ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 211 นอกเหนือความคาดหมาย (๒)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 211 นอกเหนือความคาดหมาย (๒) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยุนชางยิ้มและมองไปที่หวังจินเหยียน "ไม่คาดคิดเลยว่าเข็มเย็บปักชิ้นเล็ก ๆ นี้จะทำให้คุณหญิงหวังของเรายอมแพ้"

สีหน้าของหวังจินเหยียนนั้นไม่มีร่องรอยของความรู้สึกผิด "ไม่เห็นจะเป็นกระไรเลย ของแบบนั้นใครๆก็ทำเป็น ข้าจะฝึกมาเพื่อทำการอันใดหรือ? ทางกลับกันการขี่ม้าและการยิงธนู ในพระราชวังนี้สตรีที่ทำเช่นนี้ได้คงมีไม่มากใช่หรือไม่ แต่ข้ากลับทำได้"

หยุนชางอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลังจากหัวเราะแล้ว นางก็ไม่กล้าลืมจุดประสงค์ที่มาที่นี่ในวันนี้ จากนั้นจึงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า "พี่ชายของเจ้าอยู่ที่ใด ข้ามีเรื่องด่วนต้องพบเขา "

หวังจินเหยียนรู้นิสัยของหยุนชางเป็นอย่างดี ในเมื่อนางบอกว่าเรื่องด่วน นั่นก็แสดงว่าได้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น แต่นางก็ไม่ลืมที่จะแกล้งนาง "ที่แท้แล้วเจ้ามิได้มาที่นี่เพราะมาพบข้าหรือ ข้าเสียใจอย่างมาก ช่างมันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปหาพี่ชายประเดี๋ยวนี้"

หยุนชางตบมือของนางและพูดว่า "เจ้าตัวดีของข้า"

ตามคำกล่าวของหวังจินเหยียน คนที่ได้รับพิษจากชาใช่ช่วงนี้ไม่เพียงแต่มีนางคนเดียว ยังมีหวังจินฮวนอีกคน ว่ากันว่าช่วงนี้หวังจินฮวนค่อนข้างลำบากนัก เขาถูกบังคับให้สมรส หวังฮูเหรินนำภาพวาดของเหล่าสตรีที่เหมาะสมของตระกูลขุนนางที่อยู่ในพระราชวังทั้งหมดนี้ แบ่งให้เขาวันละใบสองใบให้เขาเลือกภรรยา

เมื่อหยุนชางและหวังจินเหยียนไปถึงลานหน้าห้องของหวังจินฮวน พวกนางก็พบว่าหวังจินฮวนกำลังนอนเศร้าโศกอยู่บนภาพวาดเหล่านั้น และเอาแต่พึมพำว่า " ข้าควรทำอย่างไรดี คุณหญิงฉินดูอ่อนโยนและมีคุณธรรม แต่คุณหญิงจ้าวงดงามยิ่งกว่า คุณหญิงเฉียนก็ดูมีชีวิตชีวาและร่าเริงมากกว่า คุณหญิงฉีมีน้ำใจ และคุณหญิงซู คุณหญิงหวัง คุณหญิงซุนอีก…"

หยุนชางเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง แต่นางก็ไออยู่เป็นเวลานาน

หวังจินฮวนได้ยินเสียงจึงมองไป ในแววตาของเขาฉายแววสงสัยออกมาเล็กน้อย "องค์หญิง? องค์หญิงคิดอย่างไรจึงมาที่จวนหวังขอรับ? หรือว่ามีข่าวของท่านอ๋องแล้วขอรับ?"

หวังจินเหยียนก็ทราบข่าวที่จิ้งอ๋องหายตัวไป แต่เมื่อสักครู่ที่พบหยุนชางนั้นกลับนึกขึ้นมาไม่ได้ คราวนี้ได้ยินพี่ชายของตนพูดถึงเรื่องนี้ นางจึงกล่าวด้วยความเป็นห่วง "องค์หญิง จิ้งอ๋องไม่เป็นกระไรใช่หรือไม่?"

หยุนชางส่ายหัว "ตอนนี้ข้าก็ยังไม่ทราบเช่นกัน วันนี้ที่ข้ามาพบคุณชายหวังก็เพื่อการอื่น แต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสด็จอาอย่างมาก" หยุนชางมองไปที่หวังจินฮวน ใบหน้าของนางไม่มีรอยยิ้มปรากฏแต่ดูจริงจังอย่างมาก " คุณชายหวัง ข้ามีเรื่องอยากจะสอบถาม สองสามวันก่อนท่านอ๋องได้สั่งให้เจ้าไปตรวจสอบหนิงเย่ใช่หรือไม่? เจ้าได้ผลสรุปว่าอย่างไรบ้างหรือ?"

เมื่อหวังจินฮวนได้ยินคำถามของหยุนชาง ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย จากนั้นเขาก็มองซ้ายมองขวาแล้วกล่าวว่า " หรือว่าการหายตัวไปของท่านอ๋องนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับหนิงเย่หรือ?"

"ตอนนี้ข้ายังไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ แต่ข้าคิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เจ้ายังไม่ต้องกล่าวผลการสืบของเจ้าให้ข้าฟังก็ย่อมได้ แต่ข้าจะพูดถึงผลการสืบของข้าก่อน หนิงเย่ในตอนนี้มิใช่หนิงเย่คนเดิม มีคนปลอมตัวเป็นเขา" หยุนชางกล่าวด้วยสีหน้าเฉยชา

เมื่อเห็นว่าหยุนชางพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างสงบ หวังจินฮวนก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานเขาจึงยิ้มและกล่าวว่า " องค์หญิงพูดถูกขอรับ ผลที่เราพบก็เป็นเช่นนี้ แต่ว่าการหายตัวไปของท่านอ๋องมีส่วนเกี่ยวข้องกับหนิงเย่หรือ?"

"ข้าไม่สามารถพูดอย่างมั่นใจได้ว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนิงเย่ ข้าแค่สงสัยเพียงเท่านั้นเอง" หยุนชางถอนหายใจ และหลังจากนั้นไม่นาน นางจึงกล่าวว่า "เจ้าเป็นคนที่เสด็จอาไว้ใจ ข้าก็จะไม่ปิดบังเจ้าแล้วกัน วันนี้ท่านตาได้เข้ามาในพระราชวัง ท่านบอกกับข้าว่า ท่านพบร่องรอยของการตั้งกองกำลังที่ภูเขากิเลน และเป็นกองกำลังที่ไม่ใช่ของแคว้นหนิง….."

สีหน้าของหวังจินฮวนเปลี่ยนไปในทันที " ที่แท้ก็เป็นดั่งที่ท่านอ๋องคาดเดาเอาไว้ มีคนนำกองกำลังทหารเข้ามาตั้งถิ่นฐานในแคว้นหนิงอย่างเงียบๆจริงด้วย……….."

เป็นดั่งที่จิ้งอ๋องคาดเดาเอาไว้งั้นหรือ? หยุนชางสังเกตคำพูดที่หวังจินฮวนใช้ และมองไปที่เขาด้วยแววตาสงสัยเล็กน้อย หวังจินฮวนจึงพยักหน้าและกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องถูกลอบสังหารอยู่หลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งการลอบสังหารนั้นร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างการถูกลอบสังหารในปีที่แล้ว ท่านอ๋องก็ไปพบกองกำลังหนึ่งขบวนเล็กๆอย่างบังเอิญ เมื่อจำแนกจากอุปกรณ์ที่ใช้และสำเนียงแล้ว พวกเขาไม่ใช่คนของแคว้นหนิง แม้ว่าจะอยู่ในแคว้นหนิง แต่กองกำลังเช่นนี้กลับมีไม่น้อย แคว้นหนิงก็มีกองกำลังเช่นนี้อยู่ที่แคว้นอื่นเช่นกัน แต่ท่านอ๋องกลับรู้สึกว่ามันดูแปลกอย่างมาก จึงส่งคนไปสืบค้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ข้อมูลที่ได้กลับมานั้นมีน้อยมาก แต่ก็พบบางอย่างที่ผิดปกติ เช่น หนิงเย่เคยสั่งให้คนลบบันทึกของคนต่างแดนที่เข้ามาแคว้นหนิงออก "

"เพราะฉะนั้นท่านอ๋องจึงสั่งให้ข้าไปสืบหนิงเย่ และจากการสืบค้นของข้านั้นพบว่า หนิงเย่นี้ดูแตกต่างจากข่าวลือที่ลือกันก่อนหน้านี้ เราส่งคนแอบแฝงตัวเข้าไปในจวนซุ่นชิ่งอ๋อง มีแต่ทางหนิงเย่ที่มีการป้องกันหนักหนา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถวางเส้นสายไว้ได้ แต่เมื่อถามคนชราในจวนซุ่นชิ่งอ๋องแล้ว พวกเขาก็กล่าวว่า หนิงเย่นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก … "

"หนิงเย่เปลี่ยนไปมากเช่นนี้ หากว่าคนที่สงสัยเพียงแค่สืบเล็กน้อยก็คงทราบความจริง ซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายาซุ่นชิ่งอ๋องไม่เคยสงสัยในเรื่องนี้เลยหรือ:black">?" หยุนชางขมวดคิ้ว

หวังจินฮวนยิ้มอย่างขมขื่น "แน่นอนว่าเคยสงสัยแล้ว เพียงแต่ว่าหนิงเย่ไม่มีร่องรอยของการปลอมตัวเลย แม้แต่ปานตอนกำเนิดก็เหมือนกับหนิงเย่คนเดิมทุกประการ…"

หยุนชางเข้าใจแล้ว จึงพยักหน้า " เรื่องนี้ข้าทราบแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือหาเสด็จอาให้พบ เช่นนั้นข้าจะกลับวังก่อน หากว่ามีข่าวใดๆ เจ้าก็ส่งเหยียนเอ๋อร์มารายงานข้าแล้วกัน"

หวังจินเหยียนพยักหน้า "ได้ ฝ่าบาททรงตรัสแล้วว่าข้าเป็นทหารของท่านอ๋อง การได้ทำงานให้ท่านอ๋องนั้น เป็นสิ่งสมควรแล้วเจ้าค่ะ"

หยุนชางกลับไปที่พระราชวังและนั่งบนเบานุ่มเป็นเวลานาน แล้วจึงพูดว่า "เจ้าอยู่กับข้ามานาน เรื่องที่เกิดในวันนี้ ข่าวต่างๆนั้นเจ้าก็ทราบแล้ว เจ้าก็ควรบอกกับข้ามิใช่หรือว่าท่านจิ้งอ๋องอยู่ที่ใดกันแน่? หากว่ากองทัพแสนคนนี้ลงมือขึ้นว่า เกรงว่าแคว้นหนิงคงจะเกิดการวุ่นวายครั้งใหญ่"

ในตำหนักนั้นเงียบสงบ ไม่มีเสียงจากใคร หยุนชางหลับตาลง สีหน้าของนางเหนื่อยล้าเล็กน้อย นางตะโกนตามเฉี่ยนอิน " ส่งข่าวไปให้หนิงเฉี่ยน เรียกรวมตัวทุกคนที่สามารถตามตัวได้ในตอนนี้ คืนนี้ข้ามีเรื่องจะสั่งการ"

เฉี่ยนอินตอบรับและถอยออกไป แต่ในห้องนั้นก็มีเสียงที่สงบนิ่งที่ไม่สั่นไหวของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา " หากแคว้นหนิงเกิดความวุ่นวายแล้วยังไง? นายท่านทำงานหนักเพื่อปกป้องแคว้นหนิง ต่อต้านศัตรู แต่จักรพรรดิหนิงก็ยังสงสัยท่านเช่นเดิม หากผู้ลอบสังหารเป็นคนแคว้นอื่น ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยนายท่านไป การลอบสังหารหลายครั้งที่ผ่านมากมีแต่จะเอาชีวิตของในท่านไป แต่ครั้งนี้ นายท่านกลับถูกจับตัวไป……"

หยุนชางตกตะลึงและมีอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นในใจ " ฉะนั้น ผู้ที่จับกุมตัวเสด็จอาไปนั้น……คือ… เสด็จพ่อหรือ?"

มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา "หึหึ ย่อมเป็นจักรพรรดิหนิง จักรพรรดิหนิงทรงเกรงกลัวนายท่านมาตลอด คราวนี้ที่จับตัวนายท่านไปก็เพื่ออยากให้นายท่านมอบตราอาญาสิทธิ์ออกมาครึ่งหนึ่งก็เท่านั้น และนายท่านก็ตอบตกลง หากวันที่ท่านอภิเษกสมรสกับองค์หญิง ท่านก็จะนำตราอาญาสิทธิ์ครึ่งนั้นมาให้พระองค์กับมือ แต่จักรพรรดิหนิงก็ยังไม่เชื่อท่าน!

หยุนชางตกตะลึง ไม่น่าเชื่อว่าจิ้งอ๋องจะตกลงว่าในวันที่พวกเขาอภิเษกสมรสนั้น จะมอบตราอาญาสิทธิ์ออกมาครึ่งหนึ่งอย่างนั้นหรือ? แล้วเหตุใดเขาจึงไม่เคยพูดเรื่องเช่นนี้กับตนเลย เพราะเหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้?

"ไม่จริง เสด็จอาถูกหลอกออกไปเพราะเวินหยูอวี้ปลอมตัวเป็นข้า เวินหยูอวี้เคยจับตัวข้าไป อีกทั้งจวนเวินและจวนมหาเสนาบดีหลี่นั้นสนิทกันอย่างมาก คนที่จับตัวข้าไปและนำตัวข้าไปให้เวินหยูอวี้นั้นคือคนของมหาเสนาบดีหลี่ เสด็จพ่อ……….." หยุนชางกัดฟันไว้ ความเหลือเชื่อนั้นปรากฏขึ้นภายในใจ

"เวินหยูอวี้นั้นไม่ถูกเวินหยุนชิงอยู่แล้ว เวินหยูอวี้อยากอภิเษกสมรสกับนายท่าน แต่เวินหยุนชิงกลับอยากให้นางเป็นนางสนมในพระราชวัง เพื่อที่จะได้ช่วยสนับสนุนอำนาจของจวนเวิน คนที่ทำการแลกเปลี่ยนกับมหาเสนาบดีหลี่นั้นคือเวินหยุนชิง แต่เวินหยูอวี้นั้นมิใช่คนโง่ นางพูดเงื่อนไขกับเวินหยุนชิง ขอให้เวินหยุนชิงนั้นสั่งให้ตนของจวนหลี่จับตัวเจ้า และส่งตัวเจ้าไปให้นาง แล้วนางก็จะตกลงที่จะเข้าวังเป็นนางสนม แต่อีกด้านหนึ่งนางกลับวางแผนว่า หากจวนหลี่นำตัวเจ้าไปให้นางแล้ว นางจะทำให้เจ้าหายไปนับจากนี้ เพื่อที่นางจะได้ครองตำแหน่งพระชายาจิ้งอ๋อง ด้วยเหตุนี้ นางจึงทำข้อตกลงกับฝ่าบาทอีกครั้ง และรับปากกับฝ่าบาทว่าจะหาทางหลอกล่อนายท่านออกไป เพื่อให้ฝ่าบาทได้จับตัวนายท่านไปอย่างไร้ร่องรอย และให้คนของนายท่านหันกลับไปสนใจในอำนาจของจวนหลี่หรืออำนาจอื่นๆ และข้อตกลงของนางกับฝ่าบาทก็คือให้นางได้อภิเษกสมรสเป็นนางสนมของนายท่าน"

หยุนชางรู้สึกเจ็บปวดในใจ จึงยิ้มอย่างขมขื่น เธอคิดไม่มีผิด เสด็จพ่อของตนนั้นช่างเป็นฮ่องเต้ที่ดีเยี่ยมเสียจริง!

"ฉินยีไปเชิญท่านตาของข้ามาพบข้า…….." หยุนชางพูดอย่างเสียงดัง

เสด็จพ่อของนางต้องการตราอาญาสิทธิ์ ซึ่งไม่ผิด เพราะพระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิ เพียงแต่ว่า เสด็จพ่อไม่ทราบว่ามีคนได้ตั้งกองกำลังที่แคว้นหนิงไว้แสนคนแล้ว หากว่าตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับจิ้งอ๋อง ข้าเกรงว่าแคว้นหนิงคงจะวุ่นวายเสียจริง

หลังจากนั้นไม่นาน ฉินยีก็พาเซียวหย่วนซานมาพบ หยุนชางเดินไปที่ห้องโถงด้านนอก ให้ฉินยีและเฉี่ยนอินเฝ้าประตูไว้ แล้วนางก็นำข่าวที่ได้รับบอกกล่าวกับเซียวหย่วนซานทุกประการ

เซียวหย่วนซานเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงยิ้มอย่างขมขื่น "ยิ่งนานเข้าฝ่าบาทก็ยิ่งถอยหลังกลับไปในอดีต สิบปีที่แล้วข้าเคยทูลพระองค์แล้วว่า อย่าได้แตะต้องตัวจิ้งอ๋อง เพราะพระองค์ต้องการคนเช่นนี้ แล้วจึงจะระงับจวนหลี่ไว้ได้ แม้ว่าตอนนั้นจิ้งอ๋องยังไม่ได้เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามเหมือนในวันนี้ และวันนี้ท่านเป็นแล้วก็ไม่ควรแตะต้องอย่างเด็ดขาด ข้าเกรงว่าคงเพราะเมื่อตอนที่จิ้งอ๋องพูดถึงเรื่องอภิเษกสมรสกับเจ้านั้น แล้วได้พูดถึงตราอาญาสิทธิ์ ฝ่าบาทจึงได้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา พระองค์คงครุ่นคิดไปมาก จึงรู้สึกว่ามีตราอาญาสิทธิ์อยู่ที่จิ้งอ๋องครึ่งหนึ่งนั้นไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่ พระองค์จึงได้มีความคิดเช่นนี้ขึ้นมา"

หยุนชางเงียบสงบมิได้กล่าวกระไร

เซียวหย่วนซานก็สังเกตเห็นจึงยิ้มและกล่าวว่า "โชคดีที่มันไม่เกิดเรื่องร้ายแรงกระไร ชางเอ๋อร์ เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการ ข้าจะเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทให้ปล่อยตัวจิ้งอ๋อง เพียงแต่ว่าหากเจ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก เมื่อจิ้งอ๋องถูกปล่อยตัวแล้ว เจ้าก็คุยกับเขาให้ดี พวกเจ้า……….เร่งอภิเษกสมรสเถอะ"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 211 นอกเหนือความคาดหมาย (๒)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 211 นอกเหนือความคาดหมาย (๒) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยุนชางยิ้มและมองไปที่หวังจินเหยียน "ไม่คาดคิดเลยว่าเข็มเย็บปักชิ้นเล็ก ๆ นี้จะทำให้คุณหญิงหวังของเรายอมแพ้"

สีหน้าของหวังจินเหยียนนั้นไม่มีร่องรอยของความรู้สึกผิด "ไม่เห็นจะเป็นกระไรเลย ของแบบนั้นใครๆก็ทำเป็น ข้าจะฝึกมาเพื่อทำการอันใดหรือ? ทางกลับกันการขี่ม้าและการยิงธนู ในพระราชวังนี้สตรีที่ทำเช่นนี้ได้คงมีไม่มากใช่หรือไม่ แต่ข้ากลับทำได้"

หยุนชางอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลังจากหัวเราะแล้ว นางก็ไม่กล้าลืมจุดประสงค์ที่มาที่นี่ในวันนี้ จากนั้นจึงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า "พี่ชายของเจ้าอยู่ที่ใด ข้ามีเรื่องด่วนต้องพบเขา "

หวังจินเหยียนรู้นิสัยของหยุนชางเป็นอย่างดี ในเมื่อนางบอกว่าเรื่องด่วน นั่นก็แสดงว่าได้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น แต่นางก็ไม่ลืมที่จะแกล้งนาง "ที่แท้แล้วเจ้ามิได้มาที่นี่เพราะมาพบข้าหรือ ข้าเสียใจอย่างมาก ช่างมันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปหาพี่ชายประเดี๋ยวนี้"

หยุนชางตบมือของนางและพูดว่า "เจ้าตัวดีของข้า"

ตามคำกล่าวของหวังจินเหยียน คนที่ได้รับพิษจากชาใช่ช่วงนี้ไม่เพียงแต่มีนางคนเดียว ยังมีหวังจินฮวนอีกคน ว่ากันว่าช่วงนี้หวังจินฮวนค่อนข้างลำบากนัก เขาถูกบังคับให้สมรส หวังฮูเหรินนำภาพวาดของเหล่าสตรีที่เหมาะสมของตระกูลขุนนางที่อยู่ในพระราชวังทั้งหมดนี้ แบ่งให้เขาวันละใบสองใบให้เขาเลือกภรรยา

เมื่อหยุนชางและหวังจินเหยียนไปถึงลานหน้าห้องของหวังจินฮวน พวกนางก็พบว่าหวังจินฮวนกำลังนอนเศร้าโศกอยู่บนภาพวาดเหล่านั้น และเอาแต่พึมพำว่า " ข้าควรทำอย่างไรดี คุณหญิงฉินดูอ่อนโยนและมีคุณธรรม แต่คุณหญิงจ้าวงดงามยิ่งกว่า คุณหญิงเฉียนก็ดูมีชีวิตชีวาและร่าเริงมากกว่า คุณหญิงฉีมีน้ำใจ และคุณหญิงซู คุณหญิงหวัง คุณหญิงซุนอีก…"

หยุนชางเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง แต่นางก็ไออยู่เป็นเวลานาน

หวังจินฮวนได้ยินเสียงจึงมองไป ในแววตาของเขาฉายแววสงสัยออกมาเล็กน้อย "องค์หญิง? องค์หญิงคิดอย่างไรจึงมาที่จวนหวังขอรับ? หรือว่ามีข่าวของท่านอ๋องแล้วขอรับ?"

หวังจินเหยียนก็ทราบข่าวที่จิ้งอ๋องหายตัวไป แต่เมื่อสักครู่ที่พบหยุนชางนั้นกลับนึกขึ้นมาไม่ได้ คราวนี้ได้ยินพี่ชายของตนพูดถึงเรื่องนี้ นางจึงกล่าวด้วยความเป็นห่วง "องค์หญิง จิ้งอ๋องไม่เป็นกระไรใช่หรือไม่?"

หยุนชางส่ายหัว "ตอนนี้ข้าก็ยังไม่ทราบเช่นกัน วันนี้ที่ข้ามาพบคุณชายหวังก็เพื่อการอื่น แต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสด็จอาอย่างมาก" หยุนชางมองไปที่หวังจินฮวน ใบหน้าของนางไม่มีรอยยิ้มปรากฏแต่ดูจริงจังอย่างมาก " คุณชายหวัง ข้ามีเรื่องอยากจะสอบถาม สองสามวันก่อนท่านอ๋องได้สั่งให้เจ้าไปตรวจสอบหนิงเย่ใช่หรือไม่? เจ้าได้ผลสรุปว่าอย่างไรบ้างหรือ?"

เมื่อหวังจินฮวนได้ยินคำถามของหยุนชาง ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย จากนั้นเขาก็มองซ้ายมองขวาแล้วกล่าวว่า " หรือว่าการหายตัวไปของท่านอ๋องนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับหนิงเย่หรือ?"

"ตอนนี้ข้ายังไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ แต่ข้าคิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เจ้ายังไม่ต้องกล่าวผลการสืบของเจ้าให้ข้าฟังก็ย่อมได้ แต่ข้าจะพูดถึงผลการสืบของข้าก่อน หนิงเย่ในตอนนี้มิใช่หนิงเย่คนเดิม มีคนปลอมตัวเป็นเขา" หยุนชางกล่าวด้วยสีหน้าเฉยชา

เมื่อเห็นว่าหยุนชางพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างสงบ หวังจินฮวนก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานเขาจึงยิ้มและกล่าวว่า " องค์หญิงพูดถูกขอรับ ผลที่เราพบก็เป็นเช่นนี้ แต่ว่าการหายตัวไปของท่านอ๋องมีส่วนเกี่ยวข้องกับหนิงเย่หรือ?"

"ข้าไม่สามารถพูดอย่างมั่นใจได้ว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนิงเย่ ข้าแค่สงสัยเพียงเท่านั้นเอง" หยุนชางถอนหายใจ และหลังจากนั้นไม่นาน นางจึงกล่าวว่า "เจ้าเป็นคนที่เสด็จอาไว้ใจ ข้าก็จะไม่ปิดบังเจ้าแล้วกัน วันนี้ท่านตาได้เข้ามาในพระราชวัง ท่านบอกกับข้าว่า ท่านพบร่องรอยของการตั้งกองกำลังที่ภูเขากิเลน และเป็นกองกำลังที่ไม่ใช่ของแคว้นหนิง….."

สีหน้าของหวังจินฮวนเปลี่ยนไปในทันที " ที่แท้ก็เป็นดั่งที่ท่านอ๋องคาดเดาเอาไว้ มีคนนำกองกำลังทหารเข้ามาตั้งถิ่นฐานในแคว้นหนิงอย่างเงียบๆจริงด้วย……….."

เป็นดั่งที่จิ้งอ๋องคาดเดาเอาไว้งั้นหรือ? หยุนชางสังเกตคำพูดที่หวังจินฮวนใช้ และมองไปที่เขาด้วยแววตาสงสัยเล็กน้อย หวังจินฮวนจึงพยักหน้าและกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องถูกลอบสังหารอยู่หลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งการลอบสังหารนั้นร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างการถูกลอบสังหารในปีที่แล้ว ท่านอ๋องก็ไปพบกองกำลังหนึ่งขบวนเล็กๆอย่างบังเอิญ เมื่อจำแนกจากอุปกรณ์ที่ใช้และสำเนียงแล้ว พวกเขาไม่ใช่คนของแคว้นหนิง แม้ว่าจะอยู่ในแคว้นหนิง แต่กองกำลังเช่นนี้กลับมีไม่น้อย แคว้นหนิงก็มีกองกำลังเช่นนี้อยู่ที่แคว้นอื่นเช่นกัน แต่ท่านอ๋องกลับรู้สึกว่ามันดูแปลกอย่างมาก จึงส่งคนไปสืบค้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ข้อมูลที่ได้กลับมานั้นมีน้อยมาก แต่ก็พบบางอย่างที่ผิดปกติ เช่น หนิงเย่เคยสั่งให้คนลบบันทึกของคนต่างแดนที่เข้ามาแคว้นหนิงออก "

"เพราะฉะนั้นท่านอ๋องจึงสั่งให้ข้าไปสืบหนิงเย่ และจากการสืบค้นของข้านั้นพบว่า หนิงเย่นี้ดูแตกต่างจากข่าวลือที่ลือกันก่อนหน้านี้ เราส่งคนแอบแฝงตัวเข้าไปในจวนซุ่นชิ่งอ๋อง มีแต่ทางหนิงเย่ที่มีการป้องกันหนักหนา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถวางเส้นสายไว้ได้ แต่เมื่อถามคนชราในจวนซุ่นชิ่งอ๋องแล้ว พวกเขาก็กล่าวว่า หนิงเย่นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก … "

"หนิงเย่เปลี่ยนไปมากเช่นนี้ หากว่าคนที่สงสัยเพียงแค่สืบเล็กน้อยก็คงทราบความจริง ซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายาซุ่นชิ่งอ๋องไม่เคยสงสัยในเรื่องนี้เลยหรือ:black">?" หยุนชางขมวดคิ้ว

หวังจินฮวนยิ้มอย่างขมขื่น "แน่นอนว่าเคยสงสัยแล้ว เพียงแต่ว่าหนิงเย่ไม่มีร่องรอยของการปลอมตัวเลย แม้แต่ปานตอนกำเนิดก็เหมือนกับหนิงเย่คนเดิมทุกประการ…"

หยุนชางเข้าใจแล้ว จึงพยักหน้า " เรื่องนี้ข้าทราบแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือหาเสด็จอาให้พบ เช่นนั้นข้าจะกลับวังก่อน หากว่ามีข่าวใดๆ เจ้าก็ส่งเหยียนเอ๋อร์มารายงานข้าแล้วกัน"

หวังจินเหยียนพยักหน้า "ได้ ฝ่าบาททรงตรัสแล้วว่าข้าเป็นทหารของท่านอ๋อง การได้ทำงานให้ท่านอ๋องนั้น เป็นสิ่งสมควรแล้วเจ้าค่ะ"

หยุนชางกลับไปที่พระราชวังและนั่งบนเบานุ่มเป็นเวลานาน แล้วจึงพูดว่า "เจ้าอยู่กับข้ามานาน เรื่องที่เกิดในวันนี้ ข่าวต่างๆนั้นเจ้าก็ทราบแล้ว เจ้าก็ควรบอกกับข้ามิใช่หรือว่าท่านจิ้งอ๋องอยู่ที่ใดกันแน่? หากว่ากองทัพแสนคนนี้ลงมือขึ้นว่า เกรงว่าแคว้นหนิงคงจะเกิดการวุ่นวายครั้งใหญ่"

ในตำหนักนั้นเงียบสงบ ไม่มีเสียงจากใคร หยุนชางหลับตาลง สีหน้าของนางเหนื่อยล้าเล็กน้อย นางตะโกนตามเฉี่ยนอิน " ส่งข่าวไปให้หนิงเฉี่ยน เรียกรวมตัวทุกคนที่สามารถตามตัวได้ในตอนนี้ คืนนี้ข้ามีเรื่องจะสั่งการ"

เฉี่ยนอินตอบรับและถอยออกไป แต่ในห้องนั้นก็มีเสียงที่สงบนิ่งที่ไม่สั่นไหวของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา " หากแคว้นหนิงเกิดความวุ่นวายแล้วยังไง? นายท่านทำงานหนักเพื่อปกป้องแคว้นหนิง ต่อต้านศัตรู แต่จักรพรรดิหนิงก็ยังสงสัยท่านเช่นเดิม หากผู้ลอบสังหารเป็นคนแคว้นอื่น ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยนายท่านไป การลอบสังหารหลายครั้งที่ผ่านมากมีแต่จะเอาชีวิตของในท่านไป แต่ครั้งนี้ นายท่านกลับถูกจับตัวไป……"

หยุนชางตกตะลึงและมีอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นในใจ " ฉะนั้น ผู้ที่จับกุมตัวเสด็จอาไปนั้น……คือ… เสด็จพ่อหรือ?"

มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา "หึหึ ย่อมเป็นจักรพรรดิหนิง จักรพรรดิหนิงทรงเกรงกลัวนายท่านมาตลอด คราวนี้ที่จับตัวนายท่านไปก็เพื่ออยากให้นายท่านมอบตราอาญาสิทธิ์ออกมาครึ่งหนึ่งก็เท่านั้น และนายท่านก็ตอบตกลง หากวันที่ท่านอภิเษกสมรสกับองค์หญิง ท่านก็จะนำตราอาญาสิทธิ์ครึ่งนั้นมาให้พระองค์กับมือ แต่จักรพรรดิหนิงก็ยังไม่เชื่อท่าน!

หยุนชางตกตะลึง ไม่น่าเชื่อว่าจิ้งอ๋องจะตกลงว่าในวันที่พวกเขาอภิเษกสมรสนั้น จะมอบตราอาญาสิทธิ์ออกมาครึ่งหนึ่งอย่างนั้นหรือ? แล้วเหตุใดเขาจึงไม่เคยพูดเรื่องเช่นนี้กับตนเลย เพราะเหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้?

"ไม่จริง เสด็จอาถูกหลอกออกไปเพราะเวินหยูอวี้ปลอมตัวเป็นข้า เวินหยูอวี้เคยจับตัวข้าไป อีกทั้งจวนเวินและจวนมหาเสนาบดีหลี่นั้นสนิทกันอย่างมาก คนที่จับตัวข้าไปและนำตัวข้าไปให้เวินหยูอวี้นั้นคือคนของมหาเสนาบดีหลี่ เสด็จพ่อ……….." หยุนชางกัดฟันไว้ ความเหลือเชื่อนั้นปรากฏขึ้นภายในใจ

"เวินหยูอวี้นั้นไม่ถูกเวินหยุนชิงอยู่แล้ว เวินหยูอวี้อยากอภิเษกสมรสกับนายท่าน แต่เวินหยุนชิงกลับอยากให้นางเป็นนางสนมในพระราชวัง เพื่อที่จะได้ช่วยสนับสนุนอำนาจของจวนเวิน คนที่ทำการแลกเปลี่ยนกับมหาเสนาบดีหลี่นั้นคือเวินหยุนชิง แต่เวินหยูอวี้นั้นมิใช่คนโง่ นางพูดเงื่อนไขกับเวินหยุนชิง ขอให้เวินหยุนชิงนั้นสั่งให้ตนของจวนหลี่จับตัวเจ้า และส่งตัวเจ้าไปให้นาง แล้วนางก็จะตกลงที่จะเข้าวังเป็นนางสนม แต่อีกด้านหนึ่งนางกลับวางแผนว่า หากจวนหลี่นำตัวเจ้าไปให้นางแล้ว นางจะทำให้เจ้าหายไปนับจากนี้ เพื่อที่นางจะได้ครองตำแหน่งพระชายาจิ้งอ๋อง ด้วยเหตุนี้ นางจึงทำข้อตกลงกับฝ่าบาทอีกครั้ง และรับปากกับฝ่าบาทว่าจะหาทางหลอกล่อนายท่านออกไป เพื่อให้ฝ่าบาทได้จับตัวนายท่านไปอย่างไร้ร่องรอย และให้คนของนายท่านหันกลับไปสนใจในอำนาจของจวนหลี่หรืออำนาจอื่นๆ และข้อตกลงของนางกับฝ่าบาทก็คือให้นางได้อภิเษกสมรสเป็นนางสนมของนายท่าน"

หยุนชางรู้สึกเจ็บปวดในใจ จึงยิ้มอย่างขมขื่น เธอคิดไม่มีผิด เสด็จพ่อของตนนั้นช่างเป็นฮ่องเต้ที่ดีเยี่ยมเสียจริง!

"ฉินยีไปเชิญท่านตาของข้ามาพบข้า…….." หยุนชางพูดอย่างเสียงดัง

เสด็จพ่อของนางต้องการตราอาญาสิทธิ์ ซึ่งไม่ผิด เพราะพระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิ เพียงแต่ว่า เสด็จพ่อไม่ทราบว่ามีคนได้ตั้งกองกำลังที่แคว้นหนิงไว้แสนคนแล้ว หากว่าตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับจิ้งอ๋อง ข้าเกรงว่าแคว้นหนิงคงจะวุ่นวายเสียจริง

หลังจากนั้นไม่นาน ฉินยีก็พาเซียวหย่วนซานมาพบ หยุนชางเดินไปที่ห้องโถงด้านนอก ให้ฉินยีและเฉี่ยนอินเฝ้าประตูไว้ แล้วนางก็นำข่าวที่ได้รับบอกกล่าวกับเซียวหย่วนซานทุกประการ

เซียวหย่วนซานเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงยิ้มอย่างขมขื่น "ยิ่งนานเข้าฝ่าบาทก็ยิ่งถอยหลังกลับไปในอดีต สิบปีที่แล้วข้าเคยทูลพระองค์แล้วว่า อย่าได้แตะต้องตัวจิ้งอ๋อง เพราะพระองค์ต้องการคนเช่นนี้ แล้วจึงจะระงับจวนหลี่ไว้ได้ แม้ว่าตอนนั้นจิ้งอ๋องยังไม่ได้เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามเหมือนในวันนี้ และวันนี้ท่านเป็นแล้วก็ไม่ควรแตะต้องอย่างเด็ดขาด ข้าเกรงว่าคงเพราะเมื่อตอนที่จิ้งอ๋องพูดถึงเรื่องอภิเษกสมรสกับเจ้านั้น แล้วได้พูดถึงตราอาญาสิทธิ์ ฝ่าบาทจึงได้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา พระองค์คงครุ่นคิดไปมาก จึงรู้สึกว่ามีตราอาญาสิทธิ์อยู่ที่จิ้งอ๋องครึ่งหนึ่งนั้นไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่ พระองค์จึงได้มีความคิดเช่นนี้ขึ้นมา"

หยุนชางเงียบสงบมิได้กล่าวกระไร

เซียวหย่วนซานก็สังเกตเห็นจึงยิ้มและกล่าวว่า "โชคดีที่มันไม่เกิดเรื่องร้ายแรงกระไร ชางเอ๋อร์ เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการ ข้าจะเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทให้ปล่อยตัวจิ้งอ๋อง เพียงแต่ว่าหากเจ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก เมื่อจิ้งอ๋องถูกปล่อยตัวแล้ว เจ้าก็คุยกับเขาให้ดี พวกเจ้า……….เร่งอภิเษกสมรสเถอะ"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+