ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 501 ค้นหาหิงห้อย

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 501 ค้นหาหิงห้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หาเจ้าเจองั้นหรือ ? ” ผู้ที่อยู่ภายใต้หลังผ้าม่านได้ยินเช่นนั้นพลันหัวเราะออกมา ผ่านไปชั่วครู่ถึงหยุดหัวเราะลงได้ “ทำไมข้าต้องให้เขาหาเจ้าเจอด้วยเล่า? ในโลกใบนี้ มิได้มีแต่พระชายารุ๋ยอ๋องที่สามารปลอมตัวได้”

หยุนชางได้ยินเช่นนั้น จึงชะงักไปเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปยังผ่านม่านลายปักใบไผ่สีเขียว พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าให้คนปลอมตัวเป็นข้าไปอยู่ในคุกของกองบัญชาการทหารองครักษ์หรือ?”

เมื่อได้ยินหยินชางพูดดังนั้น เขาหัวเราะด้วยความมีมากสุขมากขึ้น “หากรุ่ยอ๋องถูกตัดออกไปแล้ว ข้าอยากจะให้พระชายารุ่ยอ๋องมาอยู่เคียงข้างข้า สตรีที่สวยงามดั่งบุปผา อีกทั้งยังฉลาดปลาดเปรื่องเช่นพระชายารุ่ยอ๋อง ในโลกนี้ช่างหาได้ยากยิ่ง”

มือของหยุนชางที่กำแขนเสื้ออยู่นั้นสั่นเล็กน้อย รอยยิ้มที่พยายามฝืนยิ้มออกมา เพียงชั่วครู่จึงพูดขึ้นมาว่า “เจ้ากล้าหรือ !”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า. ทำไมจักไม่กล้าเล่า ? ” รอยยิ้มของคนผู้นั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ทว่าหยุนชางกลับหลี่ตาลง ความเย็นเยียบฉายขึ้นในดวงตาของนาง

จากนั้น หยุนชางจึงถูกพาตัวมาที่อีกห้องหนึ่ง สิ่งของที่อยู่ภายในตัวนางนั้น ถูกค้นออกไปจนหมด เนื่องจากเพื่อความสบายใจหยุนชางมิได้แสดงสีหน้าตื่นตระหนกใด ๆ ออกมา เมื่อกวาดสายตาดูห้องที่ว่างเปล่านั้น มิได้มีอะไรที่สามารถทำฆ่าเวลาได้เลย ประตูหน้าต่างมิได้ถูกปิดทั้งหมด ทว่า ดูเหมือนจะเป็นเพียงตำหนักเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่ได้มีทิวทัศน์อะไรให้หน้าชื่นชม หยุนชางจึงได้แต่ล้มตัวลงนอนบนตั่งที่นุ่ม ๆ

ท้องฟ้าข้างนอกพลันค่อย ๆ มืดลง หยุนชางจึงถูกปลุกขึ้นมา ใบหน้าของฮูหยินที่น่าจะอายุประมาณสามสิบกว่าปี หยุนชางจ้องมองนาง หากแต่นางเพียงยิ้มให้หยุนชางเล็กน้อยเท่านั้น พร้อมพูดขึ้นมาว่า “นู๋ปี๋มีนามว่าซานเหนียง นายท่านให้หม่อมฉันมาดูแลแม่นาง. แม่นางควรรับสำรับเย็นได้แล้ว”

หยุนชางจึงหาวออกมาเล็กน้อย พร้อมลุกขึ้นมาและเดินไปที่โต๊ะและนั่งลง. ซานเหนียงผู้นั้นจึงหยิบจานสำรับอาหารขึ้นมาจากล่องอยู่สองสามอย่าง. พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ทั้งหมดเป็นเพียงอาหารพื้นบ้านเท่านั้น แม่นางลองชิมดูว่ารสชาติเป็นเช่นไร? ”

เป็นดั่งที่ซานเหนียงพูดขึ้น. สำรับที่อยู่บนโต๊ะนั้น ล้วนแต่เป็นอาหารบ้าน ๆ ของแคว้นเซี่ยที่ทุกครัวเรือนมักจะทำกัน เกรงว่าพวกเขาคงจะกลัวนางสังเกตุเห็นอะไรบางอย่างกระมัง จึงได้จัดสำรับอาหารมาเช่นนี้

หยุนชางพลางขมวดคิ้วเบา ๆ พร้อมถอนหายใจออกมา “แคว้นเซี่ยของพวกเจ้าล้วนแต่ชื่นชอบทานอาหารที่ติดหวานยิ่งนัก หากแต่ข้ากลับชื่นชอบทานอาหารรสจัดทั้งเนื้อพวกนี้ ลูกชึ้นและปลาเปรี้ยวหวาน กินไปมาก ๆ จะทำให้รู้สึกเลี่ยน”

ซานเหนียงได้ยินเช่นนั้นพลันตกตะลึงไปเล็กน้อย. พร้อมรีบร้อนตอบรับว่า “เพคะ. ซานเหนียงจะจำไว้ คราหน้าหม่อมฉันจักให้ห้องเครื่องระวังมากกว่านี้”

หยุนชางพยักหน้าน้อย ๆ พร้อมกินอย่างสบายใจ พลางวางตะเกียบลงสายตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่ยังคงสว่างอยู่ พร้อมขมวดคิ้วพูดขึ้นมาว่า “ทำไมฟ้ายังไม่มืดลงอีก”

ซานเหนียงเมื่อได้ยินคำถามจากหยุนชางนั้น พลางยิ้มให้เล็กน้อย พร้อมตอบกลับว่า “ฤดูร้อนเช่นนี้ กลางวันมักจะยาวนานกว่าปกติเพคะ แม้ตอนนี้จะเลยยามซีมาครึ่งชั่วยามแล้วก็ตาม เกรงว่าคงจะอีกสักประมาณครึ่งชั่วยามจึงจะค่อย ๆ มืดลง”

หยุนชางพลันพยักหน้ารับ พร้อมนั่งพึงกับหัวเตียงมองไปยังท้องฟ้าด้านนอกที่ค่อย ๆ มืดมิด ซานเหนียงเห็นเช่นนั้น จึงหมุนกายกลับไปเก็บถ้วยชาม ทว่า ในที่สุดท้องฟ้าก็มืดลง ภายในจวนพลันปรากฏประกายไฟเล็ก ๆ คล้ายกับแสงสว่างของดวงดาวดวงน้อย ๆ ที่ส่องแสงระยิบระยับ แสงสว่างพวกนั้นล้วนแต่ปรากฏอยู่ในสายตาของหยุนชางทั้งสิ้น หิงห้อยตัวน้อยพลันค่อย ๆรวมตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกมันมารวมตัวกันมากขึ้นนั้น ก็สามารถส่วงให้เห็นบริเวณรอบจวนได้ชัดเจน หยุนชางกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วจึงเก็บสายตานั้นกลับไป สายตาพลันหันไปมองผู้ที่กำลังเก็บกวาดสิ่งของภายในจวนนั้น “ซานเหนียง ดูเหมือนจะอายุเพียงสามสิบปลาย ๆ กระมัง ท่านออกเรือนแล้วหรือ ? ”

หยุนชางถามคำถามที่ไม่ควรถามเป็นปกติ  “ออกเรือนแล้วเพคะ. หม่อมฉันมีบุตรหลายคนแล้ว”

“อื้ม ช่างโชคดีเสียจริง ” หยุนชางจึงเดินไปนั่งที่ตั่งนุ่ม ๆ พร้อมนั่งลง “สิ่งที่สตรีต้องการในชีวิตหนึ่ง คือต้องการแต่งออกไปกับสามีที่ดี มิต้องมากมีมั่งคั่ง เพียงแค่สามีปฏิบัติต่อตนเองดีก็ถือว่าโชคดีแล้ว รวมถึงมีบุตรสาวบุตรชายเพื่มขึ้นมาหน่อย ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ดีที่สุด ”

ซานเหนียงที่จัดเตรียมผ้าม่านบนเตียงเสร็จแล้ว จึงหันกลับมายิ้มตอบว่า “เรื่องที่ รุ่ยอ๋องรักท่านทนุถนอมหวางเฟยถึงเพียงนั้น ผู้คนในเมืองจิ่นมีใครไม่รู้บ้าง หวางเฟยจะไม่มีความสุขได้อย่างไร ? ”

หยุนชางพลางยิ้มให้เล็กน้อยเท่านั้น พร้อมเอนพลิงบนตั่งราวกลับกำลังเขินอายอยู่ ภายในใจกลับคิดว่า ซานเหนียงผู้นี้ยังเรียกนางว่าแม่นางอยู่เลย จึงคิดว่านางอาจจะไม่รู้ตัวตนของตนเอง หากแต่ไม่คาดคิดว่าตัวตนของนางซานเหนียงผู้นี้ก็รู้จัก

ประตูพลันถูกเปิดออก หยันชางพลันเห็นสาวใช้นำผ้าห่มผืนใหม่มาให้นาง พร้อมคุกเข่าทำความเคารพต่อหน้าซานเหนียง พลางพูดขึ้นมาว่า “ซานเหนียง หม่อมฉันนำผ้าห่มมาให้แล้วเพคะ”

ซานเหนียงจึงรับมา พร้อมเปิดม่านเข้าไปวางผ้าห่มบนนั้น พร้อมหันไปหาสาวใช้ที่จ้องมองไปยังข้างนอกหน้าต่าง ราวกลับตกอยู่ในภวังค์ก็ไม่ปาน. นางพลันขมวดคิ้วลง พร้อมเดินไปตบมือข้างสาวใช้ว่า “มองอะไรกัน ? ”

สาวใช้พลันตกตะลึงไปเล็กน้อย ทั่วร่างพลันสั่นเทา พร้อมรีบร้อนหันหน้ากลับมา พลางก้มหน้าลงบอกว่า “ข้างนอกมีหิงห้อยเยอะมากเลยเพคะ นู๋ปี๋เห็นแล้วรู้สึกว่าสวยงามเป็นอย่างมาก จึงเหม่อไปเพียงเล็กน้อย ”

“หิงห้อย ? “ซานเหนียงหันไปมองข้างนอกหน้าต่าง เป็นอย่างที่สาวใช้พูด. มีหิงห้อยมากมายอยู่ในจวน เมื่อหันหลับมา พลันเห็นหยุนชางลุกขึ้นยืน พร้อมเดินไปข้างๆ ซานเหนียง พลางยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “สวยมาก ฤดูร้อนของแคว้นหนิงมีเพียงจิ้งหรีดและจักจั่นแต่เพียงเท่านั้น ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นหิงห้อยที่มารวมตัวกันอย่างนี้มากนัก เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก แค่ได้เห็นก็ตื่นเต้นนักหนา อีกทั้งยังวิ่งไปหยิบผ้ามาคลุมมาทำเป็นโคมไฟอีก”

ซานเหนียงพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าภายในใจกลับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ที่แถบชานเมืองแคว้นเซี่ยทุกที่ล้วนแต่สามารถเห็นหิงห้อยได้เพคะ ทว่าในเมืองจิ่นนั้น “ในใจกลับตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พร้อมรีบร้อนบอกสายใช้ด้านข้างว่า “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ อีกครู่หนึ่งข้าจะกลับมา”

หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมมองไปยังซานเหนียงที่เดินออกไป พลางกระซิบพูดขึ้นมาว่า “ว่ากันว่าแสงไฟของหิงห้อยที่มารวมตัวกันนั้น สว่างเท่าแสงตะเกียงเลยทีเดียว มิรู้ว่าเรื่องจริงหรือไม่ ”

สายใช้ที่มองไปยังหยุนชางนั้น ราวกลับกำลังเหม่อลอยก็ไม่ปาน เพียงชั่วครู่จึงได้ยินที่หยุนชางพูดขึ้น พร้อมรีบร้อนตอบกลับว่า “เป็นเรื่องจริงเพคะ เรื่องจริง แม่นางลองดูใบไม้ตรงนั้นสิเพคะ หม่อมฉันสามารถมองเห็นเลยทีเดียว”

“จริงหรือ ? ” หยุนชางพลันหลี่ตาลง พลางได้ยินเสียงการต่อสู้ด้านนอก พร้อมสัญญาณลับจากองครักษ์เงาดังขึ้น หยุนชางพลันกระตุกรอยยิ้มเย็นชาขึ้น “ในที่สุดก็มา ”

เมื่อกำลังคิดอยู่นั้น กลับเห็นชายหนุ่มที่สวมหน้ากากสีเงินรีบร้อนเดินเข้ามา. พร้อมด้านหลังเป็นซานเหนียงที่เพิ่งเดินออกไปไม่นานมานี้ หยุนชางจึงขมวดคิ้วลง พวกเขามาเร็วเสียจริง

ชายสวมหน้ากากนั้น พลันเดินเข้ามาในห้อง สายตาจับจ้องไปยังหยุนชาง พร้อมน้ำเสียงที่เย็นชาเอ่ยขึ้น “ข้าลืมไปเลย เจ้าเป็นพระชายารุ่ยอ๋อง. อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ทำให้หลิ่วหยินเฟิงได้พบกับความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง

ได้ หนิงหยุนชาง มิคิดว่าเจ้าจะมีวิธีการเช่นนี้ด้วย สามารถดึงดูดผู้คนเข้ามาได้เช่นนี้ ทว่า ช่างหน้าเสียดาย ที่ข้ากลับนำหน้าเจ้าอยู่ก้าวหนึ่ง ” น้ำเสียงของชายผู้นั้นพลันอ่อนลงเล็กน้อย อีกทั้งยังเป็นผู้ที่พูดคุยกับหยุนชางด้วยตอนบ่าย

หยุนชางได้ยินดังนั้นพลันยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “ใช่แล้ว ข้าคิดว่าท่านจะออกไปจากที่นี่แล้วเสียอีก. ไม่คิดว่า ”

ยังพูดมิทันจบ ชายพูดนั้นกลับสั่งว่า “พวกเจ้าเข้ามานี่ นำตัวพระชายารุ่ยอ๋องไปห้องมืด พร้อมให้นางอาบน้ำชำระล้างร่างกายที่ห้องลับนั้น. ตั้งแต่หัวจรดเท้า ต้องตรวจสอบให้ดี แล้วจึงเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ข้าเตรียมไว้ พร้อมนำตัวไปให้ องค์ชายสิบเอ็ด”

ชายผู้นั้นเมื่อพูดจบแล้ว ซานเหนียงจึงเดินมายังข้างเตียง พร้อมกดอะไรบางอย่างลงไป ฉับพลันเตียงนอนพลันถูกเคลื่อนย้ายออก เพื่อให้เห็นประตูหินบานหนึ่ง พร้อมเสียงประตูหินที่ถูกเปิดออก

ซานเหนียงพลางเดินไปยังข้างกายหยุนชาง แล้วจึงดึงมือของหยุนชางเดินไปยังประตูหิน หยุนชางรู้ได้ว่า. ครั้งนี้คงไม่มีสามารถทำอะไรได้แล้ว จึงมิได้โวยวายแต่อย่างใด พร้อมเดินเข้าไปห้องลับกับซานเหนียง เมื่อเดินเข้าไปแล้ว หลังจากนั้น ประตูหินจึงถูกปิดลง หยุนชางที่ถูกซานเหนียงพาเดิน ไปหลายโค้ง แล้ว จึงเดินเข้ามาในห้องอิฐ รอบด้านล้วนแต่มีคบเพลิง ซานเหนียงเมื่อพาหยุนชางเข้ามาในห้องแล้วจึงขังหยุนชางไว้ในห้องอิฐพร้อมเดินออกไป ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูห้องอิฐจึงถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับผู้คนที่เดินเข้ามาเตรียมสถานที่อาบน้ำให้นาง พร้อมเติมน้ำในถังน้ำจนเต็ม อีกทั้งยังมีอาภรณ์ที่ดูสะอาดสะอ้านเตรียมไว้ให้อีกด้วย แล้วจึงถอยกลับไป

“แม่นาง. ไปอาบน้ำเถอะ “ซานเหนียงพลันกระซิบเบา ๆ สายตาพลันรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 501 ค้นหาหิงห้อย

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 501 ค้นหาหิงห้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หาเจ้าเจองั้นหรือ ? ” ผู้ที่อยู่ภายใต้หลังผ้าม่านได้ยินเช่นนั้นพลันหัวเราะออกมา ผ่านไปชั่วครู่ถึงหยุดหัวเราะลงได้ “ทำไมข้าต้องให้เขาหาเจ้าเจอด้วยเล่า? ในโลกใบนี้ มิได้มีแต่พระชายารุ๋ยอ๋องที่สามารปลอมตัวได้”

หยุนชางได้ยินเช่นนั้น จึงชะงักไปเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปยังผ่านม่านลายปักใบไผ่สีเขียว พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าให้คนปลอมตัวเป็นข้าไปอยู่ในคุกของกองบัญชาการทหารองครักษ์หรือ?”

เมื่อได้ยินหยินชางพูดดังนั้น เขาหัวเราะด้วยความมีมากสุขมากขึ้น “หากรุ่ยอ๋องถูกตัดออกไปแล้ว ข้าอยากจะให้พระชายารุ่ยอ๋องมาอยู่เคียงข้างข้า สตรีที่สวยงามดั่งบุปผา อีกทั้งยังฉลาดปลาดเปรื่องเช่นพระชายารุ่ยอ๋อง ในโลกนี้ช่างหาได้ยากยิ่ง”

มือของหยุนชางที่กำแขนเสื้ออยู่นั้นสั่นเล็กน้อย รอยยิ้มที่พยายามฝืนยิ้มออกมา เพียงชั่วครู่จึงพูดขึ้นมาว่า “เจ้ากล้าหรือ !”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า. ทำไมจักไม่กล้าเล่า ? ” รอยยิ้มของคนผู้นั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ทว่าหยุนชางกลับหลี่ตาลง ความเย็นเยียบฉายขึ้นในดวงตาของนาง

จากนั้น หยุนชางจึงถูกพาตัวมาที่อีกห้องหนึ่ง สิ่งของที่อยู่ภายในตัวนางนั้น ถูกค้นออกไปจนหมด เนื่องจากเพื่อความสบายใจหยุนชางมิได้แสดงสีหน้าตื่นตระหนกใด ๆ ออกมา เมื่อกวาดสายตาดูห้องที่ว่างเปล่านั้น มิได้มีอะไรที่สามารถทำฆ่าเวลาได้เลย ประตูหน้าต่างมิได้ถูกปิดทั้งหมด ทว่า ดูเหมือนจะเป็นเพียงตำหนักเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่ได้มีทิวทัศน์อะไรให้หน้าชื่นชม หยุนชางจึงได้แต่ล้มตัวลงนอนบนตั่งที่นุ่ม ๆ

ท้องฟ้าข้างนอกพลันค่อย ๆ มืดลง หยุนชางจึงถูกปลุกขึ้นมา ใบหน้าของฮูหยินที่น่าจะอายุประมาณสามสิบกว่าปี หยุนชางจ้องมองนาง หากแต่นางเพียงยิ้มให้หยุนชางเล็กน้อยเท่านั้น พร้อมพูดขึ้นมาว่า “นู๋ปี๋มีนามว่าซานเหนียง นายท่านให้หม่อมฉันมาดูแลแม่นาง. แม่นางควรรับสำรับเย็นได้แล้ว”

หยุนชางจึงหาวออกมาเล็กน้อย พร้อมลุกขึ้นมาและเดินไปที่โต๊ะและนั่งลง. ซานเหนียงผู้นั้นจึงหยิบจานสำรับอาหารขึ้นมาจากล่องอยู่สองสามอย่าง. พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ทั้งหมดเป็นเพียงอาหารพื้นบ้านเท่านั้น แม่นางลองชิมดูว่ารสชาติเป็นเช่นไร? ”

เป็นดั่งที่ซานเหนียงพูดขึ้น. สำรับที่อยู่บนโต๊ะนั้น ล้วนแต่เป็นอาหารบ้าน ๆ ของแคว้นเซี่ยที่ทุกครัวเรือนมักจะทำกัน เกรงว่าพวกเขาคงจะกลัวนางสังเกตุเห็นอะไรบางอย่างกระมัง จึงได้จัดสำรับอาหารมาเช่นนี้

หยุนชางพลางขมวดคิ้วเบา ๆ พร้อมถอนหายใจออกมา “แคว้นเซี่ยของพวกเจ้าล้วนแต่ชื่นชอบทานอาหารที่ติดหวานยิ่งนัก หากแต่ข้ากลับชื่นชอบทานอาหารรสจัดทั้งเนื้อพวกนี้ ลูกชึ้นและปลาเปรี้ยวหวาน กินไปมาก ๆ จะทำให้รู้สึกเลี่ยน”

ซานเหนียงได้ยินเช่นนั้นพลันตกตะลึงไปเล็กน้อย. พร้อมรีบร้อนตอบรับว่า “เพคะ. ซานเหนียงจะจำไว้ คราหน้าหม่อมฉันจักให้ห้องเครื่องระวังมากกว่านี้”

หยุนชางพยักหน้าน้อย ๆ พร้อมกินอย่างสบายใจ พลางวางตะเกียบลงสายตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่ยังคงสว่างอยู่ พร้อมขมวดคิ้วพูดขึ้นมาว่า “ทำไมฟ้ายังไม่มืดลงอีก”

ซานเหนียงเมื่อได้ยินคำถามจากหยุนชางนั้น พลางยิ้มให้เล็กน้อย พร้อมตอบกลับว่า “ฤดูร้อนเช่นนี้ กลางวันมักจะยาวนานกว่าปกติเพคะ แม้ตอนนี้จะเลยยามซีมาครึ่งชั่วยามแล้วก็ตาม เกรงว่าคงจะอีกสักประมาณครึ่งชั่วยามจึงจะค่อย ๆ มืดลง”

หยุนชางพลันพยักหน้ารับ พร้อมนั่งพึงกับหัวเตียงมองไปยังท้องฟ้าด้านนอกที่ค่อย ๆ มืดมิด ซานเหนียงเห็นเช่นนั้น จึงหมุนกายกลับไปเก็บถ้วยชาม ทว่า ในที่สุดท้องฟ้าก็มืดลง ภายในจวนพลันปรากฏประกายไฟเล็ก ๆ คล้ายกับแสงสว่างของดวงดาวดวงน้อย ๆ ที่ส่องแสงระยิบระยับ แสงสว่างพวกนั้นล้วนแต่ปรากฏอยู่ในสายตาของหยุนชางทั้งสิ้น หิงห้อยตัวน้อยพลันค่อย ๆรวมตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกมันมารวมตัวกันมากขึ้นนั้น ก็สามารถส่วงให้เห็นบริเวณรอบจวนได้ชัดเจน หยุนชางกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วจึงเก็บสายตานั้นกลับไป สายตาพลันหันไปมองผู้ที่กำลังเก็บกวาดสิ่งของภายในจวนนั้น “ซานเหนียง ดูเหมือนจะอายุเพียงสามสิบปลาย ๆ กระมัง ท่านออกเรือนแล้วหรือ ? ”

หยุนชางถามคำถามที่ไม่ควรถามเป็นปกติ  “ออกเรือนแล้วเพคะ. หม่อมฉันมีบุตรหลายคนแล้ว”

“อื้ม ช่างโชคดีเสียจริง ” หยุนชางจึงเดินไปนั่งที่ตั่งนุ่ม ๆ พร้อมนั่งลง “สิ่งที่สตรีต้องการในชีวิตหนึ่ง คือต้องการแต่งออกไปกับสามีที่ดี มิต้องมากมีมั่งคั่ง เพียงแค่สามีปฏิบัติต่อตนเองดีก็ถือว่าโชคดีแล้ว รวมถึงมีบุตรสาวบุตรชายเพื่มขึ้นมาหน่อย ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ดีที่สุด ”

ซานเหนียงที่จัดเตรียมผ้าม่านบนเตียงเสร็จแล้ว จึงหันกลับมายิ้มตอบว่า “เรื่องที่ รุ่ยอ๋องรักท่านทนุถนอมหวางเฟยถึงเพียงนั้น ผู้คนในเมืองจิ่นมีใครไม่รู้บ้าง หวางเฟยจะไม่มีความสุขได้อย่างไร ? ”

หยุนชางพลางยิ้มให้เล็กน้อยเท่านั้น พร้อมเอนพลิงบนตั่งราวกลับกำลังเขินอายอยู่ ภายในใจกลับคิดว่า ซานเหนียงผู้นี้ยังเรียกนางว่าแม่นางอยู่เลย จึงคิดว่านางอาจจะไม่รู้ตัวตนของตนเอง หากแต่ไม่คาดคิดว่าตัวตนของนางซานเหนียงผู้นี้ก็รู้จัก

ประตูพลันถูกเปิดออก หยันชางพลันเห็นสาวใช้นำผ้าห่มผืนใหม่มาให้นาง พร้อมคุกเข่าทำความเคารพต่อหน้าซานเหนียง พลางพูดขึ้นมาว่า “ซานเหนียง หม่อมฉันนำผ้าห่มมาให้แล้วเพคะ”

ซานเหนียงจึงรับมา พร้อมเปิดม่านเข้าไปวางผ้าห่มบนนั้น พร้อมหันไปหาสาวใช้ที่จ้องมองไปยังข้างนอกหน้าต่าง ราวกลับตกอยู่ในภวังค์ก็ไม่ปาน. นางพลันขมวดคิ้วลง พร้อมเดินไปตบมือข้างสาวใช้ว่า “มองอะไรกัน ? ”

สาวใช้พลันตกตะลึงไปเล็กน้อย ทั่วร่างพลันสั่นเทา พร้อมรีบร้อนหันหน้ากลับมา พลางก้มหน้าลงบอกว่า “ข้างนอกมีหิงห้อยเยอะมากเลยเพคะ นู๋ปี๋เห็นแล้วรู้สึกว่าสวยงามเป็นอย่างมาก จึงเหม่อไปเพียงเล็กน้อย ”

“หิงห้อย ? “ซานเหนียงหันไปมองข้างนอกหน้าต่าง เป็นอย่างที่สาวใช้พูด. มีหิงห้อยมากมายอยู่ในจวน เมื่อหันหลับมา พลันเห็นหยุนชางลุกขึ้นยืน พร้อมเดินไปข้างๆ ซานเหนียง พลางยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “สวยมาก ฤดูร้อนของแคว้นหนิงมีเพียงจิ้งหรีดและจักจั่นแต่เพียงเท่านั้น ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นหิงห้อยที่มารวมตัวกันอย่างนี้มากนัก เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก แค่ได้เห็นก็ตื่นเต้นนักหนา อีกทั้งยังวิ่งไปหยิบผ้ามาคลุมมาทำเป็นโคมไฟอีก”

ซานเหนียงพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าภายในใจกลับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ที่แถบชานเมืองแคว้นเซี่ยทุกที่ล้วนแต่สามารถเห็นหิงห้อยได้เพคะ ทว่าในเมืองจิ่นนั้น “ในใจกลับตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พร้อมรีบร้อนบอกสายใช้ด้านข้างว่า “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ อีกครู่หนึ่งข้าจะกลับมา”

หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมมองไปยังซานเหนียงที่เดินออกไป พลางกระซิบพูดขึ้นมาว่า “ว่ากันว่าแสงไฟของหิงห้อยที่มารวมตัวกันนั้น สว่างเท่าแสงตะเกียงเลยทีเดียว มิรู้ว่าเรื่องจริงหรือไม่ ”

สายใช้ที่มองไปยังหยุนชางนั้น ราวกลับกำลังเหม่อลอยก็ไม่ปาน เพียงชั่วครู่จึงได้ยินที่หยุนชางพูดขึ้น พร้อมรีบร้อนตอบกลับว่า “เป็นเรื่องจริงเพคะ เรื่องจริง แม่นางลองดูใบไม้ตรงนั้นสิเพคะ หม่อมฉันสามารถมองเห็นเลยทีเดียว”

“จริงหรือ ? ” หยุนชางพลันหลี่ตาลง พลางได้ยินเสียงการต่อสู้ด้านนอก พร้อมสัญญาณลับจากองครักษ์เงาดังขึ้น หยุนชางพลันกระตุกรอยยิ้มเย็นชาขึ้น “ในที่สุดก็มา ”

เมื่อกำลังคิดอยู่นั้น กลับเห็นชายหนุ่มที่สวมหน้ากากสีเงินรีบร้อนเดินเข้ามา. พร้อมด้านหลังเป็นซานเหนียงที่เพิ่งเดินออกไปไม่นานมานี้ หยุนชางจึงขมวดคิ้วลง พวกเขามาเร็วเสียจริง

ชายสวมหน้ากากนั้น พลันเดินเข้ามาในห้อง สายตาจับจ้องไปยังหยุนชาง พร้อมน้ำเสียงที่เย็นชาเอ่ยขึ้น “ข้าลืมไปเลย เจ้าเป็นพระชายารุ่ยอ๋อง. อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ทำให้หลิ่วหยินเฟิงได้พบกับความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง

ได้ หนิงหยุนชาง มิคิดว่าเจ้าจะมีวิธีการเช่นนี้ด้วย สามารถดึงดูดผู้คนเข้ามาได้เช่นนี้ ทว่า ช่างหน้าเสียดาย ที่ข้ากลับนำหน้าเจ้าอยู่ก้าวหนึ่ง ” น้ำเสียงของชายผู้นั้นพลันอ่อนลงเล็กน้อย อีกทั้งยังเป็นผู้ที่พูดคุยกับหยุนชางด้วยตอนบ่าย

หยุนชางได้ยินดังนั้นพลันยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “ใช่แล้ว ข้าคิดว่าท่านจะออกไปจากที่นี่แล้วเสียอีก. ไม่คิดว่า ”

ยังพูดมิทันจบ ชายพูดนั้นกลับสั่งว่า “พวกเจ้าเข้ามานี่ นำตัวพระชายารุ่ยอ๋องไปห้องมืด พร้อมให้นางอาบน้ำชำระล้างร่างกายที่ห้องลับนั้น. ตั้งแต่หัวจรดเท้า ต้องตรวจสอบให้ดี แล้วจึงเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ข้าเตรียมไว้ พร้อมนำตัวไปให้ องค์ชายสิบเอ็ด”

ชายผู้นั้นเมื่อพูดจบแล้ว ซานเหนียงจึงเดินมายังข้างเตียง พร้อมกดอะไรบางอย่างลงไป ฉับพลันเตียงนอนพลันถูกเคลื่อนย้ายออก เพื่อให้เห็นประตูหินบานหนึ่ง พร้อมเสียงประตูหินที่ถูกเปิดออก

ซานเหนียงพลางเดินไปยังข้างกายหยุนชาง แล้วจึงดึงมือของหยุนชางเดินไปยังประตูหิน หยุนชางรู้ได้ว่า. ครั้งนี้คงไม่มีสามารถทำอะไรได้แล้ว จึงมิได้โวยวายแต่อย่างใด พร้อมเดินเข้าไปห้องลับกับซานเหนียง เมื่อเดินเข้าไปแล้ว หลังจากนั้น ประตูหินจึงถูกปิดลง หยุนชางที่ถูกซานเหนียงพาเดิน ไปหลายโค้ง แล้ว จึงเดินเข้ามาในห้องอิฐ รอบด้านล้วนแต่มีคบเพลิง ซานเหนียงเมื่อพาหยุนชางเข้ามาในห้องแล้วจึงขังหยุนชางไว้ในห้องอิฐพร้อมเดินออกไป ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูห้องอิฐจึงถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับผู้คนที่เดินเข้ามาเตรียมสถานที่อาบน้ำให้นาง พร้อมเติมน้ำในถังน้ำจนเต็ม อีกทั้งยังมีอาภรณ์ที่ดูสะอาดสะอ้านเตรียมไว้ให้อีกด้วย แล้วจึงถอยกลับไป

“แม่นาง. ไปอาบน้ำเถอะ “ซานเหนียงพลันกระซิบเบา ๆ สายตาพลันรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+