ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 142 กลับพระราชวังไปพร้อมกัน

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 142 กลับพระราชวังไปพร้อมกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ้งอ๋องทิ้งม้าไว้และพยายามจะเดินทางด้วยเกวียนม้ากับหยุนชาง หยุนชางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสั่งให้ฉินยีและเฉี่ยนอินไปตามหาเกวียนม้าเพื่อกลับวังด้วยตนเอง

ในเกวียนม้านั้นเหลือเพียงหยุนชางและจิ้งอ๋องเท่านั้น จิ้งอ๋องจับจ้องไปที่ใบหน้าของหยุนชางและนานจึงกล่าวว่า "ซิ่วซินมีศิลปะการต่อสู้ที่พอใช้ได้นั้นเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อสักครู่ตอนที่อยู่ในจวนท่านอ๋อง แม้แต่องครักษ์ลับของจวนท่านอ๋องก็ตามนางไม่ทัน นั่นไม่ใช่คนที่มีศิลปะการต่อสู้เพียงเล็กน้อยเช่นนี้จะทำได้อย่างแน่นอน"

หยุนชางได้ยินเช่นนี้ ก็ยังคงนิ่งเฉย มิได้สนใจอันใด "เสด็จลุงตรัสกับหยุนชางหรือเจ้าคะ? ซิ่วซินกูกูมีความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้งั้นหรือเจ้าคะ?" หยุนชางถามด้วยเสียงเบา แล้วขมวดคิ้วอีกครั้ง พร้อมพูดอย่างลังเล "ชางเอ๋อร์ไม่ค่อยได้อยู่ในพระราชวัง ไม่ทราบเรื่องที่ซิ่วซินกูกูมีความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้เจ้าค่ะ"

สิ่งที่นางพูดมิได้มีผลต่อจิ้งอ๋องแต่อย่างใด "ข้าจะไม่พูดจาอ้อมค้อม ซิ่วซินที่ปรากฏตัวในจวนท่านอ๋องเมื่อสักครู่นี้ เป็นแผนของเจ้าใช่หรือไม่? รูปร่างนางดูคล้ายกับแม่นางเฉียนเฉี่ยนอยู่บ้างเล็กน้อย"

หยุนชางยิ้มไม่ออก จึงกล่าวว่า "จริงหรือเจ้าคะ? สายตาของเสด็จลุงช่างแหลมคมเหลือเกินเจ้าค่ะ"

จิ้งอ๋องมิได้พูดอันใดต่อ เพียงแค่ลืมตาขึ้นและมองไปที่นาง จ้องมองจนหยุนชางรู้สึกร้อนตัว นางทราบดีว่าเขามิได้คิดร้ายอันใด มิเช่นนั้นเขาคงจะพูดเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อตอนอยู่ที่จวนท่านอ๋องแล้ว แต่เขากลับมาถามตนเป็นการส่วนตัวบนเกวียนม้านี้ เมื่อคิดเช่นนี้ นางจึงถอนหายใจออกมาพร้อมกล่าว " ทักษะที่ดีที่สุดของเฉียนเฉี่ยนมิใช่ศิลปะการต่อสู้ แต่เป็นศิลปะการปลอมตัวเจ้าค่ะ"

เมื่อพูดเช่นนี้จิ้งอ๋องจึงดูพอใจขึ้นมา เขาพยักหน้าและกล่าวว่า " คนที่มีความสามารถที่อยู่รอบตัวเจ้านั้นไม่น้อยเลยนะ" เขามิได้แสดงท่าทีว่าจะถามเรื่องนี้ต่อ หยุนชางจึงโล่งใจทันที

ครานี้แม้จะโล่งใจ แต่กลับไม่รู้จะสนทนาเรื่องใด ทันใดนั้นบรรยากาศก็ดูแปลกไป หยุนชางไอออกเสียงเบาๆ นึกถึงสิ่งที่จักรพรรดิหนิงทรงตรัสเมื่อวันก่อน จึงกล่าวว่า "ชางเอ๋อร์เตรียมจะส่งเสด็จแม่ไปที่ตำหนักนอกวังของเมืองเฟิ่งไหลเพื่อรักษาตัว เสด็จพ่อทรงตรัสว่า จะให้เสด็จอาไปตรวจดูความเรียบร้อย อีกไม่กี่วันก็จะเดินทางแล้วเจ้าค่ะ มิทราบว่าเสด็จอาเตรียมการเรียบร้อยหรือยังเจ้าคะ?"

จิ้งอ๋องพยักหน้า " เจ้าวางใจกับงานที่ข้าทำได้อย่างแน่นอน เพียงแค่เมื่อถึงเวลาเดินทางของจื่นเฟย จะต้องระมัดระวังอย่างมาก อย่าให้คนอื่นเห็นข้อบกพร่อง มิฉะนั้นอาจเกิดเรื่องขึ้น"

หยุนชางตอบกลับ และได้ยินจิ้งอ๋องพูดขึ้นอีกครั้งว่า " วิธีที่ปกปิดร่างกายของจิ่นเฟยนั้นมิใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่ หากว่าฮองเฮาหาข้อแก้ตัวมาได้ และใส่ร้ายว่าจื่นเฟยตั้งครรภ์เพราะมีชู้ที่ตำหนักนอก แต่ไม่ยอมรับความจริง เช่นนี้คงได้ไม่คุ้มเสีย"

หยุนชางตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ เรื่องนี้ตนมิได้พิจารณามาอย่างถี่ถ้วน แม้ว่าตอนนี้จิ่นเฟยจะมีอายุครรภ์สามสี่เดือนแล้ว แต่หากนางมีเจตนาเช่นนี้จริง ก็สามารถสร้างเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ หยุนชาง พยักหน้าและพูดว่า "ข้ามิได้ตระหนักถึงเรื่องนี้เจ้าค่ะ ขอบพระทัยเสด็จอาอย่างมากเจ้าค่ะ เมื่อกลับไปแล้วชางเอ๋อร์จะเตรียมการให้เรียบร้อยเจ้าค่ะ"

จิ้งอ๋องพยักหน้าแล้วหลับตาพักผ่อน

หยุนชางครุ่นคิดเรื่องของจิ่นเฟย และคิดไว้ว่าอีกประเดี๋ยวจะต้องประพฤติตนให้ดี เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาด นางคิดเรื่องต่างๆ มาตลอดทาง และสุดท้ายก็มาถึงที่หมาย

ทันทีที่เขาเข้าไปในพระราชวัง ซุ่นชิ่งอ๋องยื่นคำร้องไป หลังจากนั้นไม่นานจักรพรรดิหนิงทรงสั่งการให้ขันทีอัญเชิญซุ่นชิ่งอ๋อง หยุนชางต้องติดตามเข้าไปเช่นกัน แต่จิ้งอ๋องกลับดึงที่แขนเสื้อของนาง หยุนชางตกตะลึงและหยุดชะงักมิได้ตามท่านเข้าไป

"ถึงอย่างไรพระชายาจวิ้นอ๋องถือเป็นคนของจวนท่านอ๋อง หากพูดให้ถูกต้อง นี่เป็นเรื่องภายในตระกูล เจ้าเข้าไปในเพลานี้ คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ รออีกสักประเดี๋ยวเดียว ฝ่าบาทจะเรียกตัวพวกเราอย่างแน่นอน" จิ้งอ๋องเห็นความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตาของหยุนชาง จึงอธิบายออกมาให้นางได้รับทราบ

หยุนชางผงะและพยักหน้า นางตำหนิตัวเองในใจที่ตนนั้นไม่รู้กาลเทศะ ต่อไปหากทำการอันใดคงต้องระมัดระวังมากขึ้น

จิ้งอ๋องเห็นนางเป็นเช่นนี้ ก็ทราบว่าตอนนี้นางคงกลัวไม่ต่างจากตนมากนัก จึงกล่าวอีกครั้งว่า "เจ้าจัดการเรื่องซิ่วซินเรียบร้อยหรือยัง? ซิ่วซินตัวจริงไปไหนแล้ว?"

แสงเย็นชาวาบขึ้นในดวงตาของหยุนชาง "แน่นอนว่าซ่อนตัวอยู่ที่ซ่อนดีๆ ข้าได้ป้อนยาบางอย่างให้นางกิน แน่นอนว่าเดี๋ยวนางจะพูดในสิ่งที่ข้าอยากให้นางพูด"

หากมิใช่เพราะพระราชินีให้ความสำคัญแก่ซิ่วซินอย่างมาก หากว่าซิ่วซินเกิดเรื่องอย่างกะทันหันเช่นนี้ ฮองเฮาจะกล่าวหาอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงมิได้ฆ่าซิ่วซิน แต่หากพระชายาจวิ้นชี้ตัวแล้ว อีกทั้งซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายาซุ่นชิ่งอ๋องได้พบเห็นด้วยตาของตน และเสริมด้วยคำให้การของตนและจิ้งอ๋อง ไม่ว่าราชินีจะทำเช่นไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์นี้ไปได้

จักรพรรดิหนิงคงจะไม่มีปัญหากับซุ่นชิ่งอ๋องเพียงเพราะนางกำนัลผู้เดียวหรอก หากไม่สามารถเอาชีวิตของฮองเฮามาได้ แต่ได้เอาคนของนางไปสักคนก็เพียงพอแล้ว

เป็นไปดั่งที่คิดเสียจริง ไม่นานจักรพรรดิหนิงก็สั่งหัวหน้าเจิ้งออกมาเชิญนางและจิ้งอ๋องเข้าไป หลังจากที่เข้าไปในตำหนักฉินเจิ้ง หัวหน้าเจิ้งมิได้เข้ามาพร้อมกัน แต่กลับหันหลังเดินจากไป หยุนชางจึงทราบว่า ท่านคงจะไปตามฮองเฮาอย่างแน่นอน

สีหน้าของจักรพรรดิเยือกเย็นราวกับว่าท่านกำลังพยายามระงับความโกรธไม่ให้ระเบิดออกมา หยุนชางเห็นว่าซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายาซุ่นชิ่งคุกเข่าลงกับพื้นทั้งคู่ ส่วนด้านหลังคือพระชายาจวิ้นอ๋องที่หน้าขาวซีด หยุนชางรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม แล้วหลั่งน้ำตาและคุกเข่าลงกับพื้น "เสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันเป็นเหตุทำให้เกิดเหตุร้ายกับซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายาซุ่นชิ่งเพคะ หม่อมฉันทำให้ใต้เท้าหวูและลูกสาวของท่านต้องเสียชีวิต ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดหม่อมฉันเพคะ…"

เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินหยุนชางพูดด้วยเสียงที่สะอื้น จึงลืมตาขึ้น และเห็นว่าดวงตาของหยุนชางแดงก่ำ ทรงพระกันแสงอย่างหนัก ทำให้พระองค์ทรงชังหลี่อี้หรานมากยิ่งขึ้น ด้วยตำแหน่งพระมารดาแผ่นดินของนาง จักรพรรดิหนิงทรงคาดหวังว่าหลี่อี้หรานจะใจกว้างอยู่บ้าง แต่ไม่คาดคิด ว่านางคิดวิธีการที่ชั่วช้าเช่นนี้ออกมา เพราะไม่สามารถลงมือในวังได้ ไม่เพียงแต่คิดอยากทำร้ายหยุนชาง อีกทั้งยังคิดอยากจะใส่ร้ายให้หยุนชางเป็นฆาตกร เพื่อถูกปวงประชาวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คนที่นางคิดอยากจะลอบปลงพระชนม์นั้นคือซุ่นชิ่งอ๋อง

จักรพรรดิหนิงถอนหายใจเล็กน้อย แววตาของพระองค์ทรงอ่อนโยนลงเมื่อมองไปที่หยุนชาง "ไม่เป็นกระไรหรอก เจ้ามิต้องกลัว เจ้ากล่าวเรื่องวันนี้มาให้ละเอียดถี่ถ้วนก็พอ"

หยุนชางพยักหน้าและกล่าวว่า " หม่อมฉันจำได้ว่า เหมือนว่าจะเป็นเช้าวันที่สามในวันปีใหม่ของปฏิทินจันทรคติ หม่อมฉันได้ไปน้อมถวายบังคมเสด็จแม่ หลังจากนั้นเสด็จแม่ก็ขอให้หม่อมฉันอยู่ก่อน และทรงตรัสว่า อีกสองสามวันก็ถึงงานวันประสูติของพระชายาซุ่นชิ่งแล้ว อยากให้หม่อมฉันไปร่วมงานจะได้สนิทสนมกับพระชายาซุ่นชิ่งมากขึ้น และก็กลัวว่าจะหม่อมฉันจะไม่มีสิ่งของอันใดให้ท่าน จึงได้มอบหยกลูกท้อมงคลมรกตนั้นให้หม่อมฉันเพคะ หม่อมฉันรู้สึกขอบคุณจึงตอบรับเสด็จแม่ วันนี้หม่อมฉันจึงไปที่จวนท่านอ๋องและมอบลูกท้อมงคลมรกตนี้ให้ท่าน เมื่อตอนเริ่มงาน ใต้เท้าหวูฉีก็เดินมากล่าวกับหม่อมฉันว่าลูกพีชมงคลมรกตนั้นมีความหมายที่ดี จึงขอให้พระชายานำมาให้ตนได้ชม พระชายาจึงสั่งให้คนไปนำลูกพีชมงคลนั้นมา แต่ลูกพีชนั้นกลับมีรอยแดงปรากฏขึ้น ใต้เท้าหวูฉีกล่าวว่านี่เป็นลางสังหรณ์ที่ไม่เป็นมงคล ชางเอ๋อร์รู้สึกเป็นกังวล จึงคาดว่าต้องมีใครสักคน ได้สลับลูกพีชมงคลนี้ไป จึงขอให้ซุ่นชิ่งอ๋องทรงตรวจสอบ เพราะเกรงว่าเรื่องนี้จะทำให้เสด็จแม่เสียชื่อเสียง ว่าเสด็จแม่ทรงมอบของไม่ดีให้กับจวนซุ่นชิ่งอ๋องเพคะ"

หยุนชางสะอื้นไปสองที จึงกล่าวต่อว่า "แต่ว่ายังไม่ทันกระไร ก็ได้ข่าวว่าใต้เท้าหวูทรงถึงแก่อนิจกรรม หมอหลวงมาตรวจก็พบว่าพิษที่ใต้เท้าหวูฉีต้องนั้นเหมือนกันกับพิษที่อยู่บนลูกท้อมงคลเพคะ หม่อมฉันตกตะลึงอย่างมาก และได้ยินว่ามีนางกำนัลเสียชีวิตอีกหนึ่งคน หมอหลวงไปตรวจสอบและให้การว่า พิษที่นางกำนัลต้องนั้นมีความคล้ายคลึงกับพิษในตัวของใต้เท้าหวูฉี อีกทั้'ยาพิษนั้นอยู่ในถุงหอมของทั้งคู่ ถุงหอมของทั้งคู่เป็นเหมือนกัน ท่านอ๋องได้ส่งคนไปตรวจสอบหามือสังหาร หม่อมฉันก็เดินเล่นไปกับพระชายา แล้วพบว่าซิ่วซินกูกูเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ หม่อมฉันกำลังสงสัย ทันใดนั้นองครักษ์ลับของจวนท่านอ๋องก็มาทูลว่าซิ่วซินกูกูกำลังไปที่ตำหนักของพระชายาจวิ้นอ๋อง พวกเราจึงตามนางไป และได้ยินว่า………." ขณะที่พูดก็ทรงพระกันแสงขึ้นมา

เมื่อสักครู่นี้จักรพรรดิหนิงได้ฟังซุ่นชิ่งอ๋องกล่าวแล้ว และพอทราบเรื่องราวมาบ้าง และเมื่อเอาสิ่งที่เขาพูดมาประกอบกับสิ่งที่หยุนชางพูด มันสอดคล้องกันโดยสิ้นเชิง พระองค์ทรงพระพิโรธอย่างมากโกรธ ท่านโยนถ้วยชาในมือและทรงตรัสอย่างโกรธเคือง "สารเลว!"

ประตูวังเปิดออก คนที่เดินเข้ามาดูตกใจจึงกล่าวว่า "ฝ่าบาททรงเป็นกระไรเพคะ? ใครทำให้ฝ่าบาททรงพิโรธอีกแล้วเพคะ" น้ำเสียงอ่อนโยนเช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นพระราชินี

จักรพรรดิหนิงทำเสียง หึ อย่างเย็นชา "สิ่งที่เจ้าทำไงล่ะ! ช่างดีเหลือ เจิ้นได้อภิเษกกับพระราชินีที่แสนดีจริงๆ!"

เช่นนี้ราชินีจึงทราบว่า อารมณ์โกรธเคืองของจักรพรรดิหนิงนั้นเป็นเพราะนาง จากนั้นนางก็มองไปที่ผู้คนที่อยู่ในตำหนัก จึงขมวดคิ้วขึ้น และมีแสงประกายวาบผ่านดวงตาของนาง ทุกคนอยู่ครบกันหมด หรือว่าซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายามาเข้าเฝ้าจักรพรรดิหนิงเพื่อทูลเรื่ององค์หญิงฮุ่ยกั๋ว? แล้วเหตุใดจึงโกรธเคืองตนเล่า แม้ว่าจะมีความสงสัยอยู่ในใจ แต่ก็ต้องยอมรับ "มิทราบว่าหม่อมฉันได้ทำการอันใดให้ฝ่าบาททรงพิโรธเช่นนี้หรือเพคะ? ชางเอ๋อร์ไปอวยพรให้พระชายาแล้วมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดจึงอยู่ที่นี่ได้? ซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายาซุ่นชิ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย หรือว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ? หากว่าชางเอ๋อร์ได้ทำการอันใดที่ทำให้ซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายาซุ่นชิ่งทรงโกรธเคือง ข้าที่เป็นพระมารดาของนางก็ขออภัยแทนนางด้วยขอรับ และหวังว่าทั้งสองจะไม่ถือสานะเพคะ"

หลังจากพูดจบ ถ้อยคำนั้นยืนยันว่าหยุนชางต้องทำอะไรบางอย่างแน่นอน และนางยังแสร้งทำเป็นว่าเป็นคนใจกว้างเลือกที่จะขอประทานโทษ หยุนชางยิ้มเยาะเย้ยในใจ ไม่รู้ว่าอีกสักครู่นางจะยังหัวเราะต่อได้หรือไม่?

"ฮองเฮามาที่นี่ตัวคนเดียวหรือ เหตุใดจึงไม่พบซิ่วซินติดตามมาด้วย" จักรพรรดิหนิงเงยหน้าขึ้น มองด้วยสายตาคมกริบ

ฮองเฮารู้สึกอึดอัดในใจ จึงตอบไปว่า " ซิ่วซินไม่สบาย หม่อมฉันกลัวว่านางจะทำให้ฝ่าบาททรงเจ็บไข้ไปด้วย จึงได้ปล่อยให้นางพักผ่อนอยู่ในวังซีอู๋เพคะ"

ทันทีที่กล่าวจบ ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออก "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ นำตัวซิ่วซินมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด