ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 115 แมวประหลาด

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 115 แมวประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในตำหนักฉางชุน ฝูเหม่ยเหรินยืนอยู่ข้างหลังหมิงไท่เฟย นวดไหล่ให้หมิงไท่เฟย "หม่อมฉันดูแล้ว องค์หญิงหยุนชางผู้นี้มิได้มีอะไรเลยเพคะ ร่างกายของนางบอบบางเกินไป ในวันนั้นหม่อมฉันอยู่ที่นั่นครู่ขณะ ก็ได้ยินนางไออยู่ตลอดเวลา อีกทั้ง ยังวัยเยาว์มาก ทำเป็นแต่ออดอ้อนนางกำนัลเท่านั้น หม่อมฉันรู้สึกว่านางด้อยกว่าองค์หญิงหัวจิ้งมาก"

หมิงไท่เฟยหลับตาและถอนหายใจ "สายตาของเจ้าเทียบมิได้กับฮองเฮาเลย ก่อนที่ข้าจะคุมวังหลังก็คอยเฝ้าดู ทุกคนในวังนี้ ข้าได้เห็นธาตุแท้ของทุกคนได้ไม่มากก็น้อย มีเพียงหยุนชางนี้เท่านั้น เมื่อข้าดูแล้ว รู้สึกว่าเท่าที่ดูแล้วมีความแตกต่างออกไป คนแบบนี้ควรได้รับการป้องกันมากที่สุด"

แววตาของหลี่ฝูยีเผยควาประชดประชัน แต่นางก้มศีรษะอย่างเชื่อฟังและพูดเบาๆ ว่า "เพคะ หม่อมฉันควรใส่ใจมากกว่านี้"

"ท่านพ่อของเจ้าส่งตัวเจ้ามาที่วัง เขามีแผนหลายอย่าง หนึ่งคือตอนนี้พี่หญิงของเจ้ากำลังพักฟื้น ข้าก็แก่แล้ว เรื่องบางเรื่องต้องการให้คนไปทำ ประการที่สอง หญิงในวังนี้ไม่ใช่ง่ายๆ รอพี่หญิงของเจ้าอาการดีขึ้น เจ้าก็ต้องช่วยเหลือนาง ไม่ว่าจะในราชสำนักหรือวังหลัง ต้องเป็นของตระกูลหลี่ของเราทั้งหมด" มุมพระโอษฐ์ของหมิงไท่เฟยยกขึ้นเล็กน้อยราวกับมีการวางแผน

"เพคะ ก่อนที่ฝูยีจะเข้ามาในวัง ท่านพ่อได้มอบหมายกับฝูยีแล้ว ฝูยีจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือพี่หญิงและท่านป้า" หลี่ฝูยียิ้มอย่างอ่อนโยน

หมิงไท่เฟยยืดตัวขึ้น โบกมือให้หลี่ฝูยีหยุด "ดูเหมือนว่า องค์หญิงหยุนชางคนนี้ ข้าคงจะต้องหาโอกาสไปพบด้วยตนเองสักครั้ง"

ในตำหนักชิงซิน ฉินยีเปิดม่านเดินเข้ามา พูดออกมาพร้อมมีควันออกจากปาก "องค์หญิง ข้างนอกหิมะกำลังตก นี่เป็นหิมะแรกของปีนี้ คาดว่าอีกประเดี๋ยวหมิงไท่เฟยจะมาเชิญองค์หญิงไปพบปะสังสรรค์เพคะ"

"หิมะแรก?" หยุนชางผงะไป ปรากฎว่าหิมะที่ประตูชายแดนตกเร็วกว่าในเมืองหลวง "วันนี้วันอะไร"

"วันนี้เป็นเดือนสิบสองตามจันทรคติที่สิบสามเพคะ" ฉินยีพูดด้วยรอยยิ้ม

เดือนสิบสองตามจันทรคติ ใช่แล้ว เป็นเดือนสิบสองตามจันทรคติที่สิบสาม หยุนชางยิ้ม วางมือบนท้อง และยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากของนาง

"จริงด้วย องค์หญิง หม่อมฉันได้ยินว่าเมื่อคืนนี้องค์หญิงหัวจิ้งเสด็จกลับมาที่จวนองค์หญิงแล้วเพคะ ถ้าวันนี้มีงานเลี้ยง องค์หญิงหัวจิ้งคงจะเสด็จ เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าทำไม องค์หญิงหัวจิ้งไม่เข้าวังถวายพระพรฮองเฮา อาจเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฮองเฮาเพคะ" ฉินยียิ้มและหยิบเสื้อคลุมออกมา

ทำไมจะไม่รู้ แน่นอนว่าต้องรู้ ตอนนี้หัวจิ้งคงจะได้ใจมาก เมื่อคิดว่าจดหมายคำขออภิเษกสงบศึกของชางเจียชิงซูถูกส่งถึงเสด็จพ่อแล้ว โดยคิดว่าบางทีอีกไม่นานข้าควรจะแต่งงานไปยังแดนไกล ไม่รู้ว่า หัวจิ้งรู้ว่าชื่อที่เขียนในจดหมายคือตัวนางเอง นางจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

"องค์หญิง เมื่อครู่ปี้เอ๋อร์นางกำนัลข้างกายหมิงไท่เฟยมาส่งข่าว โดยบอกว่า หิมะแรกในวัน ตามธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไป จะจัดงานเลี้ยงพายใน ขอองค์หญิงเตรียมพร้อม อีกประเดี๋ยวเชิญองค์หญิงเสด็จไปงานเลี้ยงที่หอเหมยหยิ่งเพคะ" เฉี่ยนอินเดินเข้ามาจากด้านนอก พูดด้วยรอยยิ้ม เห็นว่ามีเพียงฉินยีที่อยู่ที่นั่นคนเดียว จึงเดินเข้ามาและกระซิบ "องค์หญิง หม่อมฉันเพิ่งเห็น ผู้ติดตามรับใช้ในห้องโถงพูดคุยกับปี้เอ๋อร์สักพัก ผู้ติดตามรับใช้คนนั้น หม่อมฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเพคะ" "โอ๋?" หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองฉินยี ฉินยียิ้มและพูดว่า "ผู้ติดตามรับใช้เป็นผู้มาใหม่ แต่ไม่ใช่หมิงไท่เฟยส่งมา กลับเป็นฝ่าบาทจัดมาให้ ทุกวังก็มีหนึ่งคนเพคะ"

หยุนฉางพยักหน้า "หมิงไท่เฟยไม่ได้ควบคุมดูแลวังหลังเป็นเวลานาน นี่อาจจะเป็นการจัดเตรียมพิเศษของเสด็จพ่อ จับตาดูให้ดี ในเมื่อเสด็จพ่อจัดเตรียมมา ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพียงแค่ว่าไม่ใช่คนของเรา ก็ยังต้อง ให้ความใส่ใจอยู่บ้าง"

หิมะเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ หยุนชางพิงหน้าต่าง มองดูหิมะข้างนอกด้วยความความเหม่อลอย

"องค์หญิง หิมะนี้ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เราไปที่นั่นก่อนดีไหมเพคะ ประเดี๋ยวหิมะจะหนักเกินไป ทำให้ยากที่จะเสด็จเพคะ" ฉินยีชะโงกออกไปดู พูดกับหยุนชาง

หยุนชางพยักหน้า และให้ฉินยีช่วยนางแต่งตัว สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ กางร่มแล้วเดินออกไป หอเหมยหยิ่งอยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกลฝั่งตะวันตกของพระราชวัง แต่ทว่าที่นั่นมีดอกเหมยมากมายปลูกไว้ ทุกปีในฤดูหนาวเหมาะมากสำหรับการสัมผัสหิมะและชมดอกเหมย ระหว่างทางที่ไปหอเหมยหยิ่งต้องผ่านป่าไผ่ หยุนชางเดินท่ามกลางป่าไผ่ ฟังเสียง "แชะแชะ" ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแมวร้อง อะไรบางอย่างที่เป็นสีขาวพุ่งไปที่หยุนชาง หยุนชางเห็นว่าเฉี่ยนอินที่ถือร่มให้ตนกำลังจะลงมือ ก็รีบกรีดร้องออกมาทันที คว้ามือของเฉี่ยนอินแล้วล้มลง

ทุกคนล้มลงกับพื้น และหยุนชางเอนไปพูดข้างหูของเฉี่ยนอินว่า "มีคนอยู่รอบๆ อย่าทำผลีผลาม"

เฉี่ยนอินลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและอุทานว่า "องค์หญิง เป็นอย่างไรบ้างเพคะ องค์หญิง…" นางรีบเร่งช่วยพยุงหยุนชางให้ลุกขึ้น หยุนชางขมวดคิ้ว และดูเหมือนจะไม่สามารถยับยั้งการไอได้ ลูบหน้าอกและไอออกมาอย่างรุนแรง หลังจากนั้นไม่นาน นางจึงยกมือขึ้นและโบกเบาๆ "ไม่เป็นไร ข้าสบายดี"

ฉินยีและเฉี่ยนอินรีบสำรวจรอบๆตัวหยุนชางว่าไม่เป็นไร หันไปมองสิ่งที่เป็นสีขาวนั่น ปรากฎว่าเป็นแมว แมวสีขาวเหมือนหิมะ ตัวสั่นด้วยความหนาวเย็น

เฉี่ยนอินขมวดคิ้วและพูดว่า "แมวป่านี่มาจากไหนกัน ทำให้องค์หญิงต้องตกพระทัย…"

หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "ไปถือสาอะไรกับแมวตัวหนึ่ง ดูสีขน น่าจะเป็นของสนมท่านใดท่านหนึ่งเลี้ยงไว้ ช่างสวยงามจริงๆ ดูสิมันหนาวมาก แทบจะยืนไม่ไหว" แล้วพูดกับฉินยีว่า "อุ้มขึ้นมาเถอะ ข้าไม่สบาย สัมผัสแมวไม่ได้ ถ้าสัมผัสแล้วข้าจะไอไม่หยุด เจ้าอุ้มไปด้วย ประเดี๋ยวไปถามในงานเลี้ยงว่าเจ้าตัวเล็กนี่เป็นของผู้ใด"

ฉินยีพยักหน้า ก้มตัวไปอุ้มแมว เฉี่ยนอินรีบไปหยิบร่มที่ตกอยู่ข้างๆ สะบัดหิมะออกจากร่ม จากนั้นพยุงหยุนชางไปหอเหมยหยิ่งต่อ

เมื่อมาถึงหอเหมยหยิ่ง มีนางสนมหลายคนถึงก่อนแล้ว ฉินเมิ่งและหลี่ฝูยีก็ถึงแล้ว นางสนมคนอื่นๆ ล้วนเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยทั้งหมด หยุนชางยิ้มให้พวกนาง กลับได้ยินเสียง "เอ๊ะ" เป็นเสียงของหลี่ฝูยี "องค์หญิง แมวในมือของนางกำนัลมาจากไหน ทำไมมันถึงคล้ายกับหยวนเป่าของไท่เฟยเหนียงเหนียงล่ะเพคะ?"

หยุนชางยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า "เมื่อครู่ข้าเก็บได้ระหว่างทาง ข้าเห็นว่ามันหนาวจนตัวสั่นเทา จึงให้นางกำนัลนำมันกลับมา ในเมื่อมันเป็นของไท่เฟยเหนียงเหนียง ประเดี๋ยวจะคืนให้ไท่เฟยเหนียงเหนียง"

หลี่ฝูยียิ้มและกล่าวว่า "แมวตัวนี้เป็นแมวที่ฝ่าบาทประทานให้ไท่เฟยเหนียงเหนียงเมื่อสองสามวันก่อนเพคะ ไท่เฟยเหนียงเหนียงโปรดแมวตัวนี้มาก แต่ก็มิได้เข้มงวดมันมากนัก ทุกวันนี้อยากไปไหนก็ปล่อยให้มันไปเพคะ"

ขณะที่นางพูดอยู่ก็มีเสียงส่งมาจากด้านนอกว่า " ไท่เฟยเหนียงเหนียงเสด็จ"

หยุนชางยืนขึ้นและโค้งคำนับพร้อมเหล่านางสนมทั้งหมด และได้ยินเสียงที่ชราแต่ไม่เลือนความสง่างาม "ลุกขึ้นเถอะ วันนี้เป็นงานเลี้ยงภายใน อย่าได้เข้มงวดเกินไป"

ทุกคนจึงลุกขึ้น หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองหญิงชราที่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ และเห็นว่านางสวมชุดสีม่วง ใบหน้ามีรอยย่นเล็กน้อย แต่ใบหน้าของนางกลับลึกซึ้ง และแน่นอนว่านางต้องเป็น หญิงงามเมื่อครั้งยังสาว แม้ว่านางจะอายุเกือบหกสิบปี แต่นางดูเหมือนหญิงในวัยสี่สิบ

หมิงไท่เฟยเสด็จไปที่ตำแหน่งบนและนั่งลง สายตาของนางกวาดข้ามฝูงชนและจ้องไปที่หยุนชาง หรี่ตามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยิ้มและตรัสว่า "นี่คือหยุนชางใช่หรือไม่ มาให้ข้าดูที ตอนเจ้ายังเด็กข้ายังเคยอุ้มเจ้า ไม่ทันไรเจ้าก็เติบโตเป็นหญิงงามแล้ว"

หยุนชางก้มศีรษะลุกขึ้นยืม และยิ้มเล็กน้อย เดินไปหาหมิงไท่เฟย "ชางเอ๋อร์ถวายพระพรไท่เฟยเหนียงเหนียง เมื่อสองสามวันก่อนชางเอ๋อร์พักที่วิหารแคว้นหนิง เจ้าอาวาสอู๋น่าได้นำถวายลูกประคำซินเยว่ผู๋ถี ได้ยินว่าไท่เฟยเหนี่ยงเหนี่ยงก็ทรงเชื่อในพระพุทธเจ้า จึงนำมาถวายท่านเพคะ" เฉี่ยนอินรีบก้าวไปข้างหน้าและยื่นลูกประคำ หยุนชางยิ้ม กล่าวว่า "เจ้าอาวาสอู๋น่ากล่าวว่า ลูกประคำนี้ปกปักรักษาให้พ้นอันตรายและหนุนให้อายุยืนยาวเพคะ"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด