ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 517 ความทรมานใจ

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 517 ความทรมานใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

รุ่ยอ๋องพูดเบาๆแต่กลับมีพลังทำให้คนบางคนรู้สึกหนาวสะท้าน ฮองเฮาทอดพระเนตรมายังเขา สายพระเนตรแฝงไปด้วยความชิงชัง

“พอได้แล้ว เรื่องราวยังตรวจสอบไม่ชัดเจน เจ้าจะมากล่าวโทษคนไปทั่วเช่นนี้ได้อย่างไร? ที่เรียกชางเอ๋อร์มาที่นี่ก็เพื่อที่จะไต่ถามว่า คราก่อนที่ตำหนักเว่ยยาง หยุนซีได้กินอะไรเข้าไป เขาได้สัมผัสกับอะไรไปบ้าง ถามพวกที่คอยดูแลรับใช้ก็ไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้เลย เจ้าลองนึกดูซิ พอจะจำอะไรได้บ้างหรือไม่?” เซี่ยหวนอวี่ในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้นมา เขามองฮองเฮาด้วยสายพระเนตรแน่นิ่ง แล้วตรัสออกมาอย่างสุขุมในขณะที่กำลังก้มหน้าจัดระเบียบแขนเสื้อ

หยุนชางรับคำ “ภายหลังจากที่ฮองเฮาทรงเข้าไปเปลี่ยนฉลองพระองค์แล้ว หม่อมฉันเห็นว่าท่านชายน้อยทรงดูเบื่อๆ จึงให้นางกำนัลไปนำพระกระยาหารที่ท่านชายน้อยโปรดมาให้ สิ่งที่นางกำนัลนำมานั้นเป็นขนมเกาลัด แต่ท่านชายน้อยก็เสวยไปได้ไม่มาก ทรงกัดไปเพียงครึ่งชิ้นแล้วพระนมก็มาถึงเพคะ หม่อมฉันก็เลยให้พระนมดูแล นอกเหนือจากนี้ ท่านชายน้อยเพียงแค่ดื่มน้ำไปเล็กน้อยเท่านั้นเพคะ”

ฮองเฮาขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง “ปกติหยุนซีก็กินขนมเกาลัดเป็นประจำ ก็ไม่เคยเกิดเรื่องผิดปกติมาก่อน”

“ให้คนไปนำขนมเกาลัดที่เหลือจานนั้นมา แล้วถามพระนมด้วยว่า ขนมเกาลัดอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือจากที่ท่านชายกิน นางได้จัดการอย่างไร” เซี่ยหวนอวี่เงยหน้าขึ้นมาแล้วตรัสกับหลิวเหวินอันที่ยืนอยู่ข้างหลัง

หยุนชางฟังแล้วก็ได้หันไปดูเซี่ยหยุนซีที่นอนอยู่บนเตียง

สีหน้าของเซี่ยหยุนซีขาวซีด หน้าผากมีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด หยุนชางพินิจพิเคราะห์อยู่สักพักแล้วจึงหันไปถามหมอหลวง “ท่านชายทรงเป็นอะไรกันแน่?”

หมอหลวงคนหนึ่งหันมามองหยุนชาง แล้วจึงหันไปมองเซี่ยหวนอวี่สักครู่ แล้วจึงตอบว่า “คาดว่าน่าจะโดนยาพิษพ่ะย่ะค่ะ”

“โดนยาพิษ?” หยุนชางขมวดคิ้ว นี่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเสิ่นซู่เฟยหรือเปล่านะ?

หลิวเหวินอันกลับเข้ามาในตำหนักอีกครั้ง ในมือของเขาถือจานขนมเกาลัดมาด้วย เซี่ยหวนอวี่ส่งสัญญาณมือ หลิวเหวินอันก็ได้นำจานขนมเกาลัดมาวางไว้ตรงหน้าหมอหลวง หมอหลวงทั้งสามใช้เข็มเงินเพื่อตรวจสอบยาพิษ พวกเขาทำการตรวจสอบกันอย่างถี่ถ้วน แล้วจึงขมวดคิ้วกราบทูลว่า “ในจานนี้ มีเพียงขนมเกาลัดธรรมดาเท่านั้น ไม่มียาพิษเจือปนเลยพ่ะย่ะค่ะ”

เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้ว “ขนมเกาลัดไม่มียาพิษ ในถ้วยน้ำชาพวกเจ้าก็บอกว่าไม่มียาพิษ เช่นนั้นลองบอกมาซิว่า ท่านชายโดนวางยาพิษได้อย่างไร?”

หยุนชางยังคงจ้องมองเซี่ยหยุนซีไม่หยุด พลางฟังสิ่งที่คนหนึ่งถาม คนหนึ่งตอบ จากนั้นนางก็เดินไปที่ข้างเตียง

“ชางเอ๋อร์” เสียงเรียกจากลั่วชิงเหยียนที่อยู่ด้านหลังดังขึ้น หยุนชางหันกลับไปดู ก็เห็นสายตาของลั่วชิงเหยียนกำลังบ่งบอกถึงการไม่เห็นด้วย หยุนชางยิ้มเล็กน้อย พลางส่งสายตาบอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง แล้วนางก็หันไปมองเซี่ยหวนอวี่ “หม่อมฉันเคยศึกษาเรื่องยามาบ้าง ทรงให้หม่อมฉันดูพระอาการท่านชายหน่อยได้หรือไม่เพคะ?”

หมอหลวงมีอาการเลิ่กลั่ก พวกเขามองไปยังเซี่ยหวนอวี่ เซี่ยหวนอวี่ไตร่ตรองอยู่สักพัก แล้วจึงพยักหน้า “เจ้าลองไปดูสิ”

ฮองเฮาที่กำลังจะเอ่ยปากตรัสอะไรบางอย่าง เมื่อได้ยินเซี่ยหวนอวี่ตรัสเช่นนั้นไปแล้ว นางก็ได้แต่ยั้งปากมิอาจพูดสิ่งใดต่อไปได้

หยุนชางสำรวจชีพจร การเต้นของชีพจรดูผิดปกติ นางลูบไปที่หน้าผากของเซี่ยหยุนซี หน้าผากนั้นมีไอร้อนเล็กน้อย นางก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า “ช่วงนี้ท่านชายน้อยมีพระอาการปวดศีรษะและท้องเสียบ้างหรือไม่?”

นางกำนัลที่อยู่ใกล้ๆรีบตอบกลับ “เพคะ ท่านชายน้อยทรงเริ่มบ่นว่าปวดศีรษะ รู้สึกเหมือนทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเรี่ยวแรง แล้วจึงทรงบ่นว่าปวดท้อง หลังจากนั้นก็ทรงหมดสติไปเพคะ”

หยุนชางตั้งใจฟังและคิดตาม นางพยักหน้าแล้วหันไปมองหมอหลวงทั้งสาม “เท่าที่หม่อมฉันได้ทำการตรวจสอบ ท่านชายน้อยทรงได้รับพิษจริงๆ แต่ไม่ใช่จากยาพิษ หากแต่เป็นพิษจากอาหารจนทำให้เกิดอาการแพ้เพคะ”

“พิษจากอาหาร?” ทุกคนในที่นั้นต่างก็รู้สึกงุนงง เซี่ยหวนอวี่และฮองเฮาจ้องมองมาที่หยุนชาง หมอหลวงคนหนึ่งได้พูดขึ้นมาว่า “แต่ท่านชายไม่เคยมีประวัติการได้รับพิษจากอาหารจนแพ้อาหารเช่นนี้มาก่อนเลยพ่ะย่ะค่ะ”

หยุนชางพยักหน้า “ขนมเกาลัดไม่ได้ทำให้ท่านชายแพ้อาหารหรอกเพคะ แต่หม่อมฉันทราบมาว่ามีพืชชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเกาลัดมาก สามารถรับประทานได้ มีรสชาติแตกต่างจากเกาลัด แต่เนื่องจากท่านชายน้อยยังทรงพระเยาว์จึงไม่สามารถแยกแยะรสชาติได้ พืชชนิดนั้นสามารถทำให้ผู้ที่รับประทานเข้าไปเกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งอาการแพ้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับพระอาการของท่านชายในตอนนี้เพคะ”

“มันคือพืชชนิดใดกัน?” ฮองเฮารีบตั้งคำถาม

“มันคือลูกเจินจื่อเพคะ” หยุนชางมองไปยังเซี่ยหยุนซีแล้วถอนหายใจเบาๆ “ลูกเจินจื่อเติบโตบนต้นไม้ตามป่าเขา ชาวบ้านบางคนนำมาขายเป็นผลิตภัณฑ์จากในป่า เป็นของที่เอาไว้ดูเล่นได้ หรือจะรับประทานเล็กน้อยก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเพคะ แต่ก็มีบางคนที่แพ้พืชชนิดนี้ เพราะสภาพร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกันเพคะ”

หมอหลวงในชุดสีน้ำเงินที่ยืนอยู่ข้างๆพยักหน้า “พืชที่พระชายาตรัสถึง หม่อมฉันเคยพบในตำราการแพทย์ แต่จำไม่ค่อยได้ว่ามีรูปร่างลักษณะอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วอาการแพ้ที่เกิดจากลูกเจินจื่อมีวิธีแก้หรือไม่?” ฮองเฮาทรงลุกขึ้นแล้วรีบถาม

หยุนชางยิ้ม “วิธีแก้ง่ายมาก เพียงให้ดื่มน้ำมากๆ ทรงให้นางกำนัลนำน้ำอุ่นๆมาถวายให้ท่านชายบ่อยๆเพียงเท่านั้นเองเพคะ”

เมื่อฮองเฮาได้ฟังก็มองหยุนชางด้วยความสงสัย นางรู้สึกไม่ค่อยเชื่อใจหยุนชางเท่าไรนัก หยุนชางเดินออกมาจากเตียง แล้วกราบทูลเซี่ยหวนอวี่ว่า “แต่นี่เป็นเพียงการวินิจฉัยเบื้องต้นของหม่อมฉัน หากทรงต้องการตรวจสอบโดยละเอียด ต้องนำขนมเกาลัดอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือมาดูเพคะ”

เซี่ยหวนอวี่พยักหน้า แล้วรับสั่งให้นางกำนัลไปนำน้ำมา

พลันพระนมของเซี่ยหยุนซีก็ได้เอ่ยขึ้นว่า ก่อนหน้านี้นางได้นำขนมเกาลัดอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือวางไว้บนเก้าอี้ แล้วหันมาดูแลท่านชายต่อ โดยไม่ได้ใส่ใจขนมชิ้นนั้นอีกเลย

ฮองเฮามีสีพระพักตร์ที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก “เด็กๆ ไปทำการไต่สวนผู้ที่อยู่ในตำหนักนี้ในวันนี้ต่อไป ข้าไม่เชื่อว่า จะไม่มีผู้รู้เห็นถึงสิ่งผิดปกติ”

ลั่วชิงเหยียนเริ่มจะหมดความอดทน เขาพูดกับเซี่ยหวนอวี่ว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระชายา นี่ก็ดึกมากแล้ว หม่อมฉันขอพาพระชายากลับจวนก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ พระองค์จะให้คนทำการตรวจสอบอย่างไรก็สุดแล้วแต่พระองค์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”

เซี่ยหวนอวี่มองดูลั่วชิงเหยียนด้วยสายพระเนตรที่ไม่ค่อยจะยินดีนัก สักพักเขาก็พยักหน้า “เจ้ากลับไปเถอะ”

ลั่วชิงเหยียนพาหยุนชางออกมาจากพระราชวัง สีหน้าของเขาไม่ค่อยสู้ดี เมื่อขึ้นมาบนรถม้าแล้ว กลับนั่งนิ่งไม่ยอมสั่งให้สารถีออกรถ

หยุนชางสะกิดเขา แล้วยิ้มให้ “ท่านอ๋องโกรธข้าหรือเพคะ? ที่ข้าไม่ยอมเชื่อฟังการห้ามจากท่านแล้วไปดูอาการของท่านชายน่ะ?”

ลั่วชิงเหยียนยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร หยุนชางจึงพูดต่อไปว่า “แต่ว่าท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันไม่อาจอดทนดูเด็กน้อยคนนั้นทนเจ็บปวดต่อหน้าต่อตาหม่อมฉันได้นี่เพคะ หม่อมฉัน……” หยุนชางพลันนึกไปถึงภาพเรื่องราวในอดีตที่ลูกของนางได้รับความทรมาน หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางไม่ได้เอ่ยปากพูดสิ่งใดต่อไปอีก

ทันใดนั้น มือของนางก็ถูกกุมเอาไว้จนแน่น หยุนชางเงยหน้ามองดูลั่วชิงเหยียน สายตาของเขาแน่นิ่ง สักพักเขาจึงเอ่ยปากว่า “ข้าไม่ได้โกรธเจ้า ข้าโกรธตัวข้าเอง หลายเดือนมานี้ ข้าไม่ได้เตรียมการให้พร้อมก็ต้องมาอยู่ที่แคว้นเซี่ยเสียแล้ว สายลับไม่ทันได้วางแผน พวกเขาไม่อาจเข้าไปในวังได้ ในวังจึงไม่มีคนคอยช่วยพวกเรา ด้วยเหตุนี้จึงมักเกิดปัญหาขึ้นกับเจ้าเสมอ ข้ากลับไม่อาจปกป้องเจ้าได้เลย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 517 ความทรมานใจ

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 517 ความทรมานใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

รุ่ยอ๋องพูดเบาๆแต่กลับมีพลังทำให้คนบางคนรู้สึกหนาวสะท้าน ฮองเฮาทอดพระเนตรมายังเขา สายพระเนตรแฝงไปด้วยความชิงชัง

“พอได้แล้ว เรื่องราวยังตรวจสอบไม่ชัดเจน เจ้าจะมากล่าวโทษคนไปทั่วเช่นนี้ได้อย่างไร? ที่เรียกชางเอ๋อร์มาที่นี่ก็เพื่อที่จะไต่ถามว่า คราก่อนที่ตำหนักเว่ยยาง หยุนซีได้กินอะไรเข้าไป เขาได้สัมผัสกับอะไรไปบ้าง ถามพวกที่คอยดูแลรับใช้ก็ไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้เลย เจ้าลองนึกดูซิ พอจะจำอะไรได้บ้างหรือไม่?” เซี่ยหวนอวี่ในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้นมา เขามองฮองเฮาด้วยสายพระเนตรแน่นิ่ง แล้วตรัสออกมาอย่างสุขุมในขณะที่กำลังก้มหน้าจัดระเบียบแขนเสื้อ

หยุนชางรับคำ “ภายหลังจากที่ฮองเฮาทรงเข้าไปเปลี่ยนฉลองพระองค์แล้ว หม่อมฉันเห็นว่าท่านชายน้อยทรงดูเบื่อๆ จึงให้นางกำนัลไปนำพระกระยาหารที่ท่านชายน้อยโปรดมาให้ สิ่งที่นางกำนัลนำมานั้นเป็นขนมเกาลัด แต่ท่านชายน้อยก็เสวยไปได้ไม่มาก ทรงกัดไปเพียงครึ่งชิ้นแล้วพระนมก็มาถึงเพคะ หม่อมฉันก็เลยให้พระนมดูแล นอกเหนือจากนี้ ท่านชายน้อยเพียงแค่ดื่มน้ำไปเล็กน้อยเท่านั้นเพคะ”

ฮองเฮาขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง “ปกติหยุนซีก็กินขนมเกาลัดเป็นประจำ ก็ไม่เคยเกิดเรื่องผิดปกติมาก่อน”

“ให้คนไปนำขนมเกาลัดที่เหลือจานนั้นมา แล้วถามพระนมด้วยว่า ขนมเกาลัดอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือจากที่ท่านชายกิน นางได้จัดการอย่างไร” เซี่ยหวนอวี่เงยหน้าขึ้นมาแล้วตรัสกับหลิวเหวินอันที่ยืนอยู่ข้างหลัง

หยุนชางฟังแล้วก็ได้หันไปดูเซี่ยหยุนซีที่นอนอยู่บนเตียง

สีหน้าของเซี่ยหยุนซีขาวซีด หน้าผากมีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด หยุนชางพินิจพิเคราะห์อยู่สักพักแล้วจึงหันไปถามหมอหลวง “ท่านชายทรงเป็นอะไรกันแน่?”

หมอหลวงคนหนึ่งหันมามองหยุนชาง แล้วจึงหันไปมองเซี่ยหวนอวี่สักครู่ แล้วจึงตอบว่า “คาดว่าน่าจะโดนยาพิษพ่ะย่ะค่ะ”

“โดนยาพิษ?” หยุนชางขมวดคิ้ว นี่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเสิ่นซู่เฟยหรือเปล่านะ?

หลิวเหวินอันกลับเข้ามาในตำหนักอีกครั้ง ในมือของเขาถือจานขนมเกาลัดมาด้วย เซี่ยหวนอวี่ส่งสัญญาณมือ หลิวเหวินอันก็ได้นำจานขนมเกาลัดมาวางไว้ตรงหน้าหมอหลวง หมอหลวงทั้งสามใช้เข็มเงินเพื่อตรวจสอบยาพิษ พวกเขาทำการตรวจสอบกันอย่างถี่ถ้วน แล้วจึงขมวดคิ้วกราบทูลว่า “ในจานนี้ มีเพียงขนมเกาลัดธรรมดาเท่านั้น ไม่มียาพิษเจือปนเลยพ่ะย่ะค่ะ”

เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้ว “ขนมเกาลัดไม่มียาพิษ ในถ้วยน้ำชาพวกเจ้าก็บอกว่าไม่มียาพิษ เช่นนั้นลองบอกมาซิว่า ท่านชายโดนวางยาพิษได้อย่างไร?”

หยุนชางยังคงจ้องมองเซี่ยหยุนซีไม่หยุด พลางฟังสิ่งที่คนหนึ่งถาม คนหนึ่งตอบ จากนั้นนางก็เดินไปที่ข้างเตียง

“ชางเอ๋อร์” เสียงเรียกจากลั่วชิงเหยียนที่อยู่ด้านหลังดังขึ้น หยุนชางหันกลับไปดู ก็เห็นสายตาของลั่วชิงเหยียนกำลังบ่งบอกถึงการไม่เห็นด้วย หยุนชางยิ้มเล็กน้อย พลางส่งสายตาบอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง แล้วนางก็หันไปมองเซี่ยหวนอวี่ “หม่อมฉันเคยศึกษาเรื่องยามาบ้าง ทรงให้หม่อมฉันดูพระอาการท่านชายหน่อยได้หรือไม่เพคะ?”

หมอหลวงมีอาการเลิ่กลั่ก พวกเขามองไปยังเซี่ยหวนอวี่ เซี่ยหวนอวี่ไตร่ตรองอยู่สักพัก แล้วจึงพยักหน้า “เจ้าลองไปดูสิ”

ฮองเฮาที่กำลังจะเอ่ยปากตรัสอะไรบางอย่าง เมื่อได้ยินเซี่ยหวนอวี่ตรัสเช่นนั้นไปแล้ว นางก็ได้แต่ยั้งปากมิอาจพูดสิ่งใดต่อไปได้

หยุนชางสำรวจชีพจร การเต้นของชีพจรดูผิดปกติ นางลูบไปที่หน้าผากของเซี่ยหยุนซี หน้าผากนั้นมีไอร้อนเล็กน้อย นางก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า “ช่วงนี้ท่านชายน้อยมีพระอาการปวดศีรษะและท้องเสียบ้างหรือไม่?”

นางกำนัลที่อยู่ใกล้ๆรีบตอบกลับ “เพคะ ท่านชายน้อยทรงเริ่มบ่นว่าปวดศีรษะ รู้สึกเหมือนทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเรี่ยวแรง แล้วจึงทรงบ่นว่าปวดท้อง หลังจากนั้นก็ทรงหมดสติไปเพคะ”

หยุนชางตั้งใจฟังและคิดตาม นางพยักหน้าแล้วหันไปมองหมอหลวงทั้งสาม “เท่าที่หม่อมฉันได้ทำการตรวจสอบ ท่านชายน้อยทรงได้รับพิษจริงๆ แต่ไม่ใช่จากยาพิษ หากแต่เป็นพิษจากอาหารจนทำให้เกิดอาการแพ้เพคะ”

“พิษจากอาหาร?” ทุกคนในที่นั้นต่างก็รู้สึกงุนงง เซี่ยหวนอวี่และฮองเฮาจ้องมองมาที่หยุนชาง หมอหลวงคนหนึ่งได้พูดขึ้นมาว่า “แต่ท่านชายไม่เคยมีประวัติการได้รับพิษจากอาหารจนแพ้อาหารเช่นนี้มาก่อนเลยพ่ะย่ะค่ะ”

หยุนชางพยักหน้า “ขนมเกาลัดไม่ได้ทำให้ท่านชายแพ้อาหารหรอกเพคะ แต่หม่อมฉันทราบมาว่ามีพืชชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเกาลัดมาก สามารถรับประทานได้ มีรสชาติแตกต่างจากเกาลัด แต่เนื่องจากท่านชายน้อยยังทรงพระเยาว์จึงไม่สามารถแยกแยะรสชาติได้ พืชชนิดนั้นสามารถทำให้ผู้ที่รับประทานเข้าไปเกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งอาการแพ้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับพระอาการของท่านชายในตอนนี้เพคะ”

“มันคือพืชชนิดใดกัน?” ฮองเฮารีบตั้งคำถาม

“มันคือลูกเจินจื่อเพคะ” หยุนชางมองไปยังเซี่ยหยุนซีแล้วถอนหายใจเบาๆ “ลูกเจินจื่อเติบโตบนต้นไม้ตามป่าเขา ชาวบ้านบางคนนำมาขายเป็นผลิตภัณฑ์จากในป่า เป็นของที่เอาไว้ดูเล่นได้ หรือจะรับประทานเล็กน้อยก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเพคะ แต่ก็มีบางคนที่แพ้พืชชนิดนี้ เพราะสภาพร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกันเพคะ”

หมอหลวงในชุดสีน้ำเงินที่ยืนอยู่ข้างๆพยักหน้า “พืชที่พระชายาตรัสถึง หม่อมฉันเคยพบในตำราการแพทย์ แต่จำไม่ค่อยได้ว่ามีรูปร่างลักษณะอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วอาการแพ้ที่เกิดจากลูกเจินจื่อมีวิธีแก้หรือไม่?” ฮองเฮาทรงลุกขึ้นแล้วรีบถาม

หยุนชางยิ้ม “วิธีแก้ง่ายมาก เพียงให้ดื่มน้ำมากๆ ทรงให้นางกำนัลนำน้ำอุ่นๆมาถวายให้ท่านชายบ่อยๆเพียงเท่านั้นเองเพคะ”

เมื่อฮองเฮาได้ฟังก็มองหยุนชางด้วยความสงสัย นางรู้สึกไม่ค่อยเชื่อใจหยุนชางเท่าไรนัก หยุนชางเดินออกมาจากเตียง แล้วกราบทูลเซี่ยหวนอวี่ว่า “แต่นี่เป็นเพียงการวินิจฉัยเบื้องต้นของหม่อมฉัน หากทรงต้องการตรวจสอบโดยละเอียด ต้องนำขนมเกาลัดอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือมาดูเพคะ”

เซี่ยหวนอวี่พยักหน้า แล้วรับสั่งให้นางกำนัลไปนำน้ำมา

พลันพระนมของเซี่ยหยุนซีก็ได้เอ่ยขึ้นว่า ก่อนหน้านี้นางได้นำขนมเกาลัดอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือวางไว้บนเก้าอี้ แล้วหันมาดูแลท่านชายต่อ โดยไม่ได้ใส่ใจขนมชิ้นนั้นอีกเลย

ฮองเฮามีสีพระพักตร์ที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก “เด็กๆ ไปทำการไต่สวนผู้ที่อยู่ในตำหนักนี้ในวันนี้ต่อไป ข้าไม่เชื่อว่า จะไม่มีผู้รู้เห็นถึงสิ่งผิดปกติ”

ลั่วชิงเหยียนเริ่มจะหมดความอดทน เขาพูดกับเซี่ยหวนอวี่ว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระชายา นี่ก็ดึกมากแล้ว หม่อมฉันขอพาพระชายากลับจวนก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ พระองค์จะให้คนทำการตรวจสอบอย่างไรก็สุดแล้วแต่พระองค์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”

เซี่ยหวนอวี่มองดูลั่วชิงเหยียนด้วยสายพระเนตรที่ไม่ค่อยจะยินดีนัก สักพักเขาก็พยักหน้า “เจ้ากลับไปเถอะ”

ลั่วชิงเหยียนพาหยุนชางออกมาจากพระราชวัง สีหน้าของเขาไม่ค่อยสู้ดี เมื่อขึ้นมาบนรถม้าแล้ว กลับนั่งนิ่งไม่ยอมสั่งให้สารถีออกรถ

หยุนชางสะกิดเขา แล้วยิ้มให้ “ท่านอ๋องโกรธข้าหรือเพคะ? ที่ข้าไม่ยอมเชื่อฟังการห้ามจากท่านแล้วไปดูอาการของท่านชายน่ะ?”

ลั่วชิงเหยียนยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร หยุนชางจึงพูดต่อไปว่า “แต่ว่าท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันไม่อาจอดทนดูเด็กน้อยคนนั้นทนเจ็บปวดต่อหน้าต่อตาหม่อมฉันได้นี่เพคะ หม่อมฉัน……” หยุนชางพลันนึกไปถึงภาพเรื่องราวในอดีตที่ลูกของนางได้รับความทรมาน หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางไม่ได้เอ่ยปากพูดสิ่งใดต่อไปอีก

ทันใดนั้น มือของนางก็ถูกกุมเอาไว้จนแน่น หยุนชางเงยหน้ามองดูลั่วชิงเหยียน สายตาของเขาแน่นิ่ง สักพักเขาจึงเอ่ยปากว่า “ข้าไม่ได้โกรธเจ้า ข้าโกรธตัวข้าเอง หลายเดือนมานี้ ข้าไม่ได้เตรียมการให้พร้อมก็ต้องมาอยู่ที่แคว้นเซี่ยเสียแล้ว สายลับไม่ทันได้วางแผน พวกเขาไม่อาจเข้าไปในวังได้ ในวังจึงไม่มีคนคอยช่วยพวกเรา ด้วยเหตุนี้จึงมักเกิดปัญหาขึ้นกับเจ้าเสมอ ข้ากลับไม่อาจปกป้องเจ้าได้เลย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+