ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 515 ต่างคนต่างคิด

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 515 ต่างคนต่างคิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

เมื่อเพลงจบลง ไฟในตำหนักก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ทุกคนยังคงเพลิดเพลินไปกับการร่ายรำนั้น หญิงสาวที่ร่ายรำหลายคนเดินเข้ามาในตำหนักและย่อกายคำนับเซี่ยหวนอวี่ “ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท ถวายพระพรเพคะฮองเฮา”

เซี่ยหวนอวี่ยิ้มเล็กน้อย “ลุกขึ้นเถอะ”

เมื่อพูดจบ เขาก็ปรบมือและหันไปมองฮองเฮา “การแสดงชุดนี้ช่างงดงามจริงๆ แต่เจิ้นไม่ค่อยได้เห็นนางรำสวมผ้าปิดหน้านัก…”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮองเฮาก็หัวเราะขึ้น “ในเมื่อฝ่าบาททรงตรัสเช่นนั้นแล้วก็ให้แม่นางผู้นั้นปลดผ้าคลุมออกเถิด”

หญิงสาวชุดขาวได้ยินเช่นนี้ก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและยื่นมือไปปลดผ้าคลุมหน้าออกอย่างเชื่องช้า

คิ้วของนางโก่งดังจันทร์เสี้ยว ดวงตาดำขลับ มุมหางตาของนางเฉียงขึ้นเล็กน้อยทำให้ดูมีเสน่ห์อย่างยากจะอธิบาย จมูกของนางตั้งตรงแต่น่ามอง ปากเล็กๆ ราวกับลูกเชอร์รี่ของนางราวกับกำลังเชิญชวนอย่างไร้เสียง ทุกคนในตำหนักต่างก็ตกอยู่ในภวังค์

หยุนชางกวาดตามองนางอย่างเรียบเฉย ที่จริงแล้วหญิงสาวคนนี้ไม่ได้สวยมากนัก อย่างน้อยก็ไม่สวยเท่าหนิงเชียน แต่เพราะการร่ายรำเมื่อครู่และความลึกลับของผ้าคลุมหน้ากลับทำให้นางดูน่าทึ่ง

เซี่ยหวนอวี่ยังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ฮองเฮาก็ยิ้มและหันไปมองเสิ่นซูเฟยซึ่งจ้องมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นอย่างไม่วางตา แล้วจึงค่อยๆ เอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ “จะว่าไปแล้วแม่นางชิงหมิงก็มีวาสนาต้องกันเสิ่นซูเฟยนัก นางรู้จักกับเสิ่นซูเฟยมาตั้งแต่เด็ก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยหวนอวี่ก็หันไปมองเสิ่นซูเฟย เสิ่นซูเฟยยิ้มบางๆ แต่ดวงตากลับไร้รอยยิ้ม “เพคะ ชิงหมิงกับข้าคุ้นเคยกันดี นางอายุน้อยกว่าหม่อมฉันเจ็ดปี บ้านของเราอยู่ใกล้กัน ตั้งแต่นางเกิดข้าก็อยู่กับนางมาโดยตลอด”

“หือ? มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเช่นนี้เชียวหรือ” ฮองเฮายิ้มแล้วหันไปหาเซี่ยหวนอวี่ “ฝ่าบาท น้องซูเฟยนั้นตั้งแต่ตอนที่ฉีอ๋องไปอยู่ที่ฉีโจวแล้วก็ดูไม่ค่อยมีความสุขนัก หากมีเพื่อนสมัยเด็กอยู่คุยกันอาจจะช่วยให้นางรู้สึกดีขึ้นบ้าง”

เซี่ยหวนอวี่เบนสายตากลับไปมองสตรีชุดขาวแล้วจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ให้แม่นางชิงหมิงอยู่ในวังเถอะ อยู่ที่ตำหนักซู่หย่านั่นแหละ”

หญิงสาวชุดขาวรีบย่อกายคำนับเซี่ยหวนอวี่เพื่อขอบคุณ “ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท”

สายตาของหยุนชางประเมินซูเฟยอยู่อย่างเงียบๆ แม้ว่านางจะบอกว่านางรู้จักกับแม่นางชิงหมิงตั้งแต่เล็ก แต่สายตาของนางกลับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย หากคิดดูให้ดีแล้ว ฮองเฮาไม่มีทางใจดีพาเพื่อนสมัยเด็กของซูเฟยเข้าวังมาอยู่เป็นเพื่อนนางแน่ ชิงหมิงผู้นี้ เกรงว่าจะเป็นคนที่ฮองเฮาพามาเพื่อจัดการรับมือกับเสิ่นซูเฟยโดยเฉพาะเสียมากกว่า

มีกระแสความไม่พอใจในสายตาของฮองเฮาเช่นกัน เมื่อครู่เซี่ยหวนอวี่เพียงพูดว่าให้นางอยู่ในวัง แต่ไม่ได้ให้ตำแหน่งใดๆ กับนาง ดังนั้นชิงหมิงจึงมีเพียงสองฐานะยามอยู่ในวังเท่านั้น หนึ่งก็คือญาติของเสิ่นซูเฟย แต่หากอยู่ในสถานะญาติแล้ว ในวังหลังย่อมมีกฎอยู่ว่าการมาเยี่ยมนั้นจะอยู่ได้ไม่เกินสามวัน เพียงสามวันนั้นเกรงว่าจะไม่อาจบรรลุจุดประสงค์ของฮองเฮาได้ ส่วนอีกฐานะหนึ่งก็คือนางกำนัล ฮองเฮาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ชิงหมิงได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาท หากได้รับเพียงตำแหน่งนางกำนัล สำหรับฮองเฮาแล้วก็คงเป็นความอัปยศอย่างไม่ต้องสงสัย

ในขณะที่ฮองเฮากำลังจะเอ่ยปากพูดก็ได้ยินเสียงของเซี่ยหวนอวี่ดังขึ้น “ฮองเฮาดูแลเหล่านางสนมทั้งหมดในวังหลังเป็นอย่างดี เจิ้นขอดื่มให้เจ้าหนึ่งจอก”

นางจึงต้องกลืนคำพูดที่นางตั้งใจจะพูดกลับลงคอไป “นี่เป็นความรับผิดชอบของหม่อมฉันอยู่แล้วเพคะ ฝ่าบาทก็พูดเกินไป”

“โอ้? เจ้าเจ็ดมาถึงแล้วหรือ?” เซี่ยหวนอวี่วางจอกเหล้าลงแล้วกล่าวเรียบๆ ทุกคนมองตามสายตาของเซี่ยหวนอวี่ไปยังประตูก็เห็นองค์ชายเจ็ดรีบเดินเข้ามาในตำหนัก ใบหน้าของเขาซีดขาวเป็นอย่างมาก แม้ว่าเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาจะสวมใส่อย่างเหมาะสม แต่ก็ยังไม่เรียบร้อยเล็กน้อยราวกับรีบมาก

“ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อเสด็จแม่ ขอให้เสด็จทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน หม่อมฉันรีบมากจึงไม่ได้กลับไปเอาของขวัญที่เตรียมไว้ให้เสด็จแม่มาจากที่จวน ขอให้เสด็จแม่ยกโทษให้หม่อมฉันด้วย ของขวัญนั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว หม่อมฉันสั่งให้คนไปนำมาจากจวนแล้ว อีกครู่คงมาถึงพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อองค์ชายเจ็ดเข้ามาในตำหนัก เขาก็เดินเข้าไปคุกเข่าทำความเคารพสองบุคคลอยู่มีตำแหน่งสูงสุดทันที

ฮองเฮารีบยิ้มและเอ่ยว่า “ข้ารู้ถึงความกตัญญูของเจ้าแล้ว ลุกขึ้นเถอะ” พูดจบก็สั่งนางกำนัล “ยังไม่รีบไปเตรียมเก้าอี้ให้เขาอีกหรือ?”

นางกำนัลผู้นั้นรีบนำที่นั่งมาเพิ่มให้เขาทันที ฮองเฮาเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ดูสีหน้าเจ้าช่างซีดนัก ในคุกได้รับความลำบอกหรือ? รีบนั่งลงเถิด วันนี้เจ้าอย่าดื่มเลย ร่างกายเจ้าสำคัญนัก”

องค์ชายเจ็ดไม่ได้รีบร้อนนั่งลง แต่กลับหันไปทำความเคารพเซี่ยหวนอวี่อีกครั้ง “หม่อมฉันอกตัญญู ทำให้เสด็จพ่อและเสด็จแม่ต้องผิดหวังและเป็นกังวล แต่หม่อมฉันนั้นได้รับความอยุติธรรมอย่างที่สุด หวังว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่จะช่วยคืนความยุติธรรมแก่ข้าด้วย”

หยุนชางกวาดสายตามององค์ชายเจ็ดด้วยแววเย้ยหยัน อยุติธรรมงั้นหรือ? โดนปรักปรำหรือไม่ในใจของเขารู้แก่ใจดีที่สุด แม้วันนั้นเขาจะจงใจดัดเสียงตนเองให้ต่ำลง แต่เมื่อหยุนชางได้ยินก็จำได้ทันที เพียงแต่ตอนนั้นเรื่องที่หยุนชางอยู่ในเมื่องจิ่นมีคนรู้ไม่มากนัก ตอนนี้ทุกคนต่างรู้ว่านางได้กลับมาจากเมืองเยว่เฉียนแล้ว การเล่นละครของพวกเขาก็ยิ่งร้ายกาจมากขึ้นเรื่อยๆ

“โดนใส่ความหรือไม่กรมอาญาจะเป็นผู้สอบสวนเอง ไม่มีทางไม่ยุติธรรมต่อเจ้าแน่ วันนี้เป็นวันเกิดฮองเฮา เรื่องอัปมงคลเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีก” เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้ว

เมื่ออ๋องเจ็ดเห็นว่าเซี่ยหวนอวี่มีท่าทีไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เขาก็รีบรับคำ โขกศีรษะลงอีกครั้งหนึ่งก่อนจะถอยออกไป

มีนางรำเข้ามาร่ายรำอีกครั้ง เสียงบรรเลงของดนตรีเครื่องสายค่อยๆ ดังขึ้น ทุกคนจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินดื่มอาหารที่อยู่ตรงหน้า

ทันใดนั้นก็มีนางกำนัลวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนและชนเหล่านางรำ เสียงกรีดร้องดังก้องขึ้นในตำหนักทันที

เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้วมองไปยังนางรำที่กำลังกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกและตบที่เท้าแขนอย่างแรง “คุกเข่าลง!”

ทุกคนในตำหนักคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้วมองไปยังนางกำนัลผู้นั้น “รีบร้อนอะไรของเจ้า? เกิดอะไรขึ้น ยังไม่รีบพูดอีกหรือ?”

นางกำนัลผู้นั้นตัวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก “ทูลฝ่าบาท ทูลฮองเฮาเพคะ ท่านชายน้อยตัวเขียวคล้ำและตัวสั่นอย่างรุนแรงดูเหมือนถูกวางยา หมอหลวงจึงให้หม่อมฉันรีบมากราบทูลฮองเฮาเพคะ”

ฮองเฮาสีหน้าซีดเผือดลงในทันใด นางรีบลุกขึ้นยืนจนทำให้กาเหล้าบนโต๊ะตรงหน้าหกลง เมื่อตกลงบนพื้น เหล้าที่อยู่ด้านในก็ไหลออกมา

“อะไรนะ?” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นางรีบหันกลับมาคำนับเซี่ยหวนอวี่ “หยุนซีเกิดเรื่องแล้วเพคะ ฝ่าบาทโปรดอนุญาตให้หม่อมฉันออกไปก่อน”

เซี่ยหวนอวี่ใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “หยุนซีก็เป็นหลานของเจิ้นเช่นกัน หากเกิดเรื่องขึ้นเจิ้นเองก็ควรไปดูด้วย พวกเจ้าอยู่ที่นี่เถอะ เจิ้นกับฮองเฮาเดี๋ยวก็กลับมา”

ทุกคนรีบขานรับและมองส่งเซี่ยหวนอวี่กับฮองเฮาเดินออกไปจากตำหนักไท่จี๋

หยุนชางยืดตัวตรงและขมวดคิ้วเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ยามอยู่ที่ตำหนักเว่ยยาง ฮองเฮาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในตำหนักชั้นในและมอบให้ข้าดูแลท่านชายน้อย เหตุใดจึงบังเอิญเกิดเรื่องขึ้นเช่นนี้? เป็นไปได้ไหมว่า…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 515 ต่างคนต่างคิด

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 515 ต่างคนต่างคิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

เมื่อเพลงจบลง ไฟในตำหนักก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ทุกคนยังคงเพลิดเพลินไปกับการร่ายรำนั้น หญิงสาวที่ร่ายรำหลายคนเดินเข้ามาในตำหนักและย่อกายคำนับเซี่ยหวนอวี่ “ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท ถวายพระพรเพคะฮองเฮา”

เซี่ยหวนอวี่ยิ้มเล็กน้อย “ลุกขึ้นเถอะ”

เมื่อพูดจบ เขาก็ปรบมือและหันไปมองฮองเฮา “การแสดงชุดนี้ช่างงดงามจริงๆ แต่เจิ้นไม่ค่อยได้เห็นนางรำสวมผ้าปิดหน้านัก…”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮองเฮาก็หัวเราะขึ้น “ในเมื่อฝ่าบาททรงตรัสเช่นนั้นแล้วก็ให้แม่นางผู้นั้นปลดผ้าคลุมออกเถิด”

หญิงสาวชุดขาวได้ยินเช่นนี้ก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและยื่นมือไปปลดผ้าคลุมหน้าออกอย่างเชื่องช้า

คิ้วของนางโก่งดังจันทร์เสี้ยว ดวงตาดำขลับ มุมหางตาของนางเฉียงขึ้นเล็กน้อยทำให้ดูมีเสน่ห์อย่างยากจะอธิบาย จมูกของนางตั้งตรงแต่น่ามอง ปากเล็กๆ ราวกับลูกเชอร์รี่ของนางราวกับกำลังเชิญชวนอย่างไร้เสียง ทุกคนในตำหนักต่างก็ตกอยู่ในภวังค์

หยุนชางกวาดตามองนางอย่างเรียบเฉย ที่จริงแล้วหญิงสาวคนนี้ไม่ได้สวยมากนัก อย่างน้อยก็ไม่สวยเท่าหนิงเชียน แต่เพราะการร่ายรำเมื่อครู่และความลึกลับของผ้าคลุมหน้ากลับทำให้นางดูน่าทึ่ง

เซี่ยหวนอวี่ยังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ฮองเฮาก็ยิ้มและหันไปมองเสิ่นซูเฟยซึ่งจ้องมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นอย่างไม่วางตา แล้วจึงค่อยๆ เอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ “จะว่าไปแล้วแม่นางชิงหมิงก็มีวาสนาต้องกันเสิ่นซูเฟยนัก นางรู้จักกับเสิ่นซูเฟยมาตั้งแต่เด็ก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยหวนอวี่ก็หันไปมองเสิ่นซูเฟย เสิ่นซูเฟยยิ้มบางๆ แต่ดวงตากลับไร้รอยยิ้ม “เพคะ ชิงหมิงกับข้าคุ้นเคยกันดี นางอายุน้อยกว่าหม่อมฉันเจ็ดปี บ้านของเราอยู่ใกล้กัน ตั้งแต่นางเกิดข้าก็อยู่กับนางมาโดยตลอด”

“หือ? มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเช่นนี้เชียวหรือ” ฮองเฮายิ้มแล้วหันไปหาเซี่ยหวนอวี่ “ฝ่าบาท น้องซูเฟยนั้นตั้งแต่ตอนที่ฉีอ๋องไปอยู่ที่ฉีโจวแล้วก็ดูไม่ค่อยมีความสุขนัก หากมีเพื่อนสมัยเด็กอยู่คุยกันอาจจะช่วยให้นางรู้สึกดีขึ้นบ้าง”

เซี่ยหวนอวี่เบนสายตากลับไปมองสตรีชุดขาวแล้วจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ให้แม่นางชิงหมิงอยู่ในวังเถอะ อยู่ที่ตำหนักซู่หย่านั่นแหละ”

หญิงสาวชุดขาวรีบย่อกายคำนับเซี่ยหวนอวี่เพื่อขอบคุณ “ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท”

สายตาของหยุนชางประเมินซูเฟยอยู่อย่างเงียบๆ แม้ว่านางจะบอกว่านางรู้จักกับแม่นางชิงหมิงตั้งแต่เล็ก แต่สายตาของนางกลับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย หากคิดดูให้ดีแล้ว ฮองเฮาไม่มีทางใจดีพาเพื่อนสมัยเด็กของซูเฟยเข้าวังมาอยู่เป็นเพื่อนนางแน่ ชิงหมิงผู้นี้ เกรงว่าจะเป็นคนที่ฮองเฮาพามาเพื่อจัดการรับมือกับเสิ่นซูเฟยโดยเฉพาะเสียมากกว่า

มีกระแสความไม่พอใจในสายตาของฮองเฮาเช่นกัน เมื่อครู่เซี่ยหวนอวี่เพียงพูดว่าให้นางอยู่ในวัง แต่ไม่ได้ให้ตำแหน่งใดๆ กับนาง ดังนั้นชิงหมิงจึงมีเพียงสองฐานะยามอยู่ในวังเท่านั้น หนึ่งก็คือญาติของเสิ่นซูเฟย แต่หากอยู่ในสถานะญาติแล้ว ในวังหลังย่อมมีกฎอยู่ว่าการมาเยี่ยมนั้นจะอยู่ได้ไม่เกินสามวัน เพียงสามวันนั้นเกรงว่าจะไม่อาจบรรลุจุดประสงค์ของฮองเฮาได้ ส่วนอีกฐานะหนึ่งก็คือนางกำนัล ฮองเฮาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ชิงหมิงได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาท หากได้รับเพียงตำแหน่งนางกำนัล สำหรับฮองเฮาแล้วก็คงเป็นความอัปยศอย่างไม่ต้องสงสัย

ในขณะที่ฮองเฮากำลังจะเอ่ยปากพูดก็ได้ยินเสียงของเซี่ยหวนอวี่ดังขึ้น “ฮองเฮาดูแลเหล่านางสนมทั้งหมดในวังหลังเป็นอย่างดี เจิ้นขอดื่มให้เจ้าหนึ่งจอก”

นางจึงต้องกลืนคำพูดที่นางตั้งใจจะพูดกลับลงคอไป “นี่เป็นความรับผิดชอบของหม่อมฉันอยู่แล้วเพคะ ฝ่าบาทก็พูดเกินไป”

“โอ้? เจ้าเจ็ดมาถึงแล้วหรือ?” เซี่ยหวนอวี่วางจอกเหล้าลงแล้วกล่าวเรียบๆ ทุกคนมองตามสายตาของเซี่ยหวนอวี่ไปยังประตูก็เห็นองค์ชายเจ็ดรีบเดินเข้ามาในตำหนัก ใบหน้าของเขาซีดขาวเป็นอย่างมาก แม้ว่าเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาจะสวมใส่อย่างเหมาะสม แต่ก็ยังไม่เรียบร้อยเล็กน้อยราวกับรีบมาก

“ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อเสด็จแม่ ขอให้เสด็จทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน หม่อมฉันรีบมากจึงไม่ได้กลับไปเอาของขวัญที่เตรียมไว้ให้เสด็จแม่มาจากที่จวน ขอให้เสด็จแม่ยกโทษให้หม่อมฉันด้วย ของขวัญนั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว หม่อมฉันสั่งให้คนไปนำมาจากจวนแล้ว อีกครู่คงมาถึงพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อองค์ชายเจ็ดเข้ามาในตำหนัก เขาก็เดินเข้าไปคุกเข่าทำความเคารพสองบุคคลอยู่มีตำแหน่งสูงสุดทันที

ฮองเฮารีบยิ้มและเอ่ยว่า “ข้ารู้ถึงความกตัญญูของเจ้าแล้ว ลุกขึ้นเถอะ” พูดจบก็สั่งนางกำนัล “ยังไม่รีบไปเตรียมเก้าอี้ให้เขาอีกหรือ?”

นางกำนัลผู้นั้นรีบนำที่นั่งมาเพิ่มให้เขาทันที ฮองเฮาเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ดูสีหน้าเจ้าช่างซีดนัก ในคุกได้รับความลำบอกหรือ? รีบนั่งลงเถิด วันนี้เจ้าอย่าดื่มเลย ร่างกายเจ้าสำคัญนัก”

องค์ชายเจ็ดไม่ได้รีบร้อนนั่งลง แต่กลับหันไปทำความเคารพเซี่ยหวนอวี่อีกครั้ง “หม่อมฉันอกตัญญู ทำให้เสด็จพ่อและเสด็จแม่ต้องผิดหวังและเป็นกังวล แต่หม่อมฉันนั้นได้รับความอยุติธรรมอย่างที่สุด หวังว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่จะช่วยคืนความยุติธรรมแก่ข้าด้วย”

หยุนชางกวาดสายตามององค์ชายเจ็ดด้วยแววเย้ยหยัน อยุติธรรมงั้นหรือ? โดนปรักปรำหรือไม่ในใจของเขารู้แก่ใจดีที่สุด แม้วันนั้นเขาจะจงใจดัดเสียงตนเองให้ต่ำลง แต่เมื่อหยุนชางได้ยินก็จำได้ทันที เพียงแต่ตอนนั้นเรื่องที่หยุนชางอยู่ในเมื่องจิ่นมีคนรู้ไม่มากนัก ตอนนี้ทุกคนต่างรู้ว่านางได้กลับมาจากเมืองเยว่เฉียนแล้ว การเล่นละครของพวกเขาก็ยิ่งร้ายกาจมากขึ้นเรื่อยๆ

“โดนใส่ความหรือไม่กรมอาญาจะเป็นผู้สอบสวนเอง ไม่มีทางไม่ยุติธรรมต่อเจ้าแน่ วันนี้เป็นวันเกิดฮองเฮา เรื่องอัปมงคลเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีก” เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้ว

เมื่ออ๋องเจ็ดเห็นว่าเซี่ยหวนอวี่มีท่าทีไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เขาก็รีบรับคำ โขกศีรษะลงอีกครั้งหนึ่งก่อนจะถอยออกไป

มีนางรำเข้ามาร่ายรำอีกครั้ง เสียงบรรเลงของดนตรีเครื่องสายค่อยๆ ดังขึ้น ทุกคนจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินดื่มอาหารที่อยู่ตรงหน้า

ทันใดนั้นก็มีนางกำนัลวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนและชนเหล่านางรำ เสียงกรีดร้องดังก้องขึ้นในตำหนักทันที

เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้วมองไปยังนางรำที่กำลังกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกและตบที่เท้าแขนอย่างแรง “คุกเข่าลง!”

ทุกคนในตำหนักคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้วมองไปยังนางกำนัลผู้นั้น “รีบร้อนอะไรของเจ้า? เกิดอะไรขึ้น ยังไม่รีบพูดอีกหรือ?”

นางกำนัลผู้นั้นตัวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก “ทูลฝ่าบาท ทูลฮองเฮาเพคะ ท่านชายน้อยตัวเขียวคล้ำและตัวสั่นอย่างรุนแรงดูเหมือนถูกวางยา หมอหลวงจึงให้หม่อมฉันรีบมากราบทูลฮองเฮาเพคะ”

ฮองเฮาสีหน้าซีดเผือดลงในทันใด นางรีบลุกขึ้นยืนจนทำให้กาเหล้าบนโต๊ะตรงหน้าหกลง เมื่อตกลงบนพื้น เหล้าที่อยู่ด้านในก็ไหลออกมา

“อะไรนะ?” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นางรีบหันกลับมาคำนับเซี่ยหวนอวี่ “หยุนซีเกิดเรื่องแล้วเพคะ ฝ่าบาทโปรดอนุญาตให้หม่อมฉันออกไปก่อน”

เซี่ยหวนอวี่ใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “หยุนซีก็เป็นหลานของเจิ้นเช่นกัน หากเกิดเรื่องขึ้นเจิ้นเองก็ควรไปดูด้วย พวกเจ้าอยู่ที่นี่เถอะ เจิ้นกับฮองเฮาเดี๋ยวก็กลับมา”

ทุกคนรีบขานรับและมองส่งเซี่ยหวนอวี่กับฮองเฮาเดินออกไปจากตำหนักไท่จี๋

หยุนชางยืดตัวตรงและขมวดคิ้วเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ยามอยู่ที่ตำหนักเว่ยยาง ฮองเฮาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในตำหนักชั้นในและมอบให้ข้าดูแลท่านชายน้อย เหตุใดจึงบังเอิญเกิดเรื่องขึ้นเช่นนี้? เป็นไปได้ไหมว่า…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+