจากหมู่บ้านเถาซีแล้วก็ไม่มีหมู่บ้านอื่นอีก หยุนชางและจิ้งอ๋องมองหาพื้นที่ราบเรียบเพื่อนั่งพัก

"ก่อนที่จะออกเดินทาง หม่อมฉันได้ศึกษาแผนที่มาบ้างแล้ว ตีนเขากิเลนมีเพียงหมู่บ้านเถาฮวา เมืองที่ใกล้ที่สุดคือเมืองหย่าหมิง อยู่ห่างจากที่นี่ไปประมาณ 10 กว่าลี้ แต่ว่า เขากิเลน……" หยุนชางนิ่งเงียบไปชั่วครู่ "ภูเขาลูกนี้ค่อนข้างสูง บนภูเขามีป่าทึบ ในป่าทึบสภาพอากาศร้อนชื้น ยอดเขามีหิมะปกคลุม เขากิเลนแห่งนี้ทอดยาวไปเป็นสิบๆลี้ เพราะคนที่เคยขึ้นไปบนภูเขาแห่งนี้มีน้อยมาก ภาพที่ปรากฏในแผนที่จึงมิได้ละเอียดเท่าใดนัก หม่อมฉันจึงรู้แค่เพียงสภาพทั่วไปเท่านั้นเพคะ"

จิ้งอ๋องพยักหน้าเล็กน้อย เรื่องพวกนี้เขารู้ดีอยู่แล้ว

"หากเป็นดังเช่นเสด็จตาเคยกล่าวไว้ ทหารเหล่านั้นถ้าจะให้มาพักอาศัยที่เขากิเลนแห่งนี้ จำนวน 1 แสนนาย การกินการอยู่จะต้องใช้ทรัพยากรไม่น้อยเลย แต่ว่า ที่นี่มีเพียงหมู่บ้านเถาซี ตอนที่ขี่ม้าผ่านมาก็ได้สังเกตแล้วว่า พื้นที่บริเวณนี้สามารถเอื้ออำนวยทรัพยากรให้เพียงพอต่อพวกชาวบ้านในหมู่บ้านเท่านั้น……ดูจากจุดนี้แล้ว ที่นี่คงไม่ใช่ที่ที่เหมาะต่อการจัดเตรียมไพร่พล แล้วเพราะเหตุใด……" หยุนชางพึมพำอยู่คนเดียว

จิ้งอ๋องหรี่ตาก่อนจะตอบว่า "เพราะว่าแร่เหล็ก" จิ้งอ๋องมองไปที่เขากิเลน "แคว้นเซี่ยอุดมสมบูรณ์ พวกเขาต้องการรับทหารเพิ่ม ซื้อม้าเพิ่ม ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่แคว้นเซี่ยขาดแคลนมากที่สุดก็คือแร่เหล็ก แร่เหล็กในแคว้นเซี่ยล้วนต้องซื้อเข้ามาทั้งสิ้น แล้วอีกอย่าง เนื่องจากกลัวว่าหากแคว้นเซี่ยมีแร่เหล็กแล้วจะเดินหน้าเร่งผลิตอาวุธสงคราม ดังนั้นแคว้นอื่นๆจึงขายแร่เหล็กให้แคว้นเซี่ยเพียงเล็กน้อย เมื่อครู่นี้สายลับของเจ้าบอกว่า ในเขากิเลนมีแร่เหล็กนี่"

จิ้งอ๋องหยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้อ "เขากิเลนมีลักษณะสูงชัน ในป่าทึบมีสภาพอากาศร้อนชื้นอันตราย เนื่องจากคนแคว้นหนิงไม่ค่อยเข้าใจสภาพภายในของเขากิเลน นี่จึงเป็นยุทธศาสตร์ชั้นดีที่แคว้นเซี่ยใช้ในการปกปิดร่องรอยของเหล่าไพร่พล แต่ในส่วนข้อสงสัยที่ว่าพวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างไรนั้น นับว่าเป็นประเด็นที่ชวนค้นหาติดตามเป็นอย่างมาก"

หยุนชางพยักหน้า "คนในหมู่บ้านเถาซีเองก็ควรจะตรวจสอบดูดีๆด้วยนะเพคะ จู่ๆก็ปรากฏชื่อหมู่บ้านใหม่ขึ้นมา แม้จะดูไม่มีความซับซ้อน แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าภายในอาจจะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ แล้วอีกอย่าง เมื่อเซี่ยโหจิ้งเดินทางมาถึงที่นี่จู่ๆก็ล้มป่วยกระทันหันจนมีหญิงใบ้และหูหนวกมาช่วยไว้ เรื่องนี้ก็ดูแปลกนะเพคะ ไหนจะออกไปพบผู้นำหมู่บ้านในยามวิกาล ตัวผู้นำหมู่บ้านนี่ก็น่าสงสัยนะเพคะ หม่อมฉันรู้สึกว่าบริเวณรอบๆเขากิเลนแห่งนี้มีสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่ เกรงว่า แคว้นหนิงจะต้องเผชิญกับเรื่องใหญ่แล้วเพคะ"

หยุนชางขมวดคิ้ว ชาติที่แล้วเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นนี่นา นี่มันอะไรกันนี่? หรือว่า จะมีบางสิ่งบางอย่างทำให้ทุกเรื่องราวเกิดการเปลี่ยนแปลง?

"พวกเราคงจะเข้าไปในหมู่บ้านเถาซีไม่ได้แล้วล่ะเพคะ แต่ว่าแถวนี้ก็ไม่มีที่อื่นอีกแล้ว ตอนนี้เราจะไปที่ไหนกันดีล่ะเพคะ? หยุนชางเอ่ยถาม

"ขึ้นไปบนเขากิเลน"

หยุนชางขมวดคิ้ว นางลังเลอยู่นาน การไปครานี้ จะเกิดเหตุการณ์เช่นไรขึ้นก็ยากที่จะคาดเดา นางนั้นยังมีผู้ที่นางอยากกลับไปดูแลปกป้อง และยังมีผู้ที่นางยังมิได้ลงมือแก้แค้น

แต่ทว่า นางกลับคิดบางอย่างขึ้นมาได้ กองกำลังทหารบนเขากิเลนแห่งนี้ กำลังจะเป็นภัยคุกคามให้กับแคว้นหนิง และยังเป็นตัวแปรที่อาจทำให้เกิดเรื่องราวไม่คาดคิด หากว่าแคว้นหนิงต้องมาตกอยู่ในอันตราย นางยังจะพูดคำว่าดูแลปกป้องอะไรได้อีก?

ดูเหมือนว่าจิ้งอ๋องจะสังเกตได้ถึงความลังเลของหยุนชาง เขาวางสีหน้าเคร่งขรึมและเอ่ยขึ้นว่า "เจ้ารู้หรือไม่ ช่วงนี้ข้าค้นพบสิ่งใดมา?"

"เพคะ?" หยุนชางหันไปมองจิ้งอ๋อง นางเห็นจิ้งอ๋องมีสีหน้าเคร่งขรึม นี่คงจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากเลยสินะ

จิ้งอ๋องมองมาที่หยุนชาง แววตาเต็มไปด้วยความหนักแน่น "ตระกูลหลี่ จริงๆแล้วก็คือคนของแคว้นเซี่ยที่ถูกส่งเข้ามาสอดแนมแคว้นหนิง"

หยุนชางรู้สึกตกใจอย่างเห็นได้ชัด นางจ้องไปยังจิ้งอ๋อง ก็ได้เห็นแววตาที่จริงจัง ดวงใจของหยุนชางสั่นเทา "เป็นไปได้อย่างไร?"

จิ้งอ๋องมองไปที่เขากิเลนที่อยู่ไกลออกไป สายตาแน่นิ่ง "ตอนที่ข้ารับรู้เรื่องนี้ก็แทบไม่อยากจะเชื่อ แต่นี่เป็นรายงานที่ข้าได้รับมาจากคนที่ข้าเชื่อมั่นมากที่สุด มิใช่เรื่องเท็จแน่นอน บรรพบุรุษตระกูลหลี่เป็นคนรุ่นหลังของแคว้นเซี่ย แต่เป็นเพียงลูกของข้ารับใช้ในวัง เห็นว่าเนื่องจากพ่ายแพ้จากการแย่งชิงอำนาจ เพื่อเป็นการรักษาชีวิตเอาไว้ จึงเสนอตัวเดินทางมายังแคว้นหนิงแล้วปิดบังข้อมูลตนเอง โดยให้คำมั่นว่าจะให้ลูกหลานรุ่นหลังจงรักภักดีต่อแคว้นเซี่ย ผลักดันให้ลูกหลานมีบทบาทสำคัญและเป็นผู้ทรงอิทธิพลในแคว้นหนิง หลังจากนั้นจะเข้ายึดครองแคว้นหนิงให้จงได้"

"เจ้าคงรู้ดีว่า แม้แคว้นเซี่ยจะมีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาล และยังมีความอุดมสมบูรณ์ ทว่าประชากรกลับมีน้อย และขาดแคลนอาวุธทางการทหาร พวกเขาอาศัยสภาพพื้นที่เป็นที่กำบังภัย จึงอยู่ได้ยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้ พวกเขามีความทะเยอทะยาน เพียงแต่ไม่มีพละกำลัง คนแคว้นเซี่ยเป็นคนฉลาด จึงคิดแผนการเช่นนี้ขึ้นมา ใช้สติปัญญาเพื่อเอาชนะ ข้าคิดว่า ตอนนี้คนตระกูลหลี่กำลังทรงอำนาจอยู่ในแคว้นหนิง ดังนั้นแคว้นเซี่ยจึงคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะเข้ายึดครองแคว้นหนิงได้โดยง่าย เหล่าทหารในเขากิเลนนี้ คงจะเป็นคนที่แคว้นเซี่ยจัดเตรียมไว้"

หยุนชางนั่งอึ้งอยู่นาน ในใจของนางกำลังตกตะลึง หากเป็นดังเช่นที่จิ้งอ๋องกล่าว ความคิดและความสามารถในการประเมินสถานการณ์ของผู้ที่ผนวกดินแดนแคว้นเซี่ยได้ก็ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

หากคนตระกูลหลี่เป็นสายลับที่แคว้นเซี่ยส่งมาจริงๆล่ะก็ เรื่องนี้ก็ยิ่งแย่ขึ้นไปใหญ่

"เช่นนั้นเสด็จพ่อก็กำลัง……ตกอยู่ภายใต้มหันตภัยร้ายแรงเลยน่ะสิเพคะ?" แววตาของหยุนชางร้อนรน "เซี่ยโหจิ้งกับฮวากั๋วกงล้วนอยู่ในแคว้นหนิง กลุ่มทหารพวกนี้ต้องคอยฟังคำสั่งของพวกเขาสองคนแน่ๆ หรือว่าเราจะรีบจับตัวคนสองคนนี้เอาไว้ก่อนเพคะ? เพื่อที่ว่าทหารพวกนี้จะได้ไม่ลงมือทำสิ่งใดโดยพลการอย่างไรล่ะเพคะ"

จิ้งอ๋องส่ายหน้า "ตอนนี้พวกเรายังไม่มีหลักฐานมาแสดงว่าแคว้นเซี่ยซุ่มเตรียมกองกำลัง 1 แสนนายเอาไว้ที่นี่ แต่ถึงแม้ว่าเราจะมีหลักฐานก็ไม่ควรบุ่มบ่ามลงมือ หากว่าสองคนนั้นถูกจับตัวไป เกรงว่าจะเป็นข้ออ้างให้ฮ่องเต้แคว้นเซี่ยยกกองกำลังมาโจมตีแคว้นหนิงได้"

หยุนชางนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะฝืนพูด "หม่อมฉันขอใช้ความคิดวางแผนเรื่องเมืองหลวงและเสด็จแม่ก่อนนะเพคะ แล้วเดี๋ยวพวกเราค่อยขึ้นไปบนภูเขากัน"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 221 สุดยอดความลับสะท้านปฐพี

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 221 สุดยอดความลับสะท้านปฐพี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จากเมืองหลวงไปยังถึงเขากิเลนหากเดินทางโดยรถม้าต้องใช้เวลาเดินทางร่วมครึ่งเดือน แต่หยุนชางมิอาจรอนานเช่นนั้นได้ เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือน ก็จะถึงวันอภิเษกของนางกับจิ้งอ๋องแล้ว หากถึงเวลานั้นแล้ว นางและจิ้งอ๋องมิอาจปรากฏตัวในงาน ก็จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

หยุนชางตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไม่นั่งรถม้า นางควบม้าเหงื่อโลหิตที่จิ้งอ๋องหามาให้ มุ่งหน้าไปเขากิเลนทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก ใช้เวลาเพียง 5 วันก็ไปถึงหมู่บ้านเล็กๆที่ตีนเขากิเลนแล้ว

หมู่บ้านเล็กๆนี้เป็นเพียงหมู่บ้านที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงไม่กี่ร้อยคน มีชื่อว่าหมู่บ้านเถาซี ชาวบ้านในหมู่บ้านค่อนข้างตรงไปตรงมา เมื่อเห็นหยุนชางและจิ้งอ๋อง สายตาก็มีท่าทีหวาดระแวง

"หมู่บ้านเรามีคนแปลกหน้าเข้ามาอีกแล้ว นี่เป็นรายที่ 12 ของเดือนนี้แล้วนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะนี่?" หยุนชางได้ยินชาวบ้านเพ่งเล็งมาที่ตนและจิ้งอ๋อง พร้อมซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา หยุนชางและจิ้งอ๋องที่ล้วนเป็นจอมยุทธ ก็ตั้งใจฟังสิ่งที่ชาวบ้านกำลังพูดกัน

แต่หยุนชางก็อดสงสัยไม่ได้ หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ เมื่อมีคนต่างถิ่นเข้ามาก็กลายเป็นเรื่องแปลกประหลาดของคนที่นี่ แล้วกองกำลังทหาร 1 แสนนาย จะมาตั้งถื่นฐานที่เขากิเลนเป็นเวลานานได้อย่างไร จะไม่ทำให้ชาวบ้านแตกตื่นหรอกหรือนี่? อีกอย่าง ดูจากสถานการณ์แล้ว เกรงว่าจะมีคนล่วงรู้ว่าพวกทหารมากันแล้วก่อนที่พวกทหารจะมาถึงเขากิเลนเสียอีก หนึ่งในนั้นก็คือเซี่ยโหจิ้งและพรรคพวก

หยุนชางเงยหน้าสบตาจิ้งอ๋อง สายตาของทั้งคู่ดูมีความเคร่งขรึมเช่นเดียวกัน หยุนชางนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงวัยกลางคน "ท่านป้าคะ ข้าและสามีเดินทางมาจากเมืองซีอีเพื่อมาพบญาติ พี่ชายของข้าบอกว่าเขาอาศัยอยู่บริเวณเขากิเลน แต่บริเวณเขากิเลน ข้าก็พบเพียงแค่หมู่บ้านแห่งนี้เท่านั้น ข้าจึงคิดว่าพี่ชายของข้าคงไม่ได้อยู่ที่นี่ ขอถามท่านป้าหน่อยว่า บริเวณเขากิเลนนี้ยังมีเมืองอื่นที่ใหญ่กว่าเมืองนี้อีกไหมคะ?"

หญิงวัยกลางคนนางนั้นเห็นว่าหยุนชางและจิ้งอ๋องรูปร่างหน้าตาผิวพรรณดีเกินกว่าชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ในใจก็มองด้วยความเคารพยกย่อง แต่เมื่อพิจารณาว่าสองคนนี้ขี่ม้ามาก็รู้สึกแปลกๆ ผู้ใดกันที่ขี่ม้ามาพบญาติ? อีกอย่างก็เป็นผัวเมียที่ดูอายุน้อยเหลือเกิน แต่เมื่อได้ยินหยุนชางพูดว่ามาจากเมืองซีอี ก็เข้าใจสองคนนี้มากขึ้น เมืองซีอีเป็นเมืองที่อยู่ชายแดน ได้ยินว่าผู้คนที่นั่นห้าวหาญเก่งกล้า ทุกคนสามารถขี่ม้าและยิงธนูได้

"ที่ตีนเขากิเลนนี่ไม่มีเมืองอื่นอีกแล้วแม่หนู……" หญิงวัยกลางคนตอบ

หยุนชางขมวดคิ้วและกล่าวขอบคุณ นางหันมามองจิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องแน่นิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า "ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเราก็ออกไปจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยส่งคนออกไปเลาะถามก็แล้วกัน"

หยุนชางพยักหน้า ดันตัวควบม้า ออกไปจากหมู่บ้านพร้อมกับจิ้งอ๋อง

"หากเป็นดังเช่นเสด็จตาเคยว่าไว้ คน 1 แสน หากไม่มีพื้นที่กว้างใหญ่ จะเลี้ยงดูไพร่พลได้อย่างไร?" หยุนชางขมวดคิ้ว นางคิดว่าในคำกล่าวนี้มีหลายจุดที่น่าสงสัย

หยุนชางทำสัญลักษณ์ลับขึ้นมาโดยปราศจากเสียง อึดใจเดียว เมื่อหยุนชางและจิ้งอ๋องเดินมาถึงมุมที่ลับตาผู้คนแล้ว ก็ปรากฏร่างชายชุดดำคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า "องค์หญิง"

หยุนชางพยักหน้า "หมู่บ้านเถาซีแห่งนี้ไม่ค่อยจะยอมรับคนต่างถิ่น หลายวันมานี้ท่านไปพักที่ไหนหรือ? มีคนพบเจอท่านหรือไม่? ท่านบอกว่าตอนนี้เซี่ยโหจิ้งใกล้จะมาถึงแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?"

"ช่วงนี้หม่อมฉันพักอาศัยอยู่ในป่าทึบหลังหมู่บ้านเถาซีพ่ะย่ะค่ะ หมู่บ้านเถาซีแห่งนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก เมื่อมีคนต่างถิ่นแวะเวียนมาจึงกลายเป็นจุดสนใจ หม่อมฉันมิได้เข้าไปในเขตหมู่บ้าน หามีผู้ใดพบเห็นหม่อมฉันไม่พ่ะย่ะค่ะ ส่วนท่านอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเถาซี ตอนที่เขามาถึง เขาป่วยหนักอยู่ที่ริมแม่น้ำ มีหญิงใบ้และหูหนวกนางหนึ่งช่วยเขาเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ"

"ฮะ? เป็นใบ้และหูหนวกงั้นหรือ?" หยุนชางขมวดคิ้ว มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยหรือนี่? แต่ว่าเซี่ยโหจิ้งจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไรกันล่ะ? "ช่วงนี้ เซี่ยโหจิ้งกำลังทำสิ่งใดอยู่?"

ชายชุดดำรีบรายงาน "ตอนกลางวัน หญิงใบ้และหูหนวกนางนั้นจะอยู่บ้าน เขาก็แสร้งทำเป็นป่วย ตกดึกก็อาศัยช่วงที่หญิงใบ้และหูหนวกกำลังหลับ แอบไปพบผู้นำหมู่บ้านเถาซี บางครั้งก็ไปที่เขากิเลน แต่ที่เขากิเลนนั้นมีสภาพอากาศร้อนชื้นอันตรายมาก หม่อมฉันไม่กล้าเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางพยักหน้า "แล้วยังรู้อะไรมาอีกหรือไม่?"

"หม่อมฉันค้นพบว่า ที่เขากิเลนมีแร่เหล็กพ่ะย่ะค่ะ……" ชายชุดดำนิ่งเงียบไปสักพักแล้วจึงพูดต่อ "อีกเรื่องหนึ่ง หม่อมฉันรู้มาว่า เมื่อ 10 ปีก่อน ที่นี่ยังไม่ได้เป็นหมู่บ้านเถาซี มีคนกลุ่มหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่นี่เมื่อ 8 ปีก่อน ผู้ดูแลท้องถิ่นได้ลงบันทึกว่าผู้อพยพทุกคนอพยพมาเพราะต้องการหนีจากความทุกข์ยาก เมื่อ 8 ปีที่แล้วเมืองหยุนหลางได้เกิดน้ำหลาก ทำลายที่อยู่อาศัย หลายครัวเรือนจึงต้องอพยพ โดยมีหมู่บ้านเถาซีเป็นจุดหมายของพวกเขา จึงกลายมาเป็นหมู่บ้านที่มีผู้คนปักหลักพักอาศัยดังเช่นทุกวันนี้พ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางขมวดคิ้ว เรื่องราวดูจะซับซ้อนมากขึ้นไปทุกที

แต่เมื่อจิ้งอ๋องได้ยินเรื่องแร่เหล็ก นัยน์ตาก็ครุ่นคิดไปมา สายตาของเขาจดจ้องไปที่เขากิเลนที่สูงตระหง่าน

หยุนชางสั่งให้ชายชุดดำหลบไปก่อน จิ้งอ๋องจึงหันมาพูดกับนาง "ข้านึกว่าผู้ติดตามของเจ้าจะมีแต่พวกผู้หญิงเสียอีก"

หยุนชางยิ้ม "หม่อมฉันชอบเรียกใช้ผู้หญิงเพราะว่าหม่อมฉันเป็นผู้หญิง แล้วอีกอย่าง บางครั้งผู้หญิงสามารถลดความหวาดระแวงของผู้อื่นได้ แต่ก็มีบางเรื่องที่ให้ผู้ชายไปจัดการจะดีกว่าเพคะ จะให้ผู้หญิงที่อรชรบอบบางไปตกระกําลําบาก หม่อมฉันเองคงยอมให้เป็นเช่นนั้นมิได้เพคะ"

จิ้งอ๋องมองไปยังเส้นผมของหยุนชาง เพราะความเร่งรีบที่จะต้องออกเดินทาง เขามัดผมให้นางแล้วปักปิ่นอย่างเรียบง่าย แม้จะเรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกสบายตาเป็นอย่างมาก

ณ ตีนเขากิเลน นอกจากหมู่บ้านเถาซีแล้วก็ไม่มีหมู่บ้านอื่นอีก หยุนชางและจิ้งอ๋องมองหาพื้นที่ราบเรียบเพื่อนั่งพัก

"ก่อนที่จะออกเดินทาง หม่อมฉันได้ศึกษาแผนที่มาบ้างแล้ว ตีนเขากิเลนมีเพียงหมู่บ้านเถาฮวา เมืองที่ใกล้ที่สุดคือเมืองหย่าหมิง อยู่ห่างจากที่นี่ไปประมาณ 10 กว่าลี้ แต่ว่า เขากิเลน……" หยุนชางนิ่งเงียบไปชั่วครู่ "ภูเขาลูกนี้ค่อนข้างสูง บนภูเขามีป่าทึบ ในป่าทึบสภาพอากาศร้อนชื้น ยอดเขามีหิมะปกคลุม เขากิเลนแห่งนี้ทอดยาวไปเป็นสิบๆลี้ เพราะคนที่เคยขึ้นไปบนภูเขาแห่งนี้มีน้อยมาก ภาพที่ปรากฏในแผนที่จึงมิได้ละเอียดเท่าใดนัก หม่อมฉันจึงรู้แค่เพียงสภาพทั่วไปเท่านั้นเพคะ"

จิ้งอ๋องพยักหน้าเล็กน้อย เรื่องพวกนี้เขารู้ดีอยู่แล้ว

"หากเป็นดังเช่นเสด็จตาเคยกล่าวไว้ ทหารเหล่านั้นถ้าจะให้มาพักอาศัยที่เขากิเลนแห่งนี้ จำนวน 1 แสนนาย การกินการอยู่จะต้องใช้ทรัพยากรไม่น้อยเลย แต่ว่า ที่นี่มีเพียงหมู่บ้านเถาซี ตอนที่ขี่ม้าผ่านมาก็ได้สังเกตแล้วว่า พื้นที่บริเวณนี้สามารถเอื้ออำนวยทรัพยากรให้เพียงพอต่อพวกชาวบ้านในหมู่บ้านเท่านั้น……ดูจากจุดนี้แล้ว ที่นี่คงไม่ใช่ที่ที่เหมาะต่อการจัดเตรียมไพร่พล แล้วเพราะเหตุใด……" หยุนชางพึมพำอยู่คนเดียว

จิ้งอ๋องหรี่ตาก่อนจะตอบว่า "เพราะว่าแร่เหล็ก" จิ้งอ๋องมองไปที่เขากิเลน "แคว้นเซี่ยอุดมสมบูรณ์ พวกเขาต้องการรับทหารเพิ่ม ซื้อม้าเพิ่ม ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่แคว้นเซี่ยขาดแคลนมากที่สุดก็คือแร่เหล็ก แร่เหล็กในแคว้นเซี่ยล้วนต้องซื้อเข้ามาทั้งสิ้น แล้วอีกอย่าง เนื่องจากกลัวว่าหากแคว้นเซี่ยมีแร่เหล็กแล้วจะเดินหน้าเร่งผลิตอาวุธสงคราม ดังนั้นแคว้นอื่นๆจึงขายแร่เหล็กให้แคว้นเซี่ยเพียงเล็กน้อย เมื่อครู่นี้สายลับของเจ้าบอกว่า ในเขากิเลนมีแร่เหล็กนี่"

จิ้งอ๋องหยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้อ "เขากิเลนมีลักษณะสูงชัน ในป่าทึบมีสภาพอากาศร้อนชื้นอันตราย เนื่องจากคนแคว้นหนิงไม่ค่อยเข้าใจสภาพภายในของเขากิเลน นี่จึงเป็นยุทธศาสตร์ชั้นดีที่แคว้นเซี่ยใช้ในการปกปิดร่องรอยของเหล่าไพร่พล แต่ในส่วนข้อสงสัยที่ว่าพวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างไรนั้น นับว่าเป็นประเด็นที่ชวนค้นหาติดตามเป็นอย่างมาก"

หยุนชางพยักหน้า "คนในหมู่บ้านเถาซีเองก็ควรจะตรวจสอบดูดีๆด้วยนะเพคะ จู่ๆก็ปรากฏชื่อหมู่บ้านใหม่ขึ้นมา แม้จะดูไม่มีความซับซ้อน แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าภายในอาจจะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ แล้วอีกอย่าง เมื่อเซี่ยโหจิ้งเดินทางมาถึงที่นี่จู่ๆก็ล้มป่วยกระทันหันจนมีหญิงใบ้และหูหนวกมาช่วยไว้ เรื่องนี้ก็ดูแปลกนะเพคะ ไหนจะออกไปพบผู้นำหมู่บ้านในยามวิกาล ตัวผู้นำหมู่บ้านนี่ก็น่าสงสัยนะเพคะ หม่อมฉันรู้สึกว่าบริเวณรอบๆเขากิเลนแห่งนี้มีสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่ เกรงว่า แคว้นหนิงจะต้องเผชิญกับเรื่องใหญ่แล้วเพคะ"

หยุนชางขมวดคิ้ว ชาติที่แล้วเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นนี่นา นี่มันอะไรกันนี่? หรือว่า จะมีบางสิ่งบางอย่างทำให้ทุกเรื่องราวเกิดการเปลี่ยนแปลง?

"พวกเราคงจะเข้าไปในหมู่บ้านเถาซีไม่ได้แล้วล่ะเพคะ แต่ว่าแถวนี้ก็ไม่มีที่อื่นอีกแล้ว ตอนนี้เราจะไปที่ไหนกันดีล่ะเพคะ? หยุนชางเอ่ยถาม

"ขึ้นไปบนเขากิเลน"

หยุนชางขมวดคิ้ว นางลังเลอยู่นาน การไปครานี้ จะเกิดเหตุการณ์เช่นไรขึ้นก็ยากที่จะคาดเดา นางนั้นยังมีผู้ที่นางอยากกลับไปดูแลปกป้อง และยังมีผู้ที่นางยังมิได้ลงมือแก้แค้น

แต่ทว่า นางกลับคิดบางอย่างขึ้นมาได้ กองกำลังทหารบนเขากิเลนแห่งนี้ กำลังจะเป็นภัยคุกคามให้กับแคว้นหนิง และยังเป็นตัวแปรที่อาจทำให้เกิดเรื่องราวไม่คาดคิด หากว่าแคว้นหนิงต้องมาตกอยู่ในอันตราย นางยังจะพูดคำว่าดูแลปกป้องอะไรได้อีก?

ดูเหมือนว่าจิ้งอ๋องจะสังเกตได้ถึงความลังเลของหยุนชาง เขาวางสีหน้าเคร่งขรึมและเอ่ยขึ้นว่า "เจ้ารู้หรือไม่ ช่วงนี้ข้าค้นพบสิ่งใดมา?"

"เพคะ?" หยุนชางหันไปมองจิ้งอ๋อง นางเห็นจิ้งอ๋องมีสีหน้าเคร่งขรึม นี่คงจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากเลยสินะ

จิ้งอ๋องมองมาที่หยุนชาง แววตาเต็มไปด้วยความหนักแน่น "ตระกูลหลี่ จริงๆแล้วก็คือคนของแคว้นเซี่ยที่ถูกส่งเข้ามาสอดแนมแคว้นหนิง"

หยุนชางรู้สึกตกใจอย่างเห็นได้ชัด นางจ้องไปยังจิ้งอ๋อง ก็ได้เห็นแววตาที่จริงจัง ดวงใจของหยุนชางสั่นเทา "เป็นไปได้อย่างไร?"

จิ้งอ๋องมองไปที่เขากิเลนที่อยู่ไกลออกไป สายตาแน่นิ่ง "ตอนที่ข้ารับรู้เรื่องนี้ก็แทบไม่อยากจะเชื่อ แต่นี่เป็นรายงานที่ข้าได้รับมาจากคนที่ข้าเชื่อมั่นมากที่สุด มิใช่เรื่องเท็จแน่นอน บรรพบุรุษตระกูลหลี่เป็นคนรุ่นหลังของแคว้นเซี่ย แต่เป็นเพียงลูกของข้ารับใช้ในวัง เห็นว่าเนื่องจากพ่ายแพ้จากการแย่งชิงอำนาจ เพื่อเป็นการรักษาชีวิตเอาไว้ จึงเสนอตัวเดินทางมายังแคว้นหนิงแล้วปิดบังข้อมูลตนเอง โดยให้คำมั่นว่าจะให้ลูกหลานรุ่นหลังจงรักภักดีต่อแคว้นเซี่ย ผลักดันให้ลูกหลานมีบทบาทสำคัญและเป็นผู้ทรงอิทธิพลในแคว้นหนิง หลังจากนั้นจะเข้ายึดครองแคว้นหนิงให้จงได้"

"เจ้าคงรู้ดีว่า แม้แคว้นเซี่ยจะมีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาล และยังมีความอุดมสมบูรณ์ ทว่าประชากรกลับมีน้อย และขาดแคลนอาวุธทางการทหาร พวกเขาอาศัยสภาพพื้นที่เป็นที่กำบังภัย จึงอยู่ได้ยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้ พวกเขามีความทะเยอทะยาน เพียงแต่ไม่มีพละกำลัง คนแคว้นเซี่ยเป็นคนฉลาด จึงคิดแผนการเช่นนี้ขึ้นมา ใช้สติปัญญาเพื่อเอาชนะ ข้าคิดว่า ตอนนี้คนตระกูลหลี่กำลังทรงอำนาจอยู่ในแคว้นหนิง ดังนั้นแคว้นเซี่ยจึงคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะเข้ายึดครองแคว้นหนิงได้โดยง่าย เหล่าทหารในเขากิเลนนี้ คงจะเป็นคนที่แคว้นเซี่ยจัดเตรียมไว้"

หยุนชางนั่งอึ้งอยู่นาน ในใจของนางกำลังตกตะลึง หากเป็นดังเช่นที่จิ้งอ๋องกล่าว ความคิดและความสามารถในการประเมินสถานการณ์ของผู้ที่ผนวกดินแดนแคว้นเซี่ยได้ก็ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

หากคนตระกูลหลี่เป็นสายลับที่แคว้นเซี่ยส่งมาจริงๆล่ะก็ เรื่องนี้ก็ยิ่งแย่ขึ้นไปใหญ่

"เช่นนั้นเสด็จพ่อก็กำลัง……ตกอยู่ภายใต้มหันตภัยร้ายแรงเลยน่ะสิเพคะ?" แววตาของหยุนชางร้อนรน "เซี่ยโหจิ้งกับฮวากั๋วกงล้วนอยู่ในแคว้นหนิง กลุ่มทหารพวกนี้ต้องคอยฟังคำสั่งของพวกเขาสองคนแน่ๆ หรือว่าเราจะรีบจับตัวคนสองคนนี้เอาไว้ก่อนเพคะ? เพื่อที่ว่าทหารพวกนี้จะได้ไม่ลงมือทำสิ่งใดโดยพลการอย่างไรล่ะเพคะ"

จิ้งอ๋องส่ายหน้า "ตอนนี้พวกเรายังไม่มีหลักฐานมาแสดงว่าแคว้นเซี่ยซุ่มเตรียมกองกำลัง 1 แสนนายเอาไว้ที่นี่ แต่ถึงแม้ว่าเราจะมีหลักฐานก็ไม่ควรบุ่มบ่ามลงมือ หากว่าสองคนนั้นถูกจับตัวไป เกรงว่าจะเป็นข้ออ้างให้ฮ่องเต้แคว้นเซี่ยยกกองกำลังมาโจมตีแคว้นหนิงได้"

หยุนชางนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะฝืนพูด "หม่อมฉันขอใช้ความคิดวางแผนเรื่องเมืองหลวงและเสด็จแม่ก่อนนะเพคะ แล้วเดี๋ยวพวกเราค่อยขึ้นไปบนภูเขากัน"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+