ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 328 หยุนชางสมานใจไพร่พล

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 328 หยุนชางสมานใจไพร่พล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เฉี่ยนอิน” หยุนชางหันไปมองเฉี่ยนอิน “เจ้าพาทหารไป……” ยังพูดไม่ทันจบ หยุนชางก็หยุดชะงักลงกลางคัน เฉี่ยนอินเป็นเพียงสาวใช้ จะควบคุมกองกำลังกว่าแสนนายนี้ได้อย่างไร อีกอย่าง หลิ่วหยินเฟิงเชี่ยวชาญตำราพิชัยสงคราม แต่เฉี่ยนอินไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย หากพลาดท่าให้หลิ่วหยินเฟิงแล้วล่ะก็ คงไม่มีทางรอดชีวิตออกมาได้แน่

“พระชายา……” เฉี่ยนอินมองมาที่หยุนชางด้วยความสงสัย

ช่างเถอะ ช่างเถอะ หยุนชางกัดฟันแล้วขึ้นไปบนหลังม้า นางประกาศเสียงกร้าว “ทหารทุกท่านทุกนายเชิญพักผ่อนลงตรงนี้ รอดูสถานการณ์กันไปก่อน ประเดี๋ยวข้าจะกลับมา” พูดจบก็ควบม้าลงเขาไป

ณ ป่าทึบบริเวณตีนเขา ทหารกลุ่มหนึ่งยังคงยืนเฝ้ายามกันอย่างแข็งขัน

“ทหารฝ่ายศัตรูใช้วิธีนี้มาล่อลวงทหารของเรา หากพวกท่านเจอแบบนี้เข้า ไม่เท่ากับว่าเราหลงกลศัตรูเข้าหรือ?” หวังชงร้อนใจ

ผู้ช่วยแม่ทัพพยักหน้า “แต่ว่า ท่านแม่ทัพ ข่าวลือนั่นข่มขวัญทหารของเราไปไม่น้อยเลย พวกทหารแคว้นเซี่ยพากันปล่อยข่าวไปทั่วว่าจิ้งอ๋องเป็นองค์ชายแห่งแคว้นเซี่ย หากเป็นเช่นนั้นจริง งั้นพวกเราจะไม่…เสียแรงอุทิศตัวทำทุกอย่างลงไปแต่กลับต้องสูญเปล่าหรอกหรือ?”

“ท่านพูดอะไร จิ้งอ๋องจะไปเป็นองค์ชายแห่งแคว้นเซี่ยได้อย่างไร?” หวังชงโต้ตอบ

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าของม้าก็ได้ดังเข้ามาใกล้ หวังชงรีบลุกขึ้นยืน “ทหารทุกนายจงเตรียมพร้อม”

เหล่าทหารที่กำลังพักผ่อนพลันลุกขึ้นเตรียมพร้อมตามคำสั่ง พวกเขาถือปืนยาวเดินลาดตระเวนไปตามบริเวณโดยรอบ แล้วก็ได้พบกับคนผู้หนึ่งพร้อมม้าสีน้ำตาล 1 ตัวกำลังมุ่งหน้ามา คนบนหลังม้าสวมชุดสีขาวงาช้าง คลุมผ้าคลุมสีขาว

“นั่นมันใต้เท้านี่!” หวังชงมองไปข้างหน้า เขาโล่งใจ ในเมื่อใต้เท้ามาแล้ว แสดงว่าคงจะมีวิธีบางอย่างกลับมาด้วย

หยุนชางโบกมือให้หวังชง นางขี่ม้าเข้ามากลางวงเหล่าทหารแล้วเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”

เหล่าทหารไม่เข้าใจว่าเหตุใดหยุนชางจึงถามเช่นนั้น ต่างมองหน้ากันไปมา พักหนึ่ง จึงมีคนตอบเสียงเบาๆว่า “เป็นใต้เท้ากำกับการขอรับ”

หยุนชางพยักหน้าและส่งยิ้มให้ นางเอ่ยอย่างอ่อนโยนแต่ชัดถ้อยชัดคำขึ้นว่า “แต่ว่า ข้าหาใช่เป็นเพียงใต้เท้ากำกับการเท่านั้น ข้ายังมียศศักดิ์อย่างอื่นด้วย ข้าคือชายาของจิ้งอ๋อง และเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหนิง!”

เมื่อพูดจบ ก็มีเสียงผู้คนซุบซิบกันดังขึ้น เสียงนั้นเซ็งแซ่จับศัพท์ไม่ได้

หยุนชางวางหน้านิ่ง นางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ดังพอจะกลบเสียงเซ็งแซ่ ณ ตรงนั้น “หลายๆคนรู้ว่าข้าเป็นใต้เท้ากำกับการ แต่ไม่รู้ว่าข้าเป็นชายาจิ้งอ๋อง และยังเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหนิง มีหลายคนตั้งคำถาม สตรีเช่นข้า เหตุใดจึงมาเผชิญภยันตรายอยู่ท่ามกลางสนามรบเช่นนี้? เช่นนั้นข้าขอถามพวกเจ้ากลับบ้าง เดิมทีพวกเจ้าสามารถเลือกใช้ชีวิตปกติธรรมดาๆได้ เหตุใดจึงมาปรากฏกายอยู่ในสนามรบเช่นนี้?”

“เพื่อปราบศัตรูขอรับ” “เพื่อขับไล่พวกแคว้นเซี่ยให้ออกไปจากแคว้นหนิงขอรับ” “เพื่อปกป้องรักษาแผ่นดินเกิดขอรับ” ……

มีคำตอบมากมายหลายอย่าง

หยุนชางยิ้ม “คำตอบของข้าก็เป็นดังเช่นพวกเจ้า แคว้นเซี่ยเป็นศัตรูของพวกเรา ตอนนี้พวกเขาลุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของเรา หากพวกเราไม่มาเฝ้าระวังอยู่ที่นี่ สักวัน ดินแดนของพวกเราก็คงต้องถูกยึดครองโดยแคว้นเซี่ย ครอบครัวของพวกเราจะต้องตกเป็นเบี้ยล่างคนแคว้นเซี่ย ข้าคือองค์หญิงฮุ่ยกั๋ว ตอนที่ข้าอายุได้ 8 ขวบ แคว้นหนิงประสบปัญหาความแห้งแล้ง ข้าได้ขอพรให้แผ่นดินเกิดความอุดมสมบูรณ์ ให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล เพื่อการนี้ 7-8 ปีต่อมาข้าจึงได้รับบัญชาจากสวรรค์ ให้กลายเป็นคนอ่อนแอและมักป่วยกระเสาะกระแสะ แต่ข้า หาได้ฟังคำคนรอบข้างไม่ ข้าหันหลังให้กับชีวิตสุขสบายในพระราชวัง มุ่งหน้ามายังชายแดน เฉกเช่นเดียวกันกับพวกเจ้า เพื่อปกป้องรักษาแผ่นดินเกิด เพื่อขับไล่พวกแคว้นเซี่ยให้ออกไปจากแคว้นหนิง สวามีของข้า ก็คือจิ้งอ๋องผู้เป็นวีรบุรุษในใจของทุกคน หลายปีมานี้ เขาตรากตรำทำหน้าที่รักษาดินแดนเพื่อความผาสุขของบ้านเมือง ความโหดร้ายท่ามกลางสนามรบเป็นเช่นไรเชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจดี จิ้งอ๋องอุทิศตน ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายถึงเพียงนี้ พวกเจ้ายังจะยึดถือข่าวลือจากแคว้นเซี่ยนั่นให้มาครอบครองจิตใจตนเองอยู่อีกหรือ?”

หยุนชางกวาดสายตามองไปยังเหล่าทหารที่กำลังยืนก้มหน้า นางวางสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นหนิง ชีวิตของข้าขออุทิศให้กับแคว้นหนิง หากต้องสูญสิ้นแคว้นหนิงไปข้าก็ขอยอมตาย เวลานี้ ข้าขอถามพวกเจ้าเพียงคำเดียว ในยามที่แคว้นเซี่ยก้าวล้ำมาในแผ่นดินของพวกเรา ไล่ล่าสังหารพี่น้องของพวกเรา พวกเราควรสู้สุดใจใช่หรือไม่?”

“สู้! สู้! สู้!” เสียงตอบดังขั้นเกรียวกราว

หยุนชางพยักหน้า แล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อทุกท่านต่างก็เห็นว่าพวกเราสมควรที่จะสู้อย่างสุดใจ พวกเราก็ไม่ควรลุ่มหลงกลลวงของศัตรู จงร่วมมือร่วมใจกันเอาชนะศึกสงครามในครั้งนี้ให้จงได้ พวกแคว้นเซี่ยยกเอาวีรบุรุษของเราไปเป็นเครื่องมือ พวกเราจะให้อภัยไม่ได้โดยเด็ดขาด! หากภายในกองทัพมีผู้ปล่อยข่าวลืออีก จะโดนลงโทษด้วยวินัยทางทหาร มีใครในที่นี้ขัดข้องหรือไม่?”

“ไม่มีขอรับ!”

หยุนชางพยักหน้า นางหันกลับไปมองหวังชง “แม่ทัพหวัง เรื่องนี้คงต้องลำบากท่านแล้วนะ”

พูดจบ หยุนชางก็เดินไปอีกทางที่มีทหารอยู่ นางพูดปลุกใจไพร่พลในทำนองเดียวกัน เวลาผ่านไปราวชั่วยามกว่า หยุนชางเริ่มรู้สึกเจ็บคอพูดต่อไม่ไหวแล้ว ในใจนางพะวงแต่เพียงจิ้งอ๋อง นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ไม่รู้ป่านนี้จิ้งอ๋องจะเป็นอย่างไรบ้าง

หยุนชางรีบกลับมายังปากถ้ำ เฉี่ยนอินรีบเข้ามารับ “พระชายา สายลับรายงานมาว่าได้ยินเสียงการต่อสู้ดังออกมาจากส่วนลึกของภูเขาเพคะ”

หยุนชางขมวดคิ้ว นางไม่มีเวลาแม้แต่จะดื่มน้ำสักอึก นางรีบเรียกรวมไพร่พลมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของภูเขาหยุนจินในทันที

ดูตามร่องรอยที่สายลับทิ้งไว้ ตามทางเดินเต็มไปด้วยซากศพของทหารแคว้นเซี่ยและทหารแคว้นหนิง หยุนชางไม่มีกะจิตกะใจจะมาสนใจว่าฝ่ายใดตายไปมากกว่ากัน นางได้แต่กวดขันให้ไพร่พลด้านหลังเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น

ยิ่งเดินเข้าไปลึกๆ ก็ยิ่งรู้สึกหนาวสะท้าน หยุนชางห่มเสื้อคลุมเอาไว้แน่น เดินมาได้ราวๆ 1 ชั่วยามแล้ว ตลอดทางพบเจอแต่ซากศพ ไม่ได้ยินเสียงสู้รบเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่น้อย

“พระชายาเพคะ!” หยุนชางได้ยินเสียงเฉี่ยนอินร้องเรียกมาจากด้านหน้า นางพาคนไปเดินตรวจตราเส้นทางล่วงหน้า หยุนชางเห็นนางหน้าซีดเผือด ในใจก็รู้สึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย “มีอะไรหรือ?”

“พระชายาเพคะ หม่อมฉันได้พบกับ……ศพของสายลับคนสนิทของท่านอ๋องเพคะ” เฉี่ยนอินรายงานเสียงแผ่ว

หยุนชางมือสั่นเทา ไม่รู้ว่านี่คือข่าวดีหรือข่าวร้าย ยังโชคดีที่นั่นไม่ใช่ศพของลั่วชิงเหยียน แต่ว่า สายลับคนสนิทของจิ้งอ๋องมีวิชาพลางกายชั้นยอด การที่จะปรากฏตัวออกมาแต่ละครั้งก็ต่อเมื่อจิ้งอ๋องตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงเท่านั้น สายลับคนนั้นตายเสียแล้ว……นี่มันหมายความว่า จิ้งอ๋องไม่ใช่แค่ตกอยู่ในอันตรายธรรมดาทั่วไป แต่เป็นอันตรายที่ถึงแก่ชีวิต

“เดินไปข้างหน้าต่อไป!” หยุนชางสั่งเสียงกร้าว นางขี่ม้านำหน้าไป ไม่ว่าจะอย่างไร นางต้องการที่จะได้พบกับจิ้งอ๋อง ไม่ว่าจะเป็น……หรือว่าตาย……

กองซากศพเริ่มปรากฏน้อยลงเรื่อยๆ แต่หยุนชางหาได้สบายใจขึ้นแม้แต่น้อย แต่กลับทวีความร้อนรนมากขึ้นเรื่อยๆ นางกลัวว่า ข้างกายจิ้งอ๋องในเวลานี้จะเหลือคนของเขาอยู่ด้วยเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มได้ยินเสียงเล็ดลอดเข้ามาบ้าง หยุนชางรีบร้องถาม “เฉี่ยนอิน ได้ยินไหม? ได้ยินเสียงการต่อสู้หรือยัง?”

เฉี่ยนอินพยายามเงี่ยหูฟัง แต่ก็ได้ยินเพียงเสียงม้าวิ่งและเสียงชุดเกราะเสียดสีกับร่างกาย นางส่ายหน้า “หม่อมฉันยังไม่ได้ยินเลยเพคะ”

หยุนชางยังคงไม่ลดละ นางมุ่งหน้าเดินทางต่อไปเรื่อยๆ เสียงการต่อสู้ก็ดังชัดมากขึ้นเรื่อยๆ

“พระชายา หม่อมฉันได้ยินแล้ว หม่อมฉันได้ยินแล้วเพคะ” เฉี่ยนอินตะโกนเสียงดัง

หยุนชางพยักหน้า นางแทบอดใจรอต่อไปไม่ไหว นางฟาดแส้เข้าที่ตัวม้า เพื่อเร่งม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าโดยเร็วที่สุด

“พระชายา รอเหล่าทหารด้วยเพคะ” เฉี่ยนอินร้องเรียกอยู่เบื้องหลัง แต่หยุนชางกลับไม่ได้ยินเสียแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 328 หยุนชางสมานใจไพร่พล

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 328 หยุนชางสมานใจไพร่พล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เฉี่ยนอิน” หยุนชางหันไปมองเฉี่ยนอิน “เจ้าพาทหารไป……” ยังพูดไม่ทันจบ หยุนชางก็หยุดชะงักลงกลางคัน เฉี่ยนอินเป็นเพียงสาวใช้ จะควบคุมกองกำลังกว่าแสนนายนี้ได้อย่างไร อีกอย่าง หลิ่วหยินเฟิงเชี่ยวชาญตำราพิชัยสงคราม แต่เฉี่ยนอินไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย หากพลาดท่าให้หลิ่วหยินเฟิงแล้วล่ะก็ คงไม่มีทางรอดชีวิตออกมาได้แน่

“พระชายา……” เฉี่ยนอินมองมาที่หยุนชางด้วยความสงสัย

ช่างเถอะ ช่างเถอะ หยุนชางกัดฟันแล้วขึ้นไปบนหลังม้า นางประกาศเสียงกร้าว “ทหารทุกท่านทุกนายเชิญพักผ่อนลงตรงนี้ รอดูสถานการณ์กันไปก่อน ประเดี๋ยวข้าจะกลับมา” พูดจบก็ควบม้าลงเขาไป

ณ ป่าทึบบริเวณตีนเขา ทหารกลุ่มหนึ่งยังคงยืนเฝ้ายามกันอย่างแข็งขัน

“ทหารฝ่ายศัตรูใช้วิธีนี้มาล่อลวงทหารของเรา หากพวกท่านเจอแบบนี้เข้า ไม่เท่ากับว่าเราหลงกลศัตรูเข้าหรือ?” หวังชงร้อนใจ

ผู้ช่วยแม่ทัพพยักหน้า “แต่ว่า ท่านแม่ทัพ ข่าวลือนั่นข่มขวัญทหารของเราไปไม่น้อยเลย พวกทหารแคว้นเซี่ยพากันปล่อยข่าวไปทั่วว่าจิ้งอ๋องเป็นองค์ชายแห่งแคว้นเซี่ย หากเป็นเช่นนั้นจริง งั้นพวกเราจะไม่…เสียแรงอุทิศตัวทำทุกอย่างลงไปแต่กลับต้องสูญเปล่าหรอกหรือ?”

“ท่านพูดอะไร จิ้งอ๋องจะไปเป็นองค์ชายแห่งแคว้นเซี่ยได้อย่างไร?” หวังชงโต้ตอบ

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าของม้าก็ได้ดังเข้ามาใกล้ หวังชงรีบลุกขึ้นยืน “ทหารทุกนายจงเตรียมพร้อม”

เหล่าทหารที่กำลังพักผ่อนพลันลุกขึ้นเตรียมพร้อมตามคำสั่ง พวกเขาถือปืนยาวเดินลาดตระเวนไปตามบริเวณโดยรอบ แล้วก็ได้พบกับคนผู้หนึ่งพร้อมม้าสีน้ำตาล 1 ตัวกำลังมุ่งหน้ามา คนบนหลังม้าสวมชุดสีขาวงาช้าง คลุมผ้าคลุมสีขาว

“นั่นมันใต้เท้านี่!” หวังชงมองไปข้างหน้า เขาโล่งใจ ในเมื่อใต้เท้ามาแล้ว แสดงว่าคงจะมีวิธีบางอย่างกลับมาด้วย

หยุนชางโบกมือให้หวังชง นางขี่ม้าเข้ามากลางวงเหล่าทหารแล้วเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”

เหล่าทหารไม่เข้าใจว่าเหตุใดหยุนชางจึงถามเช่นนั้น ต่างมองหน้ากันไปมา พักหนึ่ง จึงมีคนตอบเสียงเบาๆว่า “เป็นใต้เท้ากำกับการขอรับ”

หยุนชางพยักหน้าและส่งยิ้มให้ นางเอ่ยอย่างอ่อนโยนแต่ชัดถ้อยชัดคำขึ้นว่า “แต่ว่า ข้าหาใช่เป็นเพียงใต้เท้ากำกับการเท่านั้น ข้ายังมียศศักดิ์อย่างอื่นด้วย ข้าคือชายาของจิ้งอ๋อง และเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหนิง!”

เมื่อพูดจบ ก็มีเสียงผู้คนซุบซิบกันดังขึ้น เสียงนั้นเซ็งแซ่จับศัพท์ไม่ได้

หยุนชางวางหน้านิ่ง นางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ดังพอจะกลบเสียงเซ็งแซ่ ณ ตรงนั้น “หลายๆคนรู้ว่าข้าเป็นใต้เท้ากำกับการ แต่ไม่รู้ว่าข้าเป็นชายาจิ้งอ๋อง และยังเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหนิง มีหลายคนตั้งคำถาม สตรีเช่นข้า เหตุใดจึงมาเผชิญภยันตรายอยู่ท่ามกลางสนามรบเช่นนี้? เช่นนั้นข้าขอถามพวกเจ้ากลับบ้าง เดิมทีพวกเจ้าสามารถเลือกใช้ชีวิตปกติธรรมดาๆได้ เหตุใดจึงมาปรากฏกายอยู่ในสนามรบเช่นนี้?”

“เพื่อปราบศัตรูขอรับ” “เพื่อขับไล่พวกแคว้นเซี่ยให้ออกไปจากแคว้นหนิงขอรับ” “เพื่อปกป้องรักษาแผ่นดินเกิดขอรับ” ……

มีคำตอบมากมายหลายอย่าง

หยุนชางยิ้ม “คำตอบของข้าก็เป็นดังเช่นพวกเจ้า แคว้นเซี่ยเป็นศัตรูของพวกเรา ตอนนี้พวกเขาลุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของเรา หากพวกเราไม่มาเฝ้าระวังอยู่ที่นี่ สักวัน ดินแดนของพวกเราก็คงต้องถูกยึดครองโดยแคว้นเซี่ย ครอบครัวของพวกเราจะต้องตกเป็นเบี้ยล่างคนแคว้นเซี่ย ข้าคือองค์หญิงฮุ่ยกั๋ว ตอนที่ข้าอายุได้ 8 ขวบ แคว้นหนิงประสบปัญหาความแห้งแล้ง ข้าได้ขอพรให้แผ่นดินเกิดความอุดมสมบูรณ์ ให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล เพื่อการนี้ 7-8 ปีต่อมาข้าจึงได้รับบัญชาจากสวรรค์ ให้กลายเป็นคนอ่อนแอและมักป่วยกระเสาะกระแสะ แต่ข้า หาได้ฟังคำคนรอบข้างไม่ ข้าหันหลังให้กับชีวิตสุขสบายในพระราชวัง มุ่งหน้ามายังชายแดน เฉกเช่นเดียวกันกับพวกเจ้า เพื่อปกป้องรักษาแผ่นดินเกิด เพื่อขับไล่พวกแคว้นเซี่ยให้ออกไปจากแคว้นหนิง สวามีของข้า ก็คือจิ้งอ๋องผู้เป็นวีรบุรุษในใจของทุกคน หลายปีมานี้ เขาตรากตรำทำหน้าที่รักษาดินแดนเพื่อความผาสุขของบ้านเมือง ความโหดร้ายท่ามกลางสนามรบเป็นเช่นไรเชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจดี จิ้งอ๋องอุทิศตน ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายถึงเพียงนี้ พวกเจ้ายังจะยึดถือข่าวลือจากแคว้นเซี่ยนั่นให้มาครอบครองจิตใจตนเองอยู่อีกหรือ?”

หยุนชางกวาดสายตามองไปยังเหล่าทหารที่กำลังยืนก้มหน้า นางวางสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นหนิง ชีวิตของข้าขออุทิศให้กับแคว้นหนิง หากต้องสูญสิ้นแคว้นหนิงไปข้าก็ขอยอมตาย เวลานี้ ข้าขอถามพวกเจ้าเพียงคำเดียว ในยามที่แคว้นเซี่ยก้าวล้ำมาในแผ่นดินของพวกเรา ไล่ล่าสังหารพี่น้องของพวกเรา พวกเราควรสู้สุดใจใช่หรือไม่?”

“สู้! สู้! สู้!” เสียงตอบดังขั้นเกรียวกราว

หยุนชางพยักหน้า แล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อทุกท่านต่างก็เห็นว่าพวกเราสมควรที่จะสู้อย่างสุดใจ พวกเราก็ไม่ควรลุ่มหลงกลลวงของศัตรู จงร่วมมือร่วมใจกันเอาชนะศึกสงครามในครั้งนี้ให้จงได้ พวกแคว้นเซี่ยยกเอาวีรบุรุษของเราไปเป็นเครื่องมือ พวกเราจะให้อภัยไม่ได้โดยเด็ดขาด! หากภายในกองทัพมีผู้ปล่อยข่าวลืออีก จะโดนลงโทษด้วยวินัยทางทหาร มีใครในที่นี้ขัดข้องหรือไม่?”

“ไม่มีขอรับ!”

หยุนชางพยักหน้า นางหันกลับไปมองหวังชง “แม่ทัพหวัง เรื่องนี้คงต้องลำบากท่านแล้วนะ”

พูดจบ หยุนชางก็เดินไปอีกทางที่มีทหารอยู่ นางพูดปลุกใจไพร่พลในทำนองเดียวกัน เวลาผ่านไปราวชั่วยามกว่า หยุนชางเริ่มรู้สึกเจ็บคอพูดต่อไม่ไหวแล้ว ในใจนางพะวงแต่เพียงจิ้งอ๋อง นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ไม่รู้ป่านนี้จิ้งอ๋องจะเป็นอย่างไรบ้าง

หยุนชางรีบกลับมายังปากถ้ำ เฉี่ยนอินรีบเข้ามารับ “พระชายา สายลับรายงานมาว่าได้ยินเสียงการต่อสู้ดังออกมาจากส่วนลึกของภูเขาเพคะ”

หยุนชางขมวดคิ้ว นางไม่มีเวลาแม้แต่จะดื่มน้ำสักอึก นางรีบเรียกรวมไพร่พลมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของภูเขาหยุนจินในทันที

ดูตามร่องรอยที่สายลับทิ้งไว้ ตามทางเดินเต็มไปด้วยซากศพของทหารแคว้นเซี่ยและทหารแคว้นหนิง หยุนชางไม่มีกะจิตกะใจจะมาสนใจว่าฝ่ายใดตายไปมากกว่ากัน นางได้แต่กวดขันให้ไพร่พลด้านหลังเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น

ยิ่งเดินเข้าไปลึกๆ ก็ยิ่งรู้สึกหนาวสะท้าน หยุนชางห่มเสื้อคลุมเอาไว้แน่น เดินมาได้ราวๆ 1 ชั่วยามแล้ว ตลอดทางพบเจอแต่ซากศพ ไม่ได้ยินเสียงสู้รบเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่น้อย

“พระชายาเพคะ!” หยุนชางได้ยินเสียงเฉี่ยนอินร้องเรียกมาจากด้านหน้า นางพาคนไปเดินตรวจตราเส้นทางล่วงหน้า หยุนชางเห็นนางหน้าซีดเผือด ในใจก็รู้สึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย “มีอะไรหรือ?”

“พระชายาเพคะ หม่อมฉันได้พบกับ……ศพของสายลับคนสนิทของท่านอ๋องเพคะ” เฉี่ยนอินรายงานเสียงแผ่ว

หยุนชางมือสั่นเทา ไม่รู้ว่านี่คือข่าวดีหรือข่าวร้าย ยังโชคดีที่นั่นไม่ใช่ศพของลั่วชิงเหยียน แต่ว่า สายลับคนสนิทของจิ้งอ๋องมีวิชาพลางกายชั้นยอด การที่จะปรากฏตัวออกมาแต่ละครั้งก็ต่อเมื่อจิ้งอ๋องตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงเท่านั้น สายลับคนนั้นตายเสียแล้ว……นี่มันหมายความว่า จิ้งอ๋องไม่ใช่แค่ตกอยู่ในอันตรายธรรมดาทั่วไป แต่เป็นอันตรายที่ถึงแก่ชีวิต

“เดินไปข้างหน้าต่อไป!” หยุนชางสั่งเสียงกร้าว นางขี่ม้านำหน้าไป ไม่ว่าจะอย่างไร นางต้องการที่จะได้พบกับจิ้งอ๋อง ไม่ว่าจะเป็น……หรือว่าตาย……

กองซากศพเริ่มปรากฏน้อยลงเรื่อยๆ แต่หยุนชางหาได้สบายใจขึ้นแม้แต่น้อย แต่กลับทวีความร้อนรนมากขึ้นเรื่อยๆ นางกลัวว่า ข้างกายจิ้งอ๋องในเวลานี้จะเหลือคนของเขาอยู่ด้วยเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มได้ยินเสียงเล็ดลอดเข้ามาบ้าง หยุนชางรีบร้องถาม “เฉี่ยนอิน ได้ยินไหม? ได้ยินเสียงการต่อสู้หรือยัง?”

เฉี่ยนอินพยายามเงี่ยหูฟัง แต่ก็ได้ยินเพียงเสียงม้าวิ่งและเสียงชุดเกราะเสียดสีกับร่างกาย นางส่ายหน้า “หม่อมฉันยังไม่ได้ยินเลยเพคะ”

หยุนชางยังคงไม่ลดละ นางมุ่งหน้าเดินทางต่อไปเรื่อยๆ เสียงการต่อสู้ก็ดังชัดมากขึ้นเรื่อยๆ

“พระชายา หม่อมฉันได้ยินแล้ว หม่อมฉันได้ยินแล้วเพคะ” เฉี่ยนอินตะโกนเสียงดัง

หยุนชางพยักหน้า นางแทบอดใจรอต่อไปไม่ไหว นางฟาดแส้เข้าที่ตัวม้า เพื่อเร่งม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าโดยเร็วที่สุด

“พระชายา รอเหล่าทหารด้วยเพคะ” เฉี่ยนอินร้องเรียกอยู่เบื้องหลัง แต่หยุนชางกลับไม่ได้ยินเสียแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+