ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 103 หัวจิ้งเข้ามาในกระโจม

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 103 หัวจิ้งเข้ามาในกระโจม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

"หือ?" หยุนชางผงะและนานกว่าจะพูดออกมา "แม้ว่าท่านเป็นเสด็จอาของข้า แต่นับตั้งแต่ 3 ขวบเป็นต้นไป ชายหญิงนั้นต่างกัน หากในค่ายนี้ไม่สะดวกต่อข้าสักเท่าไหร่ ชางเอ๋อร์จะหาทางออกไปอยู่ในเมืองดีกว่าเจ้าค่ะ"

จิ้งอ๋องยิ้มและกล่าวว่า "หัวจิ้งพยายามที่จะเข้ามาอยู่ในค่ายทหารให้ได้ อาจเป็นเพราะว่าในค่ายนี้มีสิ่งที่พวกเขาต้องการ ดังนั้นเจ้าไม่อยากรู้ว่านางมาที่นี่เพราะเหตุใดหรือ?เจ้ามิต้องกังวล อีกสักพักเจ้าให้นางกำนัลคอยดูแลเจ้าแล้วกัน แล้วข้าจะอ่านหนังสืออยู่ด้านนอกฉากกั้น

หยุนชางก้มหน้าลงและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตนสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับจุดประสงค์ในครั้งนี้ของหัวจิ้ง จริงๆ แต่… หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางก็ถอนหายใจ "หากเป็นเช่นนี้ หยุนชางก็จะเชื่อฟังเสด็จลุงเจ้าค่ะ"

ขณะที่พูดก็ได้ยินเสียงของหัวจิ้งดังมาจากข้างนอก " ท่านอ๋องอยู่หรือไม่เจ้าคะ?หัวจิ้งขอพบเจ้าค่ะ"

แสงสว่างวาบผ่านดวงตาของจิ้งอ๋อง และเขายื่นมือออกจับมือหยุนชางไว้ หยุนชางขมวดคิ้ว กำลังจะดิ้นหนีออก ก็ได้ยินเสียงของจิ้งอ๋องดังขึ้นว่า "เข้ามาเถิด"

หยุนชางขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าท่าทีของจิ้งอ๋องนั้นหมายถึงอะไร หางตานางเห็นหัวจิ้งเดินเข้ามา แล้วเสียงที่อ่อนโยนของจิ้งอ๋องก็ดังขึ้นข้างหูของตน "เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว คราวหน้าข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าห่างจากข้าเกินสามฟุตแล้ว มิเช่นนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้น เจ้าจะให้ข้าอยู่อย่างไร?" หยุนชางผงะ หันหน้าและเห็นแววตาของจิ้งอ๋องเต็มไปด้วยความอ่อนโยน นางอึ้งอยู่กับที่โดยไม่รู้ตัว

"เสด็จลุงเจ้าคะ จิ้งเอ๋อร์ของคารวะเจ้าค่ะ" หัวจิ้งเห็นเช่นนี้ก็เก้อเขินเล็กน้อย ดวงตาของนางจับจ้องไปที่หยุนชาง หยุนชางรู้สึกได้ว่ามือของเขาคลายลงเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงรีบดึงมือออกและเดินไปด้านหลังฉากกั้น

เสียงของจิ้งอ๋องดังมาจากข้างนอก "วันนี้องค์หญิงหัวจิ้งคงตกใจอย่างมาก ดังนั้นเจ้าควรพักผ่อนให้เพียงพอ เจ้ามาหาข้าในยามดึกเช่นนี้เพื่อการอันใดหรือ?"

"หัวจิ้ง…" หัวจิ้งหยุดชะงัก ราวกับไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงพูดว่า "หัวจิ้งรู้สึกแปลกๆ เจ้าค่ะ หัวจิ้งไม่ได้พาผู้ติดตามมาที่ชายแดนมากเท่าไห่รนัก แต่กลับไม่เคยเจอเหตุการณ์ลอบสังหาร แต่ในวันแรกที่มาถึงเมืองซีอี ก็มีผู้ลอบสังหาร…เสด็จลุงเจ้าคะ นี่มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่าเจ้าคะ?"

จิ้งอ๋องหายใจออกแรงๆอย่างเย็นชา "ดูบังเอิญเสียจริง แต่ตอนนี้องค์หญิงอยู่ในค่ายแล้ว และมีทหารหลายหมื่นนายอยู่เคียงข้าง ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว องค์หญิงควรไปพักผ่อนก่อน เชิญตามสบายเลยขอรับ"

"เสด็จลุง……" ดูเหมือนหัวจิ้งอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หยุนชางเห็นว่าจิ้งอ๋องเดินอ้อมฉากกั้นเข้ามาแล้ว หลังจากนั้นไม่นานหยุนชางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของหัวจิ้งดังขึ้น นางออกจากค่ายไปแล้ว

"นางมาเพื่อพูดนี้หรือ?" หยุนชางขมวดคิ้ว

"หึหึ ไม่ได้มาเพื่อพูดเรื่องนี้หรอก ข้าเห็นว่าแววตาของนางมองไปรอบๆ ดูเหมือนว่ากำลังมองหาอะไรบางอย่าง ข้าเลยไล่นางออกไป" จิ้งอ๋องทำเสียง หึ และเดินอ้อมออกไปอีกครั้ง "ลั่วติง"

หยุนชางเดินตามออกไป และเห็นผู้ติดตามที่ชื่อลั่วติงเดินเข้ามา จิ้งอ๋องจึงกล่าวว่า "ผู้ติดตามที่หัวจิ้งพาเข้ามาอยู่ที่ใด?"

ลั่วติงพูดอย่างเร่งรีบว่า "ผู้ติดตามผู้นั้นได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงจัดให้พักในค่ายแพทย์ทหารขอรับองค์หญิงเพิ่งไปเยี่ยมเขามาเมื่อสักครู่นี้ขอรับ"

"โอ้?" จิ้งอ๋องหรี่ตาลง "ส่งไปติดตามองค์หญิงหัวจิ้งและผู้ติดตามนั้นเพิ่ม มีเรื่องอะไรให้รายงานข้าทันที" ลั่วติงตอบอย่างรวดเร็วและออกไป หลังจากจบสิ้นเรื่องทั้งหมด ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว จิ้งอ๋องหันหน้าเหลือบมองหยุนชางแล้วพูดว่า " เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะไปดูที่กระโจมรองแม่ทัพก่อน"

หยุนชางพยักหน้าและมองดูจิ้งอ๋องออกจากกระโจมไป จากนั้นนางจึงเดินอ้อมฉากกั้นไปแล้วถอดรองเท้านอนลงบนเตียง

หากหัวจิ้งและชางเจียชิงซูมีความสัมพันธ์ที่ซ่อนเร้นจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นแล้ว นางสมัครใจหรือถูกบังคับกันแน่?หัวจิ้งซึ่งเพิ่งจะปรากฏตัวในสนามรบเมื่อวันก่อน แล้วจู่ ๆ ก็ปรากฏตัวที่หน้าค่ายของทหารหนิงได้อย่างไร ครั้งนี้นางผู้ติดตามมาจากแคว้นแย่หลางนั้นมีจุดประสงค์อะไรกัน?ภายในใจของหยุนชางเต็มไปด้วยคำถาม แต่ว่านางเองก็เข้าใจเรื่องหนึ่งเช่นกัน นั่นก็คือ ตนอยากแก้แค้น แต่มันเป็นไปไม่ได้หากลงมือในค่ายที่เต็มไปด้วยทหารแคว้นหนิง นางคิดในใจ รอตื่นเช้าขึ้นมา จะส่งคนไปรับนายหญิงจ้าวที่เมืองหลิงกวนมา หลังจากวางแผนไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว นางจึงนอนหลับไป

หยุนชางตื่นขึ้นเพราะเสียงโวยวาย นางรีบลุกขึ้นจากเตียงสวมหน้ากากแล้วเดินอ้อมฉากกั้นไป พบว่ามีคนจำนวนมากนั่งอยู่ในกระโจม นอกจากแม่ทัพที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของจิ้งอ๋องแล้ว หัวจิ้งก็อยู่เช่นกัน

"ทำไมเจ้าไม่สวมรองเท้า พื้นมันเย็นมาก ระวังเป็นหวัด" จิ้งอ๋องขมวดคิ้วและมองไปที่หยุนชาง ตะโกนออกไปด้านนอกกระโจม "ลั่วติง ไปหาพรมมาปูที่พื้นเร็ว"

หยุนชางไม่คิดว่าทุกคนจะอยู่ที่นั่น หูของนางแอบแดงเล็กน้อย นางก็รีบซ่อนตัวกลับไปอยู่หลังฉากกั้นอย่างรวดเร็ว และสวมรองเท้า นางได้ยินเสียงของหัวจิ้งดังขึ้น "พระสวามีของข้าหายตัวไปจากสนามรบ ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ไหม ข้าแค่อยากรู้ว่าพวกเจ้าจะจัดการกับทหารแย่หลางอย่างไร ข้าอยากจะถลกหนังแม่ทักของกองทหารแย่หลางออกเหลือเกิน มีเพียงแค่การจัดการพวกเขาเองกับมือเท่านั้น ที่สามารถทำให้ข้าหายโกรธแค้นได้"

หยุนชางหรี่ตา หัวจิ้งคิดว่าจิ้งอ๋องไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในมือของแคว้นแย่หลางก่อนหน้านี้คือนาง น้ำเสียงของนางมีพลังขององค์หญิงอยู่ หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา และกำลังคิดว่าจิ้งอ๋องจะตอบเช่นไร แต่จิ้งอ๋องยังไม่ได้เอ่ยปาก นางก็ได้ยินเสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้น "องค์หญิงเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา จะรู้วิธีการรบได้อย่างไร บนสนามรบนั้นเต็มไปด้วยอาวุธ ระวังอย่าไปขีดข่วนโดนใบหน้าน้อยๆขององค์หญิงเข้าล่ะ ท่านกลับไปที่เมืองหลวงไปเสวยสุขเถิด"

"เหลวไหล!กล้าดีอย่างไรจึงพูดเช่นนี้กับองค์หญิง หากมิใช่เพราะว่าเจ้าเป็นลูกน้องของเสด็จลุง ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน" หยุนชางได้ยินเสียงของหัวจิ้งดังมาพร้อมโกรธเล็กน้อย จึงยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ หัวจิ้งคิดว่าทุกคนในโลกนี้ควรเคารพและเกรงกลัวนางจริงๆหรือ"

"นี่ นี่ นี่ องค์หญิงโปรดยกโทษให้ข้าด้วยเถิด ในเมื่อองค์หญิงอยากรบเช่นนี้ก็เดินไปข้างหน้าอีกสิบลี้ ที่นั่นเป็นอาณาเขตของแคว้นแย่หลาง ไปเถอะ องค์หญิงไปเอาหัวขององค์ชายสามแห่งแคว้นแย่หลางมาได้เลย แล้วข้าจะขอโทษและรับโทษด้วยตัวของข้าเอง!"

"เจ้า!" หัวจิ้งโวยวายอย่างโกรธเคือง แต่ไม่รู้จะเถียงยังไง หยุนชางหัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ไม่คิดว่าแม่ทัพในค่ายทหารนี้สามารถทำให้หัวจิ้งโกรธจนพูดไม่ออกได้

"พอแล้ว ต่างคนต่างยอมกันหน่อย" เสียงของจิ้งอ๋องดังขึ้นอย่างเฉยชา "ข้ากำลังหารือกับเหล่าแม่ทัพอยู่ องค์หญิงหัวจิ้งโปรดกลับไปเถิด เรื่ององค์หญิงเป็นผู้หญิงเราจะไม่ว่ากัน แต่ว่าที่นี่ไม่ใช่จวนองค์หญิงของท่าน และแม่ทัพของข้าไม่ได้มีค่าด้อยกว่าองค์หญิงเลย องค์หญิงไม่มีสิทธิ์ที่จะมาโวยวายที่นี่นะขอรับ"

หยุนชางได้ยินเสียงดัง "ปัง" แล้วเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นตามกันมา ชิช้ะ ทุกอย่างเป็นไปดั่งหวัง องค์หญิงหัวจิ้งที่อยู่แต่บนชั้นสูงตอนนี้โดนเล่นงานเข้าแล้ว

"ท่านอ๋องขอรับ ข้าพเจ้าได้ข่าวมาว่า มีทหารสองสามนายออกจากค่ายไปเมื่อคืนก่อน แต่พวกเขาแต่งตัวเป็นทหารยศธรรมดา คนที่ข้าพเจ้าสั่ง

ให้ไปประจำการไว้จึงไม่ได้สนใจ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะเดินตรงไปที่เมืองชางหลานที่อยู่ด้านหลังขอรับ……" เสียงที่เยาะเย้ยหัวจิ้งอยู่เมื่อสักครู่ก็จริงจังขึ้นมา

หยุนชางเดินออกไป จิ้งอ๋องเห็นนางเดินออกมาจึงโบกมือให้นาง "มาดูนี่สิ"

หยุนชางเดินเข้าไปหาจิ้งอ๋อง และจ้องไปที่แผนที่ตรงหน้าเขา แล้วได้ยินจิ้งอ๋องกระซิบข้างหูตนว่า "มาดูนี่สิ พวกเขามาที่อาณาเขตเราจากทางเมืองชางหลานได้อย่างไรกัน?"

หยุนชางมองดูอย่างละเอียด กองทัพทั้งสองประจำการอยู่ระหว่างเมืองชางหลานและเมืองซียี มีภูเขาอยู่ทั้งสองด้านของแหล่งประจำการ อีกด้านหนึ่งของภูเขาเป็นทะเลทราย อีกด้านหนึ่งเป็นหนองน้ำหยุนชางชี้ไปที่หลังเมืองชางหลานตรงนั้นมีทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่มาก " พวกเขาน่าจะเดินทางผ่านทุ่งหญ้าแล้วอ้อมเมืองหลินกวน และมาถึงที่นี่"

จิ้งอ๋องไม่ได้พูดอะไรออกมา และนายพลที่อยู่ข้างๆก็พูดว่า "แต่ว่าถ้าอ้อมเช่นนี้ มันจะไกลมากขอรับ หากขี่ม้าต้องใช้เวลาสามถึงสี่ชั่วโมงนะขอรับ"

หยุนชางก้มหน้าลง คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "เมื่อวานตอนที่องค์หญิงหัวจิ้งมาที่กระโจมของเรา นางน่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้ามาก่อนแล้ว แต่ว่าตอนนั้นคงเร่งรีบมาก นางไม่มีเวลาเปลี่ยนรองเท้า ข้าเห็นว่ามีหญ้าติดอยู่ใต้รองเท้าของนาง มันเป็นใบไม้ของดอกไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าดอกเก๋อซัง ซึ่งพบได้เฉพาะในทุ่งหญ้าของแคว้นแย่หลาง"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด