ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 512 เพลิงโทสะ

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 512 เพลิงโทสะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉี่ยนหยุนรีบกล่าวว่า “เป็นพระชายาที่สั่งให้หม่อมฉันทำเช่นนี้ เมื่อยากล่อมนิทราออกฤทธิ์แล้วก็ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นบ้าง พระชายากลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่จึงได้ขอให้หม่อมฉันทำให้นางหมดสติไป แม้ว่าฤทธิ์ยานั้นจะแรงมากแต่ก็จะออกฤทธิ์เพียงไม่นาน ครึ่งชั่วยามก็น่าจะหมดฤทธิ์แล้วเพคะ”

ลั่วชิงเหยียนเดินเข้าไปในตำหนักอย่างรีบร้อนและเห็นหยุนชางนอนหลับอยู่บนเบาะ บนหน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อบางๆ ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมแขนพลางเงยหน้าขึ้นมองเฉี่ยนหยุน “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพระชายาจึงกินยากล่อมนิทราเข้าไปได้?”

เฉี่ยนหยุนรีบตอบ “ยานี้ถูกใส่ลงในชาของพระชายาเพคะ หากเป็นในยามปกติพระชายาต้องพบแน่ เพียงแต่เมื่อครู่ที่ตำหนักเว่ยยางนั้น ฮองเฮาเข้าไปในห้องด้านในเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและให้พระชายาช่วยดูแลท่านชายน้อย นางกำนัลนำขนมเกาลัดมา ในขณะที่กำลังเสวยอยู่นั้นเสิ่นซูเฟยก็มาถึง เมื่อมาถึงก็ถามพระชายาว่าที่ท่านชายน้อยกำลังกินนั้นคือขนมเกาลัดใช่หรือไม่ ความสนใจของพระชายาจึงถูกดึงไปอยู่ที่เสิ่นซูเฟยและท่าชายน้อยและไม่ได้สังเกตว่าชาของนางถูกคนแตะต้อง เมื่อดื่มไปเล็กน้อยจึงรู้สึกผิดปกติและรีบส่งสัญญาณให้หม่อมฉันแกล้งทำให้ถ้วยชาคว่ำเพื่อมาเปลี่ยนชุดที่ตำหนักเซียงจู๋เพคะ”

“แล้วที่เจ้าบอกว่ามีคนปลอมตัวเป็นนางกำนัลเข้ามาทำร้ายพระชายานั่นเป็นเรื่องอะไรกัน?” ลั่วชิงเหยียนยกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของหยุนชางและถามเสียงต่ำ

เฉี่ยนหยุนตอบว่า “เมื่อครู่พระชายาขอให้หม่อมฉันไปหาท่านอ๋องที่ตำหนักไท่จี๋ หม่อมฉันจึงได้ส่งคนไปตามท่านอ๋องมา แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีชายปลอมตัวเป็นหญิงบอกว่าฮองเฮามีราชโองการให้พระชายาและเข้ามาด้านในตำหนัก เขาคิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าในพระชายา แต่โชคดีที่พระชายาพยายามฝืนต้านทานฤทธิ์ยาไว้จึงยังคงมีสติอยู่ นางพบว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบตะโกนออกมา… ”

ลั่วชิงเหยียนกำหมัดแน่น เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชา ดวงตาฉายแววอาฆาต เฉี่ยนหยุนถูกแววตาอาฆาตนั้นทำให้ตกตะลึงก้าวถอยหลังไปสองก้าวและก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองลั่วชิงเหยียนอีก

“พวกเจ้าเฝ้าอยู่ด้านนอกเถอะ ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางเอง” เฉี่ยนหยุนก้มศีรษะขานรับแล้วรีบออกไป

ลั่วชิงเหยียนถอดเสื้อผ้าของออก ตาของเขาจับจ้องไปยังแขนที่กลายเป็นสีแดงเพราะถูกลวก คิ้วของเขาขมวดขึ้นอีกครั้ง เขายื่นมือเพื่อไปแตะเบาๆ แต่เมื่อเกือบจะถึงรอยแผลนั้นเขาก็ชักมือกลับแล้วถอนหายใจเบาๆ พลางหยิบเสื้อผ้าที่วางอยู่ด้านข้างมาเปลี่ยนให้หยุนชาง

เมื่อเฉี่ยนหยุนถูกเรียกเข้ามาอีกครั้ง นางก็เห็นลั่วชิงเหยียนกำลังขมวดคิ้วจ้องมองรอยแผลบนแขนของหยุนชาง เฉี่ยนหยุนรีบหยิบขวดยาสีน้ำเงินมาจากชั้นด้านข้างและยื่นให้ลั่วชิงเหยียนทันที “ท่านอ๋อง นี่คือยาทารักษาแผลน้ำร้อนลวก…”

ลั่วชิงเหยียนรับคำอย่างเรียบเฉยแล้วจึงรับมา เขาเทยาออกมาทาแผลให้หยุนชางอย่างระมัดระวังก่อนที่จะวางขวดยาไว้ด้านข้าง

มีคนเข้ามาจากด้านนอกอย่างรีบร้อน “กุ้ยผินส่งคนมาถามว่าพระชายาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จหรือยังเพคะ? เมื่อครู่ฮองเฮาเพิ่งถามถึง”

เฉี่ยนหยุนเหลือบมองดูหยุนชางที่ยังไม่ได้สติและพานางกำนัลผู้นั้นไปอีกด้าน “ยังไม่เสร็จ”

นางกำนัลผู้นั้นเงยหน้าขึ้นดูสถานการณ์ในตำหนักก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “กุ้ยผินบอกว่าหากนางยังไม่ฟื้น รออีกสักครู่ก็ให้ตรงไปที่ตำหนักไท่จี๋เลย ฮองเฮาเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว นางน่าจะตรงไปยังตำหนักไท่จี๋เลย”

เฉี่ยนหยุนพยักหน้าและให้นางกำนัลผู้นั้นออกไป ส่วนนางก็ยืนรอรับใช้อยู่ที่ทางเข้าตำหนัก

ผ่านไปครู่หนึ่งหยุนชางก็ส่งเสียงครางในลำคอและฟื้นขึ้น นางขมวดคิ้วมองไปที่ลั่วชิงเหยียน จากนั้นจึงร้องออกมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย “ท่านอ๋อง?”

ลั่วชิงเหยียนจับมือของหยุนชางและพยักหน้า “ดีขึ้นแล้วหรือไม่? ยังปวดหัวอยู่ไหม?”

หยุนชางนวดหน้าผากแล้วพยักหน้า ใบหน้าของนางซีดขาวเล็กน้อย “ข้าถูกวางยากล่อมนิทรา ยานี้มีฤทธิ์แรงมาก แม้ว่าฤทธิ์ของมันจะหายไปในครึ่งชั่วยาม แต่อีกครึ่งชั่วยามต่อมาจะรู้สึกอ่อนเพลียไปทั้งตัว”

หยุนชางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยืดตัวออกจากอ้อมแขนของลั่วชิงเหยียน นางขมวดคิ้วและพูดว่า “ตอนที่ข้ามึนงงเมื่อครู่นี้ มีคนแกล้งปลอมตัวเป็นนางกำนัลและต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้าของข้า?”

“อืม แต่ไม่เป็นไรแล้ว” ลั่วชิงเหยียนกล่าวเสียงเบา เขานิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะถามขึ้น “ข้าเคยได้ยินว่าผู้ที่ได้รับยากล่อมนิทราจะเห็นภาพหลอน เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าคนผู้นั้นไม่ใช่นางกำนัล”

หยุนชางพยักหน้า “จะมีอาการเห็นภาพหลอนจริงๆ หากโชคร้ายเจอศัตรูเข้าก็อาจมีอันตรายถึงชีวิต” นางพูดจบแล้วจึงพูดต่ออีกว่า “แม้ว่ายากล่อมนิทรานั้นจะไม่ใช่ยาพิษ แต่ร่างกายของข้าค่อนข้างพิเศษจึงสามารถต้านทานมันได้บ้างเล็กน้อย ข้าจึงพยายามรวบรวมสติ เมื่อครู่นางกำนัลผู้นั้นคิดว่าข้าได้เสียสติไปแล้ว นางจึงเข้ามาบอกว่าจะช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า ข้าได้ยินเสียงนั้นค่อนข้างใหญ่จึงรู้สึกสงสัย เมื่อมองดูเขาก็เห็นว่าเขารูปร่างสูงใหญ่กว่านางกำนัลทั่วไป ข้าจึงพยายามทำให้ตนเองมีสติขึ้นมา ข้าขอให้เขาเอายามาทาแขนให้ แต่เขากลับบอกว่าในตำหนักนี้ไม่มียา ข้าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล เมื่อมือของเขาสัมผัสแขนของข้า ข้าก็พบว่ามือของเขาใหญ่กว่ามือผู้หญิงธรรมดาและหยาบกร้าน จึงได้รู้ว่าเขาเป็นชายปลอมตัวมาเป็นผู้หญิง ข้าจึงรีบร้องให้คนช่วย”

ลั่วชิงเหยียนกอดหยุนชางแล้วพูดเบาๆ “อืม ชางเอ๋อร์ฉลาดที่สุด” เขาเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “เมื่อครู่หนิงเชียนส่งคนมาตามเจ้า บอกว่าเมื่อฮองเฮาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วออกมาไม่เห็นเจ้าจึงได้ตามหา”

หยุนชางนวดขมับของนาง “คงจะมีคนอยากดูเรื่องขบขันของข้า ไม่เป็นไร ข้าพอทนได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”

ลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้า เขาช่วยประคองหยุนชางให้ยืนขึ้นและพูดว่า “ชายที่ปลอมตัวเป็นนางกำนัลเมื่อครู่ถูกข้าจับตัวไว้แล้ว เกรงว่าทางนั้นจะยังไม่รู้เรื่องนี้ เจ้าจะทำอย่างไร?”

หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเรียกเฉี่ยนหยุนเข้ามา นางให้นำชายผู้นั้นไปขังไว้ เมื่อเฉี่ยนหยุนรับคำสั่งแล้วก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก “ข้าได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายารุ่ยอ๋องจึงมาดูเสียหน่อย พระชายาอยู่ในตำหนักหรือไม่?”

หยุนชางเงยหน้าขึ้นสบตากับลั่วชิงเหยียน ทั้งคู่ต่างก็ได้ยินเสียงจากภายนอก “ฮองเฮา”

หยุนชางได้ยินเฉี่ยนหยุนเอ่ยว่า “เมื่อครู่หม่อมฉันซุ่มซ่าม บังเอิญทำถ้วยน้ำชาของพระชายาหกและทำให้เสื้อผ้าของพระชายาสกปรกเข้า ตอนนี้พระชายากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในตำหนักเพคะ ขอให้ฮองเฮาและทุกท่านโปรดรอสักครู่”

หยุนชางฟังคำพูดของเฉี่ยนหยุนก็รู้ได้ว่าไม่ใช่เพียงแค่ฮองเฮาเท่านั้นที่มา แต่มีคนมาด้วยมากมาย ไม่รู้ว่าใครเป็นคนต้นคิด

ขณะที่นางกำลังคิดเรื่องนี้อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของหนิงเชียนดังขึ้น “พระชายาเพียงแค่เสื้อผ้าสกปรกและมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น ฝ่าบาทรออยู่ที่ตำหนักไท่จี๋ ฮองเฮาเพคะ ทำไมพวกเราไม่ไปที่นั่นกันก่อนล่ะเพคะ?”

เมื่อสิ้นเสียงของหนิงเชียน เสิ่นซูเฟยก็พูดต่อทันที “แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าคงไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนี้หรือเปล่า? นี่เกือบจะหนึ่งชั่วยามแล้ว พระชายาคงไม่ได้เป็นอะไรไปใช่หรือไม่? นอกจากนี้ไหนๆ พวกเราก็มากันแล้ว รอพระชายาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปด้วยกันเถอะ”

เมื่อหยุนชางได้ยินคำพูดของเสิ่นซูเฟยก็ยิ้มเย็น ในใจนางคิดว่าเรื่องนี้แม้เสิ่นซูเฟยจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือแต่เกรงว่านางจะรู้เรื่องราวอยู่ก่อนแล้ว

“นานไปหน่อยแล้ว ขนาดข้ายังเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วและยังเดินทางมาจากตำหนักเว่ยยางอีก นางยังไม่เสร็จอีกหรือ? ให้คนเข้าไปดูหน่อยเถอะ” ฮองเฮาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

หนิงเชียนก้มศีรษะลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองเฉี่ยนหยุนและรับคำ “เพคะ”

เมื่อนางรับคำก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งดังมาจากในตำหนัก ทุกคนที่อยู่ด้านนอกต่างก็ตกตะลึง ผ่านไปครู่ใหญ่ฮองเฮาก็ขมวดคิ้ว “พวกเจ้าได้ยินหรือเปล่า?”

มีหลายคนพยักหน้า ฮองเฮายิ้มเย็น “ไม่ได้บอกว่ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือ? ไปกันเถอะ ข้าอยากดูนักว่าพระชายาเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไร?” นางพูดพลางสาวเท้าก้าวเข้าไปในตำหนัก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 512 เพลิงโทสะ

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 512 เพลิงโทสะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉี่ยนหยุนรีบกล่าวว่า “เป็นพระชายาที่สั่งให้หม่อมฉันทำเช่นนี้ เมื่อยากล่อมนิทราออกฤทธิ์แล้วก็ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นบ้าง พระชายากลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่จึงได้ขอให้หม่อมฉันทำให้นางหมดสติไป แม้ว่าฤทธิ์ยานั้นจะแรงมากแต่ก็จะออกฤทธิ์เพียงไม่นาน ครึ่งชั่วยามก็น่าจะหมดฤทธิ์แล้วเพคะ”

ลั่วชิงเหยียนเดินเข้าไปในตำหนักอย่างรีบร้อนและเห็นหยุนชางนอนหลับอยู่บนเบาะ บนหน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อบางๆ ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมแขนพลางเงยหน้าขึ้นมองเฉี่ยนหยุน “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพระชายาจึงกินยากล่อมนิทราเข้าไปได้?”

เฉี่ยนหยุนรีบตอบ “ยานี้ถูกใส่ลงในชาของพระชายาเพคะ หากเป็นในยามปกติพระชายาต้องพบแน่ เพียงแต่เมื่อครู่ที่ตำหนักเว่ยยางนั้น ฮองเฮาเข้าไปในห้องด้านในเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและให้พระชายาช่วยดูแลท่านชายน้อย นางกำนัลนำขนมเกาลัดมา ในขณะที่กำลังเสวยอยู่นั้นเสิ่นซูเฟยก็มาถึง เมื่อมาถึงก็ถามพระชายาว่าที่ท่านชายน้อยกำลังกินนั้นคือขนมเกาลัดใช่หรือไม่ ความสนใจของพระชายาจึงถูกดึงไปอยู่ที่เสิ่นซูเฟยและท่าชายน้อยและไม่ได้สังเกตว่าชาของนางถูกคนแตะต้อง เมื่อดื่มไปเล็กน้อยจึงรู้สึกผิดปกติและรีบส่งสัญญาณให้หม่อมฉันแกล้งทำให้ถ้วยชาคว่ำเพื่อมาเปลี่ยนชุดที่ตำหนักเซียงจู๋เพคะ”

“แล้วที่เจ้าบอกว่ามีคนปลอมตัวเป็นนางกำนัลเข้ามาทำร้ายพระชายานั่นเป็นเรื่องอะไรกัน?” ลั่วชิงเหยียนยกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของหยุนชางและถามเสียงต่ำ

เฉี่ยนหยุนตอบว่า “เมื่อครู่พระชายาขอให้หม่อมฉันไปหาท่านอ๋องที่ตำหนักไท่จี๋ หม่อมฉันจึงได้ส่งคนไปตามท่านอ๋องมา แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีชายปลอมตัวเป็นหญิงบอกว่าฮองเฮามีราชโองการให้พระชายาและเข้ามาด้านในตำหนัก เขาคิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าในพระชายา แต่โชคดีที่พระชายาพยายามฝืนต้านทานฤทธิ์ยาไว้จึงยังคงมีสติอยู่ นางพบว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบตะโกนออกมา… ”

ลั่วชิงเหยียนกำหมัดแน่น เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชา ดวงตาฉายแววอาฆาต เฉี่ยนหยุนถูกแววตาอาฆาตนั้นทำให้ตกตะลึงก้าวถอยหลังไปสองก้าวและก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองลั่วชิงเหยียนอีก

“พวกเจ้าเฝ้าอยู่ด้านนอกเถอะ ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางเอง” เฉี่ยนหยุนก้มศีรษะขานรับแล้วรีบออกไป

ลั่วชิงเหยียนถอดเสื้อผ้าของออก ตาของเขาจับจ้องไปยังแขนที่กลายเป็นสีแดงเพราะถูกลวก คิ้วของเขาขมวดขึ้นอีกครั้ง เขายื่นมือเพื่อไปแตะเบาๆ แต่เมื่อเกือบจะถึงรอยแผลนั้นเขาก็ชักมือกลับแล้วถอนหายใจเบาๆ พลางหยิบเสื้อผ้าที่วางอยู่ด้านข้างมาเปลี่ยนให้หยุนชาง

เมื่อเฉี่ยนหยุนถูกเรียกเข้ามาอีกครั้ง นางก็เห็นลั่วชิงเหยียนกำลังขมวดคิ้วจ้องมองรอยแผลบนแขนของหยุนชาง เฉี่ยนหยุนรีบหยิบขวดยาสีน้ำเงินมาจากชั้นด้านข้างและยื่นให้ลั่วชิงเหยียนทันที “ท่านอ๋อง นี่คือยาทารักษาแผลน้ำร้อนลวก…”

ลั่วชิงเหยียนรับคำอย่างเรียบเฉยแล้วจึงรับมา เขาเทยาออกมาทาแผลให้หยุนชางอย่างระมัดระวังก่อนที่จะวางขวดยาไว้ด้านข้าง

มีคนเข้ามาจากด้านนอกอย่างรีบร้อน “กุ้ยผินส่งคนมาถามว่าพระชายาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จหรือยังเพคะ? เมื่อครู่ฮองเฮาเพิ่งถามถึง”

เฉี่ยนหยุนเหลือบมองดูหยุนชางที่ยังไม่ได้สติและพานางกำนัลผู้นั้นไปอีกด้าน “ยังไม่เสร็จ”

นางกำนัลผู้นั้นเงยหน้าขึ้นดูสถานการณ์ในตำหนักก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “กุ้ยผินบอกว่าหากนางยังไม่ฟื้น รออีกสักครู่ก็ให้ตรงไปที่ตำหนักไท่จี๋เลย ฮองเฮาเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว นางน่าจะตรงไปยังตำหนักไท่จี๋เลย”

เฉี่ยนหยุนพยักหน้าและให้นางกำนัลผู้นั้นออกไป ส่วนนางก็ยืนรอรับใช้อยู่ที่ทางเข้าตำหนัก

ผ่านไปครู่หนึ่งหยุนชางก็ส่งเสียงครางในลำคอและฟื้นขึ้น นางขมวดคิ้วมองไปที่ลั่วชิงเหยียน จากนั้นจึงร้องออกมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย “ท่านอ๋อง?”

ลั่วชิงเหยียนจับมือของหยุนชางและพยักหน้า “ดีขึ้นแล้วหรือไม่? ยังปวดหัวอยู่ไหม?”

หยุนชางนวดหน้าผากแล้วพยักหน้า ใบหน้าของนางซีดขาวเล็กน้อย “ข้าถูกวางยากล่อมนิทรา ยานี้มีฤทธิ์แรงมาก แม้ว่าฤทธิ์ของมันจะหายไปในครึ่งชั่วยาม แต่อีกครึ่งชั่วยามต่อมาจะรู้สึกอ่อนเพลียไปทั้งตัว”

หยุนชางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยืดตัวออกจากอ้อมแขนของลั่วชิงเหยียน นางขมวดคิ้วและพูดว่า “ตอนที่ข้ามึนงงเมื่อครู่นี้ มีคนแกล้งปลอมตัวเป็นนางกำนัลและต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้าของข้า?”

“อืม แต่ไม่เป็นไรแล้ว” ลั่วชิงเหยียนกล่าวเสียงเบา เขานิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะถามขึ้น “ข้าเคยได้ยินว่าผู้ที่ได้รับยากล่อมนิทราจะเห็นภาพหลอน เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าคนผู้นั้นไม่ใช่นางกำนัล”

หยุนชางพยักหน้า “จะมีอาการเห็นภาพหลอนจริงๆ หากโชคร้ายเจอศัตรูเข้าก็อาจมีอันตรายถึงชีวิต” นางพูดจบแล้วจึงพูดต่ออีกว่า “แม้ว่ายากล่อมนิทรานั้นจะไม่ใช่ยาพิษ แต่ร่างกายของข้าค่อนข้างพิเศษจึงสามารถต้านทานมันได้บ้างเล็กน้อย ข้าจึงพยายามรวบรวมสติ เมื่อครู่นางกำนัลผู้นั้นคิดว่าข้าได้เสียสติไปแล้ว นางจึงเข้ามาบอกว่าจะช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า ข้าได้ยินเสียงนั้นค่อนข้างใหญ่จึงรู้สึกสงสัย เมื่อมองดูเขาก็เห็นว่าเขารูปร่างสูงใหญ่กว่านางกำนัลทั่วไป ข้าจึงพยายามทำให้ตนเองมีสติขึ้นมา ข้าขอให้เขาเอายามาทาแขนให้ แต่เขากลับบอกว่าในตำหนักนี้ไม่มียา ข้าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล เมื่อมือของเขาสัมผัสแขนของข้า ข้าก็พบว่ามือของเขาใหญ่กว่ามือผู้หญิงธรรมดาและหยาบกร้าน จึงได้รู้ว่าเขาเป็นชายปลอมตัวมาเป็นผู้หญิง ข้าจึงรีบร้องให้คนช่วย”

ลั่วชิงเหยียนกอดหยุนชางแล้วพูดเบาๆ “อืม ชางเอ๋อร์ฉลาดที่สุด” เขาเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “เมื่อครู่หนิงเชียนส่งคนมาตามเจ้า บอกว่าเมื่อฮองเฮาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วออกมาไม่เห็นเจ้าจึงได้ตามหา”

หยุนชางนวดขมับของนาง “คงจะมีคนอยากดูเรื่องขบขันของข้า ไม่เป็นไร ข้าพอทนได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”

ลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้า เขาช่วยประคองหยุนชางให้ยืนขึ้นและพูดว่า “ชายที่ปลอมตัวเป็นนางกำนัลเมื่อครู่ถูกข้าจับตัวไว้แล้ว เกรงว่าทางนั้นจะยังไม่รู้เรื่องนี้ เจ้าจะทำอย่างไร?”

หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเรียกเฉี่ยนหยุนเข้ามา นางให้นำชายผู้นั้นไปขังไว้ เมื่อเฉี่ยนหยุนรับคำสั่งแล้วก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก “ข้าได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายารุ่ยอ๋องจึงมาดูเสียหน่อย พระชายาอยู่ในตำหนักหรือไม่?”

หยุนชางเงยหน้าขึ้นสบตากับลั่วชิงเหยียน ทั้งคู่ต่างก็ได้ยินเสียงจากภายนอก “ฮองเฮา”

หยุนชางได้ยินเฉี่ยนหยุนเอ่ยว่า “เมื่อครู่หม่อมฉันซุ่มซ่าม บังเอิญทำถ้วยน้ำชาของพระชายาหกและทำให้เสื้อผ้าของพระชายาสกปรกเข้า ตอนนี้พระชายากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในตำหนักเพคะ ขอให้ฮองเฮาและทุกท่านโปรดรอสักครู่”

หยุนชางฟังคำพูดของเฉี่ยนหยุนก็รู้ได้ว่าไม่ใช่เพียงแค่ฮองเฮาเท่านั้นที่มา แต่มีคนมาด้วยมากมาย ไม่รู้ว่าใครเป็นคนต้นคิด

ขณะที่นางกำลังคิดเรื่องนี้อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของหนิงเชียนดังขึ้น “พระชายาเพียงแค่เสื้อผ้าสกปรกและมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น ฝ่าบาทรออยู่ที่ตำหนักไท่จี๋ ฮองเฮาเพคะ ทำไมพวกเราไม่ไปที่นั่นกันก่อนล่ะเพคะ?”

เมื่อสิ้นเสียงของหนิงเชียน เสิ่นซูเฟยก็พูดต่อทันที “แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าคงไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนี้หรือเปล่า? นี่เกือบจะหนึ่งชั่วยามแล้ว พระชายาคงไม่ได้เป็นอะไรไปใช่หรือไม่? นอกจากนี้ไหนๆ พวกเราก็มากันแล้ว รอพระชายาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปด้วยกันเถอะ”

เมื่อหยุนชางได้ยินคำพูดของเสิ่นซูเฟยก็ยิ้มเย็น ในใจนางคิดว่าเรื่องนี้แม้เสิ่นซูเฟยจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือแต่เกรงว่านางจะรู้เรื่องราวอยู่ก่อนแล้ว

“นานไปหน่อยแล้ว ขนาดข้ายังเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วและยังเดินทางมาจากตำหนักเว่ยยางอีก นางยังไม่เสร็จอีกหรือ? ให้คนเข้าไปดูหน่อยเถอะ” ฮองเฮาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

หนิงเชียนก้มศีรษะลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองเฉี่ยนหยุนและรับคำ “เพคะ”

เมื่อนางรับคำก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งดังมาจากในตำหนัก ทุกคนที่อยู่ด้านนอกต่างก็ตกตะลึง ผ่านไปครู่ใหญ่ฮองเฮาก็ขมวดคิ้ว “พวกเจ้าได้ยินหรือเปล่า?”

มีหลายคนพยักหน้า ฮองเฮายิ้มเย็น “ไม่ได้บอกว่ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือ? ไปกันเถอะ ข้าอยากดูนักว่าพระชายาเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไร?” นางพูดพลางสาวเท้าก้าวเข้าไปในตำหนัก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+