ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 64 หยุนชางถูกลอบสังหาร

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 64 หยุนชางถูกลอบสังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยุนชางสวมเสื้อผ้าแล้วเดินออกไป ฉิงยีมองชุดบนตัวของหยุนชางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "พอองค์หญิงสวมแล้วยิ่งดูสง่าขึ้นไปอีก ดอกไห่ถางช่างสวยงามจังเลยเพคะ"

หยุนชางยิ้ม "พอเถอะน่า ใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสแบบนี้ ข้าคิดว่าออกจะแปลกๆ แบบชุดนี้ไม่เลวเลย เถ้าแก่เปลี่ยนเป็นลายดอกสาลี่และสีก็เปลี่ยนเป็นดอกสาลี่สีขาวเถอะ เสร็จแล้วก็ไปส่งที่จวนองค์หญิงซีผิงได้ บอกว่าเป็นของที่แขกในจวนองค์หญิงสั่งทำ"

เฉียนสุ่ยพยักหน้า "เจ้าค่ะ พวกท่านยังต้องการอะไรอย่างอื่นอีกไหมเจ้าคะ?"

หยุนชางส่ายหัว "ไม่แล้ว เพียงแค่นี้ล่ะ" นางพูดแล้วหันหลังเดินออกไปจากเฉียนสุ่ยอี้เหริน ฉิงยีที่อยู่ด้านหลังรีบจ่ายเงินและเดินตามออกมา นายบ่าวสามคนเดินเล่นไปมาอีกครั้ง หยุนชางรู้สึกท้องหิวเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็พบว่าเป็นเวลาเที่ยงแล้วจึงคิดหาสถานที่กินอาหารสักหน่อย แต่พบว่าพวกนางเดินมาถึงตรอกที่ค่อนข้างห่างไกล หยุนชางไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงบอกว่า "ออกจากตรอกนี้แล้วพวกเราไปหาอะไรกินกันเถอะ ข้าหิวนิดหน่อย"

ฉิงยีและเฉี่ยนอินที่อยู่ด้านหลังรับคำ หยุนชางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังและยังมีมากกว่าหนึ่งเสียง หยุนชางชะงักฝีเท้าและค่อยๆได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นรอบตัวนาง

"คุณ… คุณหนู ดูเหมือนจะมีคนอยู่?" เสียงของฉิงยีตื่นตระหนกเล็กน้อย และเมื่อสิ้นเสียงก็มีคนชุดดำมากกว่าสิบคนวิ่งออกมาล้อมพวกนางนายบ่าวทั้งสามคนไว้ "ไม่รู้ว่าพวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร? ข้าไปทำให้อะไรให้พวกเจ้าขุ่นเคืองหรือเปล่า?" หยุนชางขมวดคิ้วในใจแอบอารมณ์เสียเล็กน้อย นางรู้แต่แรกแล้วมีเพียงแต่อยู่ในจวนของหัวจิ้งเท่านั้นจึงจะปลอดภัย วันนี้นางวู่วามเกินไปที่ออกมาโดยไม่ได้เตรียมตัว หากนางเรียกลูกน้องออกมาตอนนี้ เกรงว่าจะเป็นการเปิดเผยฐานอำนาจที่นางสะสมมาตลอดหลายปี ไม่ควรจะเผยออกมาต่อหน้าชายชุดดำเหล่านี้เลยจริงๆ คนที่ดูเหมือนผู้นำมองหยุนชาง "องค์หญิง มีคนจ่ายเงินเพื่อซื้อชีวิตขององค์หญิง เราเพียงแค่ทำตามคำสั่ง"

"หืม?" หยุนชางขมวดคิ้ว "งั้นหรือ? ไม่รู้ว่าข้ามีค่าแค่ไหน? อย่างไรก็ทำเพื่อเงิน เช่นนั้นพวกเรามาทำข้อตกลงกันดีกว่า ตอนนี้พวกข้ามีแค่นายบ่าวสามคนที่นี่และยังเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอไร้ทางสู้ อย่างไรก็คงหนีไม่พ้นมือพวกเจ้าแน่ ข้ากำลังจะตายอยู่ตายก็อยากจะตายอย่างไม่มีอะไรคาใจ เจ้าบอกข้ามาเถอะว่าใครต้องการชีวิตของข้า? แล้วให้เงินพวกเจ้าเท่าไหร่ ข้าเองก็ให้ได้เช่นกัน" หยุนชางหันกลับมา แล้วยื่นมือออกไปหาเฉี่ยนอิน เฉี่ยนอินจึงตั๋วเงินจำนวนหนึ่งส่งให้หยุนชาง นางหันหลังกลับมาและยื่นเงินออกไปให้หัวหน้าชายชุดดำ "อย่างไรข้าก็ไม่รอดแล้ว พกเงินพวกนี้ไปก็ไม่มีความหมาย เช่นนั้นก็ให้พวกเจ้าก็แล้วกัน"

ชายชุดดำคนนั้นรับตั๋วเงินมาแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "กำลังจะตายอยู่แล้วยังจะพูดมากอีก ใครเป็นคนอยากเอาชีวิตเจ้า? ถามข้าหรือ? ข้าไม่รู้ รู้แต่ว่าเป็นผู้ชาย สูงปานกลาง ที่หางคิ้วมีไฝเม็ดหนึ่ง ข้ารู้แค่นี้แหล่ะ ทีนี้ตายได้หรือยัง เห็นแก่ที่พวกเจ้าเป็นผู้หญิงไร้ทางสู้สามคน พวกข้าจะทำให้ตายดีๆ รับรองว่าจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างสะอาดและเรียบร้อย"

หยุนชางได้ยินดังนั้นมุมปากของนางก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มและค่อยๆยิ้มกว้างขึ้นเรื่องราวกับดอกไม้บานสะพรั่ง งดงามจนทำให้คนแทบหยุดหายใจ ชายชุดดำที่อยู่ตรงข้ามมองตาค้าง คนที่เป็นหัวหน้าพูดว่า "คนสวยเช่นนี้ น่าเสียดายจริงๆที่ต้องตาย แต่ในเมื่อข้ารับเงินมาแล้วก็ต้องทำงานให้สำเร็จ ลงมือ…"

ตาของหยุนชางเป็นประกายเฉียบคม มือของนางกำแน่นเล็กน้อยภายใต้แขนเสื้อและเมื่อยกมือขึ้นประกายแสงสีเงินก็กระจายออกมาโดนชายชุดดำ ชายชุดดำถูกโจมตีจนร้องโอดโอย ฉิงยีตะลึง ระหวางนั้นก็มีเงาร่างสีชมพูแว้บผ่านตาไป นางเห็นว่าเฉี่ยนอินพุ่งเข้าไปอย่างแรงและคว้ามีดมาจากมือของชายชุดดำอย่างรวดเร็ว ฉิงยียังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็เห็นชายชุดดำหลายคนนอนอยู่บนพื้นและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ฉิงยีจึงได้สติขึ้นมาด้วยความตกใจและรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องหยุนชาง พานางเดินไปที่มุมที่ไม่มีคนชุดดำ เห็นเพียงร่างสีชมพูวิ่งไปมาท่ามกลางผู้คนในชุดดำ หลังจากนั้นไม่นานผู้คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ถูกจัดการเรียบโดยไม่เหลือเลยสักคน

ฉิงยีตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงกระพริบตาปริบๆมองไปที่เฉี่ยนอินที่มีเลือดเปื้อนบนชุดเล็กน้อย "คิดไม่ถึงเลยว่าวิทยายุทธของเฉี่ยนอินจะร้ายกาจขนาดนี้"

หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและมองเหล่าชายชุดดำอย่างเย็นชา เฉี่ยนอินนั่งยองๆจับตัวคนชุดดำอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วพูดว่า "ไม่มีอะไรเลย"

หยุนชางพยักหน้า "ไปกันเถอะ อีกเดี๋ยวถ้ามีใครมาพบเข้าจะยุ่งยาก"

ทั้งสามคนหมุนตัวกำลังจะจากไป แต่ได้ยินเสียงชายแปลกหน้าบนหลังคาข้างๆ "นี่ๆๆ ตรงนี้มีอีกคนหนึ่งตามพวกเจ้ามาตลอด ถ้าเจ้าไม่จัดการเดี๋ยวจะแย่เอา ทุกคนจะได้รู้ว่าองค์หญิงหยุนชางผู้อ่อนแอนั้นเก่งกาจขนาดไหน"

หยุนชางหันกลับมา ดวงตาของนางมองไปที่หลังคาราวกับลูกธนู บนหลังคานางเห็นเพียงบุรุษคนหนึ่งในชุดสีแดง ในมือหิ้วคนในชุดสีเทา ชายชุดสีเทาไม่ขยับเขยื้อน แต่ก็ไม่มีบาดแผลใดๆบนร่างกายของเขาอย่างชัดเจนจึงคิดว่าเขาน่าจะสลบไป

หยุนชางจ้องชายชุดแดงอย่างระแวดระวังพลางขมวดคิ้ว นางรู้จักชายผู้นี้ ควรกล่าวว่าในชาติก่อน นางรู้จักชายผู้นี้ นางได้พบเขาเพียงสองสามครั้งเท่านั้น ไม่ได้คุ้นเคยอะไรกันนัก เขาคือหวังจิ้งฮวน บุตรชายของหวังอันผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้ากรมกลาโหม ในชาติก่อนเขาเป็นชายเสเพลผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมือง แต่เขาผู้มีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้และเขามีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ใกล้ชิดกับ… จิ้งอ๋อง

จิ้งอ๋อง หยุนชางขมวดคิ้ว ในชาติก่อนนางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้มากนัก แต่ในชาตินี้ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องให้เข้าไปพัวพันอยู่เสมอ แต่ว่าก็โชคดีแล้วที่เป็นเขา เมื่อคิดเช่นนี้ หยุนชางก็ยิ้มและกล่าวว่า "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นหยุนชางก็ขอรบกวนคุณชายด้วยก็แล้วกัน ข้าร่างกายอ่อนแอ ทนไม่ได้ที่จะดูเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ รบกวนคุณชายช่วยจัดการแทนข้าที จริงสิ เมื่อครู่หยุนชางถูกล้อมสังหาร โชคดีที่คุณชายมาช่วยไว้ อีกสักครู่ข้าจะไปขอให้เสด็จพี่และเสด็จพ่อตบรางวัลให้เจ้า ข้าได้รับความตกใจกลัวเป็นอย่างมาก หวังว่าคุณชายหวังจะส่งข้ากลับไปที่จวน"

หวังจิ้นฮวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "อะไรนะ? อะไรนะๆ? ข้าช่วยเจ้าตอนไหน?"

หยุนชางยิ้มบางๆ ดวงตาเต็มไปด้วยแผนการ "ก็เป็น เมื่อครู่นี้ไง… อ๊า…" คำว่า "อ๊า" กลับเป็นการร้องเสียงดังแสดงความตกใจ

หวังจิ้งฮวนร่างกระตุกและรีบเอื้อมมือไปบิดคอของชายชุดสีเทา เพียงแค่เสียงกร๊อบดังขึ้นเขาก็โยนมันทิ้งไปราวกับโยนเศษผ้า

มีเสียงฝีเท้าแว่วเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ หวังจิ้งฮวนขบกราม ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ "สมเป็นอาหลานกันจริงๆ ช่างวางแผนเก่งกันนัก ข้ามือไวเกินไปจริงๆ ดันไปยุ่งไม่เข้าเรื่องเสียได้"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด