ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 444 ดวลหมากกับท่านตา (ท่านอ๋องจะต้องไปออกศึกอีกแล้ว)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 444 ดวลหมากกับท่านตา (ท่านอ๋องจะต้องไปออกศึกอีกแล้ว) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยุนชางยิ้มและตอบตกลง นางมองบ่าวไพร่ยกกระดานหมากเข้ามา แล้วจึงเดินไปนั่งเพื่อเตรียมเล่นหมาก คนอื่นๆพากันมาห้อมล้อมเพื่อชมการดวลหมาก หยุนชางหันไปเห็นท่านป้าเล็กมองมาที่นาง สายตาของนางเหมือนกำลังรู้สึกสงสารหยุนชางอย่างบอกไม่ถูก

ไม่นานนักหยุนชางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดพวกเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นกันเช่นนี้ เป็นเพราะว่า ฮวากั๋วกงชื่นชอบการถอยหมากกลับมามากๆนั่นเอง

“ไม่ได้ๆ เจ้าจะวางตรงนี้ไม่ได้” เมื่อหยุนชางวางหมาก ฮวากั๋วกงก็หยิบหมากที่นางเพิ่งวางลงขึ้นมา “เจ้าวางตรงนี้ดีกว่า” เขาพูดพลางชี้ไปที่จุดๆหนึ่ง

“……” หยุนชางค่อยๆวางหมากลงบนจุดที่ฮวากั๋วกงชี้

“ไม่เอาๆ เจ้าวางตรงนี้ดีกว่านะ” เขาตัดสินใจใหม่อีกครั้ง

“……” หยุนชางเงียบไปแล้วจึงถามขึ้นมาว่า “ปกติท่านตาจะใช้มือซ้ายและมือขวาเล่นหมากคนเดียวใช่ไหมคะ?”

ทุกคนได้แต่เงียบแล้วจึงค่อยๆพยักหน้า

หยุนชางครุ่นคิด นางควรจะแกล้งป่วยแล้วขอตัวกลับไปดีหรือไม่ ทันใดนั้นเอง ผู้ที่ยืนเฝ้าประตูอยู่หน้าห้องก็ตะโกนเข้ามาว่า “นายท่าน ท่านฮูหยิน รุ่ยอ๋องเสด็จมาขอรับ”

ทุกคนรู้สึกตกใจ หยุนชางเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ประตูทางเข้า นางดีใจราวกับสวรรค์มาโปรด

ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาด้วยชุดสีน้ำหมึก ท่าทางองอาจภูมิฐาน เขากวาดสายตามองทุกๆคน แล้วมาหยุดสายตาลงที่หยุนชาง เขาค่อยๆขมวดคิ้ว

หยุนชางรีบยืนขึ้นแล้วเอ่ยถาม “ท่านอ๋องเสวยพระกระยาหารเย็นมาแล้วหรือยังเพคะ?”

กั๋วกงฮูหยินได้ฟังดังนั้น จึงรีบสั่งการ “ข้าจะให้คนไปเตรียมมาให้ ท่านอ๋องชอบกินอะไรล่ะ?”

หยุนชางหันมายิ้มให้ท่านฮูหยินแล้วตอบว่า “ท่านอ๋องเสวยอะไรก็ได้ค่ะ แต่ไม่ชอบเสวยรสหวาน”

“ได้ๆๆ” กั๋วกงฮูหยินพูดจบก็หันไปสั่งบ่าวไพร่ให้ไปจัดการ

ลั่วชิงเหยียนยังคงยืนหน้าขรึม หยุนชางจึงไปพาเขามานั่งลงที่โต๊ะอาหาร

ลั่วชิงเหยียนมองหยุนชางแล้วนั่งลง เขามองคนอื่นๆที่อยู่ในห้องนั้นแล้วมองไปที่ฮวากั๋วกงที่กำลังก้มหน้ามองดูกระดานหมาก เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ฮ่องเต้ทรงอนุญาตให้ท่านนำทหารไปจัดการเหตุการณ์ความไม่สงบของชาวหย่าแล้ว แต่ว่า ครั้งนี้ทรงให้ข้าเป็นคนตรวจตราเหล่าทหาร”

ฮวากั๋วกงเงยหน้าขึ้นมามองลั่วชิงเหยียน เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด พลันก็เอ่ยปากว่า “แล้วอย่างไร เจ้ากลัวหรือ? ถ้าหากว่าเจ้ากลัว ไม่กล้าไป ข้าจะไปทูลฮ่องเต้ให้ การตรวจตราเหล่าทหารแม้จะไม่ต้องลงสนามทำศึก แต่ก็ต้องอาศัยความกล้าหาญ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องไปแล้ว”

รุ่ยอ๋องรู้สึกฉุน เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก “กลัว?” ข้าลั่วชิงเหยียน ชีวิตนี้ไม่เคยมีคำนี้ปรากฏขึ้นในใจ”

“อะไรนะ เจ้าไปเอาแซ่ลั่วมาจากไหนกัน” ฮวากั๋วกงไม่พอใจ เขาปัดหมากบนกระดานจนกระจัดกระจาย แล้วเดินมานั่งข้างหน้าลั่วชิงเหยียน “ข้าหิวแล้ว ไปนำของว่างมาให้ข้าที”

หยุนชางเห็นว่าท่าทีของฮวากั๋วกงช่างเหมือนเด็กน้อยยิ่งนัก เห็นๆอยู่ว่าอยากใกล้ชิดหลานชาย แต่ดันกลัวเสียหน้า คนหนึ่งแก่คนหนึ่งเด็ก นิสัยพอกันทั้งคู่ คิดดังนั้นแล้วก็แอบยิ้ม เมื่อนางมองไปที่กั๋วกงฮูหยิน ก็เห็นว่านางกำลังแอบยิ้มอยู่เช่นเดียวกัน

รอจนลั่วชิงเหยียนรับประทานเสร็จ หยุนชางจึงได้กล่าวลา ส่วนลั่วชิงเหยียนกลับจูงมือนางเดินออกไปข้างนอกโดยมิได้เอ่ยคำพูดใด เมื่อขึ้นมาบนรถม้าแล้ว เขาก็เปลี่ยนสีหน้าจากที่ดูเย็นชากลายเป็นแววตาตำหนิหยุนชาง

หยุนชางมิได้ใส่ใจ นางหัวเราะแล้วกุมมือเขา “มีคำกล่าวว่า ในแต่ละจวนนั้น คนเฝ้าประตูจะเป็นผู้ที่แสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยของคนอื่นๆภายในจวน คนเฝ้าประตูของจวนกั๋วกงจิตใจดี ผู้คนในนั้นแต่ละคนล้วนเป็นมิตร ในจวนมีคนมากมาย บรรยากาศครึกครื้นดีเหลือเกินเพคะ”

ลั่วชิงเหยียนทำเป็นไม่ได้ยินและแกล้งหลับ

หยุนชางยิ้มและถามว่า “ท่านก็จะไปเรื่องชาวหย่าด้วยหรือ? ไปเมื่อไรหรือเพคะ?”

ลั่วชิงเหยียนได้ฟังก็ลืมตาขึ้นมาทันที เขามองหยุนชางด้วยความรู้สึกผิด “ยังต้องใช้เวลาเตรียมเสบียงอีกหลายวัน อีกประมาณครึ่งเดือนก็คงจะต้องออกเดินทางแล้ว” พูดจบก็จับมือของหยุนชางไว้แล้วถอนหายใจ “จะว่าไป เจ้ากับข้าก็แต่งงานกันมาได้เป็นปีแล้ว เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกลับแทบจะไม่มี เดิมทีข้าคิดว่าการได้กลับมาที่นี่คงทำให้ข้าได้มีเวลาอยู่กับเจ้ามากขึ้น ที่ไหนได้ก็ต้องมาจากลาเจ้าไปอีกแล้ว อีกอย่าง ครั้งนี้พวกเราก็เพิ่งมาถึงแคว้นเซี่ย มีใครหลายๆคนจ้องมองเราอย่างไม่เป็นมิตร แต่ข้ากลับต้องทิ้งเจ้าไปทำภารกิจเสียแล้ว”

หยุนชางยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน นางซบไปที่ไหล่ของเขา “ท่านอ๋องตรัสอะไรของท่านเพคะ เราเป็นสามีภรรยากัน จะต้องคอยสนับสนุนกันสิเพคะ หม่อมฉันไม่เคยร้องขออะไรมาก ขอเพียงแค่ท่านอ๋องดูแลตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย อย่าให้ตัวเองต้องได้รับบาดเจ็บเท่านั้นก็พอเพคะ”

ลั่วชิงเหยียนพยักหน้า “ได้ ข้ารับปากเจ้า”

“ความจริงหม่อมฉันก็กำลังคิดอยู่ว่า ฮ่องเต้ทรงปักใจรักอดีตฮองเฮามาก ในเมื่อท่านได้กลับมาแคว้นเซี่ยแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทก็กำลังว่างอยู่ หากฮ่องเต้ทรงอยากให้ท่านได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ก็คงจะพยายามหาโอกาสให้ท่านได้สร้างผลงานจนเป็นที่ประจักษ์และลือเลื่องในหมู่ขุนนาง การไปปราบปรามเหตุการณ์ความไม่สงบของชาวหย่าในครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสอันดี ท่านเป็นผู้ตรวจตราเหล่าทหาร ไม่ต้องลงสนามไปรบราฆ่าฟันกับผู้ใด ก็ต้องปลอดภัยแน่นอนเพคะ หากทรงปราบปรามความไม่สงบลงได้ ก็คงจะมีผลงานไม่น้อยเลยนะเพคะ อีกอย่าง ท่านเสด็จไปกับฮวากั๋วกง ก็จะได้ช่วยดูแลกันและกันได้ ฮวากั๋วกงก็จะได้ใช้โอกาสนี้ในการกลับเข้ามาในวังอีกครั้ง ในเวลานั้นก็จะมีเขาคอยเกื้อหนุนท่าน คงจะดีไม่น้อยเลยเพคะ” หยุนชางบอกเขาเบาๆ

หลังจากที่คนทั้งสองเงียบกันไปได้สักพัก หยุนชางก็ถอนหายใจขึ้นมาแล้วพูดว่า “แต่ว่า การไปคราวนี้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดนะเพคะ ถ้าหากหม่อมฉันเป็นฮองเฮาหรืออ๋องเจ็ด ก็คงจะใช้โอกาสนี้ชิงลงมือกำจัดท่าน ให้ท่านไปแล้วไม่มีทางได้กลับมาอีกเป็นแน่”

รุ่ยอ๋องยิ้มแล้วลูบศีรษะของหยุนชาง “ข้ารู้น่า เจ้าอย่าคิดมากไปเลยนะ ข้ารับปากเจ้าแล้วว่าข้าจะต้องปลอดภัยกลับมา ก็จะต้องปลอดภัยกลับมาอย่างแน่นอน”

แล้วเขาก็บอกนางว่า “เจ้าอยู่ที่เมืองจิ่นก็ระวังตัวด้วยนะ จะไปไหนมาไหนจะต้องให้มีสายลับคอยติดตามตลอดเวลา”

เมื่อหยุนชางได้ฟังก็หัวเราะออกมา “พวกเราพูดเหมือนกำลังจะจากกันเลยนะเพคะ ยังมีเวลาอีกตั้งครึ่งเดือนกว่าท่านจะเสด็จน่ะ”

รุ่ยอ๋องเองก็ยิ้มไปกับนาง เขาผลักศีรษะนางเบาๆและถอนหายใจออกมา “เจ้านี่นะ”

เมื่อกลับมาถึงจวน ก็เห็นมีคนรอพวกเขาอยู่ตรงประตูทางเข้าจวนด้วยท่าทางร้อนใจ หยุนชางเห็นท่าทางของเขาแล้วก็รู้ได้ในทันทีว่าคงต้องเกิดเรื่องขึ้นอีกแน่ๆ จึงรีบลงจากรถม้า นางขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

ชายคนนั้นมองซ้ายมองขวาแล้วบอกหยุนชางและลั่วชิงเหยียนว่า “ท่านอ๋องกับพระชายาเสด็จเข้าข้างในจวนก่อนเถิด หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”

หยุนชางและลั่วชิงเหยียนมองหน้ากันแล้วเดินตามเขาเข้าไปในจวน เมื่อมาถึงในห้องจึงถามขึ้นมาว่า “เจ้ามีเรื่องอะไร? หน้าของเจ้าดูซีดๆนะ”

เขาเงียบไปสักพักแล้วจึงพยายามรายงานด้วยเสียงที่เบาว่า “วันนี้ในขณะที่บ่าวไพร่กำลังทำความสะอาดห้องอยู่ เขาได้ไปเจอกับตุ๊กตาผ้าที่เขียนดวงพระชาตาของฮ่องเต้ไว้ บนตุ๊กตามีเข็มเงินปักอยู่หลายเข็ม แต่บ่าวไพร่คนนั้นมิได้มารายงานต่อหม่อมฉัน เขาเพียงแต่บอกให้คนอื่นมาดู ตอนที่หม่อมฉันทราบเรื่องนี้ บ่าวไพร่คนนั้นก็ได้ตายอย่างไร้สาเหตุไปเสียแล้ว ส่วนตุ๊กตาตัวนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดหาเจอเลยพ่ะย่ะค่ะ”

หยุนชางได้ฟังก็ถึงกับหน้าซีด ลั่วชิงเหยียนก็หน้าเสียไปตามๆกัน ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน แคว้นไหนดินแดนใด คุณไสยและมนต์ดำพวกนี้ล้วนเป็นของต้องห้าม แต่ดวงพระชาตาของฮ่องเต้เป็นความลับ หากมีผู้ใดร่วมมือกันกับผู้ที่ทำคุณไสย ผู้นั้นจะต้องโทษประหารล้างโคตรอย่างแน่นอน

“หลังจากที่เจ้ารู้เรื่องนี้แล้ว ในจวนมีคนเข้านอกออกในหรือไม่?” หยุนชางรีบถามต่อในทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 444 ดวลหมากกับท่านตา (ท่านอ๋องจะต้องไปออกศึกอีกแล้ว)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 444 ดวลหมากกับท่านตา (ท่านอ๋องจะต้องไปออกศึกอีกแล้ว) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยุนชางยิ้มและตอบตกลง นางมองบ่าวไพร่ยกกระดานหมากเข้ามา แล้วจึงเดินไปนั่งเพื่อเตรียมเล่นหมาก คนอื่นๆพากันมาห้อมล้อมเพื่อชมการดวลหมาก หยุนชางหันไปเห็นท่านป้าเล็กมองมาที่นาง สายตาของนางเหมือนกำลังรู้สึกสงสารหยุนชางอย่างบอกไม่ถูก

ไม่นานนักหยุนชางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดพวกเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นกันเช่นนี้ เป็นเพราะว่า ฮวากั๋วกงชื่นชอบการถอยหมากกลับมามากๆนั่นเอง

“ไม่ได้ๆ เจ้าจะวางตรงนี้ไม่ได้” เมื่อหยุนชางวางหมาก ฮวากั๋วกงก็หยิบหมากที่นางเพิ่งวางลงขึ้นมา “เจ้าวางตรงนี้ดีกว่า” เขาพูดพลางชี้ไปที่จุดๆหนึ่ง

“……” หยุนชางค่อยๆวางหมากลงบนจุดที่ฮวากั๋วกงชี้

“ไม่เอาๆ เจ้าวางตรงนี้ดีกว่านะ” เขาตัดสินใจใหม่อีกครั้ง

“……” หยุนชางเงียบไปแล้วจึงถามขึ้นมาว่า “ปกติท่านตาจะใช้มือซ้ายและมือขวาเล่นหมากคนเดียวใช่ไหมคะ?”

ทุกคนได้แต่เงียบแล้วจึงค่อยๆพยักหน้า

หยุนชางครุ่นคิด นางควรจะแกล้งป่วยแล้วขอตัวกลับไปดีหรือไม่ ทันใดนั้นเอง ผู้ที่ยืนเฝ้าประตูอยู่หน้าห้องก็ตะโกนเข้ามาว่า “นายท่าน ท่านฮูหยิน รุ่ยอ๋องเสด็จมาขอรับ”

ทุกคนรู้สึกตกใจ หยุนชางเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ประตูทางเข้า นางดีใจราวกับสวรรค์มาโปรด

ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาด้วยชุดสีน้ำหมึก ท่าทางองอาจภูมิฐาน เขากวาดสายตามองทุกๆคน แล้วมาหยุดสายตาลงที่หยุนชาง เขาค่อยๆขมวดคิ้ว

หยุนชางรีบยืนขึ้นแล้วเอ่ยถาม “ท่านอ๋องเสวยพระกระยาหารเย็นมาแล้วหรือยังเพคะ?”

กั๋วกงฮูหยินได้ฟังดังนั้น จึงรีบสั่งการ “ข้าจะให้คนไปเตรียมมาให้ ท่านอ๋องชอบกินอะไรล่ะ?”

หยุนชางหันมายิ้มให้ท่านฮูหยินแล้วตอบว่า “ท่านอ๋องเสวยอะไรก็ได้ค่ะ แต่ไม่ชอบเสวยรสหวาน”

“ได้ๆๆ” กั๋วกงฮูหยินพูดจบก็หันไปสั่งบ่าวไพร่ให้ไปจัดการ

ลั่วชิงเหยียนยังคงยืนหน้าขรึม หยุนชางจึงไปพาเขามานั่งลงที่โต๊ะอาหาร

ลั่วชิงเหยียนมองหยุนชางแล้วนั่งลง เขามองคนอื่นๆที่อยู่ในห้องนั้นแล้วมองไปที่ฮวากั๋วกงที่กำลังก้มหน้ามองดูกระดานหมาก เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ฮ่องเต้ทรงอนุญาตให้ท่านนำทหารไปจัดการเหตุการณ์ความไม่สงบของชาวหย่าแล้ว แต่ว่า ครั้งนี้ทรงให้ข้าเป็นคนตรวจตราเหล่าทหาร”

ฮวากั๋วกงเงยหน้าขึ้นมามองลั่วชิงเหยียน เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด พลันก็เอ่ยปากว่า “แล้วอย่างไร เจ้ากลัวหรือ? ถ้าหากว่าเจ้ากลัว ไม่กล้าไป ข้าจะไปทูลฮ่องเต้ให้ การตรวจตราเหล่าทหารแม้จะไม่ต้องลงสนามทำศึก แต่ก็ต้องอาศัยความกล้าหาญ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องไปแล้ว”

รุ่ยอ๋องรู้สึกฉุน เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก “กลัว?” ข้าลั่วชิงเหยียน ชีวิตนี้ไม่เคยมีคำนี้ปรากฏขึ้นในใจ”

“อะไรนะ เจ้าไปเอาแซ่ลั่วมาจากไหนกัน” ฮวากั๋วกงไม่พอใจ เขาปัดหมากบนกระดานจนกระจัดกระจาย แล้วเดินมานั่งข้างหน้าลั่วชิงเหยียน “ข้าหิวแล้ว ไปนำของว่างมาให้ข้าที”

หยุนชางเห็นว่าท่าทีของฮวากั๋วกงช่างเหมือนเด็กน้อยยิ่งนัก เห็นๆอยู่ว่าอยากใกล้ชิดหลานชาย แต่ดันกลัวเสียหน้า คนหนึ่งแก่คนหนึ่งเด็ก นิสัยพอกันทั้งคู่ คิดดังนั้นแล้วก็แอบยิ้ม เมื่อนางมองไปที่กั๋วกงฮูหยิน ก็เห็นว่านางกำลังแอบยิ้มอยู่เช่นเดียวกัน

รอจนลั่วชิงเหยียนรับประทานเสร็จ หยุนชางจึงได้กล่าวลา ส่วนลั่วชิงเหยียนกลับจูงมือนางเดินออกไปข้างนอกโดยมิได้เอ่ยคำพูดใด เมื่อขึ้นมาบนรถม้าแล้ว เขาก็เปลี่ยนสีหน้าจากที่ดูเย็นชากลายเป็นแววตาตำหนิหยุนชาง

หยุนชางมิได้ใส่ใจ นางหัวเราะแล้วกุมมือเขา “มีคำกล่าวว่า ในแต่ละจวนนั้น คนเฝ้าประตูจะเป็นผู้ที่แสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยของคนอื่นๆภายในจวน คนเฝ้าประตูของจวนกั๋วกงจิตใจดี ผู้คนในนั้นแต่ละคนล้วนเป็นมิตร ในจวนมีคนมากมาย บรรยากาศครึกครื้นดีเหลือเกินเพคะ”

ลั่วชิงเหยียนทำเป็นไม่ได้ยินและแกล้งหลับ

หยุนชางยิ้มและถามว่า “ท่านก็จะไปเรื่องชาวหย่าด้วยหรือ? ไปเมื่อไรหรือเพคะ?”

ลั่วชิงเหยียนได้ฟังก็ลืมตาขึ้นมาทันที เขามองหยุนชางด้วยความรู้สึกผิด “ยังต้องใช้เวลาเตรียมเสบียงอีกหลายวัน อีกประมาณครึ่งเดือนก็คงจะต้องออกเดินทางแล้ว” พูดจบก็จับมือของหยุนชางไว้แล้วถอนหายใจ “จะว่าไป เจ้ากับข้าก็แต่งงานกันมาได้เป็นปีแล้ว เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกลับแทบจะไม่มี เดิมทีข้าคิดว่าการได้กลับมาที่นี่คงทำให้ข้าได้มีเวลาอยู่กับเจ้ามากขึ้น ที่ไหนได้ก็ต้องมาจากลาเจ้าไปอีกแล้ว อีกอย่าง ครั้งนี้พวกเราก็เพิ่งมาถึงแคว้นเซี่ย มีใครหลายๆคนจ้องมองเราอย่างไม่เป็นมิตร แต่ข้ากลับต้องทิ้งเจ้าไปทำภารกิจเสียแล้ว”

หยุนชางยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน นางซบไปที่ไหล่ของเขา “ท่านอ๋องตรัสอะไรของท่านเพคะ เราเป็นสามีภรรยากัน จะต้องคอยสนับสนุนกันสิเพคะ หม่อมฉันไม่เคยร้องขออะไรมาก ขอเพียงแค่ท่านอ๋องดูแลตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย อย่าให้ตัวเองต้องได้รับบาดเจ็บเท่านั้นก็พอเพคะ”

ลั่วชิงเหยียนพยักหน้า “ได้ ข้ารับปากเจ้า”

“ความจริงหม่อมฉันก็กำลังคิดอยู่ว่า ฮ่องเต้ทรงปักใจรักอดีตฮองเฮามาก ในเมื่อท่านได้กลับมาแคว้นเซี่ยแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทก็กำลังว่างอยู่ หากฮ่องเต้ทรงอยากให้ท่านได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ก็คงจะพยายามหาโอกาสให้ท่านได้สร้างผลงานจนเป็นที่ประจักษ์และลือเลื่องในหมู่ขุนนาง การไปปราบปรามเหตุการณ์ความไม่สงบของชาวหย่าในครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสอันดี ท่านเป็นผู้ตรวจตราเหล่าทหาร ไม่ต้องลงสนามไปรบราฆ่าฟันกับผู้ใด ก็ต้องปลอดภัยแน่นอนเพคะ หากทรงปราบปรามความไม่สงบลงได้ ก็คงจะมีผลงานไม่น้อยเลยนะเพคะ อีกอย่าง ท่านเสด็จไปกับฮวากั๋วกง ก็จะได้ช่วยดูแลกันและกันได้ ฮวากั๋วกงก็จะได้ใช้โอกาสนี้ในการกลับเข้ามาในวังอีกครั้ง ในเวลานั้นก็จะมีเขาคอยเกื้อหนุนท่าน คงจะดีไม่น้อยเลยเพคะ” หยุนชางบอกเขาเบาๆ

หลังจากที่คนทั้งสองเงียบกันไปได้สักพัก หยุนชางก็ถอนหายใจขึ้นมาแล้วพูดว่า “แต่ว่า การไปคราวนี้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดนะเพคะ ถ้าหากหม่อมฉันเป็นฮองเฮาหรืออ๋องเจ็ด ก็คงจะใช้โอกาสนี้ชิงลงมือกำจัดท่าน ให้ท่านไปแล้วไม่มีทางได้กลับมาอีกเป็นแน่”

รุ่ยอ๋องยิ้มแล้วลูบศีรษะของหยุนชาง “ข้ารู้น่า เจ้าอย่าคิดมากไปเลยนะ ข้ารับปากเจ้าแล้วว่าข้าจะต้องปลอดภัยกลับมา ก็จะต้องปลอดภัยกลับมาอย่างแน่นอน”

แล้วเขาก็บอกนางว่า “เจ้าอยู่ที่เมืองจิ่นก็ระวังตัวด้วยนะ จะไปไหนมาไหนจะต้องให้มีสายลับคอยติดตามตลอดเวลา”

เมื่อหยุนชางได้ฟังก็หัวเราะออกมา “พวกเราพูดเหมือนกำลังจะจากกันเลยนะเพคะ ยังมีเวลาอีกตั้งครึ่งเดือนกว่าท่านจะเสด็จน่ะ”

รุ่ยอ๋องเองก็ยิ้มไปกับนาง เขาผลักศีรษะนางเบาๆและถอนหายใจออกมา “เจ้านี่นะ”

เมื่อกลับมาถึงจวน ก็เห็นมีคนรอพวกเขาอยู่ตรงประตูทางเข้าจวนด้วยท่าทางร้อนใจ หยุนชางเห็นท่าทางของเขาแล้วก็รู้ได้ในทันทีว่าคงต้องเกิดเรื่องขึ้นอีกแน่ๆ จึงรีบลงจากรถม้า นางขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

ชายคนนั้นมองซ้ายมองขวาแล้วบอกหยุนชางและลั่วชิงเหยียนว่า “ท่านอ๋องกับพระชายาเสด็จเข้าข้างในจวนก่อนเถิด หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”

หยุนชางและลั่วชิงเหยียนมองหน้ากันแล้วเดินตามเขาเข้าไปในจวน เมื่อมาถึงในห้องจึงถามขึ้นมาว่า “เจ้ามีเรื่องอะไร? หน้าของเจ้าดูซีดๆนะ”

เขาเงียบไปสักพักแล้วจึงพยายามรายงานด้วยเสียงที่เบาว่า “วันนี้ในขณะที่บ่าวไพร่กำลังทำความสะอาดห้องอยู่ เขาได้ไปเจอกับตุ๊กตาผ้าที่เขียนดวงพระชาตาของฮ่องเต้ไว้ บนตุ๊กตามีเข็มเงินปักอยู่หลายเข็ม แต่บ่าวไพร่คนนั้นมิได้มารายงานต่อหม่อมฉัน เขาเพียงแต่บอกให้คนอื่นมาดู ตอนที่หม่อมฉันทราบเรื่องนี้ บ่าวไพร่คนนั้นก็ได้ตายอย่างไร้สาเหตุไปเสียแล้ว ส่วนตุ๊กตาตัวนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดหาเจอเลยพ่ะย่ะค่ะ”

หยุนชางได้ฟังก็ถึงกับหน้าซีด ลั่วชิงเหยียนก็หน้าเสียไปตามๆกัน ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน แคว้นไหนดินแดนใด คุณไสยและมนต์ดำพวกนี้ล้วนเป็นของต้องห้าม แต่ดวงพระชาตาของฮ่องเต้เป็นความลับ หากมีผู้ใดร่วมมือกันกับผู้ที่ทำคุณไสย ผู้นั้นจะต้องโทษประหารล้างโคตรอย่างแน่นอน

“หลังจากที่เจ้ารู้เรื่องนี้แล้ว ในจวนมีคนเข้านอกออกในหรือไม่?” หยุนชางรีบถามต่อในทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+