ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 84 งานเลี้ยง ณ วังจิ่นซิ่ว (สอง)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 84 งานเลี้ยง ณ วังจิ่นซิ่ว (สอง) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงอย่างช้าๆ หยุนชางพาฉินยีและเฉี่ยนอินเดินตรงไปทางวังจิ่นซิ่ว เมื่อไปถึงหน้าประตูวังจิ่นซิ่ว หยุนชางพบว่าวังแห่งนี้ที่ว่างมาหลายปีนี้ กลับใกล้ตำหนักฉินเจิ้งมากที่สุด แน่นอนว่าหยุนชางรู้ดีวังจิ่นซิ่วนี้เป็นวังเดิมของจิ่นเฟย นางถอนหายใจในใจ กำลังจะเดินเข้าไป แล้วก็พบเงาร่างสีม่วงเดินมาจากระยะไกลๆ

ฝีเท้าของหยุนชางหยุดชะงัก นางยืนอยู่บนขั้นบันไดและมองดูเงาร่างสีม่วงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นางจึงเอ่ยปากทักทาย "เสด็จลุงเจ้าคะ"

จิ้งอ๋องพยักหน้า แววตาของเขาหยุดที่หยุนชางครู่หนึ่ง "สวยดี" หลังจากพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในวังจิ่นซิ่วอย่างมุ่งมั่น

หยุนชางตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่า เขาน่าจะกำลังพูดถึงเสื้อคลุมที่นางใส่อยู่ ฉินยีกล่าวว่าขนจิ้งจอกขาวนี้เขาเป็นคนอุทิศให้กับเสด็จพ่อของตน

หยุนชางรู้สึกร้อนๆ บนใบหน้า นางจึงก้มหน้าและเดินเข้าวังจิ่นซิ่วไป เมื่อเข้าไปด้านในก็ได้ยินนางสนมพูดคุยกันว่า "วังจิ่นซิ่วนี่สวยงามมากเลยนะ ข้ามองดูแล้วสวยไม่น้อยกว่าวังซีอู๋ของฮองเฮาเหนียงเหนียงเลย"

"ใช่แล้ว อีกอย่าง ใกล้กับตำหนักฉินเจิ้งของฮ่องเต้เสียด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่านางสนมผู้นั้นต้องได้รับความโปรดปรานเพียงใด ถึงจะอาศัยในวังนี้"

หยุนชางยืนฟังอยู่กับที่ นานมากกว่าจะรู้สึกตัวว่ามีคนอยู่ข้างๆ นาง นางหันไปก็พบใบหน้าที่งดงามของจิ่นเฟย นางมองเห็นความครุ่นคิดที่ปรากฏระหว่างคิ้วของนาง หยุนชางกระซิบเบาๆ ว่า " เสด็จแม่" จากนั้นก็รู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องมาที่ตนและจิ่นเฟยเยอะมาก

"งานเลี้ยงในวันนี้ ดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษเลยนะ" จิ่นเฟยก้มหน้าลง เสียงของนางต่ำมากจนมีเพียงหยุนชางที่ยืนอยู่ข้างๆ นางเท่านั้นที่จะได้ยิน หลังจากพูดเช่นนี้ไป จิ่นเฟยก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของตำหนักพร้อมกับเจิ้งมามา

"บ่าวขอคารวะนายหญิงเจ้าค่ะ นายหญิงทุกท่านโปรดอย่ายืนรออยู่ด้านนอกเลยเจ้าค่ะ วันนี้อากาศหนาวเย็น เชิญด้านในเลยเจ้าค่ะ" มามาบ่าวใช้ข้างกายของซู่เฟยออกมาคารวะและกล่าวเช่นนี้อย่างเสียงดัง

ผู้คนที่ยืนอยู่ด้านนอกต่างก็เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ มีโต๊ะวางอยู่ทั้งสองข้างของห้องโถงใหญ่ แต่ว่า มองจากเสาที่ฝังด้วยหยกที่งดงามและพื้นของห้องโถงใหญ่ ก็สามารถเห็นความรุ่งเรืองเดิมของวังนี้ได้

หยุนชางเลือกนั่งลงที่นั่งที่สองทางด้านซ้าย ทันทีที่นางนั่งลง ก็เห็นว่าจิ้งอ๋องมานั่งอยู่ตรงข้ามนาง

ทุกคนเพิ่งจะนั่งลง ฮองเฮาก็เดินเข้ามาทันที ท่านสวมเสื้อคลุมฟีนิกซ์สีแดงขนาดใหญ่ พร้อมปิ่นปักผมนกฟีนิกซ์บนศีรษะ และมีรอยยิ้มที่งดงามอยู่บนใบหน้า

หยุนชางมองดูเครื่องแต่งกายของนาง แล้วยิ้มมุมปากขึ้นมา นี่เป็นเพียงแค่งานเลี้ยงเล็กๆ ธรรมดา ชุดของฮองเฮานั้นยิ่งใหญ่เกินไป น่าจะเป็นเพราะนี่เป็นงานเลี้ยงที่ซู่เฟยจัดขึ้น ดังนั้น นางจึงวางมาดสักหน่อย

โดยปกติแล้ว ในวังหลังนี้ คนเดียวที่มีอำนาจจัดงานเลี้ยงคือฮองเฮา คราวนี้ จักรพรรดิหนิงกลับมอบอำนาจนี้ให้ซู่เฟย สันนิษฐานว่าคงมีหลายคนที่ไปประจบนางเพราะเหตุนี้ ฮองเฮาทำเช่นนี้ ก็เพื่อจะบอกนางสนมเหล่านี้ คนที่มีอำนาจสูงสุดในวังหลังแห่งนี้ยังคงเป็นตน หลี่อี้หราน

"ฮองเฮาทรงพระเจริญ….…" ฮองเฮาเดินไปที่ที่นั่งหลัก หันกลับมา ทุกคนรีบคุกเข่าลงและคารวะนาง ฮองเฮาทรงทอดพระเนตรผู้คนในห้องโถงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า " อย่าได้พิธีรีตองเลย มันเป็นแค่งานเลี้ยงเล็กๆ เท่านั้น มิต้องเข้มงวดเรื่องกฎกันเกินไป"

ทุกคนยืนขึ้นแล้วนั่งลง ซู่เฟยนั่งคนแรกของฝั่งซ้าย นางเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองชุดของฮองเฮา ยิ้มแล้วพูดว่า "วันนี้ฮองเฮาเหนียงเหนียงช่างสวยงามเหลือเกินเจ้าค่ะ หม่อมคิดว่าฮองเฮาจะใส่ชุดนี้เฉพาะงานเลี้ยงสำคัญๆ เท่านั้น ไม่คาดคิดว่าหม่อมจะได้มีโอกาสเห็นในงานเลี้ยงเล็กๆ ที่หม่อมฉันเป็นคนจัดขึ้น ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่งเจ้าค่ะ หม่อมฉันรู้สึกตื้นตันใจจริงๆ เจ้าค่ะ"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และกวาดตามองไปที่จิ้งอ๋องที่นั่งอยู่ตรงข้าม กลับเห็นว่าเขากำลังมองไปที่แก้วเหล้าในมือ ราวกับว่าตนไม่เกี่ยวข้องอะไร สมกับที่เป็นคนของจิ้งอ๋องจริงๆ แม้ว่าปกติจะดูอ่อนโยนและอ่อนแอไม่มีทางสู้ แต่ไหวพริบเร็วใช้ได้เลย คนที่มีสายตาที่เฉียบแหลมจะรู้ดีว่า ฮองเฮากำลังวางมาดใส่นาง แต่นางสามารถขอบคุณฮองเฮาที่ให้เกียรตินางด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ราวกับว่าฮองเฮาให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงครั้งนี้อย่างมาก จึงได้แต่งกายอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ ฮองเฮายิ้มมุมปากและมองไปที่ซู่เฟย " ซู่เฟยพูดเช่นนี้เกรงใจกันมากเกินไปแล้ว เราทั้งคู่ต่างก็เป็นนางสนมในวังหลังแห่งนี้ ทั้งหมดที่เราทำก็เพื่อรับใช้ฮ่องเต้ ช่วงเวลาที่ข้าไม่ได้ตั้งท้องซู่เฟยก็ช่วยข้าไปหลายเรื่องเช่นกัน ตอนนี้ข้าร่างกายของข้าอยู่ในช่วงพิเศษ ฮ่องเต้ท่านเป็นห่วงข้า ไม่อยากให้ข้าต้องทำงานหนัก ต่อไปนี้ เกรงว่าต้องรบกวนซู่เฟยแล้วล่ะ"

ซู่เฟยกวาดสายตาไปที่ท้องล่างของฮองเฮาและยิ้ม "ฮองเฮาเหนียงเหนียงเกรงใจหม่อมฉันมากเกินไปแล้วเจ้าค่ะ มันเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันเจ้าค่ะ"

ฮองเฮายิ้มเล็กน้อย แววตาของนางหันไปมองทางจิ่นเฟยที่นั่งอยู่อีกด้าน นางพูดด้วยแววตาที่เป็นห่วงว่า " จิ่นเฟยเองก็กำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นให้ระวังอาหารการกินในงานเลี้ยงนี้ด้วย "หลังจากที่พูดจบ นางก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที "ทันทีที่ข้าเข้ามาในวังจิ่นซิ่วนี้ ข้าก็จำเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาได้มากมาย จำได้ว่าตอนนั้นในวังจิ่นซิ่วนี้ เป็นวังของจิ่นเฟย แม้ผ่านมานานแล้ว แต่ตอนนี้มองดูก็รู้สึกว่ายังคงหรูหราเช่นเดิม จิ่นเฟยมองดูแล้วมันเหมือนกับเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วหรือเปล่า"

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่จิ่นเฟยแต่จิ่นเฟยยิ้มเบา ๆ " เวลาผ่านไปนานแล้ว หม่อมฉันก็ลืมแล้วเจ้าค่ะ ตอนนั้นที่นี่เป็นอย่างไร พอมามองอีกทีตอนนี้ รู้สึกว่ายังคงงดงามเช่นเดิม เมื่อสักครู่หม่อมฉันยืนอยู่ที่หน้าประตูวังจึงได้พบว่า ที่นี่และตำหนักฉินเจิ้งของฮ่องเต้ถูกกั้นจากกันแค่สวนดอกไม้ มองจากไกลๆ ก็สามารถมองเห็นกันได้"

กลิ่นอายของยิ้มที่เย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาของฮองเฮา แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของนางกลับดูอบอุ่นเล็กน้อย " ใช่แล้ว น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว"

ทันทีที่พูดจบ ยังไม่ทันได้เห็นปฏิกิริยาของจิ่นเฟย เสียงที่สง่างามน่าเกรงขามก็ดังขึ้นจากประตูวัง "ถ้าหากซูจิ่นยังชอบที่แห่งนี้ พรุ่งนี้เจิ้นก็จะสั่งให้บ่าวมาทำความสะอาด เจ้าอยากย้ายเข้ามาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้"

ทุกคนรีบลุกขึ้นทำความเคารพ "ขอฮ่องเต้ทรงพระเจริญ"

จักรพรรดิหนิงเดินไปที่ที่นั่งหลักแล้วนั่งลง " นั่งได้"

หลังจากที่ทุกคนลุกขึ้นนั่งแล้ว จักรพรรดิหนิงก็พูดอีกครั้งว่า "เมื่อสักครู่ที่เจิ้นเดินทางมา เจิ้นยืนที่ประตูอยู่พักหนึ่ง และรู้สึกว่าดูเหมือนเจ้าจะอาศัยอยู่ที่นี่ตลอดเวลา หลังจากครุ่นคิดแล้ว เหตุผลที่เจิ้นไม่ปล่อยให้ใครมาอาศับในวังนี้ อาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของเจิ้นรู้สึกว่า เจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่เหมาะสมที่จะอาศัยอยู่ในวังจิ่นซิ่วนี้ ไม่มีเจ้าอยู่ที่นี่ เจิ้นเองก็ไม่กล้ามาที่วังจิ่นซิ่วเช่นกัน"

ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของฮองเฮาก็เปลี่ยนไป หยุนชางมองไปที่จิ่นเฟย กลับเห็นนางก้มหน้าลงเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของจิ่นเฟยดังขึ้น " เมื่อตอนนี้หม่อมฉันยังสาว หม่อมฉันชอบสถานที่หรูหราเช่นนี้ แต่ตอนนี้เวลาวัยสาวได้หายไปแล้ว หม่อมกลับชอบชีวิตที่เงียบสงบ มากกว่า วังจิ่นซิ่วนี้มีชีวิตชีวาเกินไปเจ้าค่ะ "

เมื่อฮองเฮาเห็นว่าฮ่องเต้โปรดปรานจิ่นเฟยเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว เมื่อเห็นจิ่นเฟยปฏิเสธ มันยิ่งเหมือนกับหนามที่ตำอยู่ลำคอ นางยิ้มและกล่าวว่า " ตอนนี้จิ่นเฟยอยู่ในวังซีอู๋ก็ดีนะเจ้าคะ เมื่อจิ่นเฟยให้กำเนิดบุตรแล้ว วังในพระราชวังนี้มาอยู่มากมาย จิ่นเฟยเลือกวังได้ตามใจชอบ ถึงอย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานจิ่นเฟย ฮ่องเต้คงไม่มีวันฝืนใจอย่างแน่นอน"

จักรพรรดิหนิงหันหน้ามองไปที่ฮองเฮาด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายเล็กน้อย "นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว"

ฮองเฮาตกตะลึง และใช้เวลานานกว่าจะรู้ตัว ว่าวังในพระราชวังแห่งนี้รวมถึงวังซีอู๋ของตนด้วย และฮ่องเต้หมายความว่า ถ้าหากจิ่นเฟยต้องการวังซีอู๋ของนาง ท่านก็จะให้เช่นกัน

ฮองเฮารู้สึกว่าความเยือกเย็นที่ออกมาจากสันหลังของตนนั้น ค่อยๆ กัดเซาะร่างกายของตนไปทีละนิ้ว ลึกเข้าไปในไขกระดูกของนาง

เมื่อซู่เฟยเห็นเช่นนี้ จึงยิ้มและยืนขึ้น "ฮองเต้เจ้าคะ ที่ผ่านมางานแสดงของงานเลี้ยงมักจะเป็นพวกร้องเล่นเต้นรำ วันนี้หม่อมอยากจะเล่นอะไรบางอย่างที่แปลกไปจากเดิมเจ้าค่ะ"

เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดิหนิงก็เลิกคิ้วขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "แปลกใหม่หรือ? ซู่เฟยลองว่ามาสิ"

"หม่อมฉันคิดว่า จะเล่นเกมโดยการตีกลองและส่งลูกบอลดอกไม้เจ้าค่ะ หม่อมฉันเตรียมลูกบอลดอกไม้ไว้แล้วเจ้าค่ะ และมือกลองจะหันหลังให้กับพวกเรา และเมื่อเริ่มตีกลอง เขาก็จะสามารถหยุดได้ตามที่ชอบ เมื่อกลองหยุดลง ลูกบอลดอกไม้หยุดไว้ที่มือใคร คนนั้นก็มาแสดงความสามารถพิเศษให้เราชมเจ้าค่ะ ฮ่องเต้มีความคิดเห็นอย่างไรเจ้าคะ?" ซู่เฟยพูดเบา ๆ

จักรพรรดิหนิงพยักหน้าและยิ้ม "ความคิดของซู่เฟยดีนะ น่าสนใจเลยทีเดียว"

"ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันเริ่มเลยนะเจ้าคะ และตอนนี้เรากำลังนั่งเป็นวงกลมพอดี ฮ่องเต้และฮองเฮาร่วมเล่นด้วยดีไหมเจ้าคะ จะได้สนุกกว่าเดิมเจ้าค่ะ"

ซู่เฟยกล่าวอีกครั้ง เหล่านางกำนัลย้ายโต๊ะสองแถวสุดท้ายให้เป็นวงกลม

จักรพรรดิหนิงพยักหน้า "ได้ เจิ้นและฮองเฮาจะเข้าร่วมด้วย"

"ลูกบอลดอกไม้อยู่ในมือของหม่อมฉัน ดังนั้นก็เริ่มต้นจากที่นี่แล้วกัน ทุกคนพร้อมแล้วนะเจ้าคะ" ซู่เฟยยกมือขึ้นตบเบา ๆ แล้วเสียงกลองก็ดังขึ้น ซู่เฟยก็รีบมอบลูกบอลดอกไม้ให้หยุนชาง หยุนชางชะงักอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่งต่อลูกบอลให้คนต่อไป

ลูกบอลหมุนรอบวงอย่างรวดเร็ว เสียงกลองหยุดลง และลูกบอลดอกไม้ก็ตกไปอยู่ในมือของผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดสีฟ้า ซู่เฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม " หลานกุ้ยปิงวันนี้ได้เปิดเกมแล้ว ไม่ทราบว่าหลานกุ้ยปิงจะแสดงความสามารถอะไรเจ้าคะ?"

หญิงชุดฟ้านั้นก็ไม่เขินอาย นางยิ้มและกล่าวว่า " หม่อมฉันไม่มีพรสวรรค์ที่สามารถเอามาแสดงได้เจ้าค่ะ เพียงแต่สามารถเล่นดนตรีได้สองสามเพลงเจ้าค่ะ แต่ก็ไม่ค่อยเก่งนัก แต่ในเมื่อหม่อมฉันได้เป็นคนแรก ก็จะพยายามเล่นแล้วกันเจ้าค่ะ หวังว่าทุกท่านจะไม่หัวเราะเยาะหม่อมฉันนะเจ้าคะ"

ทันทีที่หลานกุ้ยปิงพูดจบ ก็มีนางกำนัลรีบนำโต๊ะขิมมาวาง และวางขิมไว้พร้อม หลานกุ้ยปิงบรรเลงไปหนึ่งเพลง และเป็นอย่างที่นางพูด ไม่มีอะไรพิเศษ หลังจากที่หลายกุ้ยปิงบรรเลงจบ เสียงกลองก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ ลูกบอลดอกไม้ไปอยู่ในมือของฉินเมิ่ง

หยุนชางยิ้มเล็กน้อย ในแววตาของนางมีความเล่นสนุกเล็กน้อย นางมองไปที่ฉินเมิ่ง ดูเหมือนว่าฉินเมิ่งจะตื่นเต้นเล็กน้อย ตอนที่นางยืนขึ้นนางทำแก้วเหล้าบนโต๊ะล้มไปด้วย

ซู่เฟยเอามือบังปากและยิ้ม "ดูเหมือนว่าฉินเมิ่งจะตื่นเต้นเล็กน้อยนะเนี่ย ไม่รู้ว่าวันนี้ฉินเมิ่งจะแสดงความสามารถพิเศษอะไรให้เราได้รับชม?"

ฉินเมิ่งก้มหน้าลง ครุ่นคิดอยู่นาน จึงกล่าวว่า " หม่อมฉันเต้นรำดีกว่าค่ะ"

ซู่เฟยพยักหน้า " เอาล่ะ มีที่ว่างอยู่ตรงกลางนี้พอดี เจ้าเต้นที่นี่เลยดีกว่า แต่ว่าหากเต้นแต่ไม่มีดนตรีก็คงไม่รื่นเริง หม่อมฉันได้ข่าวว่าจิ้งอ๋องเป่าเสียวได้ดีเยี่ยม หรือว่าเราเชิญจิ้งอ๋องมาร่วมแสดงด้วย ช่วยเป่าสักเพลงได้หรือไม่เจ้าคะ?"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด