ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 217 ชำระหนี้เเค้น (๑)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 217 ชำระหนี้เเค้น (๑) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คนสามกลุ่มหรือ หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เดาได้ว่าจิ้งอ๋องและจักรพรรดิหนิงคงจะส่งคนไปสืบข่าวเช่นกัน แต่กลุ่มที่สามนั้นนางไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร

"สืบต่อ สืบมาว่าใครส่งคนสามกลุ่มนั้นออกไป" หยุนชางขมวดคิ้วและพูดอย่างเฉียบขาด

เฉี่ยนอินขานรับและพูดขึ้นอีกว่า "จริงสิ องค์หญิง ท่านอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยดูเหมือนจะป่วยอีกแล้วเพคะ เมื่อคืนมีหมอหลวงจำนวนมากเข้าออกที่เรือนรับรอง แต่เดิมทีพวกเราต้องการจับคนหนึ่งมาถามเรื่องท่านอ๋องเจ็ดว่าอาการเป็นอย่างไร แต่นึกไม่ถึงว่าหมอหลวงคนนั้นจะกลัวจนเป็นลม ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลยเพคะ กลัวว่าเรื่องที่หมอไม่กลับไปจะทำให้เกิดความสงสัย จึงได้ส่งหมอหลวงไปที่จวนของเขาแล้ว"

"ป่วยอีกแล้วหรือ?" หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา เซี่ยโหจิ้งผู้นี้ ว่าจะป่วยก็ป่วยจะหายก็หายงั้นหรือ? ช่างเลือกเวลาได้ถูกต้องเสียจริง

"จับตาดูผู้ที่เข้าออกเรือนรับรองคณะทูตให้ดี ข้าสงสัยว่าเซี่ยโหจิ้งจะแสร้งป่วยและปลอมตัวออกไปแล้ว"หยุนชางกำชับเสียงเบา

เฉี่ยนอินรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว

มีเสียงฝีเท้าแว่วมาจากด้านนอก หยุนชางเพ่งสมาธิฟังก็รู้ได้ว่าฉินยีแล้ว เป็นอย่างที่คาด ม่านถูกแหวกออกและฉินยีเดินยิ้มเข้ามา "องค์หญิง หม่อมฉันปฏิบัติภารกิจลุล่วง นำชุดแต่งงานไปมอบให้จิ้งอ๋องกับมือเลยเพคะ"

หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย แต่ในใจแอบอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไรในตอนนั้น

"จิ้งอ๋องบอกว่าจะแต่งงานในวันที่หกเดือนหน้าออกจะฉุกละหุกไปบ้าง แต่เรื่องที่ต้องทำก็ต้องทำให้ดี จะให้องค์หญิงน้อยหน้าไปไม่ได้เป็นอันขาดและสั่งว่าในวันที่สิบแปดเดือนนี้จะจัดพิธีแลกสินสอดขึ้น จวนองค์หญิงกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง ท่านอ๋องบอกว่าแม้ว่าต่อไปส่วนมากองค์หญิงจะอยู่ที่จวนของเขา แต่อย่างไรจวนขององค์หญิงก็ต้องตกแต่งให้ดี แล้วท่านอ๋องยังบอกอีกว่าขอบคุณองค์หญิงสำหรับชุดที่เตรียมไว้สำหรับเขา เขาไม่มีอะไรจะตอบแทนจึงมอบหยกแขวนที่เขาพกติดตัวมาตลอดและหวังว่าองค์หญิงจะดูแลรักษามันอย่างดี"

ฉินยียิ้มอย่างมีความสุขและยื่นหยกแขวนสีเขียวให้นาง เมื่อครู่ที่นางตามหัวหน้าขันทีเจิ้งไปส่งมอบพระราชโองการก็รู้สึกร้อนอกร้อนใจเล็กน้อย นางอยู่ข้างกายหยุนชางมาตลอดและรู้เรื่องของจิ้งอ๋องอยู่บ้างและนางก็รู้จักเจ้านายของตนเองดี เพียงแต่เมื่อครู่นางลอบสังเกตสีหน้าจิ้งอ๋องอย่างละเอียดก็เห็นว่าท่าทางของเขาดูสงบและไม่มีแววความไม่พอใจประการใด แล้วยังปลดหยกแขวนมอบให้ฉินยีต่อหน้าทุกคนอีกด้วย

เดิมทีฉินยีคิดว่าเป็นเพียงหยกแขวนล้ำค่าเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าขันทีเจิ้งจะบอกนางว่าหยกแขวนชิ้นนี้เป็นของล้ำค่าเพียงชิ้นเดียวที่ติดตัวจิ้งอ๋องมาก่อนที่เขาจะถูกรับเลี้ยงโดยจักรพรรดิองค์ก่อน เกรงว่าจะเป็นสิ่งเดียวที่จะสามารถรู้เกี่ยวกับชาติกำเนิดของเขาได้ ขันทีเจิ้งยังเล่าถึงเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เมื่อยี่สิบปีที่แล้วอีกด้วย เขาบอกว่าเมื่อจิ้งอ๋องยังเด็ก องค์ฮ่องเต้ต้องการดูหยกแขวนนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาเพียงแตะมัน จิ้งอ๋องก็บ้าคลั่งขึ้นมา กระโจนเข้าใส่ฮ่องเต้จนล้มลงไปกับพื้นและสู้กันอย่างดุเดือด

สันนิษฐานว่าสำหรับจิ้งอ๋องแล้วหยกแขวนนี้ไม่ได้เป็นเพียงหยกธรรมดา แต่ยังเป็นตัวแทนของครอบครัวที่เขาไม่เคยพบ แต่ตอนนี้เขายินดีที่จะมอบมันให้กับองค์หญิงแปลว่าเขาจะรักองค์หญิงมาก องค์หญิงเองก็เป็นคนฉลาด ถ้านางได้แต่งงานกับคนที่รักนาง นางคงจะมีความสุขมาก

หยุนชางรับหยกแขวนสีเขียวนั้นมาถืออยู่บนมืออยู่นาน หยกแขวนนี้เป็นหยกชั้นดี สีเขียวอมฟ้านั้นดูราวกับเคลื่อนไหวได้ ด้านหน้าแกะสลักด้วยลวดลายหงส์และมังกร ด้านหลังสลักตัวอักษรลั่ว

มิน่าเล่าจิ้งอ๋องจึงแซ่ลั่ว คงจะเป็นเพราะหยกแขวนนี้ หยุนชางคิดพลางลูบหยกที่อ่อนโยนด้วยมือของนาง มุมปากปรากฏรอยยิ้มบางๆ "ฉินยี เจ้าสอนข้าถักเชือกมงคลหน่อยเถอะ"

ฉินยียิ้มน้อยๆ พร้อมกับแววล้อเลียนในดวงตาของเขา "เพคะ องค์หญิงไม่เคยแตะต้องสิ่งเหล่านี้เลย คิดไม่ถึงว่าวันนี้จู่ๆ ก็อยากจะเรียนขึ้นมา ไม่เช่นนั้นองค์หญิงเรียนการเย็บปักถักร้อยไปด้วยเลยดีไหมเพคะ อย่างน้อยจะได้ทำรองเท้าและเสื้อผ้าได้ องค์หญิงจะแต่งงานเร็วๆ นี้แล้ว ของใช้ส่วนตัวของท่านอ๋องหากองค์หญิงทำด้วยตนเองได้คงจะดีมาก"

หยุนชางหน้าแดงระเรื่อราวกับดอกบัวบานสะพรั่งทั้งยังแฝงแววความเขินอายเล็กน้อยและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นอยู่นาน

ฉินยีมองดูแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าองค์หญิงและท่านอ๋องจะใจตรงกัน เช่นนั้นก็ดีแล้ว นางจะได้รายงานพระสนมได้อย่างโล่งใจ

แม้จะบอกว่านางกำลังจะแต่งงานแล้ว แต่ทุกเรื่องก็มีกรมพิธีการคอยจัดการให้ ฮองเฮาเองก็ถามขึ้นเป็นครั้งคราวเช่นกัน หยุนชางที่กำลังว่างเป็นอย่างมากก็นึกถึงเรื่องคุณชายของตระกูลเวินขึ้นมาได้ "คุณชายเวินถูกคุมขังไว้ที่ไหน?"

เฉี่ยนอินไม่รู้ว่าเหตุใดหยุนชางจึงถามเช่นนี้ แต่นางก็รีบตอบว่า "ศาลต้าหลี่เพคะ"

หยุนชางพยักหน้า "สองสามวันมานี้ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ได้สอบสวนเขาไปหรือยัง?"

เฉี่ยนอินส่ายหัว "ฝ่าบาทยังไม่ได้มีราชโองการ ทางศาลต้าหลี่จึงไม่กล้ากระทำการโดยพลการ อีกทั้งเรื่องนี้เกี่ยวโยงไปถึงองค์ชายแห่งแคว้นเย้หลาง…"

"อืม เวินชิงจู๋ช่างโชคร้ายเสียจริง ข้าเห็นว่าเขาดูเหมือนจะมีความคิดอะไรเกี่ยวกับเสด็จพี่ของข้า เหอะๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเหล่าผีเสื้อและแมลงที่มารุมตอมนางจะมีคนที่ไม่เลวนักอยู่ด้วย" หยุนชางก้มหน้าลงแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง "จริงสิ ตอนนี้สถานการณ์ด้านเสด็จพี่เป็นอย่างไรบ้างแล้ว"

"เกรงว่าจะยังไม่ค่อยดีนักเพคะ องค์หญิงหัวจิ้งถูกกักบริเวณอยู่ในจวนองค์หญิง ตอนนี้เมืองหลวงเต็มไปด้วยข่าวลือเสียหายของนาง คาดว่าทุกคนคงจะรู้แล้วว่านางเป็นหญิงใจง่าย สามีของนางหายตัวไปแต่นางกลับรีบไปยุ่งองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางเสียแล้ว นั่นเป็นถึงข้อหากบฏเชียว ไม่รู้ว่าองค์หญิงหัวจิ้งจะแบกรับมันไหวหรือไม่?" ดวงตาของเฉี่ยนอินดูตื่นเต้นเล็กน้อย

"กบฏหรือ?" หยุนชางส่ายหัวเบาๆ "ไม่หรอก เสด็จพ่อมักให้ความสำคัญกับหน้าตาของราชวงศ์มาเสมอ ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องทำให้เรื่องนี้เงียบไปให้ได้ แต่ข้ารู้สึกว่าข้าควรจะไปเยี่ยมเสด็จพี่ที่รักของข้าบ้างแล้ว… หลายปีมานี้ต้องขอบคุณการดูแลของนาง"

แต่เฉี่ยนอินกลับดูกังวลเล็กน้อย "องค์หญิง หม่อมฉันเห็นว่าฮองเฮาดูเหมือนจะจริงจังกับงานแต่งงานของท่านเป็นอย่างมาก หม่อมฉันกลัวว่านางจะลอบทำอะไรไม่ดี หากตอนนี้องค์หญิงจะไปพบองค์หญิงหัวจิ้งแล้วถูกฮองเฮารู้เข้า…"

หยุนชางยิ้ม "นางรู้แล้วจะเป็นอย่างไรได้? แม้ว่านางจะเกลียดข้า แต่นางก็ไม่กล้าทำอะไรกับการแต่งงานของข้าหรอก ตอนนี้เสด็จพ่อไม่พอใจนางอย่างมาก หากนางก่อเรื่องขึ้นอีก เกรงว่าตระกูลหลี่ก็คงจะช่วยนางได้ยากแล้ว" หยุนชางหัวเราะเบาๆ "นอกจากนี้ ในเมื่อข้าไปเยี่ยมเสด็จพี่อย่างเปิดเผยแล้วจะทำให้คนอื่นหาเรื่องมาเล่นงานข้าได้อย่างไร… "

เฉี่ยนอินคิดอยู่ชั่วครู่ เจ้านายของนางกระทำการต่างๆ อย่างรอบคอบอยู่เสมอจึงได้รู้สึกวางใจและไปเตรียมตัว

ในคืนวันนั้นก็มีแขกสองคนปรากฏตัวยังจวนองค์หญิง หยุนชางเดินเข้าไปในลานใหญ่ของจวนองค์หญิง ก่อนที่นางจะเดินเข้าไปก็ได้ยินดังเสียง "ปังๆๆ" แว่วมา และเสียงโวยวายของหัวจิ้ง "ไสหัวไป! เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้เรื่อง ชานี่เย็นแล้วยังจะกล้าเอามันให้ข้าอีก!"

หยุนชางยืนอยู่ที่ประตูก็ได้ยินเสียงเปี่ยมพลังของหัวจิ้ง นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เสด็จพี่ของนางนี่จริงๆ เลย อารมณ์ร้ายเสียจริง

สาวใช้สองสามคนรีบออกมาจากข้างใน ทุกคนต่างก็เอามือปิดหน้าวิ่งออกมาและเกือบจะวิ่งชนหยุนชางแล้ว เฉี่ยนอินดึงหยุนชางออกมา สาวใช้สองสามคนนั้นจึงเห็นว่ามีคนอยู่ พวกนางเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและขมวดคิ้วมองหญิงสาวที่สวยจนน่าตกตะลึงตรงหน้า

ครู่ใหญ่จึงได้สติ นางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "นั่นใคร มาที่นี่ทำไม?"

หยุนชางยิ้มแต่ไม่เอ่ยอะไร ดวงหน้านางทอดลงบนประตู ไม่นานก็เห็นหัวจิ้งเดินออกมาอย่างข้องใจ "เกิดอะไรขึ้น? นั่นใครอะไร? ตอนนี้ในจวนยังจะมีอะไรได้อีก…"

น้ำเสียงรำคาญใจชะงักทันทีที่เห็นหยุนชาง ดวงตาของหัวจิ้งเบิกกว้างมองไปยังคนตรงหน้า หยุนชางแต่งชุดสีเขียวอมฟ้าดูบริสุทธิ์ดุจดอกบัวสีเขียวที่ชูช่อตรงอย่างสง่างาม

เมื่อถูกหยุนชางที่เป็นเช่นนี้ทิ่มแทงตา หัวจิ้งก็ขบกรามเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าหยุนชาง หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางจึงระงับความเกลียดชังในใจของนางลงและจัดเสื้อผ้าของนางพลางมองหยุนชางอย่างเย็นชา "เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? จวนองค์หญิงแห่งนี้ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?"

หยุนชางกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว "เสด็จพี่ช่างมีอำนาจบาตรใหญ่เสียจริง แม้กระทั่งสามารถนำราชองครักษ์มาเฝ้าจวนจนหนาแน่นดีไม่น้อย แต่โชคดีที่หัวหน้าองครักษ์คนใหม่กล่าวว่าชางเอ๋อร์เป็นองค์หญิงและไม่เคยก่อเรื่องเสียหาย ดังนั้นหม่อมฉันจึงสามารถไปทุกที่ที่หม่อมฉันต้องการ"

เมื่อหัวจิ้งได้ยินคำพูดเสียดสีอย่างรุนแรงของหยุนชางแล้ว ในใจก็โหมกระหน่ำไปด้วยเพลิงโทสะ "หนิงหยุนชาง วันนี้เจ้ามาที่จวนของข้าเพื่อเยาะเย้ยข้าใช่หรือไม่? ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องผิดหวังเสียแล้ว ข้าหนิงหัวจิ้งคนนี้สบายดียิ่งนัก แม้ว่าจะต้องตาย ข้าก็จะตายอย่างมีเกียรติมากกว่าเจ้า ข้าเป็นถึงองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นหนิง แม่ของเจ้าก็เป็นเพียงแค่คนที่อาศัยอยู่ในตำหนักเย็นมากว่าสิบปี หลายปีที่ผ่านมาเสด็จแม่ประทานของกินของใช้ให้แก่เจ้า รักเจ้ายิ่งนัก แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลี้ยงเจ้าออกมาเป็นคนเนรคุณเช่นนี้!"

หยุนชางหัวเราะเสียงดังและคิดว่านางเพิ่งได้ยินเรื่องตลกที่ตลกที่สุดในโลก หยุนชางเดินไปหาหัวจิ้งอย่างช้าๆ พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ดวงตากลับแฝงแววเย็นชา "อืม เสด็จแม่ของเจ้าดีต่อข้ายิ่งนัก เมื่อข้ายังเด็กก็ตามใจจนข้าหลงระเริง แม้แต่ท่านมหาราชครูก็ไม่เต็มใจจะสอนข้า ดังนั้นภายใต้การดูแลของเสด็จแม่ของเจ้า ข้าจึงกลายเป็นคนป่าเถื่อนเอาแต่ใจและไม่เห็นใครอยู่ในสายตา เจ้าและเสด็จแม่ของเจ้าพยายามทุกวิถีทางเพื่อกำจัดข้า บงการให้คนมาทำให้ข้าเกือบตายและเชิญนักพรตปลอมมา พวกเจ้าวางยาในอาหารของข้าและลอบสังหารข้านับครั้งไม่ถ้วน… ช่างเป็นความรักใคร่ห่วงใยข้าเสียจริงนะ…"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 217 ชำระหนี้เเค้น (๑)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 217 ชำระหนี้เเค้น (๑) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คนสามกลุ่มหรือ หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เดาได้ว่าจิ้งอ๋องและจักรพรรดิหนิงคงจะส่งคนไปสืบข่าวเช่นกัน แต่กลุ่มที่สามนั้นนางไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร

"สืบต่อ สืบมาว่าใครส่งคนสามกลุ่มนั้นออกไป" หยุนชางขมวดคิ้วและพูดอย่างเฉียบขาด

เฉี่ยนอินขานรับและพูดขึ้นอีกว่า "จริงสิ องค์หญิง ท่านอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยดูเหมือนจะป่วยอีกแล้วเพคะ เมื่อคืนมีหมอหลวงจำนวนมากเข้าออกที่เรือนรับรอง แต่เดิมทีพวกเราต้องการจับคนหนึ่งมาถามเรื่องท่านอ๋องเจ็ดว่าอาการเป็นอย่างไร แต่นึกไม่ถึงว่าหมอหลวงคนนั้นจะกลัวจนเป็นลม ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลยเพคะ กลัวว่าเรื่องที่หมอไม่กลับไปจะทำให้เกิดความสงสัย จึงได้ส่งหมอหลวงไปที่จวนของเขาแล้ว"

"ป่วยอีกแล้วหรือ?" หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา เซี่ยโหจิ้งผู้นี้ ว่าจะป่วยก็ป่วยจะหายก็หายงั้นหรือ? ช่างเลือกเวลาได้ถูกต้องเสียจริง

"จับตาดูผู้ที่เข้าออกเรือนรับรองคณะทูตให้ดี ข้าสงสัยว่าเซี่ยโหจิ้งจะแสร้งป่วยและปลอมตัวออกไปแล้ว"หยุนชางกำชับเสียงเบา

เฉี่ยนอินรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว

มีเสียงฝีเท้าแว่วมาจากด้านนอก หยุนชางเพ่งสมาธิฟังก็รู้ได้ว่าฉินยีแล้ว เป็นอย่างที่คาด ม่านถูกแหวกออกและฉินยีเดินยิ้มเข้ามา "องค์หญิง หม่อมฉันปฏิบัติภารกิจลุล่วง นำชุดแต่งงานไปมอบให้จิ้งอ๋องกับมือเลยเพคะ"

หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย แต่ในใจแอบอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไรในตอนนั้น

"จิ้งอ๋องบอกว่าจะแต่งงานในวันที่หกเดือนหน้าออกจะฉุกละหุกไปบ้าง แต่เรื่องที่ต้องทำก็ต้องทำให้ดี จะให้องค์หญิงน้อยหน้าไปไม่ได้เป็นอันขาดและสั่งว่าในวันที่สิบแปดเดือนนี้จะจัดพิธีแลกสินสอดขึ้น จวนองค์หญิงกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง ท่านอ๋องบอกว่าแม้ว่าต่อไปส่วนมากองค์หญิงจะอยู่ที่จวนของเขา แต่อย่างไรจวนขององค์หญิงก็ต้องตกแต่งให้ดี แล้วท่านอ๋องยังบอกอีกว่าขอบคุณองค์หญิงสำหรับชุดที่เตรียมไว้สำหรับเขา เขาไม่มีอะไรจะตอบแทนจึงมอบหยกแขวนที่เขาพกติดตัวมาตลอดและหวังว่าองค์หญิงจะดูแลรักษามันอย่างดี"

ฉินยียิ้มอย่างมีความสุขและยื่นหยกแขวนสีเขียวให้นาง เมื่อครู่ที่นางตามหัวหน้าขันทีเจิ้งไปส่งมอบพระราชโองการก็รู้สึกร้อนอกร้อนใจเล็กน้อย นางอยู่ข้างกายหยุนชางมาตลอดและรู้เรื่องของจิ้งอ๋องอยู่บ้างและนางก็รู้จักเจ้านายของตนเองดี เพียงแต่เมื่อครู่นางลอบสังเกตสีหน้าจิ้งอ๋องอย่างละเอียดก็เห็นว่าท่าทางของเขาดูสงบและไม่มีแววความไม่พอใจประการใด แล้วยังปลดหยกแขวนมอบให้ฉินยีต่อหน้าทุกคนอีกด้วย

เดิมทีฉินยีคิดว่าเป็นเพียงหยกแขวนล้ำค่าเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าขันทีเจิ้งจะบอกนางว่าหยกแขวนชิ้นนี้เป็นของล้ำค่าเพียงชิ้นเดียวที่ติดตัวจิ้งอ๋องมาก่อนที่เขาจะถูกรับเลี้ยงโดยจักรพรรดิองค์ก่อน เกรงว่าจะเป็นสิ่งเดียวที่จะสามารถรู้เกี่ยวกับชาติกำเนิดของเขาได้ ขันทีเจิ้งยังเล่าถึงเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เมื่อยี่สิบปีที่แล้วอีกด้วย เขาบอกว่าเมื่อจิ้งอ๋องยังเด็ก องค์ฮ่องเต้ต้องการดูหยกแขวนนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาเพียงแตะมัน จิ้งอ๋องก็บ้าคลั่งขึ้นมา กระโจนเข้าใส่ฮ่องเต้จนล้มลงไปกับพื้นและสู้กันอย่างดุเดือด

สันนิษฐานว่าสำหรับจิ้งอ๋องแล้วหยกแขวนนี้ไม่ได้เป็นเพียงหยกธรรมดา แต่ยังเป็นตัวแทนของครอบครัวที่เขาไม่เคยพบ แต่ตอนนี้เขายินดีที่จะมอบมันให้กับองค์หญิงแปลว่าเขาจะรักองค์หญิงมาก องค์หญิงเองก็เป็นคนฉลาด ถ้านางได้แต่งงานกับคนที่รักนาง นางคงจะมีความสุขมาก

หยุนชางรับหยกแขวนสีเขียวนั้นมาถืออยู่บนมืออยู่นาน หยกแขวนนี้เป็นหยกชั้นดี สีเขียวอมฟ้านั้นดูราวกับเคลื่อนไหวได้ ด้านหน้าแกะสลักด้วยลวดลายหงส์และมังกร ด้านหลังสลักตัวอักษรลั่ว

มิน่าเล่าจิ้งอ๋องจึงแซ่ลั่ว คงจะเป็นเพราะหยกแขวนนี้ หยุนชางคิดพลางลูบหยกที่อ่อนโยนด้วยมือของนาง มุมปากปรากฏรอยยิ้มบางๆ "ฉินยี เจ้าสอนข้าถักเชือกมงคลหน่อยเถอะ"

ฉินยียิ้มน้อยๆ พร้อมกับแววล้อเลียนในดวงตาของเขา "เพคะ องค์หญิงไม่เคยแตะต้องสิ่งเหล่านี้เลย คิดไม่ถึงว่าวันนี้จู่ๆ ก็อยากจะเรียนขึ้นมา ไม่เช่นนั้นองค์หญิงเรียนการเย็บปักถักร้อยไปด้วยเลยดีไหมเพคะ อย่างน้อยจะได้ทำรองเท้าและเสื้อผ้าได้ องค์หญิงจะแต่งงานเร็วๆ นี้แล้ว ของใช้ส่วนตัวของท่านอ๋องหากองค์หญิงทำด้วยตนเองได้คงจะดีมาก"

หยุนชางหน้าแดงระเรื่อราวกับดอกบัวบานสะพรั่งทั้งยังแฝงแววความเขินอายเล็กน้อยและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นอยู่นาน

ฉินยีมองดูแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าองค์หญิงและท่านอ๋องจะใจตรงกัน เช่นนั้นก็ดีแล้ว นางจะได้รายงานพระสนมได้อย่างโล่งใจ

แม้จะบอกว่านางกำลังจะแต่งงานแล้ว แต่ทุกเรื่องก็มีกรมพิธีการคอยจัดการให้ ฮองเฮาเองก็ถามขึ้นเป็นครั้งคราวเช่นกัน หยุนชางที่กำลังว่างเป็นอย่างมากก็นึกถึงเรื่องคุณชายของตระกูลเวินขึ้นมาได้ "คุณชายเวินถูกคุมขังไว้ที่ไหน?"

เฉี่ยนอินไม่รู้ว่าเหตุใดหยุนชางจึงถามเช่นนี้ แต่นางก็รีบตอบว่า "ศาลต้าหลี่เพคะ"

หยุนชางพยักหน้า "สองสามวันมานี้ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ได้สอบสวนเขาไปหรือยัง?"

เฉี่ยนอินส่ายหัว "ฝ่าบาทยังไม่ได้มีราชโองการ ทางศาลต้าหลี่จึงไม่กล้ากระทำการโดยพลการ อีกทั้งเรื่องนี้เกี่ยวโยงไปถึงองค์ชายแห่งแคว้นเย้หลาง…"

"อืม เวินชิงจู๋ช่างโชคร้ายเสียจริง ข้าเห็นว่าเขาดูเหมือนจะมีความคิดอะไรเกี่ยวกับเสด็จพี่ของข้า เหอะๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเหล่าผีเสื้อและแมลงที่มารุมตอมนางจะมีคนที่ไม่เลวนักอยู่ด้วย" หยุนชางก้มหน้าลงแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง "จริงสิ ตอนนี้สถานการณ์ด้านเสด็จพี่เป็นอย่างไรบ้างแล้ว"

"เกรงว่าจะยังไม่ค่อยดีนักเพคะ องค์หญิงหัวจิ้งถูกกักบริเวณอยู่ในจวนองค์หญิง ตอนนี้เมืองหลวงเต็มไปด้วยข่าวลือเสียหายของนาง คาดว่าทุกคนคงจะรู้แล้วว่านางเป็นหญิงใจง่าย สามีของนางหายตัวไปแต่นางกลับรีบไปยุ่งองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางเสียแล้ว นั่นเป็นถึงข้อหากบฏเชียว ไม่รู้ว่าองค์หญิงหัวจิ้งจะแบกรับมันไหวหรือไม่?" ดวงตาของเฉี่ยนอินดูตื่นเต้นเล็กน้อย

"กบฏหรือ?" หยุนชางส่ายหัวเบาๆ "ไม่หรอก เสด็จพ่อมักให้ความสำคัญกับหน้าตาของราชวงศ์มาเสมอ ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องทำให้เรื่องนี้เงียบไปให้ได้ แต่ข้ารู้สึกว่าข้าควรจะไปเยี่ยมเสด็จพี่ที่รักของข้าบ้างแล้ว… หลายปีมานี้ต้องขอบคุณการดูแลของนาง"

แต่เฉี่ยนอินกลับดูกังวลเล็กน้อย "องค์หญิง หม่อมฉันเห็นว่าฮองเฮาดูเหมือนจะจริงจังกับงานแต่งงานของท่านเป็นอย่างมาก หม่อมฉันกลัวว่านางจะลอบทำอะไรไม่ดี หากตอนนี้องค์หญิงจะไปพบองค์หญิงหัวจิ้งแล้วถูกฮองเฮารู้เข้า…"

หยุนชางยิ้ม "นางรู้แล้วจะเป็นอย่างไรได้? แม้ว่านางจะเกลียดข้า แต่นางก็ไม่กล้าทำอะไรกับการแต่งงานของข้าหรอก ตอนนี้เสด็จพ่อไม่พอใจนางอย่างมาก หากนางก่อเรื่องขึ้นอีก เกรงว่าตระกูลหลี่ก็คงจะช่วยนางได้ยากแล้ว" หยุนชางหัวเราะเบาๆ "นอกจากนี้ ในเมื่อข้าไปเยี่ยมเสด็จพี่อย่างเปิดเผยแล้วจะทำให้คนอื่นหาเรื่องมาเล่นงานข้าได้อย่างไร… "

เฉี่ยนอินคิดอยู่ชั่วครู่ เจ้านายของนางกระทำการต่างๆ อย่างรอบคอบอยู่เสมอจึงได้รู้สึกวางใจและไปเตรียมตัว

ในคืนวันนั้นก็มีแขกสองคนปรากฏตัวยังจวนองค์หญิง หยุนชางเดินเข้าไปในลานใหญ่ของจวนองค์หญิง ก่อนที่นางจะเดินเข้าไปก็ได้ยินดังเสียง "ปังๆๆ" แว่วมา และเสียงโวยวายของหัวจิ้ง "ไสหัวไป! เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้เรื่อง ชานี่เย็นแล้วยังจะกล้าเอามันให้ข้าอีก!"

หยุนชางยืนอยู่ที่ประตูก็ได้ยินเสียงเปี่ยมพลังของหัวจิ้ง นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เสด็จพี่ของนางนี่จริงๆ เลย อารมณ์ร้ายเสียจริง

สาวใช้สองสามคนรีบออกมาจากข้างใน ทุกคนต่างก็เอามือปิดหน้าวิ่งออกมาและเกือบจะวิ่งชนหยุนชางแล้ว เฉี่ยนอินดึงหยุนชางออกมา สาวใช้สองสามคนนั้นจึงเห็นว่ามีคนอยู่ พวกนางเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและขมวดคิ้วมองหญิงสาวที่สวยจนน่าตกตะลึงตรงหน้า

ครู่ใหญ่จึงได้สติ นางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "นั่นใคร มาที่นี่ทำไม?"

หยุนชางยิ้มแต่ไม่เอ่ยอะไร ดวงหน้านางทอดลงบนประตู ไม่นานก็เห็นหัวจิ้งเดินออกมาอย่างข้องใจ "เกิดอะไรขึ้น? นั่นใครอะไร? ตอนนี้ในจวนยังจะมีอะไรได้อีก…"

น้ำเสียงรำคาญใจชะงักทันทีที่เห็นหยุนชาง ดวงตาของหัวจิ้งเบิกกว้างมองไปยังคนตรงหน้า หยุนชางแต่งชุดสีเขียวอมฟ้าดูบริสุทธิ์ดุจดอกบัวสีเขียวที่ชูช่อตรงอย่างสง่างาม

เมื่อถูกหยุนชางที่เป็นเช่นนี้ทิ่มแทงตา หัวจิ้งก็ขบกรามเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าหยุนชาง หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางจึงระงับความเกลียดชังในใจของนางลงและจัดเสื้อผ้าของนางพลางมองหยุนชางอย่างเย็นชา "เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? จวนองค์หญิงแห่งนี้ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?"

หยุนชางกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว "เสด็จพี่ช่างมีอำนาจบาตรใหญ่เสียจริง แม้กระทั่งสามารถนำราชองครักษ์มาเฝ้าจวนจนหนาแน่นดีไม่น้อย แต่โชคดีที่หัวหน้าองครักษ์คนใหม่กล่าวว่าชางเอ๋อร์เป็นองค์หญิงและไม่เคยก่อเรื่องเสียหาย ดังนั้นหม่อมฉันจึงสามารถไปทุกที่ที่หม่อมฉันต้องการ"

เมื่อหัวจิ้งได้ยินคำพูดเสียดสีอย่างรุนแรงของหยุนชางแล้ว ในใจก็โหมกระหน่ำไปด้วยเพลิงโทสะ "หนิงหยุนชาง วันนี้เจ้ามาที่จวนของข้าเพื่อเยาะเย้ยข้าใช่หรือไม่? ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องผิดหวังเสียแล้ว ข้าหนิงหัวจิ้งคนนี้สบายดียิ่งนัก แม้ว่าจะต้องตาย ข้าก็จะตายอย่างมีเกียรติมากกว่าเจ้า ข้าเป็นถึงองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นหนิง แม่ของเจ้าก็เป็นเพียงแค่คนที่อาศัยอยู่ในตำหนักเย็นมากว่าสิบปี หลายปีที่ผ่านมาเสด็จแม่ประทานของกินของใช้ให้แก่เจ้า รักเจ้ายิ่งนัก แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลี้ยงเจ้าออกมาเป็นคนเนรคุณเช่นนี้!"

หยุนชางหัวเราะเสียงดังและคิดว่านางเพิ่งได้ยินเรื่องตลกที่ตลกที่สุดในโลก หยุนชางเดินไปหาหัวจิ้งอย่างช้าๆ พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ดวงตากลับแฝงแววเย็นชา "อืม เสด็จแม่ของเจ้าดีต่อข้ายิ่งนัก เมื่อข้ายังเด็กก็ตามใจจนข้าหลงระเริง แม้แต่ท่านมหาราชครูก็ไม่เต็มใจจะสอนข้า ดังนั้นภายใต้การดูแลของเสด็จแม่ของเจ้า ข้าจึงกลายเป็นคนป่าเถื่อนเอาแต่ใจและไม่เห็นใครอยู่ในสายตา เจ้าและเสด็จแม่ของเจ้าพยายามทุกวิถีทางเพื่อกำจัดข้า บงการให้คนมาทำให้ข้าเกือบตายและเชิญนักพรตปลอมมา พวกเจ้าวางยาในอาหารของข้าและลอบสังหารข้านับครั้งไม่ถ้วน… ช่างเป็นความรักใคร่ห่วงใยข้าเสียจริงนะ…"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+