ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 489 วันชื่นคืนสุข

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 489 วันชื่นคืนสุข at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงของเขาเคร่งขรึมเล็กน้อย แต่ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นลักษณะการพูดที่หยุนชางคุ้นเคยเป็นอย่างดี หยุนชางตกตะลึง นางรู้สึกราวกับจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ นางไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงและความกล้าหาญที่จะหันหลังกลับไปดูเจ้าของเสียง

หวังจิ้นฮวนตาโตขึ้นมาในทันที เมื่อเขาฟังทุกอย่างจนจบ ก็มีสีหน้าท่าทางไม่พอใจ “ข้าน่ะหรือจะกล้า? เจ้ามาแอบฟังแต่กลับฟังได้ไม่หมด ความจริงก็คือผู้หญิงของเจ้าต่างหากที่รังแกข้า! นี่ข้ามารู้จักกับคนใจร้ายอย่างพวกเจ้าทั้งสองได้อย่างไรกันนี่! โอ้ สวรรค์” สักพักก็พูดต่ออีกว่า “ช่างเถอะๆ แคว้นเซี่ยไม่ใช่ที่ที่ข้าควรมาตั้งแต่แรกแล้ว ข้าเสียใจ ข้าเสียใจ ไปดีกว่า ข้าว่าข้ากลับแคว้นหนิงตอนนี้เลยดีกว่า”

คำพูดคำจาของหวังจิ้นฮวนชวนให้คนฟังอยากหัวเราะออกมายิ่งนัก เมื่อหยุนชางได้ฟังแล้ว ก็พอช่วยให้นางยับยั้งความรู้สึกว้าวุ่นเมื่อครู่ได้ ในขณะที่นางกำลังจะหันหลังกลับไปดู พลันมีคนโผมาสวมกอดนางจากทางด้านหลังเสียก่อน กลิ่นกายหอมอ่อนๆของดอกเหมยลอยมาเตะจมูก หยุนชางนิ่งไป ลั่วชิงเหยียนชอบอบตัวด้วยกลิ่นดอกเหมยตั้งแต่เมื่อไรกันนี่? นี่เป็นกลิ่นที่นางชอบมากที่สุด

“ข้าขอโทษ” ลั่วชิงเหยียนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ น้ำเสียงของเขาให้ความรู้สึกว่าเขากำลังกล่าวโทษตัวเองอยู่

“ข้าจะไปแล้ว ข้าจะกลับแคว้นหนิงแล้วนะ” ในขณะที่หยุนชางยังคงถูกลั่วชิงเหยียนสวมกอดอยู่นั้น พลันก็ได้ยินเสียงหวังจิ้นฮวนพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“ขอโทษนะ ยามที่เจ้าต้องการข้า ข้าไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้า ยามที่เจ้าบาดเจ็บและร้องไห้ ข้าไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้า ต่อจากนี้ไป ข้าจะไม่ให้เป็นเช่นนี้อีกแล้ว” คำพูดของลั่วชิงเหยียนเข้ามาปลอบประโลมจิตใจจนหยุนชางเองถึงกับเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

หยุนชางก้มหน้าสะอึกสะอื้น แล้วส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่เคยคิดโทษท่านเลย”

“เรื่องสำคัญต้องพูด 3 ครั้ง ข้าจะกลับแคว้นหนิงแล้ว พวกเจ้าทำให้ข้าโกรธจนต้องหนีกลับ” เสียงของหวังจิ้นฮวนดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมีเสียงฝีเท้าย่ำเดินอย่างรีบเร่ง

“โธ่เอ๋ย……” ช่วงเวลาอันสุดแสนจะหวานซึ้งกินใจได้ถูกทำลายลงแล้ว หยุนชางก้มหน้าหัวเราะเบาๆ ลั่วชิงเหยียนเลิกคิ้วแล้วมองไปยังตัวทำลายบรรยากาศ “หากเจ้ายังไม่ไปอีกล่ะก็ ข้าจะจับเจ้าโยนออกไปด้วยตัวเองเดี๋ยวนี้เลย” พูดจบ เขาก็ผละมือที่สวมกอดหยุนชางไว้ แล้วทำท่าจะลงไม้ลงมือกับหวังจิ้นฮวน

หวังจิ้นฮวนตะลึง เขาบ่นออกมาไม่หยุดปาก “จะทำอะไร จะทำอะไร? พูดกันดีๆก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือเลยนี่นา ถ้าเจ้าจะเข้ามาอีกล่ะก็ ข้าจะตะโกนให้สุดเสียงเลย……”

ลั่วชิงเหยียนเลิกคิ้ว เขาก้าวเข้าไปใกล้หวังจิ้นฮวนอีก 1 ก้าว หวังจิ้นฮวนก็กระโดดหนีหายไป ได้ยินแต่เสียงของเขาแว่วมาแต่ไกลว่า “ลั่วชิงเหยียน การแปลงโฉมของผู้หญิงของเจ้าช่างน่ากลัวนัก หากเจ้าคิดจะทำอะไรกับนางข้าก็ต้องขอแสดงความนับถือเจ้าจริงๆ”

เมื่อหยุนชางได้ฟังก็รีบเอามือขึ้นมาลูบสำรวจไปบนใบหน้าของตนเอง นางลืมไปเลยว่า ตอนนี้นางกำลังปลอมตัวเป็นชายวัยกลางคน นางหัวเราะออกมา ลั่วชิงเหยียนพูดกับนางว่า “งั้นหรือ? ไหนให้ข้าดูหน่อยซิ”

หยุนชางยิ้มแล้วหันหน้ามาหาเขา ในตอนนี้เองนางจึงได้เห็นว่าสีหน้าของลั่วชิงเหยียนดูเหน็ดเหนื่อยมาจากการเดินทางไกล เขาดูสมบุกสมบันมาไม่น้อย หนวดเคราก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้โกนมาเป็นเวลานานแล้ว

หยุนชางจ้องมองลั่วชิงเหยียน เขาก็มองนางตาไม่กะพริบเช่นเดียวกัน ทั้งสองจ้องตากันอยู่สักพัก ลั่วชิงเหยียนก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าเลย ถ้าข้าทำ ประเดี๋ยวเจ้าจะหาว่าข้าเป็นไม้ป่าเดียวกัน”

หยุนชางได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา นางเช็ดหน้าเช็ดตา แล้วเดินเข้าไปในห้อง เฉี่ยนอินได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน จึงสั่งให้สาวใช้เตรียมน้ำเอาไว้รอ เมื่อเห็นหยุนชางเดินเข้ามานางก็ส่งยิ้มให้ นางมองหน้าหยุนชางแล้วจึงพาสาวใช้เดินออกมา เฉี่ยนอินได้พบกับลั่วชิงเหยียนที่เดินตามหยุนชางมา นางก้มหน้าคารวะแล้วเอ่ยคำทักทายสั้นๆ “ท่านอ๋อง” แล้วจึงเดินจากไป

ลั่วชิงเหยียนมองดูเฉี่ยนอินเดินคล้อยหลังไป เขาเดินไปหาหยุนชางในห้องสรงน้ำแล้วพูดว่า “แขนของเฉี่ยนอิน……”

หยุนชางนิ่งไปสักพัก ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “วันนั้นสายลับถูกวางยาจนท้องเสีย คนร้ายที่ตามหลังมากำลังเข้ามาประชิดตัว เพื่อเป็นการถ่วงเวลาให้หม่อมฉันได้หนีไป เฉี่ยนอินก็ได้พุ่งตัวเข้ามารับการปะทะจากคนร้าย กว่าจะมีคนมาช่วยนางก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด นางได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งตัว ข้อมือข้างซ้ายของนางถูกฟันจนขาด ตอนนี้นางอยู่ในช่วงพักฟื้น

ลั่วชิงเหยียนกำมือแน่น ภายในใจรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขารู้สึกราวกับร่างกายถูกเชือกรัดเอาไว้ สักพักหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “ข้าขอโทษ”

หยุนชางยิ้ม “หม่อมฉันคิดมาตลอดว่าตัวเองทั้งสุขุมและเฉลียวฉลาด แต่กลับไม่คิดเลยว่า จะถูกหลอกเอาง่ายๆเช่นนั้น ต่อไปนี้คงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้แล้วล่ะเพคะ”

แล้วหยุนชางก็สรงน้ำจนเสร็จ นางเปลี่ยนน้ำด้วยตัวเอง เมื่อนางเตรียมน้ำใหม่เสร็จก็จูงลั่วชิงเหยียนเดินมา “ท่านก็สรงน้ำเสียหน่อยนะเพคะ ดูตัวท่านสิเนี่ย”

ลั่วชิงเหยียนยิ้มแล้วจึงพยักหน้า “ข้าไม่ได้สรงน้ำมาถึง 8 วัน”  แล้วพูดเบาๆว่า “ท่านสรงน้ำเถอะเพคะ หม่อมฉันจะออกไปก่อน” พูดจบ นางก็เดินออกไป

ลั่วชิงเหยียนส่งยิ้มให้นาง เขามองนางด้วยสายตาอ่อนโยน

เมื่อหยุนชางเดินออกมาจากห้องสรงน้ำแล้ว นางก็หยิบหนังสือแล้วไปนั่งอ่านบนตั่ง ผ่านไปสักพัก หนังสือก็ไม่มีการเปิดหน้าใหม่ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดได้ หยุนชางก็ได้ยินเสียงลั่วชิงเหยียนดังมาจากห้องสรงน้ำ “ไม่เห็นเตรียมชุดมาให้ข้าเปลี่ยนล่ะ หรือเจ้าจะให้ข้าเดินออกไปสภาพนี้?”

หยุนชางสะดุ้ง นางโยนหนังสือลงไปบนพื้นด้วยความลุกลี้ลุกลน แล้วนางก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ที่นี่คือเรือนรับรอง หาใช่จวนรุ่ยอ๋อง นางมีแค่เพียงเสื้อผ้าผู้ชายสำหรับใส่ปลอมตัวอยู่เพียงไม่กี่ชุด แม้จะเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย แต่ลั่วชิงเหยียนตัวสูงกว่าหยุนชางเยอะมาก เกรงว่าเสื้อผ้าของหยุนชางนั้น เขาคงจะสวมใส่ไม่ได้

หยุนชางลุกขึ้นยืน แล้วตะโกนไปยังห้องสรงน้ำ “รอสักครู่นะเพคะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจะไปขอเสื้อผ้าจากหวังจิ้นฮวนมาให้นะเพคะ” พูดจบนางก็รีบออกไปด้านนอก

ลั่วชิงเหยียนได้ยินดังนั้นแล้ว ก็รู้สึกว่าทั้งโชคร้ายและทั้งน่าขัน

หยุนชางวิ่งมาหน้าเรือนรับรองของหวังจิ้นฮวนแล้วเคาะประตูเรียกอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับ หรือว่าหวังจิ้นฮวนจะกลับไปแล้วจริงๆ? นางหมดหนทางแล้วจึงเดินกลับมาที่เรือนรับรองของตัวเอง เมื่อเข้ามาด้านในก็เห็นเฉี่ยนอินกำลังจะเดินเข้าไปในห้อง นางถือพานเข้ามาด้วย บนพานนั้นดูเหมือนจะเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย

“เฉี่ยนอิน” หยุนชางรีบเรียกนางไว้

เฉี่ยนอินได้ยินจึงหันหน้ามาดู นางมองหยุนชางด้วยความสงสัย “เหตุใดพระชายาจึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะเพคะ?”

หยุนชางหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย นางชี้ไปที่เสื้อผ้า “เดี๋ยวข้าจะถือเสื้อผ้าของท่านอ๋องเข้าไปเอง”

“เพคะ” เฉี่ยนอินรับคำ แล้วนำพานส่งไปให้หยุนชาง หยุนชางรับมาแล้วจึงรีบเดินเข้าไปในห้อง

เฉี่ยนอินครุ่นคิด นางพึมพำกับตัวเองในขณะที่หันหลังกลับ “พระชายาทรงทราบได้อย่างไรว่าเราจะนำฉลองพระองค์มาให้ท่านอ๋อง?”

หยุนชางถือเสื้อผ้าเข้าไปในห้อง นางก้มหน้าก้มตา แล้วยื่นเสื้อผ้าไปให้ลั่วชิงเหยียนในห้องสรงน้ำ นางไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองแม้แต่น้อย “หม่อมฉันวางเสื้อผ้าไว้ตรงนี้นะเพคะ” นางวางเสร็จก็รีบหันหลังกลับและวิ่งออกมา

ลั่วชิงเหยียนนอนแช่ตัวอยู่ในอ่างน้ำ เขามองหยุนชางที่หันหลังวิ่งออกไปแล้วจึงยิ้มออกมา “จริงๆเลย แต่งงานกันมาก็ตั้งนานแล้ว ยังจะอายม้วนอยู่ได้” พูดจบ เขาก็ลุกออกมาจากอ่าง เช็ดตัวด้วยผ้าขนหนู แล้วสวมเสื้อผ้าเดินออกมา

หยุนชางถือหนังสือบังหน้าเอาไว้ แต่หูที่โผล่ออกมาให้เห็นก็แดงเสียจนน่าขัน ลั่วชิงเหยียนเดินมานั่งข้างๆ เขาโอบไหล่ของหยุนชางเอาไว้ แล้วหยิบหนังสือออกไปจากมือหยุนชาง “ไม่ต้องอ่านแล้ว ไหนบอกข้ามาซิ หลายวันมานี้ เจ้าได้ทำอะไรไปบ้าง? และมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าบ้างหรือ”

หยุนชางเบ้ปาก “ฐานะของหม่อมฉันก็รู้ๆอยู่ว่าเป็นคนของท่าน ไยท่านต้องถามอีกล่ะเพคะ”

“ก็ข้าอยากได้ยินเจ้าพูด” ลั่วชิงเหยียนตอบกลับอย่างอ่อนโยน เขาลูบไล้เส้นผมของหยุนชาง สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าที่เขาเฝ้าคำนึงหาทุกเช้าและก่อนนอน

หยุนชางหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง นางเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางให้เขาฟังทีละเรื่องๆ แล้วนางก็ถามเรื่องที่เขาคอยดูแลเหล่าทหาร เขาก็เล่าให้นางฟังอย่างคร่าวๆ

“แสดงว่า ท่านก็ไม่ได้ติดตามท่านตาอยู่ตลอดน่ะสิ? แต่ว่าส่งทหารกองใหญ่เข้าไปปราบปรามชาวหย่าอย่างนั้นหรือเพคะ?” หยุนชางถามเขาด้วยความสนใจใคร่รู้

ลั่วชิงเหยียนพยักหน้า “ข้างกายเจ้ามียอดฝีมือในการแปลงโฉม ของข้าก็มีเหมือนกันนะ”

หยุนชางมองเขาอย่างสนอกสนใจ “เช่นนั้นก็แสดงว่าเขตพื้นที่หวงห้ามที่ปิดไว้เป็นความลับ ท่านก็เป็นคนหาเจอใช่ไหมเพคะ? แล้วท่านตากับทหาร 1 แสนนายล่ะเพคะ คนตั้ง 1 แสนคน พวกเขาซ่อนตัวอย่างไรหรือเพคะ แม้แต่คนที่ในวังส่งไปตรวจตราก็ยังหาไม่พบ ท่านคงทราบดีนะเพคะ ว่าซูฉีคอยบังคับบัญชาเหล่าทหารอยู่ คนของซูฉีที่ถูกส่งไปคงมีอยู่ไม่น้อย ส่วนอ๋องเจ็ดก็ส่งคนไปติดตามสถานการณ์ภายในกองทัพด้วยนะเพคะ”

ลั่วชิงเหยียนเห็นท่าทางของหยุนชางแล้วก็ยิ้มออกมา “ท่านตารู้สภาพภูมิประเทศของแคว้นเซี่ยเป็นอย่างดี ที่ที่เขาพาทหารไปหลบซ่อนเป็นร่องเขาบนภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่าทึบ โดยเดินทางผ่านถ้ำบนภูเขา รอบๆร่องเขาเป็นหน้าผาที่สูงชัน แล้วท่านตาก็ส่งคนไปคอยตรวจตราบริเวณทางเข้าที่นั่น โดยเลือกคนที่ไว้ใจได้ ก็แค่นั้นเอง”

เมื่อหยุนชางได้ฟัง นางก็เงียบไปสักพักแล้วจึงพูดว่า “เท่าที่ฟังท่านเล่ามาก็พอจะมองเห็นสภาพภูมิประเทศออกมาบ้าง เป็นจุดซ่อนตัวที่ไม่เลวเลยเพคะ แต่ถ้ามีคนมาเจอเข้าล่ะเพคะ คงจะเป็นปัญหากับทั้งกองทัพแน่ๆ ท่านตาเหมือนจะไม่ได้กระจายจุดซ่อนตัวของเหล่าทหารไว้เลยนะเพคะ แล้วเขตพื้นที่หวงห้ามของชาวหย่าเต็มไปด้วยพืชมีพิษจริงไหมเพคะ? แล้วพวกท่านเข้าไปในนั้นกันได้อย่างไร? แล้วไม่มีผู้ใดจับได้เลยหรือเพคะ?”

ลั่วชิงเหยียนเห็นว่าหญิงสาวในอ้อมกอดของเขายิ่งพูดก็ยิ่งแสดงความตื่นเต้นออกมา ทำให้เขาอดที่จะยิ้มไม่ได้ เขาชิงประกบริมฝีปากน้อยๆที่พูดไม่ยอมหยุด เขาคิดภายในใจว่า “กว่าจะกลับมาพบเจอกันได้ ช่วงเวลาดีๆแบบนี้ จะปล่อยให้เสียเปล่าก็น่าเสียดายแย่ น่าจะหาเรื่องสนุกๆทำกันถึงจะถูก”

มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบา แล้วห้องแห่งนั้นพลันกลายเป็นวิมานแสนสุข

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 489 วันชื่นคืนสุข

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 489 วันชื่นคืนสุข at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงของเขาเคร่งขรึมเล็กน้อย แต่ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นลักษณะการพูดที่หยุนชางคุ้นเคยเป็นอย่างดี หยุนชางตกตะลึง นางรู้สึกราวกับจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ นางไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงและความกล้าหาญที่จะหันหลังกลับไปดูเจ้าของเสียง

หวังจิ้นฮวนตาโตขึ้นมาในทันที เมื่อเขาฟังทุกอย่างจนจบ ก็มีสีหน้าท่าทางไม่พอใจ “ข้าน่ะหรือจะกล้า? เจ้ามาแอบฟังแต่กลับฟังได้ไม่หมด ความจริงก็คือผู้หญิงของเจ้าต่างหากที่รังแกข้า! นี่ข้ามารู้จักกับคนใจร้ายอย่างพวกเจ้าทั้งสองได้อย่างไรกันนี่! โอ้ สวรรค์” สักพักก็พูดต่ออีกว่า “ช่างเถอะๆ แคว้นเซี่ยไม่ใช่ที่ที่ข้าควรมาตั้งแต่แรกแล้ว ข้าเสียใจ ข้าเสียใจ ไปดีกว่า ข้าว่าข้ากลับแคว้นหนิงตอนนี้เลยดีกว่า”

คำพูดคำจาของหวังจิ้นฮวนชวนให้คนฟังอยากหัวเราะออกมายิ่งนัก เมื่อหยุนชางได้ฟังแล้ว ก็พอช่วยให้นางยับยั้งความรู้สึกว้าวุ่นเมื่อครู่ได้ ในขณะที่นางกำลังจะหันหลังกลับไปดู พลันมีคนโผมาสวมกอดนางจากทางด้านหลังเสียก่อน กลิ่นกายหอมอ่อนๆของดอกเหมยลอยมาเตะจมูก หยุนชางนิ่งไป ลั่วชิงเหยียนชอบอบตัวด้วยกลิ่นดอกเหมยตั้งแต่เมื่อไรกันนี่? นี่เป็นกลิ่นที่นางชอบมากที่สุด

“ข้าขอโทษ” ลั่วชิงเหยียนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ น้ำเสียงของเขาให้ความรู้สึกว่าเขากำลังกล่าวโทษตัวเองอยู่

“ข้าจะไปแล้ว ข้าจะกลับแคว้นหนิงแล้วนะ” ในขณะที่หยุนชางยังคงถูกลั่วชิงเหยียนสวมกอดอยู่นั้น พลันก็ได้ยินเสียงหวังจิ้นฮวนพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“ขอโทษนะ ยามที่เจ้าต้องการข้า ข้าไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้า ยามที่เจ้าบาดเจ็บและร้องไห้ ข้าไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้า ต่อจากนี้ไป ข้าจะไม่ให้เป็นเช่นนี้อีกแล้ว” คำพูดของลั่วชิงเหยียนเข้ามาปลอบประโลมจิตใจจนหยุนชางเองถึงกับเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

หยุนชางก้มหน้าสะอึกสะอื้น แล้วส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่เคยคิดโทษท่านเลย”

“เรื่องสำคัญต้องพูด 3 ครั้ง ข้าจะกลับแคว้นหนิงแล้ว พวกเจ้าทำให้ข้าโกรธจนต้องหนีกลับ” เสียงของหวังจิ้นฮวนดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมีเสียงฝีเท้าย่ำเดินอย่างรีบเร่ง

“โธ่เอ๋ย……” ช่วงเวลาอันสุดแสนจะหวานซึ้งกินใจได้ถูกทำลายลงแล้ว หยุนชางก้มหน้าหัวเราะเบาๆ ลั่วชิงเหยียนเลิกคิ้วแล้วมองไปยังตัวทำลายบรรยากาศ “หากเจ้ายังไม่ไปอีกล่ะก็ ข้าจะจับเจ้าโยนออกไปด้วยตัวเองเดี๋ยวนี้เลย” พูดจบ เขาก็ผละมือที่สวมกอดหยุนชางไว้ แล้วทำท่าจะลงไม้ลงมือกับหวังจิ้นฮวน

หวังจิ้นฮวนตะลึง เขาบ่นออกมาไม่หยุดปาก “จะทำอะไร จะทำอะไร? พูดกันดีๆก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือเลยนี่นา ถ้าเจ้าจะเข้ามาอีกล่ะก็ ข้าจะตะโกนให้สุดเสียงเลย……”

ลั่วชิงเหยียนเลิกคิ้ว เขาก้าวเข้าไปใกล้หวังจิ้นฮวนอีก 1 ก้าว หวังจิ้นฮวนก็กระโดดหนีหายไป ได้ยินแต่เสียงของเขาแว่วมาแต่ไกลว่า “ลั่วชิงเหยียน การแปลงโฉมของผู้หญิงของเจ้าช่างน่ากลัวนัก หากเจ้าคิดจะทำอะไรกับนางข้าก็ต้องขอแสดงความนับถือเจ้าจริงๆ”

เมื่อหยุนชางได้ฟังก็รีบเอามือขึ้นมาลูบสำรวจไปบนใบหน้าของตนเอง นางลืมไปเลยว่า ตอนนี้นางกำลังปลอมตัวเป็นชายวัยกลางคน นางหัวเราะออกมา ลั่วชิงเหยียนพูดกับนางว่า “งั้นหรือ? ไหนให้ข้าดูหน่อยซิ”

หยุนชางยิ้มแล้วหันหน้ามาหาเขา ในตอนนี้เองนางจึงได้เห็นว่าสีหน้าของลั่วชิงเหยียนดูเหน็ดเหนื่อยมาจากการเดินทางไกล เขาดูสมบุกสมบันมาไม่น้อย หนวดเคราก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้โกนมาเป็นเวลานานแล้ว

หยุนชางจ้องมองลั่วชิงเหยียน เขาก็มองนางตาไม่กะพริบเช่นเดียวกัน ทั้งสองจ้องตากันอยู่สักพัก ลั่วชิงเหยียนก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าเลย ถ้าข้าทำ ประเดี๋ยวเจ้าจะหาว่าข้าเป็นไม้ป่าเดียวกัน”

หยุนชางได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา นางเช็ดหน้าเช็ดตา แล้วเดินเข้าไปในห้อง เฉี่ยนอินได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน จึงสั่งให้สาวใช้เตรียมน้ำเอาไว้รอ เมื่อเห็นหยุนชางเดินเข้ามานางก็ส่งยิ้มให้ นางมองหน้าหยุนชางแล้วจึงพาสาวใช้เดินออกมา เฉี่ยนอินได้พบกับลั่วชิงเหยียนที่เดินตามหยุนชางมา นางก้มหน้าคารวะแล้วเอ่ยคำทักทายสั้นๆ “ท่านอ๋อง” แล้วจึงเดินจากไป

ลั่วชิงเหยียนมองดูเฉี่ยนอินเดินคล้อยหลังไป เขาเดินไปหาหยุนชางในห้องสรงน้ำแล้วพูดว่า “แขนของเฉี่ยนอิน……”

หยุนชางนิ่งไปสักพัก ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “วันนั้นสายลับถูกวางยาจนท้องเสีย คนร้ายที่ตามหลังมากำลังเข้ามาประชิดตัว เพื่อเป็นการถ่วงเวลาให้หม่อมฉันได้หนีไป เฉี่ยนอินก็ได้พุ่งตัวเข้ามารับการปะทะจากคนร้าย กว่าจะมีคนมาช่วยนางก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด นางได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งตัว ข้อมือข้างซ้ายของนางถูกฟันจนขาด ตอนนี้นางอยู่ในช่วงพักฟื้น

ลั่วชิงเหยียนกำมือแน่น ภายในใจรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขารู้สึกราวกับร่างกายถูกเชือกรัดเอาไว้ สักพักหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “ข้าขอโทษ”

หยุนชางยิ้ม “หม่อมฉันคิดมาตลอดว่าตัวเองทั้งสุขุมและเฉลียวฉลาด แต่กลับไม่คิดเลยว่า จะถูกหลอกเอาง่ายๆเช่นนั้น ต่อไปนี้คงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้แล้วล่ะเพคะ”

แล้วหยุนชางก็สรงน้ำจนเสร็จ นางเปลี่ยนน้ำด้วยตัวเอง เมื่อนางเตรียมน้ำใหม่เสร็จก็จูงลั่วชิงเหยียนเดินมา “ท่านก็สรงน้ำเสียหน่อยนะเพคะ ดูตัวท่านสิเนี่ย”

ลั่วชิงเหยียนยิ้มแล้วจึงพยักหน้า “ข้าไม่ได้สรงน้ำมาถึง 8 วัน”  แล้วพูดเบาๆว่า “ท่านสรงน้ำเถอะเพคะ หม่อมฉันจะออกไปก่อน” พูดจบ นางก็เดินออกไป

ลั่วชิงเหยียนส่งยิ้มให้นาง เขามองนางด้วยสายตาอ่อนโยน

เมื่อหยุนชางเดินออกมาจากห้องสรงน้ำแล้ว นางก็หยิบหนังสือแล้วไปนั่งอ่านบนตั่ง ผ่านไปสักพัก หนังสือก็ไม่มีการเปิดหน้าใหม่ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดได้ หยุนชางก็ได้ยินเสียงลั่วชิงเหยียนดังมาจากห้องสรงน้ำ “ไม่เห็นเตรียมชุดมาให้ข้าเปลี่ยนล่ะ หรือเจ้าจะให้ข้าเดินออกไปสภาพนี้?”

หยุนชางสะดุ้ง นางโยนหนังสือลงไปบนพื้นด้วยความลุกลี้ลุกลน แล้วนางก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ที่นี่คือเรือนรับรอง หาใช่จวนรุ่ยอ๋อง นางมีแค่เพียงเสื้อผ้าผู้ชายสำหรับใส่ปลอมตัวอยู่เพียงไม่กี่ชุด แม้จะเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย แต่ลั่วชิงเหยียนตัวสูงกว่าหยุนชางเยอะมาก เกรงว่าเสื้อผ้าของหยุนชางนั้น เขาคงจะสวมใส่ไม่ได้

หยุนชางลุกขึ้นยืน แล้วตะโกนไปยังห้องสรงน้ำ “รอสักครู่นะเพคะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจะไปขอเสื้อผ้าจากหวังจิ้นฮวนมาให้นะเพคะ” พูดจบนางก็รีบออกไปด้านนอก

ลั่วชิงเหยียนได้ยินดังนั้นแล้ว ก็รู้สึกว่าทั้งโชคร้ายและทั้งน่าขัน

หยุนชางวิ่งมาหน้าเรือนรับรองของหวังจิ้นฮวนแล้วเคาะประตูเรียกอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับ หรือว่าหวังจิ้นฮวนจะกลับไปแล้วจริงๆ? นางหมดหนทางแล้วจึงเดินกลับมาที่เรือนรับรองของตัวเอง เมื่อเข้ามาด้านในก็เห็นเฉี่ยนอินกำลังจะเดินเข้าไปในห้อง นางถือพานเข้ามาด้วย บนพานนั้นดูเหมือนจะเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย

“เฉี่ยนอิน” หยุนชางรีบเรียกนางไว้

เฉี่ยนอินได้ยินจึงหันหน้ามาดู นางมองหยุนชางด้วยความสงสัย “เหตุใดพระชายาจึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะเพคะ?”

หยุนชางหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย นางชี้ไปที่เสื้อผ้า “เดี๋ยวข้าจะถือเสื้อผ้าของท่านอ๋องเข้าไปเอง”

“เพคะ” เฉี่ยนอินรับคำ แล้วนำพานส่งไปให้หยุนชาง หยุนชางรับมาแล้วจึงรีบเดินเข้าไปในห้อง

เฉี่ยนอินครุ่นคิด นางพึมพำกับตัวเองในขณะที่หันหลังกลับ “พระชายาทรงทราบได้อย่างไรว่าเราจะนำฉลองพระองค์มาให้ท่านอ๋อง?”

หยุนชางถือเสื้อผ้าเข้าไปในห้อง นางก้มหน้าก้มตา แล้วยื่นเสื้อผ้าไปให้ลั่วชิงเหยียนในห้องสรงน้ำ นางไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองแม้แต่น้อย “หม่อมฉันวางเสื้อผ้าไว้ตรงนี้นะเพคะ” นางวางเสร็จก็รีบหันหลังกลับและวิ่งออกมา

ลั่วชิงเหยียนนอนแช่ตัวอยู่ในอ่างน้ำ เขามองหยุนชางที่หันหลังวิ่งออกไปแล้วจึงยิ้มออกมา “จริงๆเลย แต่งงานกันมาก็ตั้งนานแล้ว ยังจะอายม้วนอยู่ได้” พูดจบ เขาก็ลุกออกมาจากอ่าง เช็ดตัวด้วยผ้าขนหนู แล้วสวมเสื้อผ้าเดินออกมา

หยุนชางถือหนังสือบังหน้าเอาไว้ แต่หูที่โผล่ออกมาให้เห็นก็แดงเสียจนน่าขัน ลั่วชิงเหยียนเดินมานั่งข้างๆ เขาโอบไหล่ของหยุนชางเอาไว้ แล้วหยิบหนังสือออกไปจากมือหยุนชาง “ไม่ต้องอ่านแล้ว ไหนบอกข้ามาซิ หลายวันมานี้ เจ้าได้ทำอะไรไปบ้าง? และมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าบ้างหรือ”

หยุนชางเบ้ปาก “ฐานะของหม่อมฉันก็รู้ๆอยู่ว่าเป็นคนของท่าน ไยท่านต้องถามอีกล่ะเพคะ”

“ก็ข้าอยากได้ยินเจ้าพูด” ลั่วชิงเหยียนตอบกลับอย่างอ่อนโยน เขาลูบไล้เส้นผมของหยุนชาง สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าที่เขาเฝ้าคำนึงหาทุกเช้าและก่อนนอน

หยุนชางหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง นางเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางให้เขาฟังทีละเรื่องๆ แล้วนางก็ถามเรื่องที่เขาคอยดูแลเหล่าทหาร เขาก็เล่าให้นางฟังอย่างคร่าวๆ

“แสดงว่า ท่านก็ไม่ได้ติดตามท่านตาอยู่ตลอดน่ะสิ? แต่ว่าส่งทหารกองใหญ่เข้าไปปราบปรามชาวหย่าอย่างนั้นหรือเพคะ?” หยุนชางถามเขาด้วยความสนใจใคร่รู้

ลั่วชิงเหยียนพยักหน้า “ข้างกายเจ้ามียอดฝีมือในการแปลงโฉม ของข้าก็มีเหมือนกันนะ”

หยุนชางมองเขาอย่างสนอกสนใจ “เช่นนั้นก็แสดงว่าเขตพื้นที่หวงห้ามที่ปิดไว้เป็นความลับ ท่านก็เป็นคนหาเจอใช่ไหมเพคะ? แล้วท่านตากับทหาร 1 แสนนายล่ะเพคะ คนตั้ง 1 แสนคน พวกเขาซ่อนตัวอย่างไรหรือเพคะ แม้แต่คนที่ในวังส่งไปตรวจตราก็ยังหาไม่พบ ท่านคงทราบดีนะเพคะ ว่าซูฉีคอยบังคับบัญชาเหล่าทหารอยู่ คนของซูฉีที่ถูกส่งไปคงมีอยู่ไม่น้อย ส่วนอ๋องเจ็ดก็ส่งคนไปติดตามสถานการณ์ภายในกองทัพด้วยนะเพคะ”

ลั่วชิงเหยียนเห็นท่าทางของหยุนชางแล้วก็ยิ้มออกมา “ท่านตารู้สภาพภูมิประเทศของแคว้นเซี่ยเป็นอย่างดี ที่ที่เขาพาทหารไปหลบซ่อนเป็นร่องเขาบนภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่าทึบ โดยเดินทางผ่านถ้ำบนภูเขา รอบๆร่องเขาเป็นหน้าผาที่สูงชัน แล้วท่านตาก็ส่งคนไปคอยตรวจตราบริเวณทางเข้าที่นั่น โดยเลือกคนที่ไว้ใจได้ ก็แค่นั้นเอง”

เมื่อหยุนชางได้ฟัง นางก็เงียบไปสักพักแล้วจึงพูดว่า “เท่าที่ฟังท่านเล่ามาก็พอจะมองเห็นสภาพภูมิประเทศออกมาบ้าง เป็นจุดซ่อนตัวที่ไม่เลวเลยเพคะ แต่ถ้ามีคนมาเจอเข้าล่ะเพคะ คงจะเป็นปัญหากับทั้งกองทัพแน่ๆ ท่านตาเหมือนจะไม่ได้กระจายจุดซ่อนตัวของเหล่าทหารไว้เลยนะเพคะ แล้วเขตพื้นที่หวงห้ามของชาวหย่าเต็มไปด้วยพืชมีพิษจริงไหมเพคะ? แล้วพวกท่านเข้าไปในนั้นกันได้อย่างไร? แล้วไม่มีผู้ใดจับได้เลยหรือเพคะ?”

ลั่วชิงเหยียนเห็นว่าหญิงสาวในอ้อมกอดของเขายิ่งพูดก็ยิ่งแสดงความตื่นเต้นออกมา ทำให้เขาอดที่จะยิ้มไม่ได้ เขาชิงประกบริมฝีปากน้อยๆที่พูดไม่ยอมหยุด เขาคิดภายในใจว่า “กว่าจะกลับมาพบเจอกันได้ ช่วงเวลาดีๆแบบนี้ จะปล่อยให้เสียเปล่าก็น่าเสียดายแย่ น่าจะหาเรื่องสนุกๆทำกันถึงจะถูก”

มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบา แล้วห้องแห่งนั้นพลันกลายเป็นวิมานแสนสุข

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+