ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 95 หยุนชางมุ่งสู่ชายแดน

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 95 หยุนชางมุ่งสู่ชายแดน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเหตุการณ์นี้ จักรพรรดิหนิงยิ่งเคารพเชื่อมั่นในตัวเจ้าอาวาสอู่นา ดังนั้นเมื่อเจ้าอาวาสอู่น่าแนะนำว่าร่างกายของหยุนชางยังคงต้องพักฟื้นและเขาจะพาหยุนชางไปที่วิหารแคว้นหนิงเพื่อพักระยะหนึ่ง จักรพรรดิหนิงจึงตกลงอย่างไม่ลังเลเลย เขาถามเพียงวันเวลาคร่าวๆและปล่อยคนออกไปอย่างยินดี

หยุนชางบอกลาพระสนมจินในวันนั้นและจากไปกับเจ้าอาวาสอู๋น่า เพียงแต่คราวนี้นางไม่ได้นำฉิงยีไปด้วย มีเพียงเฉี่ยนอินเท่านั้น

หยุนชางเข้าไปในวิหารแคว้นหนิง จากนั้นก็ออกจากประตูหลังอย่างเงียบๆพร้อมกับเฉี่ยนอินปลอมตัวไปที่ชายแดน

พรมแดนระหว่างแคว้นหนิงและแคว้นเย้หลางมีเมืองเล็กๆที่ชื่อว่าเมืองซีอี เนื่องจากเป็นพรมแดนระหว่างสองแคว้น ประเพณีวัฒนธรรมพื้นบ้านจึงเปิดกว้าง มักจะเห็นชายหนุ่มหญิงสาวหยอกล้อกันบนท้องถนน

หยุนชางจูงม้าเข้าไปที่โรงเตี๊ยมเล็กๆที่ดูสะอาดสะอ้านแห่งหนึ่ง สั่งบะหมี่เนื้อสองชาม เนื่องจากเวลามาถึงของหยุนชางเลยเวลาอาหารกลางวันไปแล้ว ในโรงเตี๊ยมไม่มีผู้ใด หยุนชางจึงเรียกเสี่ยวเอ้อมาสอบถามข่าวคราว

"พี่เสี่ยวเอ้อร์ ข้ากับน้องชายเดินทางมาค้าขาย ได้ยินมาว่าที่นี่มีสงครามเหรอ? แต่ตอนข้าเข้ามาในเมืองกลับพบว่าทุกอย่างในเมืองนี้กลับสงบ มันเกิดอะไรขึ้นหรือ?" เพื่อเร่งเดินทาง หยุนชางและเฉี่ยนอินต่างก็สวมเสื้อผ้าผู้ชายและเปลี่ยนคำเรียกเป็นพี่ชายน้องชาย

เมื่อเสี่ยวเอ้อร์เห็นว่าในร้านไม่มีใครอยู่ เขาจึงนั่งลงและพูดว่า "ก่อนหน้านี้ไม่นานรบกันดุเดือดเชียว ข้าไม่กล้าออกจากประตูเลยเสียด้วยซ้ำ เมืองนี้เกือบจะตกเป็นของแคว้นเย้หลางไปเสียแล้ว แต่หลังจากนั้นจิ้งอ๋องก็มาถึง จิ้งอ๋องนี่ช่าง…" เสี่ยวเอ้อยกนิ้วโป้งให้ "ภายในครึ่งเดือน องค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางถูกตีกลับไปเสียกลัวจนฉี่ราด ถอนกำลังทหารออกไปห้าลี้ จิ้งอ๋องกล่าวว่า ไม่ต้องการส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน เขาจึงไปตั้งค่ายห่างออกไปห้าลี้ เจ้าไปทางตะวันตกของเมืองก็จะมองเห็นได้ ค่ายใหญ่สุดลูกหูลูกตาเลย"

หยุนชางยิ้มและตบหน้าอกเบาๆ "โชคดีจริงๆ ก่อนหน้านี้สองเราพี่น้องยังกังวลว่าจะพลอยถูกร่างแหไปด้วยจึงคอยมองดูอยู่ไกลๆ หากรบกันขึ้นมาจริงๆก็จะรีบหนี แต่พอมากลับปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น"

เสี่ยวเอ้อร์ในร้านรีบกล่าวว่า "เป็นเพราะนี่เป็นจิ้งอ๋อง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น พวกเราคงต้องยอมก้มหัวศิโรราบต่อแคว้นเย้หลางไปแล้ว ได้ยินว่าเมื่อวานจิ้งอ๋องยังรบกับแคว้นเย้หลางไปรอบหนึ่งและจิ้งอ๋องก็ยังชนะ แต่ว่าข้าได้ยินมาว่า องค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางนั้นจับตัวองค์หญิงฮุ่ยกั๋วของเราไป องค์หญิงฮุ่ยกั๋วเป็นคนดี หวังว่าท่านอ๋องจะสามารถช่วยองค์หญิงกลับมาได้อย่างปลอดภัย"

"องค์หญิงฮุ่ยกั๋วถูกจับไป?" เฉี่ยนอินพูดเสียงแหลมและเหลือบมองหยุนชาง รู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย

"ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้องค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางรบแพ้แล้วยังให้ท่านอ๋องรอก่อน บอกว่าองค์หญิงฮุ่ยกั๋วอยู่ในกำมือของเขา หากจิ้งอ๋องไม่ยอมแพ้ เขาจะฆ่าองค์หญิงทิ้งเสีย" เสี่ยวเอ้อร์ทำเสียงเป๊าะปาก "น่าเสียดาย น่าเสียดาย ได้ยินว่าองค์หญิงฮุ่ยกั๋วรูปงามและยังมีเมตตา นางตกไปอยู่ในเงื้อมมือขององค์ชายสามที่โหดร้ายป่าเถื่อนต้องถูกรังแกแน่"

หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย "จะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าสองพี่น้องเพิ่งมาจากเมืองหลวง องค์หญิงฮุ่ยกั๋วยังอยู่ในเมืองหลวงอยู่เลย มีดาวเคราะห์ร้ายปรากฏขึ้นในเมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้าอาวาสอู๋น่ามาที่เมืองหลวงและยังปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับนางอยู่เลย" "หา?" เมื่อเสี่ยวเอ้อร์ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าเป็นอีกเรื่องที่ต้องเอาไปพูดต่อ ดังนั้นเขาจึงรีบโน้มตัวเข้าไปแล้วถามว่า "องค์หญิงฮุ่ยกั๋วอยู่ในวังหรือ?"

หยุนชางพยักหน้าอย่างมั่นใจมาก "อยู่ในวัง ในวังได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา ใช่ว่าจะบอกว่าจะลักพาตัวนางไปแล้วจะลักพาตัวนางไปได้ อีกทั้งเราสองพี่น้องรีบเร่งขี่ม้ามา หากพวกเขาลักพาตัวองค์หญิงไปจริงก็ไม่มีทางอยู่ด้านหน้าเราอย่างแน่นอน"

เฉี่ยนอินก็ตอบรับ "องค์ชายสามแห่งเย้หลางอะไรนั่นคงกำลังหลอกจิ้งอ๋องเพื่อให้เขายอมจำนน เมื่อจิ้งอ๋องอยู่ที่ชายแดนไม่รู้สถานการณ์ภายในวังหลวง ส่งข่าวไปกลับก็ต้องใช้เวลาหลายวัน หากจิ้งอ๋องเชื่อเรื่องโกหกขององค์ชายสามแห่งเย้หลางเข้าแล้วจะทำอย่างไรดี?"

เสี่ยวเอ้อร์กังวลและพูดว่า "ใช่ องค์ชายสามช่างเจ้าเลห์เพทุบายนัก"

หยุนชางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดว่า "ไม่ได้การ ข้าต้องไปรายงานจิ้งอ๋องที่กองทัพเพื่อไม่ให้เขาถูกหลอก"

"สมควรไป สมควรไป ออกจากร้านไปทางขวาจะเป็นประตูตะวันตกของเมือง ออกจากเมืองไปแล้วเจ้าก็จะสามารถเห็นค่ายของจิ้งอ๋องแล้ว" เสี่ยวเอ้อร์ซ่อนความตื่นเต้นไว้ไม่ได้และรีบพูด "จอมยุทธ์ทั้งสองกินบะหมี่แล้วค่อยไปเถอะ"

หยุนชางพยักหน้า เมื่อเห็นเสี่ยวเอ้อร์ยกชามบะหมี่มาก็กินบะหมี่และจากไปกับเฉี่ยนอินตามทิศทางที่เสี่ยวเอ้อร์ชี้

"องค์หญิง เห็นได้ชัดว่าท่านอยู่ที่นี่ ทำไมองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางจึงได้บอกว่าท่านอยู่ในมือของพวกเขา เขาไม่รู้หรือว่าจิ้งอ๋องเคยพบองค์หญิง มองเพียงแวบเดียวเขาก็ดูออกแล้ว?" เฉี่ยนอินกล่าวอย่างกังวลใจ

หยุนชางยิ้มเย็น "มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างสำหรับเรื่องนี้ ประการแรกคือองค์ชายสามแห่งเย้หลางให้ใครบางคนปลอมตัวเป็นข้า ในเมื่อเป็นตัวปลอมก็ต้องหาคนที่ลักษณะคล้ายข้ามาโดยธรรมชาติหรือไม่ก็สวมหน้ากากหนังคน อีกประการก็คือองค์สามนั่นก็ถูกหลอกด้วย เขาไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในมือเขาเป็นใคร อย่างไรข้าก็เติบโตมาในวิหารแคว้นหนิง มีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นข้า นอกจากนี้เจ้าลืมไปหรือเปล่า? ก่อนหน้านี้หนิงเชียนมีรายงานพิเศษมาว่าหัวจิ้งถูกองค์ชายสามช่วยไปแล้ว ข้าจึงสงสัยว่าคนที่อยู่ในมือขององค์ชายสามก็คือหัวจิ้ง"

"แต่ทำไมหัวจิ้งถึงแสร้งทำเป็นองค์หญิงล่ะเพคะ?" เฉียนอินข้องใจเล็กน้อย

หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา "เรื่องนี้คงต้องถามนางเท่านั้น"

"หยุด ที่นี่เป็นค่ายทหาร ผู้มาคือใคร?" หยุนชางและเฉี่ยนอินขี่ม้ามาถึงประตูค่ายและถูกหยุดไว้

หยุนชางหยิบป้ายสัญลักณ์จากเอวของนางขึ้นมาพร้อมกับกล่าวว่า "พวกเราป็นคนจากเมืองหลวง มีเรื่องด่วนขอพบจิ้งอ๋อง รบกวนท่านไปรายงานหน่อย นำป้ายนี้ไปให้เขาแล้วเขาก็จะเข้าใจเอง"

ทหารเฝ้าประตูสองคนมองหน้ากันและประเมินหยุนชาง เห็นว่าแม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยฝุ่นแต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความสง่างาม พวกเขาจึงไม่กล้ารอช้า จึงรับป้ายจากหยุนชางและมุ่งหน้าเข้าไปในค่ายทหารทันที

เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม หยุนชางจึงเห็นคนสองสามคนเดินออกมาในระยะไกล ชายที่เดินนำหน้าค่อนข้างคุ้นตา เมื่อเขาเข้ามาใกล้ ที่แท้เป็นจิ้งอ๋องจริงๆ

เมื่อจิ้งอ๋องห็นหยุนชางก็ขมวดคิ้ว "เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? สถานที่ที่ลำบากเช่นนี้เป็นที่ที่เจ้าจะมาได้หรือ?" แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนี้ แต่ตัวเขากลับเดินมาถึงด้านหน้าม้าของนางแล้วช่างนางจูงม้าเข้าไปในค่าย เมื่อเหล่าทหารเห็นว่าจิ้งอ๋องจูงม้าให้แก่ชายร่างบางผู้เดินทางมาไกลด้วยตัวเองเช่นนี้ต่างก็เบิกตากว้าง สีหน้าตระหนกตกใจ

ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา แม้แต่หยุนชางก็ยังตกใจเล็กน้อย "เสด็จ…" เมื่อนางกำลังจะเรียกเสด็จอาก็นึกขึ้นได้ว่าหากนางเรียกเขาเช่นนี้จะเป็นการเผยสถานะของนางออกมา ดังนั้นนางจึงรีบเปลี่ยนคำพูด "ท่านอ๋อง ท่านจะจูงม้าให้ข้าได้อย่างไร ให้ข้าลงจากหลังม้าเถอะ"

จิ้งอ๋องเพียงหันพระพักตร์เหลือบมองหยุนชาง แล้วเดินเข้าไปในค่ายโดยไม่พูดอะไร เหล่าทหารที่เห็นเขาระหว่างทางต่างก็ทนไม่ไหวเดินตามมา หยุนชางจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจความหมายการกระทำของจิ้งอ๋องจึงเริ่มร้อนรน นางรีบกระโดดลงจากหลังม้าและเดินไปข้างกายจิ้งอ๋อง กลับเห็นว่าแม้จิ้งอ๋องกำลังเดิน แต่ดูเหมือนเขาจะกำลัง…เหม่อลอย

"ท่านอ๋อง?" หยุนชางเรียกเบาๆ

จิ้งอ๋องตอบ "อืม" หันศีรษะกลับมาก็เห็นใบหน้าใหญ่โตของหยุนชางปรากฏขึ้นด้านหน้าเขา เขาผงะไปแล้วหันกลับไปมองที่ม้าแล้วจึงพูดว่า "ทำไมเจ้าจึงกระโดดลงมาจากม้าด้วยตนเอง?" เขาลดเสียงลงและพึมพำกับตัวเองว่า "ที่แท้นี่ไม่ใช่ความฝัน"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด