ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 229 อภิเษกสมรส (๑)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 229 อภิเษกสมรส (๑) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อฮวากั๋วกงได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ดังสนั่นใส่หูตนอย่างมาก และทุกคำก็แทงเข้าที่หัวใจอย่างแรง ฮวากั๋วกงกำหมัดไว้แน่นและยืนขึ้นพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นเขาก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้มีรอยยิ้มที่ขมขื่นอยู่บนใบหน้า ตนไม่สามารถตำหนิเขาได้ เขาไม่ทราบอะไรทั้งนั้น ทุกคำพูดของเขานั้น เป็นความจริงทั้งหมด

เมื่อจิ้งอ๋องเห็นเช่นนี้ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ค่อยๆ เย็นชาลง "ฮวากั๋วกงเป็นกระไรไปหรือ? รู้สึกไม่สบายหรือ?"

ฮวากั๋วกงพยักหน้า "ขอรับ จู่ๆ หม่อมฉันก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมา เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวกลับก่อนขอรับ"

จิ้งอ๋องหยิบแก้วน้ำชาขึ้นมา แววตาของเขาจ้องมองไปที่ใบชาที่คลายตัวอยู่ในแก้ว ก็ไม่ได้มองฮวากั๋วกงเลยแต่อย่างใด " เช่นนั้น ข้าก็จะไม่ส่งท่านแล้ว พ่อบ้าน ไปส่งแขก"

หลังจากที่พ่อบ้านนำทางไปส่งฮวากั๋วกงออกไป จิ้งอ๋องจึงวางแก้วชาในมือลง ขมวดคิ้วและนั่งบนเก้าอี้เป็นเวลานานก่อนที่จะลุกขึ้นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเดินตรงไปที่ตำหนักด้านใน

หยุนชางกำลังพิงอยู่เบาะนุ่มและอ่านหนังสือเกี่ยวกับวิชาหมอ จิ้งอ๋องนั่งลงที่โต๊ะอย่างสบายๆ และมองไปที่หญิงสาวผู้งดงามที่นั่งบนเบาะนุ่มด้วยสีหน้าสบาย ๆ " จิ่นเฟยเหนียงเหนียงกลับมาที่วังแล้ว"

"หืม?" หยุนชางเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของนางเผยความสุขออกมาเล็กน้อย แต่ก็มีความกังวลเล็กน้อยเช่นกัน "เสด็จแม่กลับพระราชวังแล้วหรือ? แล้วเหตุใดหม่อมฉันจึงไม่ทราบข่าวเลยเพคะ? และท่านกลับไปที่พระราชวังโดยตรง พระราชวังนั้นไม่ค่อยสงบนัก ตอนนี้พระวรกายของเสด็จแม่ไม่เหมือนที่ผ่านมา ท่านไม่สามารถรับผลกระทบใดๆ ได้ และอยู่ในพระราชวังไม่ได้หรอกเพคะ"

จิ้งอ๋อวอมยิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้มากจนเกินไป " ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นห่วง ข้าจึงมิได้บอกกับเจ้า ข้าเป็นคนส่งคนให้ไปรับท่านกลับมาอย่างลับๆ เอง วันมะรืนนี้เราก็จะอภิเษกสมรสแล้ว เสด็จแม่ของเจ้าจึงควรอยู่ในงานพิธีด้วย มิเช่นนั้นเจ้าคงจะเสียใจไปตลอดชีวิต"

เมื่อได้ยินจิ้งอ๋องพูดถึงเรื่องอภิเษกสมรสของเขาสองคน หยุนชางก็รู้สึกร้อนที่หูขึ้นมา นางอมยิ้มและกล่าวว่า " เช่นนี้หม่อมฉันทราบดีเพคะ แต่ตอนนี้หม่อมฉันมิได้อยู่ในวัง และฮองเฮาก็ได้ครองอำนาจอีกครั้ง หม่อมฉันกลัวจะมีเรื่องกระไรเกิดขึ้นกับเสด็จแม่เพคะ หรือว่าพาเสด็จแม่มาที่จวนจิ้งอ๋องดีหรือไม่เพคะ?"

จิ้งอ๋องได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มขึ้นมาด้วยความเอ็นดู "เสด็จแม่ของเจ้าคือนางสนมในพระราชวัง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยได้มีกรณีเช่นนี้มาก่อน หากว่ารับตัวเสด็จแม่ของเจ้ามาที่นี่จริงๆ ข้าไม่ทราบเช่นกันว่าเรื่องนี้จะลือกันไปถึงไหน เจ้าเนี่ยนะ ทุกครั้งที่เจ้ากังวลขึ้นมาเรื่องก็เริ่มยุ่งเหยิง"

หยุนชางขบริมฝีปาก แน่นอนว่านางทราบดีเรื่องนี้ไม่มีทางเป็นจริง รู้ แต่ช่วงนี้นางมักจะรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย ราวกับว่ามีเรื่องบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น หากนางไม่สามารถปกป้องคนที่นางต้องการปกป้องให้อยู่ภายใต้การดูแลของตนได้นั้น นางมักจะรู้สึกไม่ไว้วางใจเล็กน้อย

ราวกับว่าเขารู้คิดของหยุนชาง จิ้งอ๋องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า "หากว่าเจ้ากังวลจริงๆ ข้าจะส่งสายลับไปปกป้องเสด็จแม่ของเจ้าเพิ่ม ผ่านไปนานหลายปีเสด็จพ่อของเจ้าก็มีบุตรอีกครั้ง พระองค์ก็ทรงปกป้องเป็นอย่างดี พระองค์ก็คงไม่อยากให้เกิดเรื่องกระไรต่อเสด็จแม่ของเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย ทั้งซ้ายและขวาล้วนเป็นอาณาจักรของเสด็จพ่อของเจ้า หากเขาคิดจะปกป้องใครสักคน คงไม่มีทางเกิดความผิดพลาดอย่างแน่นอน"

หยุนชางได้ยินเช่นนี้ก็เงียบลง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้พยักหน้าและกล่าวว่า " ก็ได้เพคะ เอาจะเป็นเพราะว่าหม่อมฉันมิได้พบเสด็จแม่มานานกระมั้ง ให้หม่อมฉันได้พบท่านได้หรือไม่เพคะ?"

จิ้งอ๋องส่ายหน้า "ตอนนี้เสด็จแม่ของเจ้ากำลังตั้งครรภ์ เกือบจะแปดเดือยแล้ว วันนี้ข้าเห็นว่าท้องนั้นโตอย่างน่ากลัวมาก ท่านเหนื่อยมากกับการเดินทางมาจากวังเฟิ่งไหล หากให้ท่านมาพบเจ้าก็คงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ร่างกายของเจ้าก็ไม่แข็งแรง ไม่เหมาะสมกับการเดินทาง เจ้าวางใจเถอะ เมื่อถึงเวลาได้พบกันเจ้าก็จะได้พบเอง"

หยุนชางหมดหนทาง แต่นางก็ทราบว่าสิ่งที่จิ้งอ๋องกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริง สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างไม่สะดวก หลังจากครุ่นคิด สุดท้ายนางก็ถอนหายใจและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก

หลังจากเงียบไปนาน นางก็เอ่ยปากลองเชิง" เจ้าและฮวากั๋วกง………."

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของจิ้งอ๋องแย่ลงอย่างกะทันหัน หยุนชางจึงหยุดสิ่งที่กำลังจะกล่าวออกไปอย่างกะทันหันและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ " หากสิ่งที่ฮวากั๋วกงกล่าวในวันนั้นเป็นเรื่องจริงล่ะก็ เจ้าก็คงเป็น…………" หยุนชางจ้องมองไปที่สีหน้าของจิ้งอ๋องอย่างระมัดระวัง นางลดเสียงลงและกล่าวว่า "ข้าได้ยินมาว่าตอนนั้น อดีตพระราชินีของแคว้นเซี่ยได้ตกลงมาจากหน้าผาขณะตั้งครรภ์ระหว่างสงคราม เมื่อพวกเขาพบพระราชินี ท่านก็เหลือเพียงแต่กะโหลก ใครก็ไม่ทราบทั้งนั้นว่า……..เรื่องนี้ทำให้ฮวากั๋วกงผมหงอกขาวในค่ำคืนเดียวเช่นกัน เรื่องนี้โทษพวกเขาไม่ได้หรอก…"

จิ้งอ๋องนิ่งเงียบ สีหน้าของเขาแย่ลงเล็กน้อย หยุนชางถอนหายใจและหยุดพูด เรื่องบางอย่าง นางช่วยเขาไม่ได้…

หลังจากเวลาผ่านไปอยู่นาน เมื่อหยุนชางคิดว่าจิ้งอ๋องคงจะเปลี่ยนเรื่องคุยหรือทำเป็นเมินตน จิ้งอ๋องกลับพูดขึ้นทันทีว่า "เจ้าอยากให้ข้าทำเช่นไร? กลับไปหาบรรพบุรุษของข้าหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างแคว้นเซี่ยและแคว้นหนิงในตอนนี้ยากที่จะคืนดีกันแล้ว หากว่าข้า……….เจ้าคิดว่าแคว้นหนิงจะทำเช่นไร?"

เรื่องเหล่านี้หยุนชางได้พิจารณามาอย่างดีแล้ว เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของจิ้งอ๋อง หยุนชางรู้สึกว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อน จึงไม่เคยได้พูดถึงมันเลย แต่ไม่คาดคิดว่าจิ้งอ๋องจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้

คราวนี้ถึงคราวที่หยุนชางเงียบแล้ว จิ้งอ๋องยิ้มอย่างเย็นชา เขายืนขึ้นและเดินออกไปนอกประตู

หยุนชางถอนหายใจเบา ๆ และพึมพำ "ข้าแค่รู้สึกว่า เจ้าอยู่ตัวคนเดียวมันเหงาเกินไป…"

จิ้งอ๋องหยุดเดินแต่เขาไม่ได้หันกลับมา เขาแค่ยิ้มพร้อมหัวเราะอย่างประชดประชัน " นี่ข้ากำลังจะอภิเษกสมรสอยู่แล้วมิใช่หรือ"

มือของหยุนชางชะงักเล็กน้อย มองดูจิ้งอ๋องเดินออกจากห้องชั้นในไป นางจึงยิ้มอย่างขมขื่น ก้มหน้าแล้วพลิกอ่านหนังสือ จิ้งอ๋องพูดถูก นางไม่ต้องการให้จิ้งอ๋องกลับไปหาบรรพบุรุษ ไปเป็นองค์ชายแคว้นเซี่ย หากว่าส่วนลึกในใจของนางคิดเช่นนี้ ฉะนั้นสิ่งที่กล่าวไปเมื่อสักครู่นั้นก็ไม่มีประโยชน์เสียจริง

เนื่องจากหยุนชางสลบไปนาน เรื่องอภิเษกสมรสนั้นจิ้งอ๋องจึงตัดสินใจเองทั้งหมด ในพระราชวังนั้นฮองเฮาเป็นคนจัดการ ทุกอย่างก็ราบรื่นดี

เพียงแต่ว่าร่างกายของหยุนชางยังไม่ค่อยดีนัก หากบาดเจ็บที่กระดูกต้องพักผ่อนร้อยวัน แต่โชคดีที่นางไม่ได้บาดเจ็บที่เท้า ก็ยังสามารถลุกขึ้นยืนและเดินช้าๆได้บ้างเล็กน้อย แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่ท้อง นางจึงลำบากเล็กน้อย

เช้าตรู่ของวันอันเป็นมงคล หยุนชางถูกปลุกขึ้นมา หยุนชางลืมตา ก็พบเห็นฉินยีที่ไม่ได้อยู่ข้างตนเป็นเวลานานก็มาแล้วเช่นกัน หยุนชางส่งยิ้มให้ฉินยี "สองสามวันนี้ที่พระราชวังเป็นอย่างไรบ้าง?"

ฉินยีพยักหน้าและกล่าวว่า "ปกติดีเพคะ" ขณะที่พูดนางก็หยิบชุดอภิเษกมา และสวมให้หยุนชางทีละชั้น "วันนี้องค์หญิงอภิเษกสมรส เดิมทีนายหญิงเป็นเพียงนางสนม จึงไม่สามารถมาด้วยตนเองได้ แต่ทว่าฝ่าบาททรงออกพระราชโองการ เห็นแก่ที่นายหญิงนั้นทรงตั้งครรภ์ จึงอนุญาตให้มาร่วมพิธีได้ อีกไม่นานนายหญิงคงมาพร้อมฝ่าบาทกระมั้งเพคะ ส่วนองค์หญิงนั้น จะต้องรอพระราชินีทรงทำผมให้เพคะ"

หยุนชางพยักหน้า แต่ก็กังวลเล็กน้อย "พระวรกายของเสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้างหรือ? ตอนนี้เสด็จแม่คงหนักตัวอย่างมาก ไม่ทราบเช่นกันว่าเสด็จแม่จะรับความลำบากเช่นนี้ไหวหรือไม่………"

ฉินยีอมยิ้มเล็กน้อย "องค์หญิงวางใจได้เลยเพคะ มีเจิ้งมามาคอยอยู่ข้างๆ นายหญิง เจิ้งมามาต้องดูแลพระวรกายของนายหญิงให้ดีและจะไม่ให้เกิดเรื่องกระไรอย่างแน่นอนเพคะ"

หยุนชางตอบรับ แล้วได้ยินเสียงถวายบังคมดังมาจากด้านนอก "พระราชินีทรงพระเจริญพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางหันหน้ามองไปทางประตู และเห็นฮองเฮาสวมชุดเก้าฟีนิกซ์เดินเข้ามา มีจิ่นเฟยตามหลังมา หยุนชางยิ้มออกมาทันทีและมองไปที่จิ่นเฟย เห็นว่าท้องของนางใหญ่มาแล้ว หยุนชางก็ตกตะลึงเช่นกัน และอยากถอยให้จิ่นเฟยนั่งลง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าฮองเฮายังอยู่ ฉะนั้นจึงนั่งลงอย่างดีแล้วถวายบังคมต่อฮองเฮาและจิ่นเฟย

ฮองเฮาอมยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า "ชางเอ๋อร์นั้นโตเป็นสาวแล้วเสียจริง เวลาไปผ่านไปไม่นานก็จะอภิเษกสมรสแล้ว มาเถอะ ให้เสด็จแม่แปรงผมให้ชางเอ๋อร์นะ"

ในใจหยุนชางต้องการให้จิ่นเฟยแปรงให้ แต่ก็ทราบดีว่าฮองเฮาคือคนที่มีนามว่าเสด็จแม่ของนางอย่างทางการ นางจึงทนความไม่พอใจนี้ไว้ในใจ ยิ้มและตอบว่า "ขอบพระคุณเสด็จแม่เพคะ"

ฮองเฮารับหวีมา ยิ้มและแปรงผมให้หยุนชางอย่างสบาย ๆ พร้อมบทกวีมงคลของที่มามาร้อง จากนั้นก็ส่งหวีให้มามา มามาก็เร่งเกล้าผมเป็นผมเจ้าสาวให้หยุนชางแล้วเริ่มทรงพระสำอาง

"องค์หญิงช่างเป็นหญิงงามที่มิอาจมีใครบนโลกนี้เทียบได้เสียจริง มิน่าแปลกใจที่แม้แต่จิ้งอ๋องก็ยังหลงใหลในตัวท่าน ตอนที่ไม่ทรงพระสำอางก็งามอย่างยิ่งแล้ว และเมื่อทรงพระสำอางขึ้นมา ทั้งแคว้นหนิงนี้คงมิอาจมีใครเทียบเท่าได้" ซีมามายิ้มและกล่าวชมเชย หยุนชางฟังพร้อมอมยิ้มเม้มปาก

หลังจากทรงพระสำอางทำผมเรียบร้อยแล้ว ซีมามาก็ยื่นแอปเปิลให้หยุนชางและบอกให้นางถือไว้ให้ดี

หยุนชางเงยหน้ามองไปที่จิ่นเฟยที่มองตนอย่างเงียบๆ นางอมยิ้มแล้วก้มหน้าลง จากนั้นมีเป็นฮองเฮาที่นำผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวมาคลุมให้หยุนชาง

นัยน์ตาเต็มไปด้วยสีแดงรื่นเริง หยุนชางตะลึงเล็กน้อย และทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า ชาติที่แล้วเมื่อตนอภิเษกสมรส ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ตนก็นั่งด้วยความตื่นเต้นและคาดหวังเล็กน้อย นึกถึงชีวิตที่สวยงามหลังอภิเษกสมรส แต่ไม่คาดคิดว่าชีวิตหลังจากนั้นกลับแตกต่างจากที่ตนคิดไว้โดยสิ้นเชิง

ชาตินี้ นางไม่ได้คาดหวังเรื่องอภิเษกสมรสมากเท่าไหร่นัก และการสมรสครั้งนี้ก็เกิดขึ้นอย่างมีจุดมุ่งหมาย เดิมทีนางคิดว่านางจะนิ่งเฉยอยู่ได้ตลอดเวลา แต่เมื่อเห็นภาพที่เต็มไปด้วยสีแดงที่รื่นเริงนี้แล้ว หัวใจของตนก็เต้นขึ้นมาอย่างแรงโดยไม่รู้ตัว

ผู้ชายกลัวที่จะเลือกงานผิด และผู้หญิงนั้นกลัวที่จะเลือกสามีผิด การอภิเษกครั้งนี้เท่ากับเลือกไปทั้งชีวิต อนาคตที่ตนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้นางรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

ทันใดนั้นก็มีมือมาจับมือนางไว้เบาๆ หยุนชางตกตะลึง นางก้มหน้าลง พบว่ามือที่ตนวางบนขานั้นถูกมือหนึ่งข้างจับไว้ มือนั้นเรียวยาวและขาวโพลน อ่อนโยนอย่างสุดจะพรรณนา

"ชางเอ๋อร์กำลังกลัวหรือ?" เสียงที่อ่อนโยนของจิ่นเฟยดังมาจากข้างๆ นาง

หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้าเล็กน้อย

จิ่นเฟยหัวเราะเบา ๆ และพูดเบา ๆ ว่า " ชางเอ๋อร์เป็นคนฉลาด แม่นั้นเป็นผู้แพ้ด้านความสัมพันธ์ จึงไม่สามารถสอนอะไรชางเอ๋อร์ได้ เพียงแต่ว่า ชางเอ๋อร์ต้องทราบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดระหว่างสามีภรรยาไม่ใช่ความรู้สึก แต่คือความเชื่อใจ" จิ่นเฟยถอนหายใจเบา ๆ "จิ้งอ๋องเป็นเด็กที่เสด็จแม่เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ เขาเป็นคนที่ดี ในเมื่อเจ้าอภิเษกสมรสกับเขา ฉะนั้นก็ใช้ชีวิตกับเขาให้ดีๆ พวกเจ้าเกื้อหนุนกัน รักกัน นี่คือสิ่งที่แม่อยากเห็นมากที่สุด"

หยุนชางก้มหน้าลงและตอบเบา ๆ "ชางเอ๋อร์เข้าใจเพคะ"

จิ่นเฟยพยักหน้า น้ำตาคลอที่ดวงตาของนาง "เจ้าต้องเข้าวังไปน้อมลาเสด็จพ่อ จิ้งอ๋องกำลังรอเจ้าอยู่ ไปเถอะ"

หยุนชางยืนขึ้นและกล่าวเบา ๆ "เสด็จแม่เพคะ ชางเอ๋อร์ก็หวังว่าเสด็จแม่จะมีความสุขเพคะ" หลังจากพูดจบ นางก็วางมือไว้ในมือของซีมามา และซีมามาก็พยุงนางออกจากจวนไป

หลังจากออกไป มือที่หยาบกร้านก็จับมือหยุนชางจากอีกด้านหนึ่งของซีมามา หยุนชางหยุดชะงัก จากนั้นก็มีกลิ่นหอมอำพันทะเลจางๆ ลอยมา หยุนชางอมยิ้ม จิ้งอ๋องนี่เอง

"ถึงเวลาอันเป็นมงคล ยกเกี้ยว" หยุนชางก้าวเข้าไปในเกี้ยว จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องประสานเสียงดังขึ้น เกี้ยวสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็ยกขึ้นอย่างมั่นคง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 229 อภิเษกสมรส (๑)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 229 อภิเษกสมรส (๑) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อฮวากั๋วกงได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ดังสนั่นใส่หูตนอย่างมาก และทุกคำก็แทงเข้าที่หัวใจอย่างแรง ฮวากั๋วกงกำหมัดไว้แน่นและยืนขึ้นพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นเขาก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้มีรอยยิ้มที่ขมขื่นอยู่บนใบหน้า ตนไม่สามารถตำหนิเขาได้ เขาไม่ทราบอะไรทั้งนั้น ทุกคำพูดของเขานั้น เป็นความจริงทั้งหมด

เมื่อจิ้งอ๋องเห็นเช่นนี้ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ค่อยๆ เย็นชาลง "ฮวากั๋วกงเป็นกระไรไปหรือ? รู้สึกไม่สบายหรือ?"

ฮวากั๋วกงพยักหน้า "ขอรับ จู่ๆ หม่อมฉันก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมา เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวกลับก่อนขอรับ"

จิ้งอ๋องหยิบแก้วน้ำชาขึ้นมา แววตาของเขาจ้องมองไปที่ใบชาที่คลายตัวอยู่ในแก้ว ก็ไม่ได้มองฮวากั๋วกงเลยแต่อย่างใด " เช่นนั้น ข้าก็จะไม่ส่งท่านแล้ว พ่อบ้าน ไปส่งแขก"

หลังจากที่พ่อบ้านนำทางไปส่งฮวากั๋วกงออกไป จิ้งอ๋องจึงวางแก้วชาในมือลง ขมวดคิ้วและนั่งบนเก้าอี้เป็นเวลานานก่อนที่จะลุกขึ้นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเดินตรงไปที่ตำหนักด้านใน

หยุนชางกำลังพิงอยู่เบาะนุ่มและอ่านหนังสือเกี่ยวกับวิชาหมอ จิ้งอ๋องนั่งลงที่โต๊ะอย่างสบายๆ และมองไปที่หญิงสาวผู้งดงามที่นั่งบนเบาะนุ่มด้วยสีหน้าสบาย ๆ " จิ่นเฟยเหนียงเหนียงกลับมาที่วังแล้ว"

"หืม?" หยุนชางเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของนางเผยความสุขออกมาเล็กน้อย แต่ก็มีความกังวลเล็กน้อยเช่นกัน "เสด็จแม่กลับพระราชวังแล้วหรือ? แล้วเหตุใดหม่อมฉันจึงไม่ทราบข่าวเลยเพคะ? และท่านกลับไปที่พระราชวังโดยตรง พระราชวังนั้นไม่ค่อยสงบนัก ตอนนี้พระวรกายของเสด็จแม่ไม่เหมือนที่ผ่านมา ท่านไม่สามารถรับผลกระทบใดๆ ได้ และอยู่ในพระราชวังไม่ได้หรอกเพคะ"

จิ้งอ๋อวอมยิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้มากจนเกินไป " ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นห่วง ข้าจึงมิได้บอกกับเจ้า ข้าเป็นคนส่งคนให้ไปรับท่านกลับมาอย่างลับๆ เอง วันมะรืนนี้เราก็จะอภิเษกสมรสแล้ว เสด็จแม่ของเจ้าจึงควรอยู่ในงานพิธีด้วย มิเช่นนั้นเจ้าคงจะเสียใจไปตลอดชีวิต"

เมื่อได้ยินจิ้งอ๋องพูดถึงเรื่องอภิเษกสมรสของเขาสองคน หยุนชางก็รู้สึกร้อนที่หูขึ้นมา นางอมยิ้มและกล่าวว่า " เช่นนี้หม่อมฉันทราบดีเพคะ แต่ตอนนี้หม่อมฉันมิได้อยู่ในวัง และฮองเฮาก็ได้ครองอำนาจอีกครั้ง หม่อมฉันกลัวจะมีเรื่องกระไรเกิดขึ้นกับเสด็จแม่เพคะ หรือว่าพาเสด็จแม่มาที่จวนจิ้งอ๋องดีหรือไม่เพคะ?"

จิ้งอ๋องได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มขึ้นมาด้วยความเอ็นดู "เสด็จแม่ของเจ้าคือนางสนมในพระราชวัง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยได้มีกรณีเช่นนี้มาก่อน หากว่ารับตัวเสด็จแม่ของเจ้ามาที่นี่จริงๆ ข้าไม่ทราบเช่นกันว่าเรื่องนี้จะลือกันไปถึงไหน เจ้าเนี่ยนะ ทุกครั้งที่เจ้ากังวลขึ้นมาเรื่องก็เริ่มยุ่งเหยิง"

หยุนชางขบริมฝีปาก แน่นอนว่านางทราบดีเรื่องนี้ไม่มีทางเป็นจริง รู้ แต่ช่วงนี้นางมักจะรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย ราวกับว่ามีเรื่องบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น หากนางไม่สามารถปกป้องคนที่นางต้องการปกป้องให้อยู่ภายใต้การดูแลของตนได้นั้น นางมักจะรู้สึกไม่ไว้วางใจเล็กน้อย

ราวกับว่าเขารู้คิดของหยุนชาง จิ้งอ๋องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า "หากว่าเจ้ากังวลจริงๆ ข้าจะส่งสายลับไปปกป้องเสด็จแม่ของเจ้าเพิ่ม ผ่านไปนานหลายปีเสด็จพ่อของเจ้าก็มีบุตรอีกครั้ง พระองค์ก็ทรงปกป้องเป็นอย่างดี พระองค์ก็คงไม่อยากให้เกิดเรื่องกระไรต่อเสด็จแม่ของเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย ทั้งซ้ายและขวาล้วนเป็นอาณาจักรของเสด็จพ่อของเจ้า หากเขาคิดจะปกป้องใครสักคน คงไม่มีทางเกิดความผิดพลาดอย่างแน่นอน"

หยุนชางได้ยินเช่นนี้ก็เงียบลง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้พยักหน้าและกล่าวว่า " ก็ได้เพคะ เอาจะเป็นเพราะว่าหม่อมฉันมิได้พบเสด็จแม่มานานกระมั้ง ให้หม่อมฉันได้พบท่านได้หรือไม่เพคะ?"

จิ้งอ๋องส่ายหน้า "ตอนนี้เสด็จแม่ของเจ้ากำลังตั้งครรภ์ เกือบจะแปดเดือยแล้ว วันนี้ข้าเห็นว่าท้องนั้นโตอย่างน่ากลัวมาก ท่านเหนื่อยมากกับการเดินทางมาจากวังเฟิ่งไหล หากให้ท่านมาพบเจ้าก็คงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ร่างกายของเจ้าก็ไม่แข็งแรง ไม่เหมาะสมกับการเดินทาง เจ้าวางใจเถอะ เมื่อถึงเวลาได้พบกันเจ้าก็จะได้พบเอง"

หยุนชางหมดหนทาง แต่นางก็ทราบว่าสิ่งที่จิ้งอ๋องกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริง สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างไม่สะดวก หลังจากครุ่นคิด สุดท้ายนางก็ถอนหายใจและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก

หลังจากเงียบไปนาน นางก็เอ่ยปากลองเชิง" เจ้าและฮวากั๋วกง………."

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของจิ้งอ๋องแย่ลงอย่างกะทันหัน หยุนชางจึงหยุดสิ่งที่กำลังจะกล่าวออกไปอย่างกะทันหันและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ " หากสิ่งที่ฮวากั๋วกงกล่าวในวันนั้นเป็นเรื่องจริงล่ะก็ เจ้าก็คงเป็น…………" หยุนชางจ้องมองไปที่สีหน้าของจิ้งอ๋องอย่างระมัดระวัง นางลดเสียงลงและกล่าวว่า "ข้าได้ยินมาว่าตอนนั้น อดีตพระราชินีของแคว้นเซี่ยได้ตกลงมาจากหน้าผาขณะตั้งครรภ์ระหว่างสงคราม เมื่อพวกเขาพบพระราชินี ท่านก็เหลือเพียงแต่กะโหลก ใครก็ไม่ทราบทั้งนั้นว่า……..เรื่องนี้ทำให้ฮวากั๋วกงผมหงอกขาวในค่ำคืนเดียวเช่นกัน เรื่องนี้โทษพวกเขาไม่ได้หรอก…"

จิ้งอ๋องนิ่งเงียบ สีหน้าของเขาแย่ลงเล็กน้อย หยุนชางถอนหายใจและหยุดพูด เรื่องบางอย่าง นางช่วยเขาไม่ได้…

หลังจากเวลาผ่านไปอยู่นาน เมื่อหยุนชางคิดว่าจิ้งอ๋องคงจะเปลี่ยนเรื่องคุยหรือทำเป็นเมินตน จิ้งอ๋องกลับพูดขึ้นทันทีว่า "เจ้าอยากให้ข้าทำเช่นไร? กลับไปหาบรรพบุรุษของข้าหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างแคว้นเซี่ยและแคว้นหนิงในตอนนี้ยากที่จะคืนดีกันแล้ว หากว่าข้า……….เจ้าคิดว่าแคว้นหนิงจะทำเช่นไร?"

เรื่องเหล่านี้หยุนชางได้พิจารณามาอย่างดีแล้ว เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของจิ้งอ๋อง หยุนชางรู้สึกว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อน จึงไม่เคยได้พูดถึงมันเลย แต่ไม่คาดคิดว่าจิ้งอ๋องจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้

คราวนี้ถึงคราวที่หยุนชางเงียบแล้ว จิ้งอ๋องยิ้มอย่างเย็นชา เขายืนขึ้นและเดินออกไปนอกประตู

หยุนชางถอนหายใจเบา ๆ และพึมพำ "ข้าแค่รู้สึกว่า เจ้าอยู่ตัวคนเดียวมันเหงาเกินไป…"

จิ้งอ๋องหยุดเดินแต่เขาไม่ได้หันกลับมา เขาแค่ยิ้มพร้อมหัวเราะอย่างประชดประชัน " นี่ข้ากำลังจะอภิเษกสมรสอยู่แล้วมิใช่หรือ"

มือของหยุนชางชะงักเล็กน้อย มองดูจิ้งอ๋องเดินออกจากห้องชั้นในไป นางจึงยิ้มอย่างขมขื่น ก้มหน้าแล้วพลิกอ่านหนังสือ จิ้งอ๋องพูดถูก นางไม่ต้องการให้จิ้งอ๋องกลับไปหาบรรพบุรุษ ไปเป็นองค์ชายแคว้นเซี่ย หากว่าส่วนลึกในใจของนางคิดเช่นนี้ ฉะนั้นสิ่งที่กล่าวไปเมื่อสักครู่นั้นก็ไม่มีประโยชน์เสียจริง

เนื่องจากหยุนชางสลบไปนาน เรื่องอภิเษกสมรสนั้นจิ้งอ๋องจึงตัดสินใจเองทั้งหมด ในพระราชวังนั้นฮองเฮาเป็นคนจัดการ ทุกอย่างก็ราบรื่นดี

เพียงแต่ว่าร่างกายของหยุนชางยังไม่ค่อยดีนัก หากบาดเจ็บที่กระดูกต้องพักผ่อนร้อยวัน แต่โชคดีที่นางไม่ได้บาดเจ็บที่เท้า ก็ยังสามารถลุกขึ้นยืนและเดินช้าๆได้บ้างเล็กน้อย แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่ท้อง นางจึงลำบากเล็กน้อย

เช้าตรู่ของวันอันเป็นมงคล หยุนชางถูกปลุกขึ้นมา หยุนชางลืมตา ก็พบเห็นฉินยีที่ไม่ได้อยู่ข้างตนเป็นเวลานานก็มาแล้วเช่นกัน หยุนชางส่งยิ้มให้ฉินยี "สองสามวันนี้ที่พระราชวังเป็นอย่างไรบ้าง?"

ฉินยีพยักหน้าและกล่าวว่า "ปกติดีเพคะ" ขณะที่พูดนางก็หยิบชุดอภิเษกมา และสวมให้หยุนชางทีละชั้น "วันนี้องค์หญิงอภิเษกสมรส เดิมทีนายหญิงเป็นเพียงนางสนม จึงไม่สามารถมาด้วยตนเองได้ แต่ทว่าฝ่าบาททรงออกพระราชโองการ เห็นแก่ที่นายหญิงนั้นทรงตั้งครรภ์ จึงอนุญาตให้มาร่วมพิธีได้ อีกไม่นานนายหญิงคงมาพร้อมฝ่าบาทกระมั้งเพคะ ส่วนองค์หญิงนั้น จะต้องรอพระราชินีทรงทำผมให้เพคะ"

หยุนชางพยักหน้า แต่ก็กังวลเล็กน้อย "พระวรกายของเสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้างหรือ? ตอนนี้เสด็จแม่คงหนักตัวอย่างมาก ไม่ทราบเช่นกันว่าเสด็จแม่จะรับความลำบากเช่นนี้ไหวหรือไม่………"

ฉินยีอมยิ้มเล็กน้อย "องค์หญิงวางใจได้เลยเพคะ มีเจิ้งมามาคอยอยู่ข้างๆ นายหญิง เจิ้งมามาต้องดูแลพระวรกายของนายหญิงให้ดีและจะไม่ให้เกิดเรื่องกระไรอย่างแน่นอนเพคะ"

หยุนชางตอบรับ แล้วได้ยินเสียงถวายบังคมดังมาจากด้านนอก "พระราชินีทรงพระเจริญพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางหันหน้ามองไปทางประตู และเห็นฮองเฮาสวมชุดเก้าฟีนิกซ์เดินเข้ามา มีจิ่นเฟยตามหลังมา หยุนชางยิ้มออกมาทันทีและมองไปที่จิ่นเฟย เห็นว่าท้องของนางใหญ่มาแล้ว หยุนชางก็ตกตะลึงเช่นกัน และอยากถอยให้จิ่นเฟยนั่งลง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าฮองเฮายังอยู่ ฉะนั้นจึงนั่งลงอย่างดีแล้วถวายบังคมต่อฮองเฮาและจิ่นเฟย

ฮองเฮาอมยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า "ชางเอ๋อร์นั้นโตเป็นสาวแล้วเสียจริง เวลาไปผ่านไปไม่นานก็จะอภิเษกสมรสแล้ว มาเถอะ ให้เสด็จแม่แปรงผมให้ชางเอ๋อร์นะ"

ในใจหยุนชางต้องการให้จิ่นเฟยแปรงให้ แต่ก็ทราบดีว่าฮองเฮาคือคนที่มีนามว่าเสด็จแม่ของนางอย่างทางการ นางจึงทนความไม่พอใจนี้ไว้ในใจ ยิ้มและตอบว่า "ขอบพระคุณเสด็จแม่เพคะ"

ฮองเฮารับหวีมา ยิ้มและแปรงผมให้หยุนชางอย่างสบาย ๆ พร้อมบทกวีมงคลของที่มามาร้อง จากนั้นก็ส่งหวีให้มามา มามาก็เร่งเกล้าผมเป็นผมเจ้าสาวให้หยุนชางแล้วเริ่มทรงพระสำอาง

"องค์หญิงช่างเป็นหญิงงามที่มิอาจมีใครบนโลกนี้เทียบได้เสียจริง มิน่าแปลกใจที่แม้แต่จิ้งอ๋องก็ยังหลงใหลในตัวท่าน ตอนที่ไม่ทรงพระสำอางก็งามอย่างยิ่งแล้ว และเมื่อทรงพระสำอางขึ้นมา ทั้งแคว้นหนิงนี้คงมิอาจมีใครเทียบเท่าได้" ซีมามายิ้มและกล่าวชมเชย หยุนชางฟังพร้อมอมยิ้มเม้มปาก

หลังจากทรงพระสำอางทำผมเรียบร้อยแล้ว ซีมามาก็ยื่นแอปเปิลให้หยุนชางและบอกให้นางถือไว้ให้ดี

หยุนชางเงยหน้ามองไปที่จิ่นเฟยที่มองตนอย่างเงียบๆ นางอมยิ้มแล้วก้มหน้าลง จากนั้นมีเป็นฮองเฮาที่นำผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวมาคลุมให้หยุนชาง

นัยน์ตาเต็มไปด้วยสีแดงรื่นเริง หยุนชางตะลึงเล็กน้อย และทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า ชาติที่แล้วเมื่อตนอภิเษกสมรส ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ตนก็นั่งด้วยความตื่นเต้นและคาดหวังเล็กน้อย นึกถึงชีวิตที่สวยงามหลังอภิเษกสมรส แต่ไม่คาดคิดว่าชีวิตหลังจากนั้นกลับแตกต่างจากที่ตนคิดไว้โดยสิ้นเชิง

ชาตินี้ นางไม่ได้คาดหวังเรื่องอภิเษกสมรสมากเท่าไหร่นัก และการสมรสครั้งนี้ก็เกิดขึ้นอย่างมีจุดมุ่งหมาย เดิมทีนางคิดว่านางจะนิ่งเฉยอยู่ได้ตลอดเวลา แต่เมื่อเห็นภาพที่เต็มไปด้วยสีแดงที่รื่นเริงนี้แล้ว หัวใจของตนก็เต้นขึ้นมาอย่างแรงโดยไม่รู้ตัว

ผู้ชายกลัวที่จะเลือกงานผิด และผู้หญิงนั้นกลัวที่จะเลือกสามีผิด การอภิเษกครั้งนี้เท่ากับเลือกไปทั้งชีวิต อนาคตที่ตนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้นางรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

ทันใดนั้นก็มีมือมาจับมือนางไว้เบาๆ หยุนชางตกตะลึง นางก้มหน้าลง พบว่ามือที่ตนวางบนขานั้นถูกมือหนึ่งข้างจับไว้ มือนั้นเรียวยาวและขาวโพลน อ่อนโยนอย่างสุดจะพรรณนา

"ชางเอ๋อร์กำลังกลัวหรือ?" เสียงที่อ่อนโยนของจิ่นเฟยดังมาจากข้างๆ นาง

หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้าเล็กน้อย

จิ่นเฟยหัวเราะเบา ๆ และพูดเบา ๆ ว่า " ชางเอ๋อร์เป็นคนฉลาด แม่นั้นเป็นผู้แพ้ด้านความสัมพันธ์ จึงไม่สามารถสอนอะไรชางเอ๋อร์ได้ เพียงแต่ว่า ชางเอ๋อร์ต้องทราบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดระหว่างสามีภรรยาไม่ใช่ความรู้สึก แต่คือความเชื่อใจ" จิ่นเฟยถอนหายใจเบา ๆ "จิ้งอ๋องเป็นเด็กที่เสด็จแม่เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ เขาเป็นคนที่ดี ในเมื่อเจ้าอภิเษกสมรสกับเขา ฉะนั้นก็ใช้ชีวิตกับเขาให้ดีๆ พวกเจ้าเกื้อหนุนกัน รักกัน นี่คือสิ่งที่แม่อยากเห็นมากที่สุด"

หยุนชางก้มหน้าลงและตอบเบา ๆ "ชางเอ๋อร์เข้าใจเพคะ"

จิ่นเฟยพยักหน้า น้ำตาคลอที่ดวงตาของนาง "เจ้าต้องเข้าวังไปน้อมลาเสด็จพ่อ จิ้งอ๋องกำลังรอเจ้าอยู่ ไปเถอะ"

หยุนชางยืนขึ้นและกล่าวเบา ๆ "เสด็จแม่เพคะ ชางเอ๋อร์ก็หวังว่าเสด็จแม่จะมีความสุขเพคะ" หลังจากพูดจบ นางก็วางมือไว้ในมือของซีมามา และซีมามาก็พยุงนางออกจากจวนไป

หลังจากออกไป มือที่หยาบกร้านก็จับมือหยุนชางจากอีกด้านหนึ่งของซีมามา หยุนชางหยุดชะงัก จากนั้นก็มีกลิ่นหอมอำพันทะเลจางๆ ลอยมา หยุนชางอมยิ้ม จิ้งอ๋องนี่เอง

"ถึงเวลาอันเป็นมงคล ยกเกี้ยว" หยุนชางก้าวเข้าไปในเกี้ยว จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องประสานเสียงดังขึ้น เกี้ยวสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็ยกขึ้นอย่างมั่นคง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+