ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 461 รวบตัวผู้คนและสร้างความวุ่นวาย

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 461 รวบตัวผู้คนและสร้างความวุ่นวาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ประชาชนที่มาล้อมรอบได้ยินเช่นนี้ แล้วมองดูศพที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาว พวกเขาต่างก็กระซิบและพูดคุยกันว่า ” ถึงแม้จะสงสัยจวนกั๋วกง แต่ก็ไม่ควรทำเช่นนี้ เอาศพมาตากแดดเช่นนี้ จะไม่สามารถกลับชาติมาเกิดได้เลยนะ” “ใช่ นายน้อยตระกูลหลิ่วเป็นคนไม่ดีอยู่แล้ว และเขาก็ทำเรื่องแย่ๆ มาตั้งมากมาย ไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาคิดจะทำอะไรไม่ดีอีก” “สงสารจวนกั๋วกงเสียจริง ที่อยู่ดีๆ ก็มาเจอปัญหาที่เฮงซวยเช่นนี้”

เสิ่นอี๋หลานเป็นฉลาด นางรู้วิธีเอาชนะใจผู้คนก่อน หยุนชางคิดและหางตาเหลือบไปเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยของกั๋วกงฮูเหรินปรากฏอยู่หลังประตู ตรงนั้นถูกกั้นด้วยประตู หากว่าหยุนชางไม่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คงไม่เห็นนางหรอก หยุนชางมองไปและเห็นว่ากั๋วกงฮูเหรินยืนอยู่ตรงนั้น และไม่มีท่าทีที่จะออกมาปรากฏตัว

หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ นางเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ

หลิ่วฮวานเชิงถูกทุกคนกล่าวหาเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ไม่พอใจเล็กน้อย “ไม่ว่าอะไรก็ตาม ลูกสะใภ้ของข้าเสียชีวิตหลังจากที่ออกจากจวนกั๋วกง ฉะนั้นพวกเจ้าต้องรับผิดชอบ มิเช่นนั้นอย่าได้หาว่าข้าใจดำแล้วกัน”

“เช่นนั้นหรือ? เจ้าคิดว่าพวกข้าควรรับผิดชอบอย่างไร? แล้วเจ้าจะใจดำอย่างไรหรือ?” เสิ่นอี๋หลานส่งเสียงไม่สบอารมณ์ เลิกคิ้วและจ้องที่หลิ่วฮวานเชิงราวกับมองคนโง่เขลา และสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“ชดใช้ให้ข้าเป็นทองคำ 1 แสนตำลึง แล้วมอบสาวงามที่ยืนอยู่หลังเจ้ามาให้ข้า เช่นนี้ข้าก็จะให้อภัยพวกเจ้า มิเช่นนั้นข้าก็จะให้คนไปปล่อยข่าวเรื่องที่จวนกั๋วกงวางยาพิษฆ่าคน” ดวงตาของหลิ่วฮวานเชิงเป็นประกาย แต่กลับแสร้งทำเป็นสูงส่ง เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วกล่าวช้าๆ

“เหลวไหล!” “เหลวไหล!” เสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เสียงหนึ่งเสียงเป็นของเสิ่นอี๋หลาน และอีกเสียงหนึ่งนั้น หยุนชางเอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วมองออกไป และเห็นรถม้าจอดอยู่ข้างนอกฝูงชน คนที่ส่งเสียงคือหลิ่วหยินเฟิง ส่วนชายชราที่กำลังเตรียมจะลงจากรถนั้นโกรธเคืองจนมีเส้นเลือดขึ้นที่หน้าผากอย่างเห็นได้ชัด ก็มือที่ถือไม้เท่านั้นสั่นเล็กน้อย เขาคือหลิ่วจิ้น

เมื่อเห็นหลิ่วฮวานเชิงเห็นหลิ่วจิ้นมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที เขาหันหลังแล้ววิ่งหนีหลิ่วหยินเฟิง หยุนชางเห็นว่าผ้าขาวนั้นเคลื่อนตัวและทันใดนั้นผ้าก็ถูกเปิดออก คนที่นอนอยู่คือบ่าวใช้ เขาก็วิ่งตามหลิ่วฮวานเชิงไปอย่างเร่งรีบ

หลิ่วจิ้นและหลิ่วหยินเฟิงนำทหารตามมาเพียงสองสามคน หลิ่วจิ้นเห็นเช่นนี้ จึงกระทืบไม้เท้าและกล่าวอย่างเสียงดังว่า “ไป ไปตามจับลูกชายสารเลวนั้นกลับมา บ้าไปแล้วหรือ?”

ทักษะการต่อสู้ของทหารยอดเยี่ยมอย่างมาก เพียงไม่นานพวกเขาก็วิ่งไปอยู่ตรงหน้าหลิ่วฮวานเชิง และจับหลิ่วฮวานเชิงเอาไว้ และนำตัวไปยืนข้างๆ เปลที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวที่ทุกคนเลิกสนใจไปแล้ว หลิ่วฮวานเชิงถูกกระแทกลงพื้น เขากัดฟันและมองไปยังคนที่แต่งกายเป็นบ่าวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ” ข้าให้พวกเจ้าจับตาดูไว้มิใช่หรือ? เหตุใดจึงไม่บอกข้าว่าพวกเขามา”

หลิ่วจิ้นและหลิ่วหยินเฟิงได้เดินฝ่าฝูงชนเข้ามาภายใต้การดูแลของทหารแล้ว พวกเขาเดินไปข้างๆ หลิ่วฮวานเชิง หลิ่วจิ้นยกไม้เท้าขึ้นด้วยสีหน้าที่โกรธเคืองแล้วตีลงไปที่หลิ่วฮวานเชิง หลิ่วฮวานเชิงถูกทุบตีจนคลานหนีไปทั่ว แต่เขาก็โดนตีไปหลายที  เสิ่นอี๋หลานเห็นเช่นนี้จึงรีบหลีกออกไป และผลักหยุนชางออกมา นางมิอาจรับคารวะจากขุนนางในพระราชวังหรอก

ของหยุนชางรับไว้อย่างไม่แยแส หลิ่วจิ้นจึงรีบกล่าวว่า ” เป็นความผิดของหม่อมฉันที่สอนลูกไม่ดี จนเป็นเหตุทำให้พระชายาตกใจ และขอความกรุณาพระชายาโปรดให้อภัยด้วยเถิด”

เมื่อ หลิ่วฮวานเชิงได้ยินสิ่งที่หลิ่วจิ้นกล่าว เขาจึงเงยหน้าขึ้นด้วยความมึนงงและกล่าวว่า” เจ้าสับสนกระไรหรือ? ผู้หญิงบ้านั่นจะเป็นพระชายาได้อย่างไร” แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าคนที่หลิ่วจิ้นคารวะนั้นคือหยุนชาง จากนั้นเขาก็ตะลึงแล้วยกมือขึ้นอย่างสั่นๆ แล้วชี้ไปทางหยุนชาง “พระ…..พระชายา?”

หลิ่วจิ้นทำเสียงไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกผิดหวังอย่างมากกับสภาพเช่นนี้ของลูกชายของตน จากนั้นจึงกล่าวต่อทหารที่อยู่ข้างๆ ว่า “พาคุณชายกลับไปที่จวนก่อน”

หยุนชางมองหลิ่วฮวานเชิงอย่างเฉยชา จากนั้นจึงหันไปมองหลิ่วจิ้น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเบาๆ “ท่านซือถูมากพิธีเกินไป หากกล่าวตามหลักการแล้ว เรื่องนี้ข้ามิควรมาออกหน้า เพียงแต่ว่าฮวากั๋วกงเป็นท่านตาของท่านอ๋อง เช่นนั้นก็นับว่าเป็นครอบครัวเดียวกับข้าโดยธรรมชาติ ข้าขอแสดงเสียใจกับเรื่องของฮูเหรินน้อยหลิ่ว เพียงแต่เรื่องนี้ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะกล่าวอะไรก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ แน่นอนว่าจวนกั๋วกงจะให้ความร่วมมือในการสืบสวน หากว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนกั๋วกงจริง จวนกั๋วกงก็จะไม่บ่ายเบี่ยงความผิดนี้ เพียงแต่ตอนนี้ความจริงยังไม่ปรากฏ และคุณชายเอะอะโวยวายเช่นนี้ จะส่งความเสียหายต่อจวนกั๋วกง หากว่าเรื่องนี้ไปถึงหูฝ่าบาท ก็คงต้องโทษท่านซือถูที่ไม่สามารถสอนลูกออกมาดีได้แล้วล่ะ”

หลิ่วจิ้นฟังหยุนชางพูดอย่างเงียบๆ และเมื่อหยุนชางกล่าวจบเขาจึงพยักหน้า “หม่อมฉันทราบดีขอรับ หม่อมฉันได้มอบหมายเรื่องนี้ให้กรมอาญาตรวจสอบแล้วขอรับ เมื่อได้ผลการตรวจสอบที่ชัดเจนแล้ว หม่อมฉันจะแสดงความรับผิดชอบสำหรับเรื่องที่เกิดในวันนี้ต่อจวนกั๋วกงอย่างแน่นอนขอรับ เพียงแต่ว่าไม่ว่าอย่างไรพระชายานั้น……”

หลิ่วจิ้นยังไม่ทันกล่าวจบ ก็ได้ยินเสียงที่ทรงพลังดังขึ้นมา “สิ่งที่ชางเอ๋อร์กล่าวมานั้น เป็นสิ่งที่ข้าอยากจะกล่าว”

เมื่อทุกคนหันไป ก็เห็นกั๋วกงฮูเหรินเดินออกจากประตูมา

การแข่งขันระหว่างหลิ่วจิ้นและฮวากั๋วกงในพระราชวังนั้นดุเดือดมาตลอด แม้ว่าจะพบกั๋วกงฮูเหรินอยู่บ้างในงานเลี้ยงต่างๆ แต่ก็มิได้สนิทอย่างมาก ฉะนั้นจึงไม่ทราบนิสัยของนาง เหมือนได้ยินเช่นนี้ก็เงียบไปสักพักจากนั้นก็เอ่ยปากกล่าวขออภัยว่า ” เป็นเพราะลูกชายนั้นโง่เง่าเสียจริงขอรับ กั๋วกงฮูเหรินอย่าได้ถือสาเลยขอรับ”

ฮูเหรินโบกมือแล้วกล่าว “เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดก็เท่านั้นเอง ข้าจะถือสาได้เยี่ยงไร ในเมื่อได้มอบหมายให้กรมอาญาตรวจสอบเรื่องฮูเหรินน้อยหลิ่วแล้ว ฉะนั้นก็คงไม่เหมาะสมหากจวนกั๋วกงจะเข้าไปแทรกแซง แต่ทว่าจวนกั๋วกงก็ถือเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย เช่นนั้นก็รบกวนท่านซือถูหากว่ามีเบาะแสกระไรก็แจ้งให้ทางจวนกั๋วกงทราบในทันที ข้าก็ขอบขอบคุณไว้ ณ ที่นี้”

หลิ่วจิ้นได้ยินกั๋วกงฮูเหรินกล่าวเช่นนี้ จึงรีบกล่าวว่า ” เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้วขอรับ แม้ว่าท่านฮูเหรินไม่กล่าว พวกเราก็จะทำเช่นนี้เหมือนกัน”

“เช่นนั้นก็รบกวนท่านซือถูแล้วกัน” กั๋วกงฮูเหรินคารวะ และกล่าวต่ออีกว่า “ฮูเหรินน้อยหลิ่วเสียชีวิต ในจวนท่านก็คงต้องมีเรื่องมากมายต้องจัดการ เช่นนี้ข้าก็จะไม่รบกวนเวลาท่านซือถูแล้ว”

หลิ่วจิ้นจึงนึกขึ้นได้ว่า วันนี้ฮูเหรินและลูกสะใภ้ของตนนั้นมาร่วมงานฉลองวันเกิดของกั๋วกงฮูเหริน เขาจึงรู้สึกผิดอย่างยิ่ง “ช่างเป็นโทษหนักที่เกินจะให้อภัยเสียงจริง ที่ทำให้กั๋วกงฮูเหรินนั้นต้องกังวลในวันเกิด เมื่อกลับจวนจะนำของขวัญชิ้นใหญ่มามอบอย่างแน่นอน ขอท่านฮูเหรินอย่างได้รังเกียจนะขอรับ” เขากระทืบไม้เท้าเบาๆ ขณะที่กล่าว จากนั้นก็หันไปมองหลิ่วหยินเฟิงและถอนหายใจเบาๆ ราวกับว่าเขาชราลงอย่างมากในทันที “ไปกันเถอะ”

จากนั้นหลิ่วหยินเฟิงจึงละสายตาออกจากหยุนชาง แล้วพยักหน้าเบาๆ พร้อมพยุงหลิ่วจิ้นขึ้นรถม้าไป

“แค่เห็นแม่นางจิ้งจอกนั้นเจ้าก็ละสายตาไปไหนไม่ได้เลยหรือ” หลิ่วจิ้นยกไม้เท้าไปเคาะที่เก้าอี้ของหลิ่วหยินเฟิง แล้วจึงกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ “เหตุใดข้าจึงมีลูกชายที่ไม่เอาไหนเช่นนี้! ปกตินั้นโกงเงินแม่เขาอยู่ที่บ้าน แต่ตอนนี้กลับทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ ทำเรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้ออก ขายหน้าสิ้นดี”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 461 รวบตัวผู้คนและสร้างความวุ่นวาย

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 461 รวบตัวผู้คนและสร้างความวุ่นวาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ประชาชนที่มาล้อมรอบได้ยินเช่นนี้ แล้วมองดูศพที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาว พวกเขาต่างก็กระซิบและพูดคุยกันว่า ” ถึงแม้จะสงสัยจวนกั๋วกง แต่ก็ไม่ควรทำเช่นนี้ เอาศพมาตากแดดเช่นนี้ จะไม่สามารถกลับชาติมาเกิดได้เลยนะ” “ใช่ นายน้อยตระกูลหลิ่วเป็นคนไม่ดีอยู่แล้ว และเขาก็ทำเรื่องแย่ๆ มาตั้งมากมาย ไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาคิดจะทำอะไรไม่ดีอีก” “สงสารจวนกั๋วกงเสียจริง ที่อยู่ดีๆ ก็มาเจอปัญหาที่เฮงซวยเช่นนี้”

เสิ่นอี๋หลานเป็นฉลาด นางรู้วิธีเอาชนะใจผู้คนก่อน หยุนชางคิดและหางตาเหลือบไปเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยของกั๋วกงฮูเหรินปรากฏอยู่หลังประตู ตรงนั้นถูกกั้นด้วยประตู หากว่าหยุนชางไม่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คงไม่เห็นนางหรอก หยุนชางมองไปและเห็นว่ากั๋วกงฮูเหรินยืนอยู่ตรงนั้น และไม่มีท่าทีที่จะออกมาปรากฏตัว

หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ นางเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ

หลิ่วฮวานเชิงถูกทุกคนกล่าวหาเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ไม่พอใจเล็กน้อย “ไม่ว่าอะไรก็ตาม ลูกสะใภ้ของข้าเสียชีวิตหลังจากที่ออกจากจวนกั๋วกง ฉะนั้นพวกเจ้าต้องรับผิดชอบ มิเช่นนั้นอย่าได้หาว่าข้าใจดำแล้วกัน”

“เช่นนั้นหรือ? เจ้าคิดว่าพวกข้าควรรับผิดชอบอย่างไร? แล้วเจ้าจะใจดำอย่างไรหรือ?” เสิ่นอี๋หลานส่งเสียงไม่สบอารมณ์ เลิกคิ้วและจ้องที่หลิ่วฮวานเชิงราวกับมองคนโง่เขลา และสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“ชดใช้ให้ข้าเป็นทองคำ 1 แสนตำลึง แล้วมอบสาวงามที่ยืนอยู่หลังเจ้ามาให้ข้า เช่นนี้ข้าก็จะให้อภัยพวกเจ้า มิเช่นนั้นข้าก็จะให้คนไปปล่อยข่าวเรื่องที่จวนกั๋วกงวางยาพิษฆ่าคน” ดวงตาของหลิ่วฮวานเชิงเป็นประกาย แต่กลับแสร้งทำเป็นสูงส่ง เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วกล่าวช้าๆ

“เหลวไหล!” “เหลวไหล!” เสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เสียงหนึ่งเสียงเป็นของเสิ่นอี๋หลาน และอีกเสียงหนึ่งนั้น หยุนชางเอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วมองออกไป และเห็นรถม้าจอดอยู่ข้างนอกฝูงชน คนที่ส่งเสียงคือหลิ่วหยินเฟิง ส่วนชายชราที่กำลังเตรียมจะลงจากรถนั้นโกรธเคืองจนมีเส้นเลือดขึ้นที่หน้าผากอย่างเห็นได้ชัด ก็มือที่ถือไม้เท่านั้นสั่นเล็กน้อย เขาคือหลิ่วจิ้น

เมื่อเห็นหลิ่วฮวานเชิงเห็นหลิ่วจิ้นมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที เขาหันหลังแล้ววิ่งหนีหลิ่วหยินเฟิง หยุนชางเห็นว่าผ้าขาวนั้นเคลื่อนตัวและทันใดนั้นผ้าก็ถูกเปิดออก คนที่นอนอยู่คือบ่าวใช้ เขาก็วิ่งตามหลิ่วฮวานเชิงไปอย่างเร่งรีบ

หลิ่วจิ้นและหลิ่วหยินเฟิงนำทหารตามมาเพียงสองสามคน หลิ่วจิ้นเห็นเช่นนี้ จึงกระทืบไม้เท้าและกล่าวอย่างเสียงดังว่า “ไป ไปตามจับลูกชายสารเลวนั้นกลับมา บ้าไปแล้วหรือ?”

ทักษะการต่อสู้ของทหารยอดเยี่ยมอย่างมาก เพียงไม่นานพวกเขาก็วิ่งไปอยู่ตรงหน้าหลิ่วฮวานเชิง และจับหลิ่วฮวานเชิงเอาไว้ และนำตัวไปยืนข้างๆ เปลที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวที่ทุกคนเลิกสนใจไปแล้ว หลิ่วฮวานเชิงถูกกระแทกลงพื้น เขากัดฟันและมองไปยังคนที่แต่งกายเป็นบ่าวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ” ข้าให้พวกเจ้าจับตาดูไว้มิใช่หรือ? เหตุใดจึงไม่บอกข้าว่าพวกเขามา”

หลิ่วจิ้นและหลิ่วหยินเฟิงได้เดินฝ่าฝูงชนเข้ามาภายใต้การดูแลของทหารแล้ว พวกเขาเดินไปข้างๆ หลิ่วฮวานเชิง หลิ่วจิ้นยกไม้เท้าขึ้นด้วยสีหน้าที่โกรธเคืองแล้วตีลงไปที่หลิ่วฮวานเชิง หลิ่วฮวานเชิงถูกทุบตีจนคลานหนีไปทั่ว แต่เขาก็โดนตีไปหลายที  เสิ่นอี๋หลานเห็นเช่นนี้จึงรีบหลีกออกไป และผลักหยุนชางออกมา นางมิอาจรับคารวะจากขุนนางในพระราชวังหรอก

ของหยุนชางรับไว้อย่างไม่แยแส หลิ่วจิ้นจึงรีบกล่าวว่า ” เป็นความผิดของหม่อมฉันที่สอนลูกไม่ดี จนเป็นเหตุทำให้พระชายาตกใจ และขอความกรุณาพระชายาโปรดให้อภัยด้วยเถิด”

เมื่อ หลิ่วฮวานเชิงได้ยินสิ่งที่หลิ่วจิ้นกล่าว เขาจึงเงยหน้าขึ้นด้วยความมึนงงและกล่าวว่า” เจ้าสับสนกระไรหรือ? ผู้หญิงบ้านั่นจะเป็นพระชายาได้อย่างไร” แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าคนที่หลิ่วจิ้นคารวะนั้นคือหยุนชาง จากนั้นเขาก็ตะลึงแล้วยกมือขึ้นอย่างสั่นๆ แล้วชี้ไปทางหยุนชาง “พระ…..พระชายา?”

หลิ่วจิ้นทำเสียงไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกผิดหวังอย่างมากกับสภาพเช่นนี้ของลูกชายของตน จากนั้นจึงกล่าวต่อทหารที่อยู่ข้างๆ ว่า “พาคุณชายกลับไปที่จวนก่อน”

หยุนชางมองหลิ่วฮวานเชิงอย่างเฉยชา จากนั้นจึงหันไปมองหลิ่วจิ้น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเบาๆ “ท่านซือถูมากพิธีเกินไป หากกล่าวตามหลักการแล้ว เรื่องนี้ข้ามิควรมาออกหน้า เพียงแต่ว่าฮวากั๋วกงเป็นท่านตาของท่านอ๋อง เช่นนั้นก็นับว่าเป็นครอบครัวเดียวกับข้าโดยธรรมชาติ ข้าขอแสดงเสียใจกับเรื่องของฮูเหรินน้อยหลิ่ว เพียงแต่เรื่องนี้ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะกล่าวอะไรก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ แน่นอนว่าจวนกั๋วกงจะให้ความร่วมมือในการสืบสวน หากว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนกั๋วกงจริง จวนกั๋วกงก็จะไม่บ่ายเบี่ยงความผิดนี้ เพียงแต่ตอนนี้ความจริงยังไม่ปรากฏ และคุณชายเอะอะโวยวายเช่นนี้ จะส่งความเสียหายต่อจวนกั๋วกง หากว่าเรื่องนี้ไปถึงหูฝ่าบาท ก็คงต้องโทษท่านซือถูที่ไม่สามารถสอนลูกออกมาดีได้แล้วล่ะ”

หลิ่วจิ้นฟังหยุนชางพูดอย่างเงียบๆ และเมื่อหยุนชางกล่าวจบเขาจึงพยักหน้า “หม่อมฉันทราบดีขอรับ หม่อมฉันได้มอบหมายเรื่องนี้ให้กรมอาญาตรวจสอบแล้วขอรับ เมื่อได้ผลการตรวจสอบที่ชัดเจนแล้ว หม่อมฉันจะแสดงความรับผิดชอบสำหรับเรื่องที่เกิดในวันนี้ต่อจวนกั๋วกงอย่างแน่นอนขอรับ เพียงแต่ว่าไม่ว่าอย่างไรพระชายานั้น……”

หลิ่วจิ้นยังไม่ทันกล่าวจบ ก็ได้ยินเสียงที่ทรงพลังดังขึ้นมา “สิ่งที่ชางเอ๋อร์กล่าวมานั้น เป็นสิ่งที่ข้าอยากจะกล่าว”

เมื่อทุกคนหันไป ก็เห็นกั๋วกงฮูเหรินเดินออกจากประตูมา

การแข่งขันระหว่างหลิ่วจิ้นและฮวากั๋วกงในพระราชวังนั้นดุเดือดมาตลอด แม้ว่าจะพบกั๋วกงฮูเหรินอยู่บ้างในงานเลี้ยงต่างๆ แต่ก็มิได้สนิทอย่างมาก ฉะนั้นจึงไม่ทราบนิสัยของนาง เหมือนได้ยินเช่นนี้ก็เงียบไปสักพักจากนั้นก็เอ่ยปากกล่าวขออภัยว่า ” เป็นเพราะลูกชายนั้นโง่เง่าเสียจริงขอรับ กั๋วกงฮูเหรินอย่าได้ถือสาเลยขอรับ”

ฮูเหรินโบกมือแล้วกล่าว “เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดก็เท่านั้นเอง ข้าจะถือสาได้เยี่ยงไร ในเมื่อได้มอบหมายให้กรมอาญาตรวจสอบเรื่องฮูเหรินน้อยหลิ่วแล้ว ฉะนั้นก็คงไม่เหมาะสมหากจวนกั๋วกงจะเข้าไปแทรกแซง แต่ทว่าจวนกั๋วกงก็ถือเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย เช่นนั้นก็รบกวนท่านซือถูหากว่ามีเบาะแสกระไรก็แจ้งให้ทางจวนกั๋วกงทราบในทันที ข้าก็ขอบขอบคุณไว้ ณ ที่นี้”

หลิ่วจิ้นได้ยินกั๋วกงฮูเหรินกล่าวเช่นนี้ จึงรีบกล่าวว่า ” เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้วขอรับ แม้ว่าท่านฮูเหรินไม่กล่าว พวกเราก็จะทำเช่นนี้เหมือนกัน”

“เช่นนั้นก็รบกวนท่านซือถูแล้วกัน” กั๋วกงฮูเหรินคารวะ และกล่าวต่ออีกว่า “ฮูเหรินน้อยหลิ่วเสียชีวิต ในจวนท่านก็คงต้องมีเรื่องมากมายต้องจัดการ เช่นนี้ข้าก็จะไม่รบกวนเวลาท่านซือถูแล้ว”

หลิ่วจิ้นจึงนึกขึ้นได้ว่า วันนี้ฮูเหรินและลูกสะใภ้ของตนนั้นมาร่วมงานฉลองวันเกิดของกั๋วกงฮูเหริน เขาจึงรู้สึกผิดอย่างยิ่ง “ช่างเป็นโทษหนักที่เกินจะให้อภัยเสียงจริง ที่ทำให้กั๋วกงฮูเหรินนั้นต้องกังวลในวันเกิด เมื่อกลับจวนจะนำของขวัญชิ้นใหญ่มามอบอย่างแน่นอน ขอท่านฮูเหรินอย่างได้รังเกียจนะขอรับ” เขากระทืบไม้เท้าเบาๆ ขณะที่กล่าว จากนั้นก็หันไปมองหลิ่วหยินเฟิงและถอนหายใจเบาๆ ราวกับว่าเขาชราลงอย่างมากในทันที “ไปกันเถอะ”

จากนั้นหลิ่วหยินเฟิงจึงละสายตาออกจากหยุนชาง แล้วพยักหน้าเบาๆ พร้อมพยุงหลิ่วจิ้นขึ้นรถม้าไป

“แค่เห็นแม่นางจิ้งจอกนั้นเจ้าก็ละสายตาไปไหนไม่ได้เลยหรือ” หลิ่วจิ้นยกไม้เท้าไปเคาะที่เก้าอี้ของหลิ่วหยินเฟิง แล้วจึงกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ “เหตุใดข้าจึงมีลูกชายที่ไม่เอาไหนเช่นนี้! ปกตินั้นโกงเงินแม่เขาอยู่ที่บ้าน แต่ตอนนี้กลับทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ ทำเรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้ออก ขายหน้าสิ้นดี”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+