ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 81 แผนของจิ่นเฟย

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 81 แผนของจิ่นเฟย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยามบ่ายที่สุขสบาย มีแสงแดดอุ่นๆ ส่องมา หยุนชางรู้สึกหนาวเย็นเล็กน้อย แต่เมื่อนางนั่งลงบนเบาะนุ่ม ๆ ที่อยู่ท่ามกลางแสงแดดยามฤดูหนาวนางก็รู้สึกง่วงขึ้นมาทันที ดังนั้นจึงพาฉินยีและเฉี่ยนอินไปเดินเล่นในสวนดอกไม้

หลังจากเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้สักพัก แล้วรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย หยุนชางจึงหาศาลาและนั่งพักผ่อน ทะเลสาบเริ่มกลายเป็นน้ำแข็งแล้ว แสงอาทิตย์ส่องบนน้ำแข็งอย่างแพรวพราวและแยงตาเล็กน้อย หยุนชางมองอยู่ครู่หนึ่ง จึงละสายตาออกไป

"ริมทะเลสาบนั้นลมแรงเกินไป อย่าอยู่ที่นี่นานนักเลยเจ้าค่ะ" เสียงที่อ่อนโยนดังมาจากด้านหลังพร้อมน้ำเสียงที่มีความสุขเล็กน้อย

หยุนชางได้ยินเช่นนี้รู้สึกดีใจอย่างมาก จึงรีบหันกลับไปและกล่าวว่า "เสด็จแม่" หลังจากที่เรียกท่านแล้วจึงนึกขึ้นมาได้อย่างกะทันหันว่าตอนนี้นางอยู่ในวัง และตอนนี้เป็นเวลากลางวันอีกด้วย นางจึงตกตะลึงใจขึ้นมา แล้วมองไปรอบๆ นางรู้ดีว่ามีดวงตาหลายคู่จับตามองอยู่ในวังหลังนี้อย่างแน่นอน แต่นางก็ไม่อยากทำท่าทีว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับท่าน เพราะท่านคือเสด็จแม่ของตนนะ……

จิ่นเฟยพยักหน้าเบาๆ นางนั่งตรงข้ามหยุนชาง จ้องมองหยุนชางอยู่นานจึงยิ้มและพูดออกมาว่า "ทุกครั้งที่แม่เห็นเจ้า แม่รู้สึกว่าเจ้าดูสวยขึ้นกว่าเดิมตลอด จนทำให้มองยังไงก็ไม่พอ"

หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "ชางเอ๋อร์เป็นลูกสาวของเสด็จแม่ เสด็จพ่อก็พูดอยู่เสมอว่าข้าหน้าตาเหมือนเสด็จแม่ และเมื่อเสด็จแม่ชมข้า ก็แสดงว่าท่านกำลังชมตัวเองด้วยมิใช่หรือ?"

จิ่นเฟยผงะเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางแต่ก้มหน้าลงเล็กน้อย จู่ๆ หยุนชางก็นึกขึ้นได้ว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา จิ่นเฟยคงจะยังขุ่นเคืองเล็กน้อยต่อจักรพรรดิหนิง นางได้ออกจากตำหนักเย็นชาภายใต้การวางแผนของตน แต่นางก็ไม่ได้ยินดีต่อจักรพรรดิหนิงมากนัก และตอนนี้ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์อย่างกะทันหัน นางคงจะมีแผลใจเพิ่มบนหัวใจที่เจ็บปวดรวดร้าวอีกแล้ว

เป็นไปอย่างที่นางคิก จิ่นเฟยก้มหน้าลงและนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากกล่าวว่า " ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินเจ้าพูดว่า เจ้าเคยส่งนางกำนัลไปดูแลเสด็จพ่อของเจ้า? ตอนนี้ นางกำนัลผู้นั้นยังเป็นคนของเจ้าอยู่หรือไม่?"

หยุนชางไม่รู้ว่าเหตุใดจิ่นเฟยจึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่นางก็กล่าวอย่างไม่ปิดบังว่า "เดิมทีนางกำนัลผู้นั้นเป็นคนที่ฮองเฮาเอาไว้คอยจับตาดูข้า จากนั้นนางบาดเจ็บขาเพราะจิ้งอ๋อง ฮองเฮาจึงเอานางออกไปแล้วนำหมากตัวใหม่มาวาง แต่นางคิดว่าจัดการนางกำนัลออกด้วย แต่นางกำนัลผู้นั้นวิ่งมาขอร้องข้า และช่วงนั้นเป็นจังหวะที่ฮองเฮาพยายามเลือกนางกำนัลสาวสวยสักสองสามคนในตำหนักของนางแล้วส่งไปรับใช้เสด็จพ่อ เพื่อเป็นสายสืบของนางพอดี ข้าจึงถือโอกาสส่งนางกำนัลผู้นั้นไปด้วย หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น นางก็เอาแต่พูดว่าจะเชื่อฟังข้า แต่ว่า ข้าดูนิสัยของนางแล้ว นางไม่ใช่คนที่เจียมตัวสักเท่าไหร่ ต่อให้จะใช้งานนาง ก็คงใช้แบบวางใจไม่ได้ จึงทำได้แค่คิดว่านางเป็นลูกหมากตัวหนึ่งที่สามารถทิ้งได้ทุกเวลาเท่านั้น…"

จิ่นเฟยยิ้ม พยักหน้าและกล่าวว่า "ถ้าหากเคยทรยศเจ้าหนึ่งครั้ง ก็อาจมีการทรยศครั้งที่สองเกิดขึ้นได้ เจ้าทำถูกแล้ว"

หลังจากพูดจบนางก็หยุดชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชาง " หลายปีที่ข้าอยู่ในตำหนักเย็น ซู่เฟยเป็นหนามยอกอกของฮองเฮามาตลอด คราวนี้ฮองเฮาตั้งครรภ์ ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามีของอะไรที่ถูกทำลายลับหลังบ้าง แต่มันก็เป็นโอกาสที่ดีเช่นกัน ในพระราชวังนี้ไม่มีข่าวดีเรื่องลูกหลานมานานแล้ว เมื่อวานวันก่อน ข้าจึงแนะนำเสด็จพ่อของเจ้าว่า ให้ซู่เฟยเป็นตัวแทนจัดงานเลี้ยงเล็กน้อยในวังขึ้น"

"ซู่เฟย?" หยุนชางประหลาดใจ "เสด็จแม่ ท่านและซู่เฟย…..…"

จิ่นเฟยยิ้มเล็กน้อย "เจ้าเด็กโง่ ในวังหลังนี้ไม่มีคนที่เป็นศัตรูไปตลอดกาลหรอก ข้าผลักให้ซู่เฟยไต่ขึ้นได้ นางก็คงจะคิดถึงบุญคุณของข้าอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ว่ามันยังไม่เพียงพอ เมื่อนางเริ่มมีอำนาจในวังหลัง เมื่อถึงตอนนั้น หากว่านางไม่สามารถจัดการฮองเฮาได้ ข้านี่แหละจะเป็นคนที่นางอยากกำจัดมากที่สุด ดังนั้น แม่จึงหวังว่า ณ เวลานี้ควรจะมีใครสักคนที่เป็นคนของเรา…… "

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนชางก็หันไปมองทะเลสาบ "เสด็จแม่ต้องการ…"

"แต่ก็ไม่ได้ต้องการให้นางทำอะไรมากเป็นพิเศษ แค่ต้องการให้เจ้าไปจัดการเล็กน้อย ให้นางดึงดูดสายตาของฮ่องเต้ไว้ให้ได้ในงานเลี้ยงที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้……" จิ่นเฟยพูดเบา ๆ แล้ววางมือลงบนท้องส่วนล่างของตนโดยไม่รู้ตัว

หยุนชางหันไปมองจิ่นเฟยเป็นเวลานานก่อนที่จะถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ " เสด็จแม่กับเสด็จพ่อ…. "

จิ่นเฟยก้มหน้าลงและเหลือบมองดูท้องน้อยของตนที่ยังไม่โตมากนัก "ตั้งแต่ที่เสด็จพ่อของเจ้าแต่งงานกับหลี่อี้หราน ตั้งแต่หัวหัวจิ้ง ตั้งแต่ที่ในวังนี้มีผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ข้าก็ตายใจแล้ว เหตุผลที่ข้ายอมออกมาจากตำหนักเย็น ก็มีเพียงแค่ข้ากลัวว่าเจ้าจะถูกเอาเปรียบ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วข้ายังเด็กและโง่เขลา ที่ทิ้งเจ้าไป ความลำบากที่เจ้าได้พบตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้แม่ทราบทุกอย่าง แม่ผิดเอง ตั้งแต่ที่เจ้ากลับมาจากวิหารแคว้นหนิง ข้าก็คิดได้อย่างกระจ่างแล้ว การตัดสินใจของฮองเฮานั้นไม่ง่ายธรรมดาอย่างที่คิด ข้ากังวลว่าเจ้าจะเสียเปรียบ ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่ควรเป็นคนไม่เอาไหนที่เอาแต่ซ่อนตัวไว้ ข้าหวังว่าลูกสาวของข้าจะมีความสุข "

หยุนชางเงียบอยู่แล้วจึงกล่าวว่า "เสด็จแม่เจ้าคะ เสด็จพ่อ ท้ายที่สุดแล้ว… ท่านก็เป็นฮ่องเต้อยู่ดี…"

จิ่นเฟยพยักหน้า "ข้ารู้ ข้ารู้ บางทีแม่อาจจะเบลอไปแล้ว แต่แม่ไม่สามารถก้าวข้ามปมในใจไปได้ ตอนนี้ข้าเองก็กระจ่างแล้ว ก้าวข้ามไปไม่ได้ก็ช่างเถิด ก็ให้มันเป็นเช่นนี้ไป ก็ดีเหมือนกัน"

หยุนชางรู้ว่าจิ่นเฟยมีความคิดของตัวเอง และไม่ว่าตนจะพูดยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นนางจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ตอบกลับอย่างแผ่วเบา

"อะไรนะ? จิ่นเฟยกับหยุนชาง?" ฮองเฮาหันกลับมามองสาวใช้ที่มารายงานอย่างกะทันหัน นางขมวดคิ้ว "พวกนางไปพบกันได้อย่างไร? จิ่นเฟยไปหาหยุนชางหรือว่าหยุนชางไปหาจิ่นเฟย? พวกเขาพูดอะไรกันบ้าง"

สาวใช้ก้มหน้าลง เสียงของฮองเฮาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ นางรีบตอบกลับไปว่า "เรียนฮองเฮาเหนียงเหนียงเจ้าคะ พวกนางพบกันขณะเดินเล่นเจ้าค่ะ องค์หญิงหยุนชางนั่งพักอยู่ในศาลาริมทะเลสาบ แล้วจิ่นเฟยเหนียงเหนียงมาพบพอดี จึงเข้าไปทักทายองค์หญิงเจ้าค่ะ แต่ว่าบ่าวอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินสิ่งบทสนทนาระหว่างทั้งสองเจ้าค่ะ"

ฮองเฮาเดินกลับไปกลับมาในตำหนักครู่หนึ่ง พึมพำว่า "จิ่นเฟยช่างเล่ห์เหลี่ยมเยอะเสียจริง นางออกจากตำหนักเย็นมาหลายวัน ไม่เห็นนางไปหาหยุนชางไปพูดคุยกับหยุนชางเลย เมื่อได้ยินว่าข้าตั้งครรภ์ ก็รีบไปหานาง อยากจะหาจุดโจมตีจากหยุนชางล่ะสิ ไม่ปล่อยให้ข้าได้พักผ่อนบ้างเลยนะเนี่ย" หลังจากนั้นไม่นานนางก็หันกลับมาและถามว่า "พวกเจ้าเห็นหรือไม่ว่าสีหน้าของนางสองคนตอนพูดคุยกันเป็นอย่างไร?"

สาวใช้นั้นพยายามนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า "บ่าวเห็นว่า เหมือนจิ่นเฟยเหนียงเหนียงจะก้มหน้าอยู่ตลอดเวลาเจ้าค่ะ และองค์หญิงหยุนชางก็ไม่ยิ้มเลยขมวดคิ้วตลอดเวลาเจ้าค่ะ"

ฮองเฮาขมวดคิ้วแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ นางหลับตาลงแต่ยังคงขมวดคิ้วอยู่

ทันทีที่ซิ่วซินเดินเข้ามาในตำหนักแล้วเห็นภาพนั้น ฝีเท้าของนางก็ชะงักเล็กน้อย นางรับใช้ฮองเฮามาตั้งแต่นางยังเด็ก แค่มองเธอก็ทราบแล้วว่าตอนนี้ฮองเฮากำลังเครียด นางจึงค่อยๆ เดิน แล้วมองไปที่ฮองเฮาราวกับว่าพูดอะไรบางอย่าง

หลังจากนั้นไม่นาน ฮองเฮาก็ลืมตาขึ้น และเมื่อนางเห็นซิ่วซินนางก็ละสายตาออกไป

จากนั้นซิ่วซินจึงก้าวเข้าไป และกระซิบเบา ๆ " เหนียงเหนียงเจ้าคะ เมื่อสักครู่บ่าวไปสืบมาแล้วเจ้าค่ะ เรื่องจะจัดงานเลี้ยงเป็นเรื่องจริงเจ้า จากข่าวที่ฉีกงกงที่รับใช้ฮ่องเต้กล่าวมา เรื่องนี้จิ่นเฟยเป็นคนเสนอกับฮ่องเต้เจ้าค่ะ จิ่นเฟยกล่าวว่า ในพระราชวังนี้ไม่ข่าวดีมากมายเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นต้องเฉลิมฉลองอย่างดีเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ฮองเฮาเหนียงเหนียงกำลังตั้งครรภ์ จึงไม่เหมาะกับการทำงานหนัก ฮ่องเต้จึงกล่าวว่าให้ซู่เฟยมารับผิดชอบงานนี้ดีกว่าเจ้าค่ะ"

เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนี้ ก็โกรธอย่างมาก แต่กลับหัวเราะออกมา "จิ่นเฟยตัวแสบ เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนาง แต่นางกลับแสร้งทำเป็นรู้โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่านางกำลังคิดวางแผนอันใดอยู่ เจ้าถามรายละเอียดมาหรือยัง? งานเลี้ยงจัดเมื่อใด ที่ไหน?"

ซิ่วซินรีบตอบ "บ่าวถามมาแล้วเจ้าค่ะ งานจัดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า ที่วังจิ่นซิ่วเจ้าค่ะ"

ฮองเฮาทำถ้วยชาในมือหล่นทันทีทันใด แววตาเผยความเย็นชาออกมา "วังจิ่นซิ่วหรือ…หึ เป็นสถานที่ที่ดีจริง ๆ นั่นเป็นสถานที่ที่จิ่นเฟยอาศัยตอนที่ได้รับความโปรดปราน แต่ว่าตั้งแต่ที่จิ่นซิ่ว ถูกตีเข้าตำหนักเย็นไป วังนั้นก็ว่างออกมา ในพระราชวังนี้มีวังอยู่เยอะแยะมากมาย บนเกาะเผิงไหลมีที่ให้จัดงานมากมาย แต่เหตุใดจึงเลือกจัดที่วังจิ่นซิ่ว แสดงว่านางจงใจจะเป็นศึกกับข้าน่ะสิ!"

ซิ่วซินรีบก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วกระซิบเบา ๆ " ซู่เฟยเหนียงเหนียงกล่าวว่า นี่ไม่ใช่งานเลี้ยงยิ่งใหญ่อันใด ไม่สะดวกที่จะจัดตำหนักจินหลวนเจ้าค่ะ แต่อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว ไม่สะดวกที่จะไปที่เกาะเผิงไหลด้วยเจ้าค่ะ และวังตำหนักในวังหลังนี้ส่วนมากมีนางสนมอาศัยอยู่ และตำหนักส่วนใหญ่ที่ว่างอยู่ก็ร้างเช่นกัน มีเพียงวังจิ่นซิ่วที่แม้ว่าจะว่างอยู่ แต่ก็ได้รับการทำความสะอาดตลอดเวลาเจ้าค่ะ ดังนั้นจึงเลือกจัดงานที่นั่นเจ้าค่ะ "

"เหอะเหอะ วังจิ่นซิ่วก็วังจิ่นซิ่วเถิด ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าจิ่นเฟยเห็นแล้วจะไม่รู้สึกปวดใจ วิธีของซู่เฟยนั้นแสบจริงๆ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว วังจิ่นซิ่วก็สามารถทำให้ข้าและจิ่นเฟยเจ็บใจได้ ไม่รู้ว่าเมื่อจิ่นเฟยทราบว่างานเลี้ยงที่ตนวางแผนมากับมือ แต่ซู่เฟยกลับเลือกสถานที่จัดงานเป็นวังจิ่นซิ่วโดยเฉพาะแล้ว สีหน้านางจะเป็นอย่างไรกันนะ" ฮองเฮากัดฟันไว้แน่น แต่กลับพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

ซิ่วซินหยุดชะงัก และเงียบอยู่นานก่อนจะกระซิบเบา ๆ ว่า " เมื่อสักครู่คนขององค์หญิงหัวจิ้งมารายงานว่า องค์หญิงออกจากพระราชวังไปโดยมีเพียงแค่องครักษ์สี่คนและนางกำนัลสองคนเท่านั้นเจ้าค่ะ ท่านบอกว่ากำลังจะไปที่ประตูชายแดนเพื่อช่วยพระสวามีเจ้าค่ะ.."

เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนี้ ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิม "เลอะเทอะ! เลอะเทอะจริงๆ! ทำไมไม่มีใครที่วางใจได้เลย ข้าได้สั่งการพิเศษให้เจ้าไปหาเสด็จ ให้เสด็จพ่อนำกองกำลังไปคุ้มกันเธอ แต่นางกลับไม่ฟังข้าเลย นางไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองเพราะแค่ต้องการเล่นตัวกับข้า ช่างเลอะเทอะเสียจริง!"

ซิ่วซินรีบกล่าวว่า "เหนียงเหนียงโปรดใจเย็นเจ้าค่ะ เรื่องเป็นเช่นนี้ไปแล้ว ตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี เจ้าคะ องค์หญิงยังสาวอยู่ ท่านรีบออกจากพระราชวังไปเช่นนี้ บ่าวเกรงว่า…"

ฮองเฮาไม่สามารถระงับความโกรธในใจของตนได้ นานกว่านางจะกล่าวว่า " รีบส่งจดหมายไปที่จวนเสนาบดีบัดเดี๋ยวนี้ ให้เสด็จพ่อส่งคนไปตามจิ้งเอ๋อร์"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด