ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 524 ใส่ร้ายป้ายสี (๒)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 524 ใส่ร้ายป้ายสี (๒) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พระชายาพานางกำนัลมาด้วยเพคะ คนที่ท่านพามาคือสองคนที่อยู่ด้านหลังพระชายาเพคะ” หวายหย่าก้มหน้าลงและกล่าวด้วยเสียงเบา

“เช่นนั้นหรือ?” หยุนชางยิ้มอีกครั้ง “เจ้าแน่ใจหรือ?”

หวายหย่าประหลาดใจกับคำถามของหยุนชาง และหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางกล่าวว่า “แน่ใจ…เพคะ”

เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ หยุนชางก็หันหลังกลับและโค้งคำนับเซี่ยหวนอวี่และฮองเฮา “ฝ่าบาท พระราชินีเพคะ หม่อมฉันคิดว่าเรื่องนี้เพียงพอที่จะลบล้างข้อกล่าวหาของหม่อมฉันได้แล้วเพคะ เมื่อวานนี้หม่อมฉันเข้าวังยามเว่ยและอยู่ที่ตำหนักเซียงจู๋ไปประมาณสิบห้านาทีกว่าๆ จากนั้นก็ไปถวายพระพรต่อพระราชินีที่วังเว่ยยาง เมื่อวานนี้เพราเซียงกุ้ยผินได้วิธีดูแลผิวพรรณแบบใหม่มา หม่อมฉันจึงสนใจเล็กน้อย แต่ก็กลัวว่าจะไปถวายพระพรต่อพระราชินีสายเกินเวลา ฉะนั้นหม่อมฉันจึงให้เฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วนางกำนัลทั้งสองนี้รออยู่ที่วังเซียงจู๋ เพื่อให้ทั้งสองฝึกวิธีนั้นให้ดี มิได้พาทั้งสองไปที่วังเว่ยยางแต่อย่างใดเพคะ นางกำนัลผู้นี้กล่าวว่าเมื่อตอนที่ข้าเจอนางที่อุทยานหลวง ข้าพานางกำนัลไปด้วย ไม่ถูกต้องเพคะ”

เมื่อหวายหย่าได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของนางก็เริ่มร้อนรนเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบพูดแก้ไขว่า “หม่อมฉันความจำไม่ดีเท่าไหร่นัก จึงลืมไปบ้างเพคะ

หยุนชางยิ้มเยาะเย้ย “เมื่อสักครู่นี้ข้ายืนยันกับเจ้าแล้ว เจ้าตอบข้าว่าแน่ใจ”

มือที่กำลังเล่นแหวนหยกของเซี่ยหวนอวี่ชะงัก เขากล่าวอย่างเฉยเมยว่า ” องครักษ์ นำตัวนางกำนัลคนนี้ลงไป เฆี่ยนห้าสิบที”

เมื่อหวายหย่าได้ยินเช่นนี้ สีหน้านางแสดงความหวาดกลัวออกมา จากนั้นจึงตะโกนขึ้นมาทันที “หม่อมฉันยังมีหลักฐานอื่นๆ เพคะ หม่อมฉันมีหลักฐานยืนยันเพคะ”

เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ จึงหันไปกล่าวต่อเซี่ยหวนอวี่ว่า “ฝ่าบาททรงหยุดก่อนเพคะ”

เซี่ยหวนอวี่เหลือบมองหยุนชาง จากนั้นก็โบกมือ องครักษ์ที่กำลังจะเข้ามาก็หยุนลง

“ในเมื่อนางบอกว่ามีหลักฐาน เช่นนั้นก็ลองดูก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันบริสุทธิ์ใจไม่จำเป็นต้องกลัวหลักฐานของนางเพคะ” หยุนชางยิ้มและอธิบายต่อเซี่ยหวนอวี่ จากนั้นขึงหันไปบอกกับหวายหย่าว่า “เจ้าลองว่ามาสิ ว่ามีหลักฐานกระไร?”

หวายหย่ารีบดึงปิ่นปักผมออกจากแขนเสื้อของตน หยุนชางหรี่ตาแล้วมองดู ปิ่นปักผมนั่นหน้าตาค่อนข้างคุ้นเคย มันคือปิ่นหยกม่วงสลักลายทอง เป็นของที่หอเฉียนสุ่ยอี้เหรินส่งมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ปิ่นปักผมที่เรียบง่ายดูดีนี้หยุนชางใส่อยู่หลายครั้ง แต่มันหายไปเมื่อวันก่อน ที่แท้ก็อยู่นี่นี่เอง เมื่อวานก่อนนั้นเกิดเรื่องแปลกกับหยุนชางขึ้น ตอนที่นางออกจากวังเว่ยยางของฮองเฮา เมื่อนางเดินไปถึงหัวเลี้ยวข้างวัง ก็มีนางกำนัลวิ่งเข้ามา ด้วยเหตุที่นางกำนัลนั้นพุ่งมาอย่างกะทันหัน หยุนชางมิทันได้ระวัง จึงถูกนางชนจนล้มลง นางกำนัลนั้นรีบพยุงนางขึ้นและยังบอกอีกว่าปิ่นของนางยุ่งเหยิงเล็กน้อย และช่วยนางจัดไปอยู่ครู่หนึ่ง เฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วเพิ่งเห็นว่าปิ่นปักผมหายไปเมื่อตอนขึ้นรถม้า หยุนชางคิดในใจว่าปิ่นคงหล่นไปตอนนั้นกระมั้ง จึงได้สั่งให้คนกลับไปหา แต่ก็ไม่พบ เกรงว่านางกำนัลคนนั้นคงลงมือเอามันไปในขณะที่สถานการณ์วุ่นวายกระมั้ง

หวายหย่ารีบกล่าวว่า “ปิ่นปักผมนี้มีชื่อว่าปิ่นหยกม่วงสลักลายทอง เป็นของพระชายารุ่ยอ๋อง นางสนมหลายท่านในพระราชวังนี้เคยเห็นพระชายารุ่ยอ๋องใส่มันเพคะ ตรงกลางของปิ่นปักผมนี้มีลักษณะกลวง เมื่อวานนี้ตอนที่พระชายารุ่ยอ๋องนำยานั้นให้หม่อมฉัน ท่านก็ซ่อนยานั้นไว้ในปิ่นนี้เพคะ พระชายารุ่ยอ๋องยังกล่าวอีกว่า ทำเช่นนี้สามารถตบตาผู้คน หากว่ามีใครถาม ก็ให้หม่อมฉันบอกไปว่าปิ่นปักผมนี้พระชายามอบให้หม่อมฉันเป็นรางวัลเพคะ”

กลวง? หยุนชางเลิกคิ้ว นางไม่เคยทราบมาก่อนว่าปิ่นปักผมนั้นของนางเป็นปิ่นแบบกลวง หากว่าเป็นแบบกลวงจริง เฉี่ยนสุ่ยจะต้องบอกนางอย่างแน่นอน สันนิษฐานว่าหลังจากมีคนเอาปิ่นปักผมนี้ไปแล้วปรับเปลี่ยนปิ่นปักผมของนางเพื่อการวันนี้กระมั้ง”

“ชางเอ๋อร์ นี่เป็นปิ่นปักผมของเจ้าหรือไม่?” ฮองเฮาขมวดคิ้วและมองไปที่หยุนชาง

หยุนชางรีบหันกลับและส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ปิ่นปักผมของหม่อมฉันมิใช่แบบกลวงเพคะ”

“เช่นนี้หรือ?” ฮองเฮาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงรีบพูด “หากเป็นเช่นนี้ ชางเอ๋อร์นำปิ่นปักผมของเจ้าออกมาเสียดีกว่า ความจริงจะได้ปรากฏเสียที”

หยุนชางหยุดชะงัก ความมืดมนฉายออกมาในดวงตาของนาง หอเฉียนสุ่ยอี้เหรินทำปิ่นหยกม่วงสลักลายทองออกมาสำหรับนางโดยเฉพาะ มีเพียงชิ้นนี้ชิ้นเดียวเท่านั้น แม้ว่านางไม่ทราบว่าปิ่นปักผมที่อยู่ในมือของนางกำนัลหวายหย่านี้เอาไปจากตนหรือไม่ แต่ตอนนี้นางไม่สามารถหาปิ่นปักผมนั้นมาได้จริงๆ

หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อย ๆ เอ่ยปาก “ปิ่นปักผมของหม่อมฉันมิใช่แบบหลวงเพคะ แต่ว่าปิ่นปักผมตัวนั้นของหม่อมฉันหายไปเมื่อสองสามวันที่แล้วเพคะ หม่อมฉันถูกนางกำนัลชนแถวๆ วังเว่ยยาง ตอนนั้นหม่อมฉันสงสัยว่าคงหล่นอยู่แถวๆ นั้นเพคะ จึงได้ส่งคนไปตามหาโดยเฉพาะเพคะ ทหารเฝ้าประตูวังสามารถเป็นพยานให้การได้เพคะ”

เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนี้ จึงขมวดคิ้วขึ้นมา “หากเป็นเช่นนี้ แสดงว่าพระชายารุ่ยอ๋องไม่มีปิ่นหยกม่วงสลักลายทองอยู่ในมือใช่หรือไม่?”

“ไม่มีเพคะ…” หยุนชางพูดอย่างเฉยเมย ไม่เร่งรีบ แต่นางคิดในใจว่า ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่ฮองเฮาสั่งการกับตน พูดเพียงแค่ว่าเมื่อถึงเวลานางกำนัลจะชี้ตัวว่านางเป็นคนนำยานั้นมาส่ง และนางเพียงแค่ปฏิเสธ ฮองเฮาจะหาวิธีโยงเรื่องนี้ไปที่เสิ่นซู่เฟย และกล่าวว่าเสิ่นซู่เฟยกำลังจะใส่ความนาง และคนที่วางยาฝ่าบาทคือเสิ่นซู่เฟย

หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา มีแต่เริ่มต้นเท่านั้นที่เล่นตามบท แต่เหตุใดเรื่องมันดูเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่นาง

หยุนชางเงยหน้ามองไปที่เสิ่นซู่เฟยและฮองเฮา และคาดเดาในใจด้วยความเหลือเชื่อว่า หรือว่าสองคนนั้นร่วมมือกัน?

หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว หยุนชางก็ตระหนักได้ว่า ถึงแม้ความเป็นไปได้นี้จะดูไร้สาระ แต่ก็เป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุด ก่อนหน้านี้นางไม่เคยคิดไปถึงเรื่องนี้ เพราะนางรู้สึกว่าฮองเฮาเป็นศัตรูกับเสิ่นซู่เฟยมาตลอด และคิดว่าความแค้นนั้นก็คงยากที่จะสลายไป แต่นางไม่เคยคิดว่า บนโลกนี้ไม่เคยมีมิตรนิรันดร์หรือศัตรูนิรันดร์ มีแต่ผลประโยชน์นิรันดร์เท่านั้น

หยุนชางรู้สึกแปลกตั้งแต่ที่ฟังหวายหย่ากล่าวเมื่อสักครู่แล้ว แม้ว่านางกำนัลที่ชื่อหวายหย่านี้จะวางยาในแกว้ของเซี่ยหวนอวี่ แต่เสิ่นซู่เฟยก็คงอยู่ในตำหนักเช่นกันสิ แล้วเหตุใดนางจึงไม่ทราบเรื่องนี้ หลิวเหวินอันเป็นคนที่เซี่ยหวนอวี่ไว้ใจ ไม่มีทางโกหกอย่างแน่นอน หากว่าเสิ่นซู่เฟยหมอสติไปอย่างที่นางกล่าวจริงๆ และนางตื่นขึ้นมาบนพระแท่นบรรทมจริงๆ แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่หลิวเหวินอันจะไม่ได้ยินเสียงกระไรเลย ทั้งหมดนี้มีคำอธิบายเดียวก็คือเสิ่นซู่เฟยโกหก

ฮองเฮาและเสิ่นซู่เฟยร่วมมือกัน ก็คงเพื่อที่จะให้นางยอมรับว่านางนำยามาส่งที่พระราชวังหรือ? ข้อกล่าวหาแค่นี้ แม้ว่าจะใส่ร้ายให้นางจริงๆ แต่อย่างมากนางก็แค่ได้รับการลงโทษเบาๆ เท่านั้น ฮองเฮาและเสิ่นซู่เฟยคงไม่ทำการใหญ่เพื่อผลเล็กน้อยเช่นนี้หรอก เกรงว่าพวกนางจะมีเป้าหมายอื่นน่ะสิ

หยุนชางกล้าเข้ามาที่นี่ ก็เพราะนางได้เตรียมการมาพร้อมแล้ว หากว่านางต้องการ นางสามารถทำให้ปิ่นหยกม่วงสลักลายทองนั้นไร้ประโยชน์ทันที แต่หากว่าฮองเฮาและเสิ่นซู่เฟยมีความคิดอื่นๆ อีก แล้วนางเผยไพ่ใบสุดท้ายออก หากทำเช่นนี้ก็คงเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่นัก

หยุนชางคิดเช่นนี้ในใจ จากนั้นก็กล่าวเบาๆ ว่า “หากคิดเช่นนี้ คงเป็นนางกำนัลที่ชนหม่อมฉันอยู่นอกวังเว่ยยางนั้น ถือโอกาสขโมยปิ่นปักผมของหม่อมฉันไปกระมั้งเพคะ”

เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนี้ นางจึงขมวดคิ้วและถอนหายใจ “แต่หากเจ้าไม่มีปิ่นหยกม่วงสลักลายทองนั่น ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่านางกำนัลนี้โกหก”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็กล่าวอีกครั้งว่า “นางกำนัลนี้กล่าวว่ายาถูกซ่อนอยู่ในปิ่นปักผมนี้ หากเป็นเช่นนี้ลองเชิญหมอหลวงมาตรวจสอบดีหรือไม่ว่าในปิ่นปักผมนี้มีร่องรอยของยาติดอยู่หรือไม่ และยานี้เป็นประเภทเดียวกับที่อยู่ในแก้วของฝ่าบาทหรือไม่?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 524 ใส่ร้ายป้ายสี (๒)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 524 ใส่ร้ายป้ายสี (๒) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พระชายาพานางกำนัลมาด้วยเพคะ คนที่ท่านพามาคือสองคนที่อยู่ด้านหลังพระชายาเพคะ” หวายหย่าก้มหน้าลงและกล่าวด้วยเสียงเบา

“เช่นนั้นหรือ?” หยุนชางยิ้มอีกครั้ง “เจ้าแน่ใจหรือ?”

หวายหย่าประหลาดใจกับคำถามของหยุนชาง และหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางกล่าวว่า “แน่ใจ…เพคะ”

เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ หยุนชางก็หันหลังกลับและโค้งคำนับเซี่ยหวนอวี่และฮองเฮา “ฝ่าบาท พระราชินีเพคะ หม่อมฉันคิดว่าเรื่องนี้เพียงพอที่จะลบล้างข้อกล่าวหาของหม่อมฉันได้แล้วเพคะ เมื่อวานนี้หม่อมฉันเข้าวังยามเว่ยและอยู่ที่ตำหนักเซียงจู๋ไปประมาณสิบห้านาทีกว่าๆ จากนั้นก็ไปถวายพระพรต่อพระราชินีที่วังเว่ยยาง เมื่อวานนี้เพราเซียงกุ้ยผินได้วิธีดูแลผิวพรรณแบบใหม่มา หม่อมฉันจึงสนใจเล็กน้อย แต่ก็กลัวว่าจะไปถวายพระพรต่อพระราชินีสายเกินเวลา ฉะนั้นหม่อมฉันจึงให้เฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วนางกำนัลทั้งสองนี้รออยู่ที่วังเซียงจู๋ เพื่อให้ทั้งสองฝึกวิธีนั้นให้ดี มิได้พาทั้งสองไปที่วังเว่ยยางแต่อย่างใดเพคะ นางกำนัลผู้นี้กล่าวว่าเมื่อตอนที่ข้าเจอนางที่อุทยานหลวง ข้าพานางกำนัลไปด้วย ไม่ถูกต้องเพคะ”

เมื่อหวายหย่าได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของนางก็เริ่มร้อนรนเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบพูดแก้ไขว่า “หม่อมฉันความจำไม่ดีเท่าไหร่นัก จึงลืมไปบ้างเพคะ

หยุนชางยิ้มเยาะเย้ย “เมื่อสักครู่นี้ข้ายืนยันกับเจ้าแล้ว เจ้าตอบข้าว่าแน่ใจ”

มือที่กำลังเล่นแหวนหยกของเซี่ยหวนอวี่ชะงัก เขากล่าวอย่างเฉยเมยว่า ” องครักษ์ นำตัวนางกำนัลคนนี้ลงไป เฆี่ยนห้าสิบที”

เมื่อหวายหย่าได้ยินเช่นนี้ สีหน้านางแสดงความหวาดกลัวออกมา จากนั้นจึงตะโกนขึ้นมาทันที “หม่อมฉันยังมีหลักฐานอื่นๆ เพคะ หม่อมฉันมีหลักฐานยืนยันเพคะ”

เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ จึงหันไปกล่าวต่อเซี่ยหวนอวี่ว่า “ฝ่าบาททรงหยุดก่อนเพคะ”

เซี่ยหวนอวี่เหลือบมองหยุนชาง จากนั้นก็โบกมือ องครักษ์ที่กำลังจะเข้ามาก็หยุนลง

“ในเมื่อนางบอกว่ามีหลักฐาน เช่นนั้นก็ลองดูก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันบริสุทธิ์ใจไม่จำเป็นต้องกลัวหลักฐานของนางเพคะ” หยุนชางยิ้มและอธิบายต่อเซี่ยหวนอวี่ จากนั้นขึงหันไปบอกกับหวายหย่าว่า “เจ้าลองว่ามาสิ ว่ามีหลักฐานกระไร?”

หวายหย่ารีบดึงปิ่นปักผมออกจากแขนเสื้อของตน หยุนชางหรี่ตาแล้วมองดู ปิ่นปักผมนั่นหน้าตาค่อนข้างคุ้นเคย มันคือปิ่นหยกม่วงสลักลายทอง เป็นของที่หอเฉียนสุ่ยอี้เหรินส่งมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ปิ่นปักผมที่เรียบง่ายดูดีนี้หยุนชางใส่อยู่หลายครั้ง แต่มันหายไปเมื่อวันก่อน ที่แท้ก็อยู่นี่นี่เอง เมื่อวานก่อนนั้นเกิดเรื่องแปลกกับหยุนชางขึ้น ตอนที่นางออกจากวังเว่ยยางของฮองเฮา เมื่อนางเดินไปถึงหัวเลี้ยวข้างวัง ก็มีนางกำนัลวิ่งเข้ามา ด้วยเหตุที่นางกำนัลนั้นพุ่งมาอย่างกะทันหัน หยุนชางมิทันได้ระวัง จึงถูกนางชนจนล้มลง นางกำนัลนั้นรีบพยุงนางขึ้นและยังบอกอีกว่าปิ่นของนางยุ่งเหยิงเล็กน้อย และช่วยนางจัดไปอยู่ครู่หนึ่ง เฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วเพิ่งเห็นว่าปิ่นปักผมหายไปเมื่อตอนขึ้นรถม้า หยุนชางคิดในใจว่าปิ่นคงหล่นไปตอนนั้นกระมั้ง จึงได้สั่งให้คนกลับไปหา แต่ก็ไม่พบ เกรงว่านางกำนัลคนนั้นคงลงมือเอามันไปในขณะที่สถานการณ์วุ่นวายกระมั้ง

หวายหย่ารีบกล่าวว่า “ปิ่นปักผมนี้มีชื่อว่าปิ่นหยกม่วงสลักลายทอง เป็นของพระชายารุ่ยอ๋อง นางสนมหลายท่านในพระราชวังนี้เคยเห็นพระชายารุ่ยอ๋องใส่มันเพคะ ตรงกลางของปิ่นปักผมนี้มีลักษณะกลวง เมื่อวานนี้ตอนที่พระชายารุ่ยอ๋องนำยานั้นให้หม่อมฉัน ท่านก็ซ่อนยานั้นไว้ในปิ่นนี้เพคะ พระชายารุ่ยอ๋องยังกล่าวอีกว่า ทำเช่นนี้สามารถตบตาผู้คน หากว่ามีใครถาม ก็ให้หม่อมฉันบอกไปว่าปิ่นปักผมนี้พระชายามอบให้หม่อมฉันเป็นรางวัลเพคะ”

กลวง? หยุนชางเลิกคิ้ว นางไม่เคยทราบมาก่อนว่าปิ่นปักผมนั้นของนางเป็นปิ่นแบบกลวง หากว่าเป็นแบบกลวงจริง เฉี่ยนสุ่ยจะต้องบอกนางอย่างแน่นอน สันนิษฐานว่าหลังจากมีคนเอาปิ่นปักผมนี้ไปแล้วปรับเปลี่ยนปิ่นปักผมของนางเพื่อการวันนี้กระมั้ง”

“ชางเอ๋อร์ นี่เป็นปิ่นปักผมของเจ้าหรือไม่?” ฮองเฮาขมวดคิ้วและมองไปที่หยุนชาง

หยุนชางรีบหันกลับและส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ปิ่นปักผมของหม่อมฉันมิใช่แบบกลวงเพคะ”

“เช่นนี้หรือ?” ฮองเฮาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงรีบพูด “หากเป็นเช่นนี้ ชางเอ๋อร์นำปิ่นปักผมของเจ้าออกมาเสียดีกว่า ความจริงจะได้ปรากฏเสียที”

หยุนชางหยุดชะงัก ความมืดมนฉายออกมาในดวงตาของนาง หอเฉียนสุ่ยอี้เหรินทำปิ่นหยกม่วงสลักลายทองออกมาสำหรับนางโดยเฉพาะ มีเพียงชิ้นนี้ชิ้นเดียวเท่านั้น แม้ว่านางไม่ทราบว่าปิ่นปักผมที่อยู่ในมือของนางกำนัลหวายหย่านี้เอาไปจากตนหรือไม่ แต่ตอนนี้นางไม่สามารถหาปิ่นปักผมนั้นมาได้จริงๆ

หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อย ๆ เอ่ยปาก “ปิ่นปักผมของหม่อมฉันมิใช่แบบหลวงเพคะ แต่ว่าปิ่นปักผมตัวนั้นของหม่อมฉันหายไปเมื่อสองสามวันที่แล้วเพคะ หม่อมฉันถูกนางกำนัลชนแถวๆ วังเว่ยยาง ตอนนั้นหม่อมฉันสงสัยว่าคงหล่นอยู่แถวๆ นั้นเพคะ จึงได้ส่งคนไปตามหาโดยเฉพาะเพคะ ทหารเฝ้าประตูวังสามารถเป็นพยานให้การได้เพคะ”

เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนี้ จึงขมวดคิ้วขึ้นมา “หากเป็นเช่นนี้ แสดงว่าพระชายารุ่ยอ๋องไม่มีปิ่นหยกม่วงสลักลายทองอยู่ในมือใช่หรือไม่?”

“ไม่มีเพคะ…” หยุนชางพูดอย่างเฉยเมย ไม่เร่งรีบ แต่นางคิดในใจว่า ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่ฮองเฮาสั่งการกับตน พูดเพียงแค่ว่าเมื่อถึงเวลานางกำนัลจะชี้ตัวว่านางเป็นคนนำยานั้นมาส่ง และนางเพียงแค่ปฏิเสธ ฮองเฮาจะหาวิธีโยงเรื่องนี้ไปที่เสิ่นซู่เฟย และกล่าวว่าเสิ่นซู่เฟยกำลังจะใส่ความนาง และคนที่วางยาฝ่าบาทคือเสิ่นซู่เฟย

หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา มีแต่เริ่มต้นเท่านั้นที่เล่นตามบท แต่เหตุใดเรื่องมันดูเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่นาง

หยุนชางเงยหน้ามองไปที่เสิ่นซู่เฟยและฮองเฮา และคาดเดาในใจด้วยความเหลือเชื่อว่า หรือว่าสองคนนั้นร่วมมือกัน?

หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว หยุนชางก็ตระหนักได้ว่า ถึงแม้ความเป็นไปได้นี้จะดูไร้สาระ แต่ก็เป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุด ก่อนหน้านี้นางไม่เคยคิดไปถึงเรื่องนี้ เพราะนางรู้สึกว่าฮองเฮาเป็นศัตรูกับเสิ่นซู่เฟยมาตลอด และคิดว่าความแค้นนั้นก็คงยากที่จะสลายไป แต่นางไม่เคยคิดว่า บนโลกนี้ไม่เคยมีมิตรนิรันดร์หรือศัตรูนิรันดร์ มีแต่ผลประโยชน์นิรันดร์เท่านั้น

หยุนชางรู้สึกแปลกตั้งแต่ที่ฟังหวายหย่ากล่าวเมื่อสักครู่แล้ว แม้ว่านางกำนัลที่ชื่อหวายหย่านี้จะวางยาในแกว้ของเซี่ยหวนอวี่ แต่เสิ่นซู่เฟยก็คงอยู่ในตำหนักเช่นกันสิ แล้วเหตุใดนางจึงไม่ทราบเรื่องนี้ หลิวเหวินอันเป็นคนที่เซี่ยหวนอวี่ไว้ใจ ไม่มีทางโกหกอย่างแน่นอน หากว่าเสิ่นซู่เฟยหมอสติไปอย่างที่นางกล่าวจริงๆ และนางตื่นขึ้นมาบนพระแท่นบรรทมจริงๆ แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่หลิวเหวินอันจะไม่ได้ยินเสียงกระไรเลย ทั้งหมดนี้มีคำอธิบายเดียวก็คือเสิ่นซู่เฟยโกหก

ฮองเฮาและเสิ่นซู่เฟยร่วมมือกัน ก็คงเพื่อที่จะให้นางยอมรับว่านางนำยามาส่งที่พระราชวังหรือ? ข้อกล่าวหาแค่นี้ แม้ว่าจะใส่ร้ายให้นางจริงๆ แต่อย่างมากนางก็แค่ได้รับการลงโทษเบาๆ เท่านั้น ฮองเฮาและเสิ่นซู่เฟยคงไม่ทำการใหญ่เพื่อผลเล็กน้อยเช่นนี้หรอก เกรงว่าพวกนางจะมีเป้าหมายอื่นน่ะสิ

หยุนชางกล้าเข้ามาที่นี่ ก็เพราะนางได้เตรียมการมาพร้อมแล้ว หากว่านางต้องการ นางสามารถทำให้ปิ่นหยกม่วงสลักลายทองนั้นไร้ประโยชน์ทันที แต่หากว่าฮองเฮาและเสิ่นซู่เฟยมีความคิดอื่นๆ อีก แล้วนางเผยไพ่ใบสุดท้ายออก หากทำเช่นนี้ก็คงเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่นัก

หยุนชางคิดเช่นนี้ในใจ จากนั้นก็กล่าวเบาๆ ว่า “หากคิดเช่นนี้ คงเป็นนางกำนัลที่ชนหม่อมฉันอยู่นอกวังเว่ยยางนั้น ถือโอกาสขโมยปิ่นปักผมของหม่อมฉันไปกระมั้งเพคะ”

เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนี้ นางจึงขมวดคิ้วและถอนหายใจ “แต่หากเจ้าไม่มีปิ่นหยกม่วงสลักลายทองนั่น ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่านางกำนัลนี้โกหก”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็กล่าวอีกครั้งว่า “นางกำนัลนี้กล่าวว่ายาถูกซ่อนอยู่ในปิ่นปักผมนี้ หากเป็นเช่นนี้ลองเชิญหมอหลวงมาตรวจสอบดีหรือไม่ว่าในปิ่นปักผมนี้มีร่องรอยของยาติดอยู่หรือไม่ และยานี้เป็นประเภทเดียวกับที่อยู่ในแก้วของฝ่าบาทหรือไม่?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+