ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 456 ร่วมงานเลี้ยง

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 456 ร่วมงานเลี้ยง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หนึ่งปีแล้วหรือ…” หยุนชางครุ่นคิด ครั้งแรกที่นางและลั่วชิงเหยียนเข้ากันจริงๆ นั้นเป็นยามที่กลับมาจากคังหยาง นับดูแล้วก็นานถึงครึ่งปีแล้ว ในครึ่งปีมานี้นางและลั่วชิงเหยียนก็ได้เสพสมอารมณ์หมายอยู่บ่อยครั้ง ทำไมท้องของนางจึงไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลย

ยามที่นางจากแคว้นหนิงมา เสด็จแม่เคยเกลี้ยกล่อมให้นางรีบมีลูกเสียที ตอนนั้นนางยังไม่ได้ใส่ใจนัก

แต่เมื่อครู่คำพูดของหยุนกุ้ยเฟยปลุกให้นางตื่นขึ้น หากแคว้นเซี่ยให้ความสำคัญกับทายาทเช่นนั้น ลั่วชิงเหยียนเคยรับปากนางว่าชีวิตนี้เขาจะมีนางเพียงคนเดียว คงยากที่จะมีลูกหลานมากมาย

เป็นดังที่เสด็จแม่เคยกล่าวไว้จริงๆ เมื่อบุรุษมีใจคิดจะกุมอำนาจในใต้หล้า ก็จะมีเรื่องมากมายที่ไม่อาจควบคุมได้ ไม่รู้ว่าหากมีวันใด เซี่ยหวนอวี่ให้เขาเลือกระหว่างบ้านเมืองและการรับอนุ เขาจะเลือกสิ่งใดกัน?

“พระชายา…” เฉี่ยนอินกระซิบเรียกเบาๆ ตอนนี้หยุนชางเหม่อลอยไปไกล นางจึงเงียบลงและยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม หยุนชางจึงได้สติขึ้น “เมื่อครู่เรียกข้าหรือ? มีอะไรหรือเปล่า?”

เฉี่ยนอินอ้าปากเล็กน้อยและส่ายหัว “ไม่มีอะไรเพคะ” นางชะงักไปและเอ่ยว่า “หม่อมฉันได้ยินว่าองค์หญิงไท่อันถูกปล่อยออกมาจากคุกแล้ว”

หยุนชางผงกศีรษะ ไทเฮาตายไปแล้วเพื่อแลกกับชีวิตขององค์หญิงไท่อัน เซี่ยหวนอวี่ย่อมไม่อาจจัดการได้อย่างเด็ดขาด การปล่อยตัวองค์หญิงไท่อันเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วเท่านั้น

“หม่อมฉันได้ยินมาว่าหลังจากที่นางออกมาจากคุกแล้วก็ไม่ไปร้องห่มร้องไห้อยู่ที่ตำหนักเฉียนหลิง จากนั้นจึงค่อยกลับจวนองค์หญิงไปและให้คนเก่าที่เคยอยู่ในจวนแยกย้ายกันไปแล้วยังเชิญอาจารย์มาสอนทุกวัน ทั้งดนตรี หมาก การประดิษฐ์อักษร วาดภาพและแม้กระทั่งเรื่องของสตรี หม่อมฉันไปสืบมาได้ว่าครั้งนี้องค์หญิงไท่อันไม่ได้เพียงแสร้งทำเล่นๆ แล้ว นางตั้งใจเล่าเรียนทุกวันเลยเพคะ” เฉี่ยนอินก้มศีรษะลงมองหยุนชาง “หม่อมฉันมักจะรู้สึกเสมอว่าครั้งนี้นางคงเกลียดพวกเราเข้ากระดูกดำไปแล้วเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางเก่งกาจแล้วมาจัดการกับพวกเรา เช่นนี้มิใช่ว่าพวกเราจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหรือเพคะ”

หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงหัวเราะออกมาเบาๆ “ยายโง่เอ๋ย ที่นี่คือแคว้นเซี่ย ที่นี่เจ้าไม่ต้องจำว่าใครคือศัตรูของเจ้า เจ้าเพียงต้องจำไว้ว่าใครเป็นมิตร เชื่อข้าเถอะว่าศัตรูของจวนรุ่ยอ๋องของเรานั้นมีมากว่ามิตรมากมายนัก”

เฉี่ยนอินอึ้งไปและคิดว่าอนาคตของนางช่างลำบากนัก ในขณะที่คิดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงพ่อบ้านดังขึ้นที่ภายนอก “พระชายา คุณชายหลิ่วหยินเฟิงมาขอพบขอรับ”

หยุนชางเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายจึงส่ายหน้า “เจ้าช่วยข้าบอกปัดหน่อยเถอะ ตอนนี้รุ่ยอ๋องไม่อยู่ที่จวน ข้าเป็นสตรี อย่างไรก็ไม่ควรพบชายอื่น เดิมก็มีคนจ้องจะคิดร้ายต่อรุ่ยอ๋องอยู่แล้ว หากมีข่าวลือไม่ดีแพร่ออกไปคงจะรับมือยาก”

พ่อบ้านขานรับแล้วจึงจากไป

เฉี่ยนอินมองหยุนชางอย่างหยั่งเชิงและถามว่า “พระชายา หลิ่วหยินเฟิงผู้นี้เป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่?”

หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเฉี่ยนอิน เฉี่ยนอินหัวเราะคิกคักแล้วกล่าวว่า “หากบอกว่าเป็นศัตรู เขาก็ดูจะใส่ใจดูแลพระชายาไปเสียทุกสิ่งอย่าง หากใครไม่รู้ก็คงจะนึกว่าเขารักพระชายามากเสียอีก แต่หากจะบอกว่าเป็นมิตร เขาก็ใกล้ชิดกับท่านอ๋องเจ็ดอยู่มาก ได้ยินว่าเขาเป็นอาจารย์ของท่านอ๋องเจ็ดและถูกหลิ่วจิ้นอุปการะเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก หลิ่วจิ้นเป็นตาของท่านอ๋องเจ็ด อย่างไรหลิ่วหยินเฟิงก็ต้องตอบแทนบุญคุณที่เขาเลี้ยงดูมา”

หยุนชางเงียบไปอยู่นานก่อนจะเอ่ยว่า “ข้ารู้สึกว่าเขาไม่เคยคิดร้ายต่อข้า เพียงแต่ข้าไม่อยากจะไปเกี่ยวข้องกับเขามากนัก เป็นดังอย่างที่เจ้าว่ามา ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าเขาใกล้ชิดสนิทสนมกับองค์ชายเจ็ดเป็นอย่างมาก หากข้าพบกับเขาบ่อยๆ เกรงว่าจะทำให้เกิดข่าวลือเข้า”  นางลุกขึ้นและกล่าวว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว จะไปงีบที่เตียงครู่หนึ่ง ก่อนถึงเวลาอาหารเย็นค่อยปลุกข้าก็แล้วกัน” หยุนชางเอ่ยเบาๆ

เฉี่ยนอินพยักหน้า นางอยู่ปรนนิบัติจนหยุนชางหลับไปแล้วจึงค่อยๆ ถอยออกมา นับตั้งแต่เกิดเรื่องตุ๊กตาคุณไสยแล้ว หยุนชางจึงได้ไล่คนเก่าแก่ในจวนรุ่ยอ๋องออกไป ช่วงนี้รับข้ารับใช้เข้ามาใหม่ พ่อบ้านคนเดียวยุ่งจนรับมือแทบไม่ไหว เฉี่ยนอินจึงไปช่วยเขาดูแลบ้างด้วยกลัวว่าจะถูกผู้ไม่หวังดีจะนำสายลับแฝงเข้ามาในจวน

เมื่อออกจากห้อง เฉี่ยนอินก็เห็นพ่อบ้านเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน เมื่อเห็นเฉี่ยนอิน พ่อบ้านจึงเอ่ยถามว่า “พระชายาอยู่ในห้องหรือ?”

เฉี่ยนอินพยักหน้า “แต่นางพักผ่อนไปแล้วเจ้าค่ะ มีเรื่องอะไรหรือ?”

พ่อบ้านยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้เฉี่ยนอินแล้วกระซิบว่า “นี่เป็นจดหมายที่คุณชายหลิ่วหยินเฟิงกำชับให้ข้าส่งให้พระชายา ในเมื่อพระชายาพักผ่อนแล้ว เจ้าก็นำไปมอบให้นางแทนข้าเถอะ”

เฉี่ยนอินรับคำแล้วพ่อบ้านจึงจากไป

นางก้มหน้าลงมองจดหมายในมือ เฉี่ยนอินหันเข้าไปมองในห้องแล้วจึงเดินเข้าไปอย่างจำนน แต่ก็เพียงวางจดหมายนั้นลงบนโต๊ะด้านนอกเท่านั้น หลังจากที่หยุนชางตื่นแล้วนางค่อยนำไปให้ เมื่อวางไว้แล้วเฉี่ยนอินก็ออกจากห้องไปยังที่พำนักของเหล่าข้ารับใช้

เพราะได้รับบทเรียนจากเรื่องตุ๊กตาคุณไสย พ่อบ้านจึงสั่งให้เหล่าข้ารับใช้ที่มาใหม่ทำความสะอาดจวนทุกซอกทุกมุม แม้แต่ซอกหลืบเล็กๆ ก็ไม่เว้น เฉี่ยนอินยืนดูอยู่ด้านข้างก็ยุ่งจนเกือบถึงเวลาพลบค่ำ

เมื่อกำลังคิดจะกลับไปหาหยุนชาง นางก็เห็นเด็กเฝ้าประตูถือเทียบเชิญสีแดงเดินเข้ามา “พี่เฉี่ยนอิน นี่เป็นเทียบเชิญที่จวนฮวากั๋วกงส่งมาให้ บอกว่าวันมะรืนจะเป็นวันเกิดครบรอบอายุห้าสิบห้าของกั๋วกงฮูหยิน จะมีงานเลี้ยงที่จวนกั๋วกง”

เมื่อเฉี่ยนอินเห็นเทียบเชิญนั้นนางก็ยิ้มขึ้น “เข้าใจแล้ว ข้าจะเอาไปให้พระชายา”

เฉี่ยนอินนำเทียบเชิญนั้นกลับมา หยุนชางตื่นขึ้นแล้วและกำลังนั่งพิงหัวเตียงอยู่ เฉี่ยนอินจึงรีบเดินเข้าไปหา “พระชายา จวนกั๋วกงส่งเทียบเชิญมาเพคะ บอกว่าเมื่อรืนนี้จะเป็นวันเกิดครบรอบอายุห้าสิบห้าของกั๋วกงฮูหยินและเชิญไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนกั๋วกงเพคะ”

หยุนชางชะงักไป นางหันกลับมา “เมื่อรืนนี้? ทำไมไม่มีใครบอกข้าเลยล่ะ?” นางเว้นวรรคไปแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่า นางเพิ่งมาถึงแคว้นเซี่ย ข้อมูลวันเกิดเหล่าฮูหยินของจวนต่างๆ ที่ได้มาจากสายลับก็ไม่มีกล่าวไว้

“ในจวนมีอะไรที่ใช้เป็นของขวัญได้หรือไม่?” หยุนชางรีบถาม

เฉี่ยนอินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบว่า “ตอนที่พระชายามาจากแคว้นหนิง เสด็จพ่อของท่านเคยประทานของให้ไม่น้อย ล้วนเป็นของล้ำค่าทั้งนั้น พวกเรานำมาที่นี่ด้วย น่าจะไปเลือกมาได้เพคะ”

หยุนชางกลับไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย “ฮวากั๋วกงฮูหยินไม่ว่าจะต่อท่านอ๋องหรือข้า นางก็รักและเอ็นดูพวกเราด้วยใจจริง หากเพียงเลือกของล้ำค่าเป็นของขวัญให้นางอย่างไม่ใส่ใจก็ดูจะไร้น้ำใจไปเสียหน่อย”

นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วจึงหันไปหาเฉี่ยนอิน “เตรียมกระดาษและพู่กันเถอะ ข้าจะวาดภาพเหล่าเซียนประสาทพรให้นางด้วยตนเองก็แล้วกัน แม้จะไม่ได้มีค่ามีราคานัก แต่น้ำใจต่างหากที่สำคัญที่สุด”

เฉี่ยนอินได้ยินเช่นนั้นก็รีบขานรับและทำตามที่นางสั่ง

เพื่อภาพเหล่าเซียนประสาทพรนี้ หยุนชางได้ใช้หัวใจวาดลงไป นางใช้เวลาไปทั้งหมดหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนจึงวาดภาพเหล่าเซียนประสาทพรที่มีความยาวถึงสามเมตรสำเร็จ หยุนชางให้เฉี่ยนอินนำไปประดับตกแต่งที่ร้านขายอัญมณีอีกเล็กน้อยหยุนชางจึงพอใจ

ในตอนเช้าของวันงานเลี้ยง หยุนชางตื่นแต่เช้าพาเฉี่ยนอินและสาวใช้อีกสองนางไปยังจวนกั๋วกง เพราะฮวากั๋วกงนำทหารออกรบอยู่ด้านนอก งานเลี้ยงครั้งนี้จึงไม่ได้จัดใหญ่โตนัก คนที่เชิญมาก็มีเพียงสตรีในจวนและชายที่เป็นญาติเท่านั้น ล้วนเป็นลูกชายของฮวากั๋วกงที่คอยดูแลต้อนรับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 456 ร่วมงานเลี้ยง

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 456 ร่วมงานเลี้ยง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หนึ่งปีแล้วหรือ…” หยุนชางครุ่นคิด ครั้งแรกที่นางและลั่วชิงเหยียนเข้ากันจริงๆ นั้นเป็นยามที่กลับมาจากคังหยาง นับดูแล้วก็นานถึงครึ่งปีแล้ว ในครึ่งปีมานี้นางและลั่วชิงเหยียนก็ได้เสพสมอารมณ์หมายอยู่บ่อยครั้ง ทำไมท้องของนางจึงไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลย

ยามที่นางจากแคว้นหนิงมา เสด็จแม่เคยเกลี้ยกล่อมให้นางรีบมีลูกเสียที ตอนนั้นนางยังไม่ได้ใส่ใจนัก

แต่เมื่อครู่คำพูดของหยุนกุ้ยเฟยปลุกให้นางตื่นขึ้น หากแคว้นเซี่ยให้ความสำคัญกับทายาทเช่นนั้น ลั่วชิงเหยียนเคยรับปากนางว่าชีวิตนี้เขาจะมีนางเพียงคนเดียว คงยากที่จะมีลูกหลานมากมาย

เป็นดังที่เสด็จแม่เคยกล่าวไว้จริงๆ เมื่อบุรุษมีใจคิดจะกุมอำนาจในใต้หล้า ก็จะมีเรื่องมากมายที่ไม่อาจควบคุมได้ ไม่รู้ว่าหากมีวันใด เซี่ยหวนอวี่ให้เขาเลือกระหว่างบ้านเมืองและการรับอนุ เขาจะเลือกสิ่งใดกัน?

“พระชายา…” เฉี่ยนอินกระซิบเรียกเบาๆ ตอนนี้หยุนชางเหม่อลอยไปไกล นางจึงเงียบลงและยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม หยุนชางจึงได้สติขึ้น “เมื่อครู่เรียกข้าหรือ? มีอะไรหรือเปล่า?”

เฉี่ยนอินอ้าปากเล็กน้อยและส่ายหัว “ไม่มีอะไรเพคะ” นางชะงักไปและเอ่ยว่า “หม่อมฉันได้ยินว่าองค์หญิงไท่อันถูกปล่อยออกมาจากคุกแล้ว”

หยุนชางผงกศีรษะ ไทเฮาตายไปแล้วเพื่อแลกกับชีวิตขององค์หญิงไท่อัน เซี่ยหวนอวี่ย่อมไม่อาจจัดการได้อย่างเด็ดขาด การปล่อยตัวองค์หญิงไท่อันเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วเท่านั้น

“หม่อมฉันได้ยินมาว่าหลังจากที่นางออกมาจากคุกแล้วก็ไม่ไปร้องห่มร้องไห้อยู่ที่ตำหนักเฉียนหลิง จากนั้นจึงค่อยกลับจวนองค์หญิงไปและให้คนเก่าที่เคยอยู่ในจวนแยกย้ายกันไปแล้วยังเชิญอาจารย์มาสอนทุกวัน ทั้งดนตรี หมาก การประดิษฐ์อักษร วาดภาพและแม้กระทั่งเรื่องของสตรี หม่อมฉันไปสืบมาได้ว่าครั้งนี้องค์หญิงไท่อันไม่ได้เพียงแสร้งทำเล่นๆ แล้ว นางตั้งใจเล่าเรียนทุกวันเลยเพคะ” เฉี่ยนอินก้มศีรษะลงมองหยุนชาง “หม่อมฉันมักจะรู้สึกเสมอว่าครั้งนี้นางคงเกลียดพวกเราเข้ากระดูกดำไปแล้วเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางเก่งกาจแล้วมาจัดการกับพวกเรา เช่นนี้มิใช่ว่าพวกเราจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหรือเพคะ”

หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงหัวเราะออกมาเบาๆ “ยายโง่เอ๋ย ที่นี่คือแคว้นเซี่ย ที่นี่เจ้าไม่ต้องจำว่าใครคือศัตรูของเจ้า เจ้าเพียงต้องจำไว้ว่าใครเป็นมิตร เชื่อข้าเถอะว่าศัตรูของจวนรุ่ยอ๋องของเรานั้นมีมากว่ามิตรมากมายนัก”

เฉี่ยนอินอึ้งไปและคิดว่าอนาคตของนางช่างลำบากนัก ในขณะที่คิดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงพ่อบ้านดังขึ้นที่ภายนอก “พระชายา คุณชายหลิ่วหยินเฟิงมาขอพบขอรับ”

หยุนชางเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายจึงส่ายหน้า “เจ้าช่วยข้าบอกปัดหน่อยเถอะ ตอนนี้รุ่ยอ๋องไม่อยู่ที่จวน ข้าเป็นสตรี อย่างไรก็ไม่ควรพบชายอื่น เดิมก็มีคนจ้องจะคิดร้ายต่อรุ่ยอ๋องอยู่แล้ว หากมีข่าวลือไม่ดีแพร่ออกไปคงจะรับมือยาก”

พ่อบ้านขานรับแล้วจึงจากไป

เฉี่ยนอินมองหยุนชางอย่างหยั่งเชิงและถามว่า “พระชายา หลิ่วหยินเฟิงผู้นี้เป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่?”

หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเฉี่ยนอิน เฉี่ยนอินหัวเราะคิกคักแล้วกล่าวว่า “หากบอกว่าเป็นศัตรู เขาก็ดูจะใส่ใจดูแลพระชายาไปเสียทุกสิ่งอย่าง หากใครไม่รู้ก็คงจะนึกว่าเขารักพระชายามากเสียอีก แต่หากจะบอกว่าเป็นมิตร เขาก็ใกล้ชิดกับท่านอ๋องเจ็ดอยู่มาก ได้ยินว่าเขาเป็นอาจารย์ของท่านอ๋องเจ็ดและถูกหลิ่วจิ้นอุปการะเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก หลิ่วจิ้นเป็นตาของท่านอ๋องเจ็ด อย่างไรหลิ่วหยินเฟิงก็ต้องตอบแทนบุญคุณที่เขาเลี้ยงดูมา”

หยุนชางเงียบไปอยู่นานก่อนจะเอ่ยว่า “ข้ารู้สึกว่าเขาไม่เคยคิดร้ายต่อข้า เพียงแต่ข้าไม่อยากจะไปเกี่ยวข้องกับเขามากนัก เป็นดังอย่างที่เจ้าว่ามา ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าเขาใกล้ชิดสนิทสนมกับองค์ชายเจ็ดเป็นอย่างมาก หากข้าพบกับเขาบ่อยๆ เกรงว่าจะทำให้เกิดข่าวลือเข้า”  นางลุกขึ้นและกล่าวว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว จะไปงีบที่เตียงครู่หนึ่ง ก่อนถึงเวลาอาหารเย็นค่อยปลุกข้าก็แล้วกัน” หยุนชางเอ่ยเบาๆ

เฉี่ยนอินพยักหน้า นางอยู่ปรนนิบัติจนหยุนชางหลับไปแล้วจึงค่อยๆ ถอยออกมา นับตั้งแต่เกิดเรื่องตุ๊กตาคุณไสยแล้ว หยุนชางจึงได้ไล่คนเก่าแก่ในจวนรุ่ยอ๋องออกไป ช่วงนี้รับข้ารับใช้เข้ามาใหม่ พ่อบ้านคนเดียวยุ่งจนรับมือแทบไม่ไหว เฉี่ยนอินจึงไปช่วยเขาดูแลบ้างด้วยกลัวว่าจะถูกผู้ไม่หวังดีจะนำสายลับแฝงเข้ามาในจวน

เมื่อออกจากห้อง เฉี่ยนอินก็เห็นพ่อบ้านเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน เมื่อเห็นเฉี่ยนอิน พ่อบ้านจึงเอ่ยถามว่า “พระชายาอยู่ในห้องหรือ?”

เฉี่ยนอินพยักหน้า “แต่นางพักผ่อนไปแล้วเจ้าค่ะ มีเรื่องอะไรหรือ?”

พ่อบ้านยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้เฉี่ยนอินแล้วกระซิบว่า “นี่เป็นจดหมายที่คุณชายหลิ่วหยินเฟิงกำชับให้ข้าส่งให้พระชายา ในเมื่อพระชายาพักผ่อนแล้ว เจ้าก็นำไปมอบให้นางแทนข้าเถอะ”

เฉี่ยนอินรับคำแล้วพ่อบ้านจึงจากไป

นางก้มหน้าลงมองจดหมายในมือ เฉี่ยนอินหันเข้าไปมองในห้องแล้วจึงเดินเข้าไปอย่างจำนน แต่ก็เพียงวางจดหมายนั้นลงบนโต๊ะด้านนอกเท่านั้น หลังจากที่หยุนชางตื่นแล้วนางค่อยนำไปให้ เมื่อวางไว้แล้วเฉี่ยนอินก็ออกจากห้องไปยังที่พำนักของเหล่าข้ารับใช้

เพราะได้รับบทเรียนจากเรื่องตุ๊กตาคุณไสย พ่อบ้านจึงสั่งให้เหล่าข้ารับใช้ที่มาใหม่ทำความสะอาดจวนทุกซอกทุกมุม แม้แต่ซอกหลืบเล็กๆ ก็ไม่เว้น เฉี่ยนอินยืนดูอยู่ด้านข้างก็ยุ่งจนเกือบถึงเวลาพลบค่ำ

เมื่อกำลังคิดจะกลับไปหาหยุนชาง นางก็เห็นเด็กเฝ้าประตูถือเทียบเชิญสีแดงเดินเข้ามา “พี่เฉี่ยนอิน นี่เป็นเทียบเชิญที่จวนฮวากั๋วกงส่งมาให้ บอกว่าวันมะรืนจะเป็นวันเกิดครบรอบอายุห้าสิบห้าของกั๋วกงฮูหยิน จะมีงานเลี้ยงที่จวนกั๋วกง”

เมื่อเฉี่ยนอินเห็นเทียบเชิญนั้นนางก็ยิ้มขึ้น “เข้าใจแล้ว ข้าจะเอาไปให้พระชายา”

เฉี่ยนอินนำเทียบเชิญนั้นกลับมา หยุนชางตื่นขึ้นแล้วและกำลังนั่งพิงหัวเตียงอยู่ เฉี่ยนอินจึงรีบเดินเข้าไปหา “พระชายา จวนกั๋วกงส่งเทียบเชิญมาเพคะ บอกว่าเมื่อรืนนี้จะเป็นวันเกิดครบรอบอายุห้าสิบห้าของกั๋วกงฮูหยินและเชิญไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนกั๋วกงเพคะ”

หยุนชางชะงักไป นางหันกลับมา “เมื่อรืนนี้? ทำไมไม่มีใครบอกข้าเลยล่ะ?” นางเว้นวรรคไปแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่า นางเพิ่งมาถึงแคว้นเซี่ย ข้อมูลวันเกิดเหล่าฮูหยินของจวนต่างๆ ที่ได้มาจากสายลับก็ไม่มีกล่าวไว้

“ในจวนมีอะไรที่ใช้เป็นของขวัญได้หรือไม่?” หยุนชางรีบถาม

เฉี่ยนอินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบว่า “ตอนที่พระชายามาจากแคว้นหนิง เสด็จพ่อของท่านเคยประทานของให้ไม่น้อย ล้วนเป็นของล้ำค่าทั้งนั้น พวกเรานำมาที่นี่ด้วย น่าจะไปเลือกมาได้เพคะ”

หยุนชางกลับไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย “ฮวากั๋วกงฮูหยินไม่ว่าจะต่อท่านอ๋องหรือข้า นางก็รักและเอ็นดูพวกเราด้วยใจจริง หากเพียงเลือกของล้ำค่าเป็นของขวัญให้นางอย่างไม่ใส่ใจก็ดูจะไร้น้ำใจไปเสียหน่อย”

นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วจึงหันไปหาเฉี่ยนอิน “เตรียมกระดาษและพู่กันเถอะ ข้าจะวาดภาพเหล่าเซียนประสาทพรให้นางด้วยตนเองก็แล้วกัน แม้จะไม่ได้มีค่ามีราคานัก แต่น้ำใจต่างหากที่สำคัญที่สุด”

เฉี่ยนอินได้ยินเช่นนั้นก็รีบขานรับและทำตามที่นางสั่ง

เพื่อภาพเหล่าเซียนประสาทพรนี้ หยุนชางได้ใช้หัวใจวาดลงไป นางใช้เวลาไปทั้งหมดหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนจึงวาดภาพเหล่าเซียนประสาทพรที่มีความยาวถึงสามเมตรสำเร็จ หยุนชางให้เฉี่ยนอินนำไปประดับตกแต่งที่ร้านขายอัญมณีอีกเล็กน้อยหยุนชางจึงพอใจ

ในตอนเช้าของวันงานเลี้ยง หยุนชางตื่นแต่เช้าพาเฉี่ยนอินและสาวใช้อีกสองนางไปยังจวนกั๋วกง เพราะฮวากั๋วกงนำทหารออกรบอยู่ด้านนอก งานเลี้ยงครั้งนี้จึงไม่ได้จัดใหญ่โตนัก คนที่เชิญมาก็มีเพียงสตรีในจวนและชายที่เป็นญาติเท่านั้น ล้วนเป็นลูกชายของฮวากั๋วกงที่คอยดูแลต้อนรับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+