ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 530 หมากที่ถูกทิ้ง(๑)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 530 หมากที่ถูกทิ้ง(๑) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิวเหวินอันตอบรับ เดินไปที่ด้านหน้าของทหารรักษาการณ์ รับสิ่งที่อยู่ในมือของเขา และถอนตัวออกจากตำหนักหารือ

หยุนชางยิ้ม ครุ่นคิดถึงทุกสิ่งในใจ และเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยหวนอวี่ “ในบรรดาหลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับชิงกุ้ยเหรินและท่านชายน้อยมีเครื่องประดับที่หม่อมฉันปกติชอบไปซื้อในร้าน ปิ่นทองหุ้มหยกที่สาวใช้หวายหย่านำมาถวายในตอนเช้ามาจากหอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหริน และต่างหูที่พบในห้องของเหยียนอวี่ก็เช่นกัน ปิ่นปักผมนั่นหม่อมฉันทำหายแล้วจริงๆ แต่ต่างหูนั่นหม่อมฉันสามารถให้คนนำออกมาได้ หม่อมฉันคิดว่า ทั้งหมดมาจากร้านนั้น เช่นนั้น ก็ลองเชิญเถ้าแก่ในร้านนั้นมาสอบถามก็ได้ บางทีอาจจะมีเบาะแสบางอย่างก็ได้เพคะ”

ดวงตาของเซี่ยหวนอวี่จับจ้องไปที่หยุนชางด้วยสายตาพิจารณา หลังจากครู่หนึ่ง เขาก็ตรัสว่า “ได้ ไปเชิญมาเถอะ”

หยุนชางยิ้มเบาๆ และเงยหน้าขึ้นมองที่ฮองเฮา ฮองเฮายังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาของนางจ้องไปที่หยุนชาง ขมวดคิ้วของนาง ดวงตาของนางครุ่นคิดเล็กน้อย

เมื่อเห็นหยุนชางจ้องมองนาง ฮองเฮาก็มองไปที่หยุนชาง หลังจากนั้นไม่นานนางก็หันกลับมามองเซี่ยหวนอวี่ “ฝ่าบาท หม่อมฉันขอตัวไปดูหยุนซีก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้างเพคะ”

เซี่ยหวนอวี่เงียบครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็พยักหน้า “ไปเถอะ”

ฮองเฮาก้มโค้งคำนับ แล้วเดินลงจากที่นั่งสูง ผ่านหยุนชาง และออกจากตำหนักหารือ

หมาจนตรอกแล้วจริงๆ หยุนชางยิ้มเล็กน้อย แต่นางโล่งใจเล็กน้อยในใจ กลัวแต่ว่านางจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

สายตาของเซี่ยหวนอวี่ยังคงตกอยู่ที่หยุนชาง และการแสดงออกเล็กๆบนใบหน้าของนางไม่สามารถหลุดพ้นจากสายตาของเซี่ยหวนอวี่ได้ เซี่ยหวนอวี่สั่งให้นางกำนัลเตรียมชาก่อนจะตรัสเบาๆ ว่า “รากของตระกูลซูนั้นลึก และตอนนี้ยังไม่สามารถขยับได้”

หยุนชางตกตะลึง จู่ๆก็ลืมตาขึ้น แต่เห็นเซี่ยหวนอวี่ถือถ้วยชาราวกับว่าเขาไม่เคยอ้าปาก หยุนชางหันไปมองนางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างๆ และนางกำนัลก็ก้มศีรษะมิได้มีท่าทีอะไร ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นเพียงความรู้สึกลวงของหยุนชาง

หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่ง เกรงว่าเซี่ยหวนอวี่ต้องการเตือนนางว่าอย่าได้ขยับฮองเฮาด้วยความคิดของนาง หยุนชางก้มศีรษะลง ดวงตาก้มลงมองที่มุมกระโปรง และไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ใกล้กับตำบลฉีหลาน ผู้ที่ส่งคนไปลอบสังหารหม่อมฉันเป็นเสิ่นซู่เฟย หม่อมฉันต้องสูญเสียองครักษ์ลับที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีกว่ายี่สิบคน เฉี่ยนอินที่คอยปรนนิบัติข้างๆหม่อมฉัน นางก็ต้องเสียแขนเช่นกัน”

หลังจากคำพูดของหยุนชางหายไป ห้องโถงก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่หยุนชางจะได้ยินเสียงของเซี่ยหวนอวี่ตรัสว่า “ตามที่เจ้าต้องการ”

มุมปากของหยุนชางกระตุกเล็กน้อย นี่คือความรักของจักรพรรดิที่เรียกว่าการชั่งน้ำหนัก เมื่อพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียแล้ว หมากที่ไร้ประโยชน์ที่สุดสำหรับเขาก็คือ หมากที่ถูกทิ้งแล้ว แม้ว่าอยู่กับเขามานานแค่ไหน ไม่ว่านางจะให้กำเนิดลูกหรือไม่ก็ตาม เมื่อถูกทอดทิ้งก็คือถูกทอดทิ้ง มันคือ เด็ดขาดอย่างแท้จริง

ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮองเฮาก็เสด็จเข้ามาอีกครั้ง สีหน้าของนางมิได้ดูแย่กว่าเมื่อครู่แล้ว แลดูนิ่งสงบลงมาก และนางต้องไปเตรียมการมามากพอควรแล้ว

หยุนชางยิ้มเบาๆ นางเอ่ยให้มีการเชิญเถ้าแก่หอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหรินเข้าวังเพื่อให้ฮองเฮาทำเล่ห์เหลี่ยม

ฮองเฮายังให้นางกำนัลเตรียมชาสักถ้วยและขณะดื่มชาก็รออย่างใจเย็น

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม ท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดลง และทหารรักษาการณ์ก็เข้ามารายงานว่า “ฝ่าบาท เถ้าแก่หอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหรินมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เซี่ยหวนอวี่พยักหน้า วางถ้วยชาลงแล้วพูดด้วยเสียงอันดังว่า “เข้ามาได้”

หยุนชางหันไปมอง ก็เห็นเฉี่ยนสุ่ยเดินเข้ามาอย่างช้าๆ นางสวมกระโปรงยาวสีแดง และตาของนางก็เป็นสีแดงราวกับว่านางเพิ่งร้องไห้มา รูปโฉมของเฉี่ยนสุ่ยนับว่ามีความโดดเด่นมากพอควร แม้ว่าจะด้อยกว่าหนิงเชียนเป็นเพียงเล็กน้อย แต่นางมีความรู้สึกที่ทำให้คนสงสารเอ็นดู

ทันทีที่นาเข้ามาในห้องโถง เฉี่ยนสุ่ยก็เดินไปที่ห้องโถงด้วยฝีเท้าที่สั่นเทา คุกเข่าลงและโค้งคำนับฮองเฮาและเซี่ยหวนอวี่ด้วยเสียงสะอื้นเล็กน้อย “ขอฝ่าบาทให้ความเป็นธรรมเพคะ ขอฮองเฮาให้ความเป็นธรรมเพคะ ก่อนที่พี่ทหารรักษาการ์จะมาเรียกตัวหม่อมฉันในหอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหริน มีคนได้ลักพาน้องสาวฝาแฝดของหม่อมฉันไปเป็นเชลย เหตุเพราะหม่อมฉันอยู่ข้างนอกจึงรอดมาได้ ชายผู้เห็นเหตุการณ์ในร้านฟังกล่าวว่า ผู้ที่ลักพาตัวน้องสาวของหม่อมฉันไป มีป้ายหยกทองคำที่เอวของเขา และดูเหมือนมีคำว่าเซี่ยสลักอยู่ด้วยเพคะ”

ขณะที่นางพูด กงกงอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกประตูพร้อมกับความลังเลเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา “ฝ่าบาท… ฝ่าบาท… เถ้าแก่ของหอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหรินอีกคนหนึ่งได้มาขอเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ…”

เซี่ยหวนอวี่หรี่ ด้วยความสงสัยเล็กน้อยในดวงตาของเขา “พาเข้ามา”

นางกำนัลพาหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งมีความคล้ายกับเฉี่ยนสุ่ยมากๆ แต่นางสวมชุดสีน้ำเงิน เมื่อเห็นเฉี่ยนสุ่ย หน้าของนางก็แปลกใจเล็กน้อย

เฉี่ยนสุ่ยรีบชี้ไปที่หญิงคนนั้นและกล่าวว่า “ฝ่าบาท บุคคลนี้คือตัวปลอม นางปลอมตัวมาเพคะ…”

หญิงที่เข้ามาในห้องโถงจากด้านหลังยังไม่ทันได้ตอบสนอง และถูกทหารรักษาการณ์คุมตัวไว้ หน้ากากบนใบหน้าของนางถูกฉีกออกเผยให้เห็นใบหน้าเดิมของนาง ซึ่งมีรูปโฉมที่ธรรมดา

นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างเห็นหน้าหญิงสาวคนนั้น ก็ตกตะลึง และพึมพำด้วยเสียงต่ำ “นี่มิใช่หวายลวี่จากตำหนักซู่หย่าหรือ?”

หยุนชางเห็นว่าท่าทีของฮองเฮาเปลี่ยนจากสงบเป็นตกใจเล็กน้อยจนถึงที่สุด เมื่อได้ยินสิ่งที่นางกำนัลคนนั้นพูด นางก็หน้าซีดขึ้นอีก หยุนชางยิ้มเล็กน้อย เกรงว่าฮองเฮา นางจะส่งคนไปจับตัวเฉี่ยนสุ่ย และต้องการให้ใครซักคนเปลี่ยนหน้าเพื่อแทนที่นาง แล้วมาชี้ตัวหยุนชาง อย่างไรก็ตาม ฮองเฮาอาจไม่เคยรู้ เถ้าแก่ของหอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหรินจริงๆแล้วมีคนสองคน เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน คนหนึ่งคือเฉี่ยนสุ่ย และอีกคนคืออี้เหริน คนที่ฮองเฮาจับได้คืออี้เหรินไม่ใช่เฉี่ยนสุ่ย

หยุนชางยิ้มและโค้งคำนับเซี่ยหวนอวี่ “ฝ่าบาท ถามเถ้าแก่หอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหรินสักคำแล้วค่อยไตร่สวนคนที่ปลอมตัวมาดีไหมเพคะ”

เซี่ยหวนอวี่พยักหน้าและสั่งนางกำนัลวางถาดไว้ข้างหน้าเฉี่ยนสุ่ย ตรัสว่า “ดูให้ดี สองสิ่งนี้เป็นของในร้านเจ้าหรือไม่?”

เฉี่ยนสุ่ยได้ยินคำพูดนั้น ก้มศีรษะและหยิบปิ่นปักผมและต่างหูบนถาดขึ้นมา และหลังจากดูไปครู่หนึ่ง นางก็พูดว่า “ทูลฝ่าบาท เป็นของในร้านหม่อมฉันเพคะ”

เซี่ยหวนอวี่พยักหน้าและถาม “นอกจากพระชายารุ่ยแล้ว มีใครซื้อสองสิ่งนี้อีกบ้าง คู่นี้เป็นของพระชายารุ่ยหรือไม่?”

“ต่างหูนี้ได้ขายไปแล้วสี่คู่เพคะ มีฮูหยินของนายท่านหวังผู้มั่งคั่งที่สุดในเมือง ครั้งหนึ่งเคยมาที่ร้านเพื่อซื้อสองคู่ นางบอกว่าเป็นหนึ่งอันสำหรับลูกสาวในวัง หนึ่งอันสำหรับตันางเอง และมีคุณหนูสามจากจวนจินเคยมาซื้อหนึ่งคู่ และอีกคนหนึ่ง เกรงว่าสาวชาวบ้านที่มาซื้อ หม่อมฉันจำนางไม่ได้ จากที่มองดูชุดของนาง ดูไม่เหมือนคุณหนูจากจวนเพคะ ดูเหมือนสาวใช้ แต่ดูไม่เหมือนสาวใช้เลย หม่อมฉันมองที่มือของนางบอบบางและขาวราวกับนางไม่เคยทำในส่วนของงานสาวใช้เลยเพคะ” เฉี่ยนสุ่ยพูดมาทีละคน ไม่คลุมเครือ ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วส่ายหัว “อันนี้ ไม่ใช่ของพระชายารุ่ย พระชายารุ่ยเป็นลูกค้าประจำของร้านเรา หม่อมฉันได้ประดิษฐ์เป็นพิเศษ สร้างรอยประทับอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับพระชายารุ่ย ณ ด้านล่างของต่างหูมีชื่อพระชายารุ่ยซึ่งเป็นตัวอักษร หยุน เพคะ”

หลังจากหยุดชั่วคราวแล้วนางก็พูดต่อว่า “ปิ่นปักผมนี้เป็นของพระชายารุ่ยเท่านั้น และยังมีที่ประทับตัวอักษรหยุน แต่ปิ่นปักผม ทำที่ร้านหม่อมฉันนั้นเป็นก้านเต็ม แต่ปิ่นปักผมนี้จงใจเจาะออก และเทคนิคการเจาะรูนี้ก็ดีด้วย ควรทำโดยผู้ที่มีความชำนาญในการทำปิ่นปักผม และตัดสินจากร่องรอยของโพรงนี้ คงทำเมื่อวานนี้หรือวันก่อนเพคะ”

เซี่ยหวนอวี่พยักหน้า ดวงตาของเขาจ้องไปที่เฉี่ยนสุ่ย และตรัสว่า “เจ้าบอกว่าต่างหูคู่สุดท้ายถูกซื้อโดยคนที่เจ้าไม่รู้จัก เจ้าช่วยวาดใบหน้าของคนนั้นได้หรือไหม?”

เฉี่ยนสุ่ยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “หม่อมฉันสามารถวาดภาพเครื่องประดับได้ทุกประเภท ภาพวาดคนหม่อมฉันไม่ถนัดจริงๆ แต่หม่อมฉันจำรูปลักษณ์ของคนๆนั้นได้ หากมีจิตรกรที่มีทักษะที่ดีในวัง หม่อมฉันสามารถแจ้งรูปลักษณ์ของคนๆนั้นให้กับจิตรกรวาดออกมาได้เพคะ”

“ไปเรียกจางจื่อเฉียนมา” เซี่ยหวนอวี่ขึ้นเสียง องครักษ์ที่ประตูก็รีบออกไป

หยุนชางจ้องมองฮองเฮา ฮองเฮาดูกระสับกระส่ายเล็กน้อย หยุนชางยิ้มเล็กน้อย แม้ว่านางจะดึงฮองเฮาออกมาไม่ได้จริงๆ แต่ก็คุ้มค่ามากที่เห็นนางตื่นตระหนกเยี่ยงนี้

จิตรกรมาเร็วมาก เซี่ยหวนอวี่ให้คนเตรียมพู่กันกระดาษ จิตรกรเดินไปที่โต๊ะที่วางอยู่ข้างๆ เฉี่ยนสุ่ยตามไปและอธิบายลักษณะของบุคคลนั้นอย่างละเอียด จิตรกรชื่อจาง จื่อเฉียนได้วาดรูปคนออกมา เฉี่ยนสุ่ยดูแล้วแจ้งข้อคิดเห็น และสั่งให้จิตรกรปรับเปลี่ยนก่อนที่จะนำเสนอภาพวาดให้เซี่ยหวนอวี่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 530 หมากที่ถูกทิ้ง(๑)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 530 หมากที่ถูกทิ้ง(๑) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิวเหวินอันตอบรับ เดินไปที่ด้านหน้าของทหารรักษาการณ์ รับสิ่งที่อยู่ในมือของเขา และถอนตัวออกจากตำหนักหารือ

หยุนชางยิ้ม ครุ่นคิดถึงทุกสิ่งในใจ และเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยหวนอวี่ “ในบรรดาหลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับชิงกุ้ยเหรินและท่านชายน้อยมีเครื่องประดับที่หม่อมฉันปกติชอบไปซื้อในร้าน ปิ่นทองหุ้มหยกที่สาวใช้หวายหย่านำมาถวายในตอนเช้ามาจากหอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหริน และต่างหูที่พบในห้องของเหยียนอวี่ก็เช่นกัน ปิ่นปักผมนั่นหม่อมฉันทำหายแล้วจริงๆ แต่ต่างหูนั่นหม่อมฉันสามารถให้คนนำออกมาได้ หม่อมฉันคิดว่า ทั้งหมดมาจากร้านนั้น เช่นนั้น ก็ลองเชิญเถ้าแก่ในร้านนั้นมาสอบถามก็ได้ บางทีอาจจะมีเบาะแสบางอย่างก็ได้เพคะ”

ดวงตาของเซี่ยหวนอวี่จับจ้องไปที่หยุนชางด้วยสายตาพิจารณา หลังจากครู่หนึ่ง เขาก็ตรัสว่า “ได้ ไปเชิญมาเถอะ”

หยุนชางยิ้มเบาๆ และเงยหน้าขึ้นมองที่ฮองเฮา ฮองเฮายังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาของนางจ้องไปที่หยุนชาง ขมวดคิ้วของนาง ดวงตาของนางครุ่นคิดเล็กน้อย

เมื่อเห็นหยุนชางจ้องมองนาง ฮองเฮาก็มองไปที่หยุนชาง หลังจากนั้นไม่นานนางก็หันกลับมามองเซี่ยหวนอวี่ “ฝ่าบาท หม่อมฉันขอตัวไปดูหยุนซีก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้างเพคะ”

เซี่ยหวนอวี่เงียบครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็พยักหน้า “ไปเถอะ”

ฮองเฮาก้มโค้งคำนับ แล้วเดินลงจากที่นั่งสูง ผ่านหยุนชาง และออกจากตำหนักหารือ

หมาจนตรอกแล้วจริงๆ หยุนชางยิ้มเล็กน้อย แต่นางโล่งใจเล็กน้อยในใจ กลัวแต่ว่านางจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

สายตาของเซี่ยหวนอวี่ยังคงตกอยู่ที่หยุนชาง และการแสดงออกเล็กๆบนใบหน้าของนางไม่สามารถหลุดพ้นจากสายตาของเซี่ยหวนอวี่ได้ เซี่ยหวนอวี่สั่งให้นางกำนัลเตรียมชาก่อนจะตรัสเบาๆ ว่า “รากของตระกูลซูนั้นลึก และตอนนี้ยังไม่สามารถขยับได้”

หยุนชางตกตะลึง จู่ๆก็ลืมตาขึ้น แต่เห็นเซี่ยหวนอวี่ถือถ้วยชาราวกับว่าเขาไม่เคยอ้าปาก หยุนชางหันไปมองนางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างๆ และนางกำนัลก็ก้มศีรษะมิได้มีท่าทีอะไร ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นเพียงความรู้สึกลวงของหยุนชาง

หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่ง เกรงว่าเซี่ยหวนอวี่ต้องการเตือนนางว่าอย่าได้ขยับฮองเฮาด้วยความคิดของนาง หยุนชางก้มศีรษะลง ดวงตาก้มลงมองที่มุมกระโปรง และไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ใกล้กับตำบลฉีหลาน ผู้ที่ส่งคนไปลอบสังหารหม่อมฉันเป็นเสิ่นซู่เฟย หม่อมฉันต้องสูญเสียองครักษ์ลับที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีกว่ายี่สิบคน เฉี่ยนอินที่คอยปรนนิบัติข้างๆหม่อมฉัน นางก็ต้องเสียแขนเช่นกัน”

หลังจากคำพูดของหยุนชางหายไป ห้องโถงก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่หยุนชางจะได้ยินเสียงของเซี่ยหวนอวี่ตรัสว่า “ตามที่เจ้าต้องการ”

มุมปากของหยุนชางกระตุกเล็กน้อย นี่คือความรักของจักรพรรดิที่เรียกว่าการชั่งน้ำหนัก เมื่อพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียแล้ว หมากที่ไร้ประโยชน์ที่สุดสำหรับเขาก็คือ หมากที่ถูกทิ้งแล้ว แม้ว่าอยู่กับเขามานานแค่ไหน ไม่ว่านางจะให้กำเนิดลูกหรือไม่ก็ตาม เมื่อถูกทอดทิ้งก็คือถูกทอดทิ้ง มันคือ เด็ดขาดอย่างแท้จริง

ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮองเฮาก็เสด็จเข้ามาอีกครั้ง สีหน้าของนางมิได้ดูแย่กว่าเมื่อครู่แล้ว แลดูนิ่งสงบลงมาก และนางต้องไปเตรียมการมามากพอควรแล้ว

หยุนชางยิ้มเบาๆ นางเอ่ยให้มีการเชิญเถ้าแก่หอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหรินเข้าวังเพื่อให้ฮองเฮาทำเล่ห์เหลี่ยม

ฮองเฮายังให้นางกำนัลเตรียมชาสักถ้วยและขณะดื่มชาก็รออย่างใจเย็น

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม ท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดลง และทหารรักษาการณ์ก็เข้ามารายงานว่า “ฝ่าบาท เถ้าแก่หอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหรินมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เซี่ยหวนอวี่พยักหน้า วางถ้วยชาลงแล้วพูดด้วยเสียงอันดังว่า “เข้ามาได้”

หยุนชางหันไปมอง ก็เห็นเฉี่ยนสุ่ยเดินเข้ามาอย่างช้าๆ นางสวมกระโปรงยาวสีแดง และตาของนางก็เป็นสีแดงราวกับว่านางเพิ่งร้องไห้มา รูปโฉมของเฉี่ยนสุ่ยนับว่ามีความโดดเด่นมากพอควร แม้ว่าจะด้อยกว่าหนิงเชียนเป็นเพียงเล็กน้อย แต่นางมีความรู้สึกที่ทำให้คนสงสารเอ็นดู

ทันทีที่นาเข้ามาในห้องโถง เฉี่ยนสุ่ยก็เดินไปที่ห้องโถงด้วยฝีเท้าที่สั่นเทา คุกเข่าลงและโค้งคำนับฮองเฮาและเซี่ยหวนอวี่ด้วยเสียงสะอื้นเล็กน้อย “ขอฝ่าบาทให้ความเป็นธรรมเพคะ ขอฮองเฮาให้ความเป็นธรรมเพคะ ก่อนที่พี่ทหารรักษาการ์จะมาเรียกตัวหม่อมฉันในหอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหริน มีคนได้ลักพาน้องสาวฝาแฝดของหม่อมฉันไปเป็นเชลย เหตุเพราะหม่อมฉันอยู่ข้างนอกจึงรอดมาได้ ชายผู้เห็นเหตุการณ์ในร้านฟังกล่าวว่า ผู้ที่ลักพาตัวน้องสาวของหม่อมฉันไป มีป้ายหยกทองคำที่เอวของเขา และดูเหมือนมีคำว่าเซี่ยสลักอยู่ด้วยเพคะ”

ขณะที่นางพูด กงกงอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกประตูพร้อมกับความลังเลเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา “ฝ่าบาท… ฝ่าบาท… เถ้าแก่ของหอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหรินอีกคนหนึ่งได้มาขอเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ…”

เซี่ยหวนอวี่หรี่ ด้วยความสงสัยเล็กน้อยในดวงตาของเขา “พาเข้ามา”

นางกำนัลพาหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งมีความคล้ายกับเฉี่ยนสุ่ยมากๆ แต่นางสวมชุดสีน้ำเงิน เมื่อเห็นเฉี่ยนสุ่ย หน้าของนางก็แปลกใจเล็กน้อย

เฉี่ยนสุ่ยรีบชี้ไปที่หญิงคนนั้นและกล่าวว่า “ฝ่าบาท บุคคลนี้คือตัวปลอม นางปลอมตัวมาเพคะ…”

หญิงที่เข้ามาในห้องโถงจากด้านหลังยังไม่ทันได้ตอบสนอง และถูกทหารรักษาการณ์คุมตัวไว้ หน้ากากบนใบหน้าของนางถูกฉีกออกเผยให้เห็นใบหน้าเดิมของนาง ซึ่งมีรูปโฉมที่ธรรมดา

นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างเห็นหน้าหญิงสาวคนนั้น ก็ตกตะลึง และพึมพำด้วยเสียงต่ำ “นี่มิใช่หวายลวี่จากตำหนักซู่หย่าหรือ?”

หยุนชางเห็นว่าท่าทีของฮองเฮาเปลี่ยนจากสงบเป็นตกใจเล็กน้อยจนถึงที่สุด เมื่อได้ยินสิ่งที่นางกำนัลคนนั้นพูด นางก็หน้าซีดขึ้นอีก หยุนชางยิ้มเล็กน้อย เกรงว่าฮองเฮา นางจะส่งคนไปจับตัวเฉี่ยนสุ่ย และต้องการให้ใครซักคนเปลี่ยนหน้าเพื่อแทนที่นาง แล้วมาชี้ตัวหยุนชาง อย่างไรก็ตาม ฮองเฮาอาจไม่เคยรู้ เถ้าแก่ของหอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหรินจริงๆแล้วมีคนสองคน เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน คนหนึ่งคือเฉี่ยนสุ่ย และอีกคนคืออี้เหริน คนที่ฮองเฮาจับได้คืออี้เหรินไม่ใช่เฉี่ยนสุ่ย

หยุนชางยิ้มและโค้งคำนับเซี่ยหวนอวี่ “ฝ่าบาท ถามเถ้าแก่หอเฉี่ยนสุ่ยอี้เหรินสักคำแล้วค่อยไตร่สวนคนที่ปลอมตัวมาดีไหมเพคะ”

เซี่ยหวนอวี่พยักหน้าและสั่งนางกำนัลวางถาดไว้ข้างหน้าเฉี่ยนสุ่ย ตรัสว่า “ดูให้ดี สองสิ่งนี้เป็นของในร้านเจ้าหรือไม่?”

เฉี่ยนสุ่ยได้ยินคำพูดนั้น ก้มศีรษะและหยิบปิ่นปักผมและต่างหูบนถาดขึ้นมา และหลังจากดูไปครู่หนึ่ง นางก็พูดว่า “ทูลฝ่าบาท เป็นของในร้านหม่อมฉันเพคะ”

เซี่ยหวนอวี่พยักหน้าและถาม “นอกจากพระชายารุ่ยแล้ว มีใครซื้อสองสิ่งนี้อีกบ้าง คู่นี้เป็นของพระชายารุ่ยหรือไม่?”

“ต่างหูนี้ได้ขายไปแล้วสี่คู่เพคะ มีฮูหยินของนายท่านหวังผู้มั่งคั่งที่สุดในเมือง ครั้งหนึ่งเคยมาที่ร้านเพื่อซื้อสองคู่ นางบอกว่าเป็นหนึ่งอันสำหรับลูกสาวในวัง หนึ่งอันสำหรับตันางเอง และมีคุณหนูสามจากจวนจินเคยมาซื้อหนึ่งคู่ และอีกคนหนึ่ง เกรงว่าสาวชาวบ้านที่มาซื้อ หม่อมฉันจำนางไม่ได้ จากที่มองดูชุดของนาง ดูไม่เหมือนคุณหนูจากจวนเพคะ ดูเหมือนสาวใช้ แต่ดูไม่เหมือนสาวใช้เลย หม่อมฉันมองที่มือของนางบอบบางและขาวราวกับนางไม่เคยทำในส่วนของงานสาวใช้เลยเพคะ” เฉี่ยนสุ่ยพูดมาทีละคน ไม่คลุมเครือ ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วส่ายหัว “อันนี้ ไม่ใช่ของพระชายารุ่ย พระชายารุ่ยเป็นลูกค้าประจำของร้านเรา หม่อมฉันได้ประดิษฐ์เป็นพิเศษ สร้างรอยประทับอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับพระชายารุ่ย ณ ด้านล่างของต่างหูมีชื่อพระชายารุ่ยซึ่งเป็นตัวอักษร หยุน เพคะ”

หลังจากหยุดชั่วคราวแล้วนางก็พูดต่อว่า “ปิ่นปักผมนี้เป็นของพระชายารุ่ยเท่านั้น และยังมีที่ประทับตัวอักษรหยุน แต่ปิ่นปักผม ทำที่ร้านหม่อมฉันนั้นเป็นก้านเต็ม แต่ปิ่นปักผมนี้จงใจเจาะออก และเทคนิคการเจาะรูนี้ก็ดีด้วย ควรทำโดยผู้ที่มีความชำนาญในการทำปิ่นปักผม และตัดสินจากร่องรอยของโพรงนี้ คงทำเมื่อวานนี้หรือวันก่อนเพคะ”

เซี่ยหวนอวี่พยักหน้า ดวงตาของเขาจ้องไปที่เฉี่ยนสุ่ย และตรัสว่า “เจ้าบอกว่าต่างหูคู่สุดท้ายถูกซื้อโดยคนที่เจ้าไม่รู้จัก เจ้าช่วยวาดใบหน้าของคนนั้นได้หรือไหม?”

เฉี่ยนสุ่ยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “หม่อมฉันสามารถวาดภาพเครื่องประดับได้ทุกประเภท ภาพวาดคนหม่อมฉันไม่ถนัดจริงๆ แต่หม่อมฉันจำรูปลักษณ์ของคนๆนั้นได้ หากมีจิตรกรที่มีทักษะที่ดีในวัง หม่อมฉันสามารถแจ้งรูปลักษณ์ของคนๆนั้นให้กับจิตรกรวาดออกมาได้เพคะ”

“ไปเรียกจางจื่อเฉียนมา” เซี่ยหวนอวี่ขึ้นเสียง องครักษ์ที่ประตูก็รีบออกไป

หยุนชางจ้องมองฮองเฮา ฮองเฮาดูกระสับกระส่ายเล็กน้อย หยุนชางยิ้มเล็กน้อย แม้ว่านางจะดึงฮองเฮาออกมาไม่ได้จริงๆ แต่ก็คุ้มค่ามากที่เห็นนางตื่นตระหนกเยี่ยงนี้

จิตรกรมาเร็วมาก เซี่ยหวนอวี่ให้คนเตรียมพู่กันกระดาษ จิตรกรเดินไปที่โต๊ะที่วางอยู่ข้างๆ เฉี่ยนสุ่ยตามไปและอธิบายลักษณะของบุคคลนั้นอย่างละเอียด จิตรกรชื่อจาง จื่อเฉียนได้วาดรูปคนออกมา เฉี่ยนสุ่ยดูแล้วแจ้งข้อคิดเห็น และสั่งให้จิตรกรปรับเปลี่ยนก่อนที่จะนำเสนอภาพวาดให้เซี่ยหวนอวี่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+