ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 209 ท่านตามาพบ

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 209 ท่านตามาพบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยุนชางขมวดคิ้ว ฮวากั๋วกง? ท่านมาพบตนเพื่อการอันใด? หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนที่นางอยู่ที่หอวี่หมั่น ท่านฮวากั๋วกงนั้นจ้องมองไปที่จิ้งอ๋องแทบไม่กะพริบตา หรือว่าการหายตัวไปของจิ้งอ๋องมีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านหรือ?

"ไปกันเถอะ ข้าจะไปถวายบังคมต่อเสด็จพ่ออยู่พ่อดี" หยุนชางลุกขึ้นและเสด็จตามหัวหน้าเจิ้งไปที่ตำหนักฉินเจิ้ง

เมื่อไปถึงตำหนักฉินเจิ้ง ก็พบว่าจักรพรรดิหนิงกำลังเล่นหมากรุกอยู่กับฮวากั๋วกง เซี่ยโหจิ้งยืนชมอยู่ข้าง ๆ อย่างสนุกสนาน หยุนชางก้าวไปและมองดูบนกระดานหมากรุก ฝีมือของทั้งสองสูสีกัน หยุนชางเองก็ยืนชมอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ

หลังจากผ่านไปไม่นาน ทั้งสองก็หยุดลง จักรพรรดิหนิงยิ้มและกล่าวว่า " เราไม่เจอกันนานหลายปี ฝีมือการเล่นหมากรุกของฮวากั๋วกงนั้นพัฒนาขึ้นอย่างมาก"

ฮวากั๋วกงยิ้มเล็กน้อย "ฝ่าบาททรงพัฒนามากขึ้นกว่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจำได้ว่าหากเป็นเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว กระหม่อมคงมิได้แพ้ฝ่าบาทอย่างราบคาบเช่นนี้หรอก"

หยุนชางมองลงไป ฮวากั๋วกงแพ้ไปสามแต้ม

"ชางเอ๋อร์มาแล้วหรือ? " จักรพรรดิหนิงเงยหน้ามองไปที่หยุนชาง ในแววตานั้นมีความกังวลเล็กน้อย "เจิ้นได้ยินมาว่าเจ้าเป็นลมหลังจากกลับมาที่พระราชวังเมื่อคืนนี้ ตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง?"

หยุนชางยิ้มด้วยความขมขื่น " ดีขึ้นอย่างมากเพคะ ร่างกายของชางเอ๋อร์ยังคงแข็งแรงเพคะ เพียงแต่ว่าเมื่อนึกถึงเรื่องนี้เสด็จอาเป็นตายไร้ดีอย่างไรบ้างก็ไม่ทราบ อารมณ์ของหม่อมฉันผันผวนเล็กน้อยเพคะ ซึ่งทำให้โรคเก่าๆ กลับมากำเริบเพคะ โชคดีที่ยังมีพระโอสถของเจ้าอาวาสอู๋น่าอยู่ที่ตำหนัก ฉะนั้นจึงไม่เป็นอันตรายมากเพคะ"

เมื่อฮวากั๋วกงได้ยินหยุนชางกล่าวเช่นนี้ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและมองไปทางหยุนชาง "ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอาวาสอู๋น่าของแคว้นหนิงเป็นบุคคลสำคัญใช่หรือไม่? ข้าอยากจะไปพบท่าน เพียงแต่ว่ามิทราบว่าองค์หญิงอายุเพียงนี้ เจ็บไข้เป็นโรคใดหรือ? ข้าเองก็ทราบเรื่องยามสมุนไพรอยู่บ้างเล็กน้อย องค์หญิงให้ข้าตรวจชีพจรได้หรือไม่?"

หยุนชางอมยิ้มเบา ๆ รอยยิ้มนั้นเผยความเหนื่อยล้าออกมาเล็กน้อย เมื่อตอนที่นางกลับมาที่พระราชวัง นางก็เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้หมอหลวงตรวจชีพจรแล้วพบจุดน่าสงสัย และตอนนี้เมื่อได้ยินฮวากั๋วกงกล่าวเช่นนี้ นางจึงมิได้ปฏิเสธแต่ยื่นมือออกมาพร้อมยิ้ม "แน่นอนว่าได้เพคะ"

ฮวากั๋วกงเตะไปที่มือของหยุนชาง ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า "ชีพจรขององค์หญิงนั้นผิดปกติอย่างมากขอรับ ราวกับว่าเมื่อตอนองค์หญิงยังเด็กเคยถูกวางยาพิษ พิษนั้นค่อนข้างรุนแรงเล็กน้อย แต่โชคดีที่ได้รับการรักษาจากผู้ยอดฝีมือ แต่ทว่าเหมือนว่าองค์หญิงนั้นมิได้ทำการรักษาตนอย่างดีพอ จึงทำให้พระวรกายอ่อนแอ ฉะนั้นตอนนี้จึงอ่อนเพลีย โดยรวมแล้วมิค่อยดีนัก"

เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของพระองค์ก็เผยความเป็นห่วงออกมาเล็กน้อย "กั๋วกงมีวิธีใดที่สามารถรักษาชางเอ๋อร์ให้หายดีหรือไม่?"

ฮวากั๋วกงส่ายหน้าเล็กน้อย "พระวรกายขององค์หญิงในตอนนี้ จำต้องดูแลเป็นอย่างดีเสียมากกว่า…….อย่าได้กังวลมากเกินไปเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งอย่าได้เหนื่อยล้าจนเกินไป มิเช่นนั้นอันจะเป็นอันตรายแก่พระชนม์พ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางมิได้แสดงเศร้าโศกใดๆ ออกมา นางยังคงยิ้มอย่างสงบ "เจ้าอาวาสอู๋น่าเน้นย้ำกับหม่อมฉันเสมอเพคะ ว่าต้องเรียนรู้ที่จะหยุดนิ่งความคิดราวกับน้ำที่หยุดนิ่ง แต่ถึงอย่างไรหม่อมฉันยังคงเด็กเกินไป จึงมิสามารถคิดอย่างลึกซึ้งถึงเพียงนั้นเพคะ อันที่จริงเจ้าอาวาสยังได้กล่าวกับหม่อมฉันว่า สถานการณ์ในตอนนี้ของหม่อมฉัน ยังไม่เหมาะสมที่จะอภิเษกสมรสและมีบุตรเพคะ แต่หม่อมฉันกลับคิดว่า หม่อมฉันเกิดเป็นสตรี หากไม่มีโอกาสได้ดูแลพระสวามีหรือสั่งสอนบุตรของตนให้เป็นคนดี หม่อมฉันก็คงเสียความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตไปเพคะ"

จักรพรรดิหนิงตกใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนชางไม่เคยทูลเรื่องเหล่านี้ให้ตนได้ทราบ ฉะนั้นพระองค์จึงไม่เคยทราบว่าร่างกายของนางแย่เพียงนี้ นี่คือพระราชธิดาของตนและซูจิ่น หากว่าเธอเป็นกระไรขึ้นมา ซูจิ่นคงต้องเสียพระทัยอย่างมาก แต่ก่อนหน้านี้ตนกลับยังสงสัยในตัวนางอีก ตนช่างเป็นคนที่……..

"แล้วเหตุใดเจ้าจึงตกลงอภิเษกสมรสกับจิ้งอ๋อง……"

หยุนชางก้มหน้าลง และยิ้มมุมปากเล็กน้อย " เสด็จอานั้นทราบเรื่องสุขภาพของหม่อมฉันเพคะ…."

จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หากว่าจิ้งอ๋องทราบว่าหยุนชางไม่สามารถอภิเษกสมรสและให้กำเนิดบุตรได้ แล้วทำเช่นนี้เพราะเหตุใด? หรือว่าเขามีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง?

หยุนชางจึงยิ้มและกล่าวว่า "หม่อมฉันเป็นคนทูลขอเสด็จอาเพคะ…….." หยุนชางกวาดสายตาไปมองเซี่ยโหจิ้งและฮวากั๋วกง จากนั้นก็มิได้กล่าวกระไรอีก

จักรพรรดิหนิงเห็นสายตาของหยุนชางเช่นกัน หลังจากเงียบไปอยู่นาน จึงเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า "เมื่อสักครู่นั้นฮวากั๋วกงทูลว่ามีเรื่องพบชางเอ๋อร์มิใช่หรือ? เรื่องอันใดกันหรือ?"

ฮวากั๋วกงยิ้มและกล่าวว่า "สองสามวันก่อนข้าพบองค์หญิง และรู้สึกว่ารูปลักษณ์ของนางมีความคล้ายกับบุตรสาวที่น่าสงสารของตนเป็นอย่างมาก ฉะนั้นฉันจึงเกิดความรู้สึกใกล้ชิดกับองค์หญิงเล็กน้อย เหตุที่วันนี้เข้ามาในพระราชวังก็เพราะทราบว่าเกิดเรื่องขึ้นกับจิ้งอ๋อง ข้าเกรงว่าองค์หญิงจะเศร้าพระทัย จึงคิดว่าเข้ามาพบพ่ะย่ะค่ะ………"

ขณะที่เขาทูลพ่อฝ่าบาท ก็พบว่าหัวหน้าเจิ้งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ

ฮวากั๋วกงหยุดพูด และทั้งสามคนมองไปที่หัวหน้าเจิ้งพร้อมกัน หัวหน้าเจิ้งก้มหน้าลงและทูลด้วยเสียงเบาๆ ว่า " ทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เซียวหย่วนซาน ใต้เท้าเซียวขอพบพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางเลิกคิ้วด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อวานก่อนจิ้งอ๋องบอกกับนางแล้วว่า ท่านตาจะเดินทางมาถึงเมื่อวานนี้ แต่ทว่าเมื่อวานนี้ตนยุ่งอย่างมาก จึงลืมเรื่องนี้ไป แต่ไม่คาดคิดว่าท่านตาจะเข้าวังในวันนี้

"เสด็จพ่อเพคะ ท่านตามาแล้วเพคะ" หยุนชางหันหน้าไปและมองไปทางจักรพรรดิหนิงพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

จักรพรรดิหนิงก็ตกตะลึง ตั้งแต่ที่จิ่นเฟยเข้าตำหนักเย็นไป เซียวหย่วนซานก็ออกจากตำแหน่งและเกษียณไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครทราบ ตอนนี้จิ่นเฟยกลับมารอกำเนิดบุตรที่วังเฟิ่งไหล ได้ข่าวว่า ท่านไปพบจิ่นเฟยอยู่บ่อยครั้ง แต่คราวนี้ท่านเข้ามาในวังอย่างกะทันหันเช่นนี้ ไม่ทราบว่าเพื่อเหตุใด………

"อดีตมหาราชครู เซียวหย่วนซานใช่หรือไม่? เมื่อครั้งที่ข้าอยู่แคว้นเซี่ยก็เคยได้ยินชื่อเสียงของท่านเช่นกัน ได้ข่าวว่าท่านเป็นคนที่มากความสามารถ และอยากพบท่านอยู่นาน ไม่คาดคิดว่าวันนี้ข้ามาได้ถูกเวลาพอดี" ฮวากั๋วกงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"เชิญ" จักรพรรดิหนิงตรัสอย่างรวดเร็ว

ชายในชุดสีเขียวเดินเข้ามาทางประตู เนื่องจากการย้อนแสงจากด้านนอก จึงมองไม่เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน เพียงแต่รู้สึกว่ารูปร่างของชายผู้นี้สง่าผ่าเผย หยุนชางยิ้มตาหยี นานมากแล้วที่นางมิได้พบท่านตา และตอนนี้ท่านก็ยังคงสง่าเช่นเดิม

"ท่านตาเพคะ…" หยุนชางรีบเข้าไปทักทาย เมื่อเดินเข้าไปก็พบเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นมา

เซียวหย่วนซานมองไปที่หยุนชางและหัวเราะออกมาดัง ๆ " ชางเอ๋อร์งดงามขึ้นเชียว ช่างเหมือนซูจิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ" ขณะที่เขาพูดเขาก็มองไปที่ชายชุดมังกรที่ประทับอยู่กลางตำหนัก ถวายบังคมพร้อมกล่าวว่า " กระหม่อมเซียวหย่วนซานถวายบังคม ขอพระองค์ทรงพระเจริญพ่ะย่ะค่ะ"

จักรพรรดิหนิงมองดูชายที่อยู่ตรงหน้า แล้วถอนหายใจออกเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยปากอยู่นาน แล้วจึงตรัวว่า "หากเป็นมหาราชครูของข้าก็ย่อมเป็นมหาราชครูของข้าไปตลอดชีวิต อาจารย์มิต้องมากพิธีนักหรอก"

เซียวหย่วนซานเลิกคิ้วขึ้น แต่สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยมีความสุขยิ่งนัก เขาจำได้อย่างดีว่าชายที่อยู่ตรงหน้านั้นทำให้บุตรสาวของตนลำบากมาเป็นเวลาสิบกว่าปี

อาจเป็นเพราะว่าเห็นความไม่แยแสในแววตาของเซียวหย่วนซาน จักรพรรดิหนิงก้มหน้าลง แววตาแห่งความรู้สึกผิดปรากฏขึ้นในดวงตาของพระองค์ ตอนนั้นตนควรให้เซียวหย่วนซานอยู่ในพระราชวังนี้ต่อ หากว่าท่านอยู่ ตอนนี้พระราชวังก็คงต่างไปจากเดิมกระมั้ง

"ไม่ได้พบอาจารย์มาหลายปี มิทราบว่าวันนี้อาจารย์เข้ามาในพระราชวังเพื่อการอันใดหรือ….." จักรพรรดิหนิงถามด้วยเสียงเบาๆ

แววตาของเซียวหย่วนซานจ้องไปที่หยุนชาง จึงยิ้มและทูลว่า "ก่อนหน้านี้ข้าไปขอพรที่วิหารแคว้นหนิง และได้ยินมาจากเจ้าอาวาสอู๋น่าว่า ชางเอ๋อร์อาจมีภัย กระหม่อมจึงเป็นห่วง ฉะนั้นจึงได้มาที่นครหลวงอย่างเร่งรีบพ่ะย่ะค่ะ"

"มีภัยงั้นหรือ?" ทุกคนต่างก็ตกตะลึง โดยเฉพาะจักรพรรดิหนิง แคว้นหนิงเชื่อในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเจ้าอาวาสอู๋น่าซึ่งมีเชื่อเสียงในการทำนายของแคว้นหนิง จึงได้เชื่อในคำกล่าวนี้เป็นอย่างมาก หลายปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เจ้าอาวาสอู๋น่าทำนายตรงไปตรงมา และคำทำนายนั้นก็เป็นจริง ตอนนี้ ท่านคาดเดาว่าชางเอ๋อร์จะมีภัยเข้ามา………

"เจ้าอาวาสอู๋น่าได้กล่าวหรือไม่ว่าภัยนั้นคืออะไร? หรือมีวิธีแก้กระไรหรือไม่?" จักรพรรดิหนิงถามอย่างเร่งรีบ แม้แต่หยุนชางก็รับหันหน้าไปมองที่เซียวหย่วนซาน

เซียวหย่วนซานขมวดคิ้ว หลักจานนั้นไม่นานจึงกล่าวว่า "ภัยด้านความรักพ่ะย่ะค่ะ…….ชางเอ๋อร์อาจมีภัยหายนะนองเลือดในอนาคตอันใกล้นี้ และนางต้องอภิเษกสมรสจึงจะแก้ไขได้พ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางเกือบสำลัก นี่มันอะไรกัน… หยุนชางกระทืบเท้า หน้าแดงเล็กน้อย "ท่านตาเพคะ…เจ้าอาวาสอู๋น่ามักจะกล่าวเสมอว่า หม่อมฉันอภิเษกเร็วเกินไปไม่ดีไม่ใช่หรือเพคะ? แล้วเหตุใดจึงกล่าวอีกว่าหม่อมฉันมีภัยความรัก? นับวันเจ้าอาวาสอู๋น่าก็ไม่แม่นยำมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเพคะ อีกทั้งตอนนี้เสด็จอาทรงหายตัวไป หม่อมฉันจะอภิเษกสมรสกับใครหรือเพคะ"

"เจ้าวางใจได้ จิ้งอ๋องไม่เป็นอันใดหรอก เจ้าอาวาสอู๋น่ากล่าวแล้วว่า ภัยคราวนี้ของจิ้งอ๋องนั้นไม่มีอันตราย และสุดท้ายคนที่จะซวยนั้นคงเป็นคนที่คิดทำร้ายจิ้งอ๋อง"

เมื่อได้เซียวหย่วนซานกล่าวเช่นนี้ สายตาของหยุนชางก็กวาดไปที่เซี่ยโหจิ้งและฮวากั๋วกง เมื่อหยุนชางเห็นว่าสีหน้าของฮวากั๋วกงนั้นไม่มีความผิดปกติใดๆ ท่านฟังเซียวหย่วนซานเล่าด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง ในดวงตาของท่านนั้นมีความคาดหวังอยู่เล็กน้อย ทว่าเซี่ยโหจิ้งนั้น………

หยุนชางจ้องมองไปที่เซี่ยโหจิ้ง แต่กลับพบว่าเขามองมาที่ตนด้วยสีหน้าที่เหมือนว่ากำลังยิ้ม ในแววตานั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย

หยุนชางมองไปที่เขา เขาก็แค่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย และค่อยๆ ละสายตาออกไปอย่างเย็นชา

หรือว่าเซี่ยโหจิ้งคิดว่าตนกำลังทดสอบเขาอยู่?

"เช่นนั้นย่อมดี พระอนุชาเป็นเสาหลักของแคว้นหนิง ห้ามเกิดเรื่องอันใดกับเขาโดนเด็ดขาด" จักรพรรดิหนิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวเบาๆ

ฮวากั๋วกงที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มและกล่าวต่อว่า "เช่นนี้ย่อมดีที่สุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ จิ้งอ๋องไม่เป็นกระไร ฉะนั้นองค์หญิงและฝ่าบาทก็มิต้องเป็นกังวล หากเป็นเช่นนั้น ข้าชื่นชอบท่านเซียวมานานแล้ว และอยากจะขอคำแนะนำจากท่าน มิทราบว่าท่านเซียวคิดเห็นอย่างไรขอรับ?"

เซียวหย่วนซานหันไปมองฮวากั๋วกง และอมยิ้มเล็กน้อย " ใต้เท้าฮวากั๋วกงนี่เองหรือ วันนี้กระหม่อมยังมีเรื่องที่ต้องหารือกับชางเอ๋อร์ วันหน้ากระหม่อมค่อยไปพบท่านด้วยตนเองดีหรือไม่ขอรับ? "

ฮวากั๋วกงพยักหน้า

หยุนชางหันไปหาจักรพรรดิหนิงอย่างรวดเร็วและทูลว่า "เสด็จพ่อเพคะ เนื่องจากท่านตามีเรื่องคุยกับชางเอ๋อร์ เช่นนั้นชางเอ๋อร์ขอน้อมลาและพาท่านตาไปเดินเล่นที่อุทยานหลวงนะเพคะ"

จักรพรรดิหนิงตอบรับ หยุนชางและเซียวหย่วนซานก็ออกจากประตูตำหนักฉินเจิ้งไปพร้อมกัน

"ท่านตาเพคะ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรหรือเพคะ?" นางไม่เชื่อเหล่าคำพูดที่ว่าภัยหรืออะไรก็ตามหรอก สิ่งที่ท่านตาของนางไม่ไว้ใจมากที่สุดก็คือเหล่าคำทำนายของอู๋น่า

เซียวหย่วนซานมองไปรอบ ๆ แล้วจึงก้มหน้าลง " สองสามวันก่อนข้าได้เดินทางผ่านภูเขากิเลนที่อยู่ด้านหลังของพระราชวัง ในภูเขากิเลนมีร่องรอยของการตั้งถิ่นฐานของกองกำลังปรากฏ อีกทั้งดูเหมือนจะไม่ใช่กองทัพของแคว้นหนิง………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 209 ท่านตามาพบ

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 209 ท่านตามาพบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยุนชางขมวดคิ้ว ฮวากั๋วกง? ท่านมาพบตนเพื่อการอันใด? หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนที่นางอยู่ที่หอวี่หมั่น ท่านฮวากั๋วกงนั้นจ้องมองไปที่จิ้งอ๋องแทบไม่กะพริบตา หรือว่าการหายตัวไปของจิ้งอ๋องมีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านหรือ?

"ไปกันเถอะ ข้าจะไปถวายบังคมต่อเสด็จพ่ออยู่พ่อดี" หยุนชางลุกขึ้นและเสด็จตามหัวหน้าเจิ้งไปที่ตำหนักฉินเจิ้ง

เมื่อไปถึงตำหนักฉินเจิ้ง ก็พบว่าจักรพรรดิหนิงกำลังเล่นหมากรุกอยู่กับฮวากั๋วกง เซี่ยโหจิ้งยืนชมอยู่ข้าง ๆ อย่างสนุกสนาน หยุนชางก้าวไปและมองดูบนกระดานหมากรุก ฝีมือของทั้งสองสูสีกัน หยุนชางเองก็ยืนชมอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ

หลังจากผ่านไปไม่นาน ทั้งสองก็หยุดลง จักรพรรดิหนิงยิ้มและกล่าวว่า " เราไม่เจอกันนานหลายปี ฝีมือการเล่นหมากรุกของฮวากั๋วกงนั้นพัฒนาขึ้นอย่างมาก"

ฮวากั๋วกงยิ้มเล็กน้อย "ฝ่าบาททรงพัฒนามากขึ้นกว่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจำได้ว่าหากเป็นเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว กระหม่อมคงมิได้แพ้ฝ่าบาทอย่างราบคาบเช่นนี้หรอก"

หยุนชางมองลงไป ฮวากั๋วกงแพ้ไปสามแต้ม

"ชางเอ๋อร์มาแล้วหรือ? " จักรพรรดิหนิงเงยหน้ามองไปที่หยุนชาง ในแววตานั้นมีความกังวลเล็กน้อย "เจิ้นได้ยินมาว่าเจ้าเป็นลมหลังจากกลับมาที่พระราชวังเมื่อคืนนี้ ตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง?"

หยุนชางยิ้มด้วยความขมขื่น " ดีขึ้นอย่างมากเพคะ ร่างกายของชางเอ๋อร์ยังคงแข็งแรงเพคะ เพียงแต่ว่าเมื่อนึกถึงเรื่องนี้เสด็จอาเป็นตายไร้ดีอย่างไรบ้างก็ไม่ทราบ อารมณ์ของหม่อมฉันผันผวนเล็กน้อยเพคะ ซึ่งทำให้โรคเก่าๆ กลับมากำเริบเพคะ โชคดีที่ยังมีพระโอสถของเจ้าอาวาสอู๋น่าอยู่ที่ตำหนัก ฉะนั้นจึงไม่เป็นอันตรายมากเพคะ"

เมื่อฮวากั๋วกงได้ยินหยุนชางกล่าวเช่นนี้ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและมองไปทางหยุนชาง "ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอาวาสอู๋น่าของแคว้นหนิงเป็นบุคคลสำคัญใช่หรือไม่? ข้าอยากจะไปพบท่าน เพียงแต่ว่ามิทราบว่าองค์หญิงอายุเพียงนี้ เจ็บไข้เป็นโรคใดหรือ? ข้าเองก็ทราบเรื่องยามสมุนไพรอยู่บ้างเล็กน้อย องค์หญิงให้ข้าตรวจชีพจรได้หรือไม่?"

หยุนชางอมยิ้มเบา ๆ รอยยิ้มนั้นเผยความเหนื่อยล้าออกมาเล็กน้อย เมื่อตอนที่นางกลับมาที่พระราชวัง นางก็เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้หมอหลวงตรวจชีพจรแล้วพบจุดน่าสงสัย และตอนนี้เมื่อได้ยินฮวากั๋วกงกล่าวเช่นนี้ นางจึงมิได้ปฏิเสธแต่ยื่นมือออกมาพร้อมยิ้ม "แน่นอนว่าได้เพคะ"

ฮวากั๋วกงเตะไปที่มือของหยุนชาง ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า "ชีพจรขององค์หญิงนั้นผิดปกติอย่างมากขอรับ ราวกับว่าเมื่อตอนองค์หญิงยังเด็กเคยถูกวางยาพิษ พิษนั้นค่อนข้างรุนแรงเล็กน้อย แต่โชคดีที่ได้รับการรักษาจากผู้ยอดฝีมือ แต่ทว่าเหมือนว่าองค์หญิงนั้นมิได้ทำการรักษาตนอย่างดีพอ จึงทำให้พระวรกายอ่อนแอ ฉะนั้นตอนนี้จึงอ่อนเพลีย โดยรวมแล้วมิค่อยดีนัก"

เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของพระองค์ก็เผยความเป็นห่วงออกมาเล็กน้อย "กั๋วกงมีวิธีใดที่สามารถรักษาชางเอ๋อร์ให้หายดีหรือไม่?"

ฮวากั๋วกงส่ายหน้าเล็กน้อย "พระวรกายขององค์หญิงในตอนนี้ จำต้องดูแลเป็นอย่างดีเสียมากกว่า…….อย่าได้กังวลมากเกินไปเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งอย่าได้เหนื่อยล้าจนเกินไป มิเช่นนั้นอันจะเป็นอันตรายแก่พระชนม์พ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางมิได้แสดงเศร้าโศกใดๆ ออกมา นางยังคงยิ้มอย่างสงบ "เจ้าอาวาสอู๋น่าเน้นย้ำกับหม่อมฉันเสมอเพคะ ว่าต้องเรียนรู้ที่จะหยุดนิ่งความคิดราวกับน้ำที่หยุดนิ่ง แต่ถึงอย่างไรหม่อมฉันยังคงเด็กเกินไป จึงมิสามารถคิดอย่างลึกซึ้งถึงเพียงนั้นเพคะ อันที่จริงเจ้าอาวาสยังได้กล่าวกับหม่อมฉันว่า สถานการณ์ในตอนนี้ของหม่อมฉัน ยังไม่เหมาะสมที่จะอภิเษกสมรสและมีบุตรเพคะ แต่หม่อมฉันกลับคิดว่า หม่อมฉันเกิดเป็นสตรี หากไม่มีโอกาสได้ดูแลพระสวามีหรือสั่งสอนบุตรของตนให้เป็นคนดี หม่อมฉันก็คงเสียความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตไปเพคะ"

จักรพรรดิหนิงตกใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนชางไม่เคยทูลเรื่องเหล่านี้ให้ตนได้ทราบ ฉะนั้นพระองค์จึงไม่เคยทราบว่าร่างกายของนางแย่เพียงนี้ นี่คือพระราชธิดาของตนและซูจิ่น หากว่าเธอเป็นกระไรขึ้นมา ซูจิ่นคงต้องเสียพระทัยอย่างมาก แต่ก่อนหน้านี้ตนกลับยังสงสัยในตัวนางอีก ตนช่างเป็นคนที่……..

"แล้วเหตุใดเจ้าจึงตกลงอภิเษกสมรสกับจิ้งอ๋อง……"

หยุนชางก้มหน้าลง และยิ้มมุมปากเล็กน้อย " เสด็จอานั้นทราบเรื่องสุขภาพของหม่อมฉันเพคะ…."

จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หากว่าจิ้งอ๋องทราบว่าหยุนชางไม่สามารถอภิเษกสมรสและให้กำเนิดบุตรได้ แล้วทำเช่นนี้เพราะเหตุใด? หรือว่าเขามีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง?

หยุนชางจึงยิ้มและกล่าวว่า "หม่อมฉันเป็นคนทูลขอเสด็จอาเพคะ…….." หยุนชางกวาดสายตาไปมองเซี่ยโหจิ้งและฮวากั๋วกง จากนั้นก็มิได้กล่าวกระไรอีก

จักรพรรดิหนิงเห็นสายตาของหยุนชางเช่นกัน หลังจากเงียบไปอยู่นาน จึงเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า "เมื่อสักครู่นั้นฮวากั๋วกงทูลว่ามีเรื่องพบชางเอ๋อร์มิใช่หรือ? เรื่องอันใดกันหรือ?"

ฮวากั๋วกงยิ้มและกล่าวว่า "สองสามวันก่อนข้าพบองค์หญิง และรู้สึกว่ารูปลักษณ์ของนางมีความคล้ายกับบุตรสาวที่น่าสงสารของตนเป็นอย่างมาก ฉะนั้นฉันจึงเกิดความรู้สึกใกล้ชิดกับองค์หญิงเล็กน้อย เหตุที่วันนี้เข้ามาในพระราชวังก็เพราะทราบว่าเกิดเรื่องขึ้นกับจิ้งอ๋อง ข้าเกรงว่าองค์หญิงจะเศร้าพระทัย จึงคิดว่าเข้ามาพบพ่ะย่ะค่ะ………"

ขณะที่เขาทูลพ่อฝ่าบาท ก็พบว่าหัวหน้าเจิ้งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ

ฮวากั๋วกงหยุดพูด และทั้งสามคนมองไปที่หัวหน้าเจิ้งพร้อมกัน หัวหน้าเจิ้งก้มหน้าลงและทูลด้วยเสียงเบาๆ ว่า " ทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เซียวหย่วนซาน ใต้เท้าเซียวขอพบพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางเลิกคิ้วด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อวานก่อนจิ้งอ๋องบอกกับนางแล้วว่า ท่านตาจะเดินทางมาถึงเมื่อวานนี้ แต่ทว่าเมื่อวานนี้ตนยุ่งอย่างมาก จึงลืมเรื่องนี้ไป แต่ไม่คาดคิดว่าท่านตาจะเข้าวังในวันนี้

"เสด็จพ่อเพคะ ท่านตามาแล้วเพคะ" หยุนชางหันหน้าไปและมองไปทางจักรพรรดิหนิงพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

จักรพรรดิหนิงก็ตกตะลึง ตั้งแต่ที่จิ่นเฟยเข้าตำหนักเย็นไป เซียวหย่วนซานก็ออกจากตำแหน่งและเกษียณไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครทราบ ตอนนี้จิ่นเฟยกลับมารอกำเนิดบุตรที่วังเฟิ่งไหล ได้ข่าวว่า ท่านไปพบจิ่นเฟยอยู่บ่อยครั้ง แต่คราวนี้ท่านเข้ามาในวังอย่างกะทันหันเช่นนี้ ไม่ทราบว่าเพื่อเหตุใด………

"อดีตมหาราชครู เซียวหย่วนซานใช่หรือไม่? เมื่อครั้งที่ข้าอยู่แคว้นเซี่ยก็เคยได้ยินชื่อเสียงของท่านเช่นกัน ได้ข่าวว่าท่านเป็นคนที่มากความสามารถ และอยากพบท่านอยู่นาน ไม่คาดคิดว่าวันนี้ข้ามาได้ถูกเวลาพอดี" ฮวากั๋วกงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"เชิญ" จักรพรรดิหนิงตรัสอย่างรวดเร็ว

ชายในชุดสีเขียวเดินเข้ามาทางประตู เนื่องจากการย้อนแสงจากด้านนอก จึงมองไม่เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน เพียงแต่รู้สึกว่ารูปร่างของชายผู้นี้สง่าผ่าเผย หยุนชางยิ้มตาหยี นานมากแล้วที่นางมิได้พบท่านตา และตอนนี้ท่านก็ยังคงสง่าเช่นเดิม

"ท่านตาเพคะ…" หยุนชางรีบเข้าไปทักทาย เมื่อเดินเข้าไปก็พบเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นมา

เซียวหย่วนซานมองไปที่หยุนชางและหัวเราะออกมาดัง ๆ " ชางเอ๋อร์งดงามขึ้นเชียว ช่างเหมือนซูจิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ" ขณะที่เขาพูดเขาก็มองไปที่ชายชุดมังกรที่ประทับอยู่กลางตำหนัก ถวายบังคมพร้อมกล่าวว่า " กระหม่อมเซียวหย่วนซานถวายบังคม ขอพระองค์ทรงพระเจริญพ่ะย่ะค่ะ"

จักรพรรดิหนิงมองดูชายที่อยู่ตรงหน้า แล้วถอนหายใจออกเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยปากอยู่นาน แล้วจึงตรัวว่า "หากเป็นมหาราชครูของข้าก็ย่อมเป็นมหาราชครูของข้าไปตลอดชีวิต อาจารย์มิต้องมากพิธีนักหรอก"

เซียวหย่วนซานเลิกคิ้วขึ้น แต่สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยมีความสุขยิ่งนัก เขาจำได้อย่างดีว่าชายที่อยู่ตรงหน้านั้นทำให้บุตรสาวของตนลำบากมาเป็นเวลาสิบกว่าปี

อาจเป็นเพราะว่าเห็นความไม่แยแสในแววตาของเซียวหย่วนซาน จักรพรรดิหนิงก้มหน้าลง แววตาแห่งความรู้สึกผิดปรากฏขึ้นในดวงตาของพระองค์ ตอนนั้นตนควรให้เซียวหย่วนซานอยู่ในพระราชวังนี้ต่อ หากว่าท่านอยู่ ตอนนี้พระราชวังก็คงต่างไปจากเดิมกระมั้ง

"ไม่ได้พบอาจารย์มาหลายปี มิทราบว่าวันนี้อาจารย์เข้ามาในพระราชวังเพื่อการอันใดหรือ….." จักรพรรดิหนิงถามด้วยเสียงเบาๆ

แววตาของเซียวหย่วนซานจ้องไปที่หยุนชาง จึงยิ้มและทูลว่า "ก่อนหน้านี้ข้าไปขอพรที่วิหารแคว้นหนิง และได้ยินมาจากเจ้าอาวาสอู๋น่าว่า ชางเอ๋อร์อาจมีภัย กระหม่อมจึงเป็นห่วง ฉะนั้นจึงได้มาที่นครหลวงอย่างเร่งรีบพ่ะย่ะค่ะ"

"มีภัยงั้นหรือ?" ทุกคนต่างก็ตกตะลึง โดยเฉพาะจักรพรรดิหนิง แคว้นหนิงเชื่อในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเจ้าอาวาสอู๋น่าซึ่งมีเชื่อเสียงในการทำนายของแคว้นหนิง จึงได้เชื่อในคำกล่าวนี้เป็นอย่างมาก หลายปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เจ้าอาวาสอู๋น่าทำนายตรงไปตรงมา และคำทำนายนั้นก็เป็นจริง ตอนนี้ ท่านคาดเดาว่าชางเอ๋อร์จะมีภัยเข้ามา………

"เจ้าอาวาสอู๋น่าได้กล่าวหรือไม่ว่าภัยนั้นคืออะไร? หรือมีวิธีแก้กระไรหรือไม่?" จักรพรรดิหนิงถามอย่างเร่งรีบ แม้แต่หยุนชางก็รับหันหน้าไปมองที่เซียวหย่วนซาน

เซียวหย่วนซานขมวดคิ้ว หลักจานนั้นไม่นานจึงกล่าวว่า "ภัยด้านความรักพ่ะย่ะค่ะ…….ชางเอ๋อร์อาจมีภัยหายนะนองเลือดในอนาคตอันใกล้นี้ และนางต้องอภิเษกสมรสจึงจะแก้ไขได้พ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางเกือบสำลัก นี่มันอะไรกัน… หยุนชางกระทืบเท้า หน้าแดงเล็กน้อย "ท่านตาเพคะ…เจ้าอาวาสอู๋น่ามักจะกล่าวเสมอว่า หม่อมฉันอภิเษกเร็วเกินไปไม่ดีไม่ใช่หรือเพคะ? แล้วเหตุใดจึงกล่าวอีกว่าหม่อมฉันมีภัยความรัก? นับวันเจ้าอาวาสอู๋น่าก็ไม่แม่นยำมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเพคะ อีกทั้งตอนนี้เสด็จอาทรงหายตัวไป หม่อมฉันจะอภิเษกสมรสกับใครหรือเพคะ"

"เจ้าวางใจได้ จิ้งอ๋องไม่เป็นอันใดหรอก เจ้าอาวาสอู๋น่ากล่าวแล้วว่า ภัยคราวนี้ของจิ้งอ๋องนั้นไม่มีอันตราย และสุดท้ายคนที่จะซวยนั้นคงเป็นคนที่คิดทำร้ายจิ้งอ๋อง"

เมื่อได้เซียวหย่วนซานกล่าวเช่นนี้ สายตาของหยุนชางก็กวาดไปที่เซี่ยโหจิ้งและฮวากั๋วกง เมื่อหยุนชางเห็นว่าสีหน้าของฮวากั๋วกงนั้นไม่มีความผิดปกติใดๆ ท่านฟังเซียวหย่วนซานเล่าด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง ในดวงตาของท่านนั้นมีความคาดหวังอยู่เล็กน้อย ทว่าเซี่ยโหจิ้งนั้น………

หยุนชางจ้องมองไปที่เซี่ยโหจิ้ง แต่กลับพบว่าเขามองมาที่ตนด้วยสีหน้าที่เหมือนว่ากำลังยิ้ม ในแววตานั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย

หยุนชางมองไปที่เขา เขาก็แค่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย และค่อยๆ ละสายตาออกไปอย่างเย็นชา

หรือว่าเซี่ยโหจิ้งคิดว่าตนกำลังทดสอบเขาอยู่?

"เช่นนั้นย่อมดี พระอนุชาเป็นเสาหลักของแคว้นหนิง ห้ามเกิดเรื่องอันใดกับเขาโดนเด็ดขาด" จักรพรรดิหนิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวเบาๆ

ฮวากั๋วกงที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มและกล่าวต่อว่า "เช่นนี้ย่อมดีที่สุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ จิ้งอ๋องไม่เป็นกระไร ฉะนั้นองค์หญิงและฝ่าบาทก็มิต้องเป็นกังวล หากเป็นเช่นนั้น ข้าชื่นชอบท่านเซียวมานานแล้ว และอยากจะขอคำแนะนำจากท่าน มิทราบว่าท่านเซียวคิดเห็นอย่างไรขอรับ?"

เซียวหย่วนซานหันไปมองฮวากั๋วกง และอมยิ้มเล็กน้อย " ใต้เท้าฮวากั๋วกงนี่เองหรือ วันนี้กระหม่อมยังมีเรื่องที่ต้องหารือกับชางเอ๋อร์ วันหน้ากระหม่อมค่อยไปพบท่านด้วยตนเองดีหรือไม่ขอรับ? "

ฮวากั๋วกงพยักหน้า

หยุนชางหันไปหาจักรพรรดิหนิงอย่างรวดเร็วและทูลว่า "เสด็จพ่อเพคะ เนื่องจากท่านตามีเรื่องคุยกับชางเอ๋อร์ เช่นนั้นชางเอ๋อร์ขอน้อมลาและพาท่านตาไปเดินเล่นที่อุทยานหลวงนะเพคะ"

จักรพรรดิหนิงตอบรับ หยุนชางและเซียวหย่วนซานก็ออกจากประตูตำหนักฉินเจิ้งไปพร้อมกัน

"ท่านตาเพคะ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรหรือเพคะ?" นางไม่เชื่อเหล่าคำพูดที่ว่าภัยหรืออะไรก็ตามหรอก สิ่งที่ท่านตาของนางไม่ไว้ใจมากที่สุดก็คือเหล่าคำทำนายของอู๋น่า

เซียวหย่วนซานมองไปรอบ ๆ แล้วจึงก้มหน้าลง " สองสามวันก่อนข้าได้เดินทางผ่านภูเขากิเลนที่อยู่ด้านหลังของพระราชวัง ในภูเขากิเลนมีร่องรอยของการตั้งถิ่นฐานของกองกำลังปรากฏ อีกทั้งดูเหมือนจะไม่ใช่กองทัพของแคว้นหนิง………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+