ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 31 งานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะ

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 31 งานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลิกคิ้วและพูดเบา ๆ ว่า "น่าสนใจดี! ข้าไม่ได้พบคนที่น่าสนใจเช่นนี้มานานแล้ว หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้ากลัวว่าข้าจะตกอยู่ในอันตราย พยายามแยกข้าออกจากกองกำลังขบวนใหญ่ ข้าเองก็คงไม่มีโอกาสได้เจอคนที่น่าสนใจเช่นนี้ นางคำนวณทุกอย่างได้ถูกต้องไม่มีข้อบกพร่อง แม้แต่ข้าเองก็กลายเป็นเครื่องมือของนาง ข้าหวังว่าจะมีโอกาสได้พบนางสักครั้ง หวังซุ่นหลาย เจ้ารู้หรือไหมว่าแม่หญิงผู้นี้คือใคร"

ชายนามว่าหวังซุ่นหลายส่ายหน้า "ข้าน้อยจะไปรู้ได้เยี่ยงไรขอรับ"

ชายที่สวมชุดสีเทายิ้มเล็กน้อย "แม้ว่าเกวียนม้าคันนี้จะดูธรรมดา แต่เกือกม้าของคนร่ำรวยธรรมดานั้นล้วนตอกด้วยเหล็กเกือบทั้งหมด แต่เกือกม้าเมื่อสักครู่นั้นตอกด้วยทองคำแท้ เท่าที่ข้าทราบมา มีแต่พระราชวังเท่านั้นที่นิยมทำเช่นนี้"

"คนของพระราชวังงั้นหรือ? " หวังซุ่นหลายทำตาโต แววตานั้นเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ในความคิดของเขา ผู้หญิงในวังแต่ละคนก็เหมือนกับนกคีรีบูน วันๆเอาแต่แข่งกันว่าเสื้อผ้าของใครดูดีกว่า ใครแต่งหน้าสวยกว่า ใครได้รับความโปรดปรานมากกว่า แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีคนที่จิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้อยู่ด้วย

จิ้งอ๋องหรี่ตาลง ตนไม่ทราบว่าหลายปีที่ตนไม่อยู่ จะมีคนเช่นนี้อยู่ในพระราชวังแห่งนี้

"ไปกันเถอะ เราควรรีบออกเดินทางแล้ว" จิ้งอ๋องยกมือมาที่ปากแล้วเป่าออกเสียง จากนั้นก็มีม้าสองตัววิ่งออกมา เขาทั้งสองโดดขึ้นหลังม้า แล้ววิ่งเข้าทางเล็กๆ ข้างทาง มุ่งหน้าไปทางพระราชวัง

หยุนชางกลับไปถึงพระราชวัง นางเห็นฉินเมิ่งมองมาที่นางราวกับมองเห็นผี นานกว่านางจะรู้สึกตัว "องค์หญิงกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ?"

หยุนชางยิ้มออกมา นางคิดในใจว่าหัวจิ้งเองก็คงคาดไม่ถึงว่าตนจะได้มีชีวิตกลับมาถึงที่นี่ "อืม ในวังมิได้มีเรื่องใดเกิดขึ้นใช่หรือไม่? วันนั้นเสด็จพี่กลับมาที่วังอย่างเร่งรีบ สองสามวันนี้นางได้เข้ามาที่วังหรือไม่? ไม่รู้เหมือนกันว่าพระสสุระของเสด็จพี่เป็นอย่างไรบ้าง"

ฉินเมิ่งก้มหน้าลง เสียงของนางต่ำลงเล็กน้อย "คงจะไม่เป็นกระไรเจ้าคะ เมื่อวานองค์หญิงหัวจิ้งได้เข้ามาที่วัง อีกเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะองค์หญิง จิ้งอ๋องกลับวังมาพร้อมชัยชนะครั้งใหญ่ ฮ่องเต้จะจัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะให้กับจิ้งอ๋อง ฮองเฮาส่งคนมาตั้งแต่เช้าแล้วเพคะ กล่าวว่าหากองค์หญิงกลับมาก็ให้องค์หญิงไปร่วมงานเจ้าค่ะ"

หยุนชางหยุดเดินชั่วคราว พยักหน้าและกล่าวว่า "ข้าทราบแล้ว"

ฉินเมิ่งได้ยินว่าหยุนชางตอบตกลง ดังนั้นนางจึงรีบพูดว่า " เสื้อผ้าตัดใหม่ที่สำนักพระภูษาทำมาให้องค์หญิงส่งมาแล้วเจ้าค่ะ หม่อมฉันไปหยิบมาให้องค์หญิงนะเจ้าค่ะ วันนี้เป็นครั้งแรกที่องค์หญิงได้เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองหลังจากกลับเข้าพระราชวังมา ต้องแต่งตัวอย่างสวยงามให้องค์หญิงนะเจ้าค่ะ"

หยุนชางตอบกลับว่า "อืม" นางก็เดินเข้าไปในตำหนัก เมื่อเห็นฉินเมิ่งรีบเดินออกจากตำหนักชิงซิน นางก็ยิ้มมุมปาก " ไปส่งข่าวแล้วล่ะ แสดงว่าหัวจิ้งยังไม่ทราบว่าข้ากลับมาแล้ว"

"องค์หญิงเจ้าคะ คืนนี้องค์หญิงจะไปร่วมงานเฉลิมฉลองของพระราชวังหรือเจ้าคะ?" ฉินยีถามพร้อมขมวดคิ้ว

"ไปสิ" หยุนชางนั่งลงบนเก้าอี้ แต่นางไม่สามารถนึกข้อมูลในชาติที่แล้วที่เกี่ยวกับจิ้งอ๋องขึ้นมาได้ นางรู้เพียงแค่ว่าจิ้งอ๋องลั่วชิงเหยียนนั้นเป็นอ๋ององค์เดียวในแคว้นหนิงนี้ที่มีนามสกุลแปลก เป็นบุตรบุญธรรมขออดีตจักรพรรดิ มีผลงานการรบที่ยอดเยี่ยมมาก และเขาไม่ค่อยอยู่ในพระราชวัง แทบไม่มีโอกาสได้พบกันเลย

ชาติที่แล้ว ตนเคยได้เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองของเขา แต่ตนนั้นตนไม่มีความสนใจต่อเหล่าแม่ทัพ ตนแค่มาให้ทุกคนได้พบหน้า จากนั้นก็ไปเที่ยวเล่นกับหัวจิ้งแล้ว เหตุผลที่ตนจำได้ว่าวันนี้เป็นวันที่จิ้งอ๋องได้รับชัยชนะกลับมา เป็นเพราะวันนี้เมื่อชาติที่แล้ว หัวจิ้งได้พูดถึงชายผู้ที่ได้เป็นพระสวามีของตนในภายหลัง นางชมเขาอย่างอลังไปทุกอย่างทั่วฟ้าทั่วดิน และยังพูดอีกว่าชายผู้นี้มีความรู้ความสามารถล้นหลาม หญิงสาวธรรมดานั้นไม่สามารถชนะใจเขาได้ อาจเป็นเพราะประโยคนี้เอง จึงทำให้ตนในชาติที่แล้วที่ชอบเอาชนะได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มาก

หยุนชางยิ้มออก ชาตินี้ เรื่องทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นนั้น จะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันนี้หรือไม่

" องค์หญิงเจ้าคะ นี่คือเสื้อผ้าที่สำนักพระภูษาได้ตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว องค์หญิงโปรดลองว่าทรงโปนดตัวไหน สีดวงจันทร์นั้นเป็นสีขาวที่อ่อนโยนสง่า สีซากุระนั้นดูสดใสและเป็นธรรมชาติ สีแดงสดนี้ดูงดงามสะดุดตา ล้วนเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมอย่างมากที่สุด องค์หญิงทรงโปรดชุดใดเจ้าคะ?" ฉินเมิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับนางกำนัลหลายคน มีเสื้อผ้าหลายตัววางอยู่ในถาดรอง

หยุนชางเดินไปดูและชี้ไปที่หนึ่งในตัวนั้นกล่าวว่า " ตัวสีขาวพระจันทร์แล้วกัน เรียบง่ายสง่างามจะดีกว่า"

ฉินเมิ่งเอาเสื้อผ้าสีขาวพระจันทร์นั้นวางไว้ข้างๆ " องค์หญิงเหนื่อยกับการเดินทางมามากแล้ว ท่านพักผ่อนก่อนเถิดเจ้าค่ะ อีกสักพักหม่อมฉันจะสั่งให้สาวใช้มาทรงเครื่องให้องค์หญิงเจ้าค่ะ"

หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "ฉินเมิ่งนั้นใส่ใจจริงๆ เลยนะ อืม ข้าขอพักก่อน อีกสักพักค่อยเรียกข้าแล้วกัน"

งานเลี้ยงเฉลิมฉลองจัดขึ้นที่หอเยาเยว่ เมื่อหยุนชางไปถึง เหล่าขุนนางและสมาชิกในครอบครัวที่ได้รับเชิญมางาน และนางสนมก็ได้เข้าประจำที่เรียบร้อยแล้ว "องค์หญิงฮุ่ยกั๋วเสด็จ"

ทันทีที่มีเสียงรายงานดังขึ้น ทุกคนลุกขึ้นยืนและมองไปที่ประตู และต้องการที่จะเห็นใบหน้าที่แท้จริงขององค์หญิงที่หายไปเจ็ดปีท่านนี้ ทันทีที่หยุนชางเดินเข้ามา ก็ได้ยินเสียงของหัวจิ้ง ดังขึ้น "น้องสาว ทางนี้"

หยุนชางเงยหน้ามอง เห็นหัวจิ้งนั่งอยู่ด้านล่างที่นั่งหลัก และกำลังกวักมือเรียกนาง หยุนชางจึงยิ้มและเดินไปหาหัวจิ้งแล้วนั่งลง

"ข้ารู้ว่าเจ้าจะมา และรู้ว่าร่างกายเจ้าไม่ค่อยแข็งแรง จึงสั่งให้บ่าวนั้นเตรียมน้ำชาและผลไม้ไว้ให้แล้ว เจ้าลองชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร" หัวจิ้งพูดเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มเต็มหน้า

"เสด็จพี่ใส่ใจน้องจริงๆ เลยเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าพระมารดาของพระสวามีเสด็จพี่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง? วันนั้นเห็นเสด็จพี่จากไปอย่างเร่งรีบ เดิมทีน้องเป็นห่วงอย่างมาก อยากมาเยี่ยมพร้อมเสด็จพี่ แต่ด้วยสภาพร่างกายของน้องไม่เหมาะกับการเดินทางไกลๆ" หยุนฉางขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

หนิงหัวจิ้ง ชาติที่แล้วข้าถูกท่าทีอ่อนโยนและมีน้ำใจของเจ้าหลอกลวง เจ้าคิดว่าชาตินี้ข้าจะยังโง่อยู่อีกหรือ?

"ไม่เป็นอันใดมากหรอก หมอหลวงบอกว่าไม่โดนกระดูก พักผ่อนสักสองสามวันก็ดีขึ้น"

หยุนชางจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก "ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยเจ้าค่ะ"

"ฝ่าบาทเสด็จ พระราชินีเสด็จ จิ้งอ๋องเสด็จ" เสียงรายงานดังขึ้นเป็นทอดๆ ทุกคนรีบลุกขึ้นถวายบังคม"ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ขอองค์ราชินีทรงพระเจริญ ขอถวายบังคมจิ้งอ๋อง"

"ลุกขึ้นเถิด วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองของจิ้งอ๋อง ทุกคนมิต้องพิธีรีตอง" เสียงของฮ่องเต้ดังขึ้น ทุกคนจึงได้ลุกขึ้นและกลับไปนั่งที่ ฮองเฮาเอ่ยปากขึ้นมา " ข้าได้เตรียมการแสดงเต้นรำไว้ ฝ่าบาทท่านว่า?"

"เอาออกมาเถิด" จักรพรรดิหนิงหัวเราะออกมาเสียงดัง เดินไปนั่งที่เก้าอี้มังกร ฮ่องเฮาและจิ้งอ๋องนั่งลงที่ด้านซ้ายและขวาของเขา

เสียงซือจู่ดังขึ้น นางรำก็เข้ามาในงาน เริ่มเต้นรำ หัวจิ้งเอนตัวเข้ามาและพูดกับหยุนชางว่า "โอ้ งานเลี้ยงฉลองนี้ช่างน่าเบื่อจริงๆ "

หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและตอบว่า "ใช่" แต่สายตาของนางกลับมองไปที่จิ้งอ๋องลั่วชิงเหยียนที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่หนักหลัก และครุ่นคิดในใจว่า เดิมทีตนคิดว่าจิ้งอ๋องนั้นเป็นขุนพลที่ตัวใหญ่ แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะหล่อสง่าเช่นนี้ แต่ทว่า เย็นชาไปเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนใช้นามท่านจัดการกับคนของฮัวจิ้งแล้ว ภายในใจนางก็มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น

หลังจากจบไปหนึ่งบทเพลง จักรพรรดิหนิงก็ปรบมือว่าดี และยกแก้วขึ้นและกล่าวว่า "แม้ว่าแคว้นหนิงนั้นจะเป็นแคว้นใหญ่ แต่ว่าชายแดนนั้นถูกแคว้นเยียนคุกคามมาโดยตลอด ชาวบ้านไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ คราวนี้จิ้งอ๋องได้ขับไล่ทหารของแคว้นเยียนออกไปจากดินแดนของแคว้นหนิงของเราแล้ว ช่างเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เสียจริง พวกเรามาดื่มให้กับจิ้งอ๋องพร้อมกันเถิด ชน….."

ทุกคนต่างก็ยกแก้วขึ้น แล้วดื่มเหล้าไปหนึ่งแก้ว ทันทีที่แก้วเหล้าวางลง จักรพรรดิหนิงก็หันหน้าไปทางหัวจิ้ง ชี้ไปที่หัวจิ้งและบอกกับจิ้งอ๋องว่า "เจ้าไม่ได้กลับมาที่พระราชวังนานแล้วใช่หรือไม่ เจ้าดูสิ พระราชธิดาทั้งสองของเจิ้นนั้นโตเป็นสาวแล้ว"

สายตาของจิ้งอ๋องเหลือบมองที่หัวจิ้งและหยุนชาง จากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า "แม้ว่ากระหม่อมจะอยู่ที่ชายแดน แต่ก็ได้ยินชื่อเสียงขององค์หญิงอยู่บ่อยๆ พะยะค่ะ ได้ข่าวว่าพระสวามีขององค์หยิงหัวจิ้งก็เป็นแม่ทัพเช่นกัน ปกบ้านป้องเมือง เป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง"

หัวจิ้งได้ยินเช่นนี้ จึงรีบกล่าวว่า " ขอบพระทัยคำชมของเสด็จอาเพคะ หากพูดถึงชายในพระราชวังนี้ เรื่องศิลปะการต่อสู้คงไม่มีใครเทียบเสด็จอาได้เพคะ แต่หากพูดถึงเรื่องวรรณกรรมมีคนหนึ่งที่สามารถสู้ได้เพคะ นั่นก็คือโม่จิ้งหราน บุตรชายของปราชญ์มหาสำนักแห่งศาลาใน ได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถมาก อีกไม่กี่วันหยุนชางก็จะบรรลุนิติภาวะแล้ว จิ้งเอ๋อร์ครุ่นคิดว่าจะแนะนำให้น้องสาวได้รู้จักเพคะ "

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด