ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 91 ความวุ่นวายในพิธีบวงสรวง

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 91 ความวุ่นวายในพิธีบวงสรวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

"อา…" เสียงประหลาดใจของเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ที่ยืนอยู่ใต้หอสักการะฟ้าค่อยๆดังขึ้นและกระจายออกไปราวกับคลื่น สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ฮองเฮาที่อยู่ด้านบน จักรพรรดิหนิงที่กำลังสักการะได้ยินเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาหันตัวกลับมาและเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เขาและฮองเฮา ทั้งยังมีบางคนเริ่มชี้มือชี้ไม้ เขามองไปตามทิศทางที่คนเหล่านั้นกำลังชี้อยู่ นั่นคือฮองเฮา เพียงแต่ฮองเฮา…

สีหน้าของฮองเฮานั้นซีดลงเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นฤดูหนาวแต่ก็มีหยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ราวเมล็ดถั่วไหลลงมาจากหน้าผากของนาง อย่างอื่นดูแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เพียงแต่ผู้คนเหล่านั้นอยู่ห่างออกไป แน่นอนว่าพวกเขาต้องไม่สามารถเห็นเหงื่อของฮองเฮาได้แน่ เช่นนั้นแล้วพวกเขามองอะไรกัน?

เดิมทีจักรพรรดิหนิงต้องการจะดำเนินพิธีต่อไป แต่เขากลับได้ยินที่ใต้หอสักการะว่ามีขุนนางเคราขาวคนหนึ่งคุกเข่าลง จักรพรรดิหนิงแม้อยู่ไกลแต่ก็ดูออกว่าเป็นนักปราชญ์แห่งสำนักฮั่นหลิน เขาได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนรนดังแว่วมา "เป็นการลงโทษของสวรรค์ การลงโทษของสวรรค์"

จักรพรรดิหนิงงุนงงอยู่ครู่หนึ่งและไม่สนใจพิธีอีกต่อไป เขาก้าวไปอยู่ด้านหลังฮองเฮากลับเห็นว่าด้านหลังเสื้อคลุมสีดำของนางเปียกชื้น ทำให้เกิดเป็นสีที่แตกต่างกันขึ้น ปรากฏออกมาเป็นอักษร "อัปมงคล" ตัวใหญ่

เมื่อเห็นดังนี้ จักรพรรดิหนิงก็ถอยกลับไปสองก้าว หน้าของเขาซีดลงทันที

ฮองเฮายังไม่เข้าใจสาเหตุ เพียงแต่รู้สึกว่าเสื้อคลุมนี้หนาหนักเกินไปและอึดอัดจนรู้สึกทรมานเล็กน้อย เสื้อคลุมมีทั้งหมดแปดชั้น แต่ละชั้นซับซ้อนมาก พิธีบวงสรวงสวรรค์ในวันนี้นางเดี๋ยวเดินเดี๋ยวคุกเข่าจนเหนื่อยมาก ในปีก่อนนางมักจะกำชับให้กองพระภูษาทำเสื้อข้างในทั้งเจ็ดชั้นด้วยผ้าลายเมฆให้บางเบาที่สุด ด้านนอกสุดทำด้วยผ้าที่ดูเป็นพิธีการ ปีนี้สนมซู่ไม่เข้าใจเหตุผลนี้ กลับใช้ผ้าที่หนาที่สุดในการทำ ทุกก้าวที่นางเดิน นางรู้สึกลำบากมาก บนศีรษะยังมีมงกุฎหงส์ที่หนักกว่าสิบกิโลกรัม ช่างเป็นเรื่องที่กินแรงจริงๆ

"ฝ่าบาท เป็นอะไรไปเพคะ?" ฮองเฮารู้สึกงงงวยเมื่อเห็นจักรพรรดิหนิงมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เมื่อหันศีรษะไปก็พบว่าเมื่อนางกำลังยุ่งยากใจอยู่กับเรื่องเสื้อผ้า ไม่รู้สาเหตุที่เหล่าคนที่อยู่ด้านล่างต่างก็ชี้มือชี้ไม้มาที่นาง

ฮองเฮามองไปที่ซิ่วซินยืนอยู่ข้างขั้นบันไดหอสักการะ กลับเห็นใบหน้าวิตกกังวลของนาง เมื่อเห็นว่าในที่สุดฮองเฮาก็มองมานางจึงรีบชี้ไปที่หลังของนาง ฮองเฮาจึงตระหนักได้ว่าที่หลังของนางต้องมีอะไรแน่ เมื่อเห็นการแสดงออกของฮ่องเต้และทุกคนต่างก็เคร่งขรึมมาก นางจึงไม่สนใจสิ่งอื่นใดและรีบถอดเสื้อคลุมชั้นนอกสุดของนางออก จึงได้เห็นตัวอักษร "อัปมงคล" เด่นชัดอยู่ด้านหลัง

นางตกตะลึงและรีบโยนเสื้อคลุมทิ้งอย่างรวดเร็ว รีบถอยไปหลายก้าว แต่ไม่ทันระวังจึงไปชนกับป้ายวิญญาญที่อยู่ด้านหลังจนล้มระเนระนาด

"ฝ่าบาท…" ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดผวา แต่นางก็พยายามควบคุมอารมณ์อย่างสุดความสามารถและรีบดึงแขนเสื้อของฮ่องเต้อย่างร้อนรน "ฝ่าบาท ต้องมีคนวางแผนทำร้ายหม่อมฉันแน่ ฝ่าบาทต้องช่วยคืนความเป็นธรรมให้หม่อมฉันนะเพคะ… "

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วและส่งสัญญาญให้หัวหน้าขันทีเจิ้งที่อยู่ด้านข้าง เขาจึงโบกมือเล็กน้อยก็มีขันทีสองสามคนเข้ามาประคองฮองเฮาลงไป

เมื่อเห็นว่าทุกคนยังคงพูดถึงเรื่องนี้อยู่ ฮ่องเต้จึงคิดในใจว่าหากเรื่องนี้ถูกลือออกไป จิตใจของผู้คนจะต้องระส่ำระส่ายอย่างแน่นอน เขาต้องหาทางปิดปากคนเหล่านี้ต้องหุบปาก เขาจึงหันไปกล่าวกับขันทีเจิ้งสองสามประโยค ขันทีเจิ้งจึงเดินไปที่ด้านข้างหอสักการะฟ้าอย่างรวดเร็ว "เรื่องในวันนี้ห้ามพูดถึงอย่างเด็ดขาด หากพบว่าใครพูดจะโดนโทษประหารทั้งตระกูล"

เหล่าขุนนางและเหล่านางสนมจึงรีบปิดปากลงอย่างรวดเร็ซและนั่งเงียบๆอยู่ที่เดิม ขันทีเจิ้งรีบเดินลงมาจากหอสักการะมาพูดบางอย่างกับสนมซู่ นางสนมซู่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย นางกำนัลที่อยู่ด้านหลังนางก็จากไป ยังไม่ถึงเวลาชั่วจิบชา* นางกำนัลคนนั้นก็เดินมาพร้อมกับถาด สนมซู่หยิบชุดสีดำออกจากถาด ชุดนี้กลับเป็นชุดที่ทำขึ้นตามแบบชุดพิธีการ สนมซู่รีบสวมเสื้อคลุมนั้นและเดินตามหัวหน้าขันทีขึ้นไปบนหอสักการะ (*วิธีนับเวลาโบราณ เท่ากับเวลาประมาณสิบห้านาที)

"พิธีบวงสรวงสวรรค์ ดำเนินต่อ" เสียงประกาศของหัวหน้าขันทีดังขึ้น บนหอสักการะ จักรพรรดิหนิงและสนมซู่เดินไปด้วยกันตามกฎพิธีราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อพิธีบางสรวงสิ้นสุดลง หยุนชางจึงเดินตามเหล่านางสนมกลับไปที่วังหลังด้วย เมื่อเดินมาถึงประตูอุทยานหลวงก็เห็นฮองเฮาที่กำลังโกรธจัดยืนอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นทุกคนมากันแล้ว ตาของนางก็ดูราวกับมีดจ้องไปที่พระสนมซู่ แต่ยังไม่มีใครทันตั้งตัวทัน ฮองเฮาก็พุ่งเข้ามาผลักพระสนมซู่ล้มลงกับพื้นโดยตรง

"เสิ่นซู่หยุน ข้าไม่เคยทำอะไรให้เจ้า ในหลายปีมานี้ แม้ว่าเจ้าจะเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทอย่างมาก ข้าก็ไม่เคยทำอะไรเจ้าเลย ข้ากระทั่งมอบประทับฮองเฮาให้เจ้าแล้ว ทำไมเจ้าจึงได้จิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ เจ้าจงใจวางแผนร้านเล่นงานข้าลับหลัง!" แม้ว่าฮองเฮาจะโกรธมาก แต่นางก็พูดด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ

คนอื่นๆก้าวถอยหลังไปหลายก้าวเพราะกลัวว่าจะพลอยโดนหางเลขไปด้วย หยุนชางเห็นดังนี้จึงรีบตะโกนขึ้นมา "กำลังทำอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบไปแยกเสด็จแม่กับพระสนมซู่อีก……"

แต่ไม่มีใครกล้าก้าวเข้าไป

เมื่อทุกคนยืนนิ่งมองดูผู้หญิงสองคนที่มีสถานะสูงสุดในวังหลังล้มลุกคลุกคลานต่อสู้กันอยู่บนพื้น หยุนชางก็ได้ยินเสียงนกกาเหว่าดังแว่วมาแต่ไกล หยุนชางกระตุกยิ้ม แต่กลับทำสีหน้ากังวลใจ "พวกเจ้ามัวยืนตกใจอะไรกัน เสด็จแม่ทรงพระครรภ์อยู่ หากครรภ์ของนางเป็นอะไรไป พวกเจ้าใครจะรับผิดชอบไหว!"

เมื่อสิ้นเสียงทุกคนจึงได้สติและต้องการเข้าไปห้าม แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร

ในเวลานี้เสียงโกรธจัดดังมาจากด้านหลัง "ทำอะไรกันอยู่ที่นี่?"

ทุกคนหันศีรษะไปและเห็นจักรพรรดิหนิงเดินนำบ่าวใช้มาสองสามคน ฮองเฮาที่อยู่บนพื้นได้ยินเสียงของจักรพรรดิหนิงจึงหรี่ตาลง กอดสนมซู่ไว้แน่นและให้สนมซู่อยู่ด้านบนและนางอยู่ด้านล่างบนพื้น

สนมซู่โกรธ เอื้อมมือไปจับที่คอของฮองเฮา

จักรพรรดิหนิงเห็นเพียงภาพที่สนมซู่พลิกฮองเฮาลงกับพื้นและเอื้อมมือไปบีบคอนาง แม้ว่าวันนี้จักรพรรดิหนิงจะโมโหฮองเฮาเป็นอย่างมากตอนที่อยู่บนหอสักการะ แต่เมื่อเห็นกิริยาเช่นนี้ของสนมซู่ก็อดไม่ได้ที่จะบันดาลโทสะออกมา "ซู่เฟย เจ้ากำลังทำอะไร?"

สนมซู่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง กลับมีเสียงคนกรีดร้องว่า "ว้าย เลือด… "

เลือดหรือ? ทุกคนรีบมองและเห็นรอยเลือดไหลซึมออกมาจากร่างของฮองเฮา ย้อมเสื้อผ้าใต้ร่างของฮองเฮาให้เป็นสีแดง

"เร็วเข้าๆ… รีบตามหมอหลวงมา…" หยุนชางตะโกนเสียงดัง จักรพรรดิหนิงจึงได้สติขึ้น เขารีบก้าวเข้าไปอุ้มฮองเฮาโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดและรีบวิ่งไปยังวังชีอู๋

เมื่อถึงวังชีอู๋แล้ว เขาก็วางฮองเฮาไว้บนเตียง ฮองเฮาขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางกำลังรู้สึกเจ็บปวดมาก "ฝ่าบาท ลูก ลูก ลูกของหม่อมฉัน ฝ่าบาทต้องช่วยลูกของหม่อมฉันนะเพคะ"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด