ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 241 วางยาจักพรรดิแคว้นเย้หลาง

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 241 วางยาจักพรรดิแคว้นเย้หลาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ้งอ๋องยิ้มพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย "ชางเจียชิงซูอยู่ที่นี่เพื่อที่จะเป็นองค์รัชทายาท หากจักพรรดิแคว้นเย้หลางอาการเข้าขั้นวิกฤต นางกังวลว่าองค์ชายรองและองค์ชายห้าจะทำการลอบจอมตีได้ การลอบสังหารจักรพรรดิก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้ ทว่าเมื่อถึงตอนนั้น ชางเจียชิงซูไม่อยู่ที่แคว้นเย้หลาง อำนาจที่มีต้องเกิดคลื่นใต้น้ำเป็นธรรมดา แต่ทว่า อำนาจของชางเจียชิงซูที่มีอยู่ที่แคว้นเย้หลางก็มิได้น้อง นิ่งนอนใจเพียงไม่กี่วันอาจจะได้ หากควบม้ากลับภายในกลางคืนนี้ อาจจะมีโอกาสทัน"

"หากเป็นเช่นนั้นจริง พระราชวังแคว้นเย้หลางการป้องกันหนาแน่นถึงเพียงนั้น ใยจักรพรรดิถึงป่วยได้เล่า"หยุนชางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้น กลับมองเห็นสายตาที่ไม่นิ่งของจิ้งอ๋องแล้ว ใจของหยุนชางพลันเต้นรัว อีกทั้งยังคาดเดาด้วยความสงสัย "หรือว่า ในพระราชวังแคว้นเย้หลางมีคนของท่านอ๋องอยู่ด้วยหรือ"



เมื่อพูดกันอยู่นั้น เฉียนอินเปิดม่านเดินเข้ามา ในมือของนางยังมีถ้วยชาอยู่สองใบ เมื่อวางถ้วยชาเสร็จแล้ว เฉียนอินจึงโค้งกายถอยตัวจากไป

จิ้งอ๋องไม่ทันระวังถ้วยชาพร้อมฝาขึ้นมาและครอบกลับไปเหมือนเดิม "ภูมิศาสตร์แคว้นเย้หลางเป็นแบบทุ่งหญ้า วัตถุดิบส่วนใหญ่จึงขาดแค้น อย่างเช่น ใบชาชั้นดีเช่นนี้ ไม่สามารถมีได้แน่นอกจากสั่งซื้อจากแควเนหนิง กระบวนการของใบชาจึงมักจะมีมือไม้เข้ามาสอดมากมาย. หากไม่ได้วางยาอย่างโจ่งแจ้งเช่นวิธีเช่นตระกูลหลี่แล้ว อาจจะนำวัตถุดิบธรรมดาสองสิ่งที่ไม่มีพิษ ทว่าหากนำมารวมกันแล้วเกิดเป็นยาพิษชั้นดีได้ หากเป็นข้าก็อาจจะใช้วิธีนั้น"



หยุนชางมือสั่นเทาเล็กน้อย "เช่นนั้นจักรพรรดิแคว้นเย้หลาง ป่วยจริงงั้นหรือ"

จิ้งอ๋องหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบอย่างช้า ๆ "อาการป่วยเป็นจริงหรือไม่นั้น นั้นเป็นเพียงแค่คำสันนิษฐานของเปิ่นหวางเพียงเท่านั้น"

หยุนชางเงียบไปสักพัก ถึงแม้จะคาดเดาได้ว่าจิ้งอ๋องอาจจะทำเช่นนี้. การพลิกฝ่ามือเป็นเมฆ คว่ำฝ่ามือเป็นฝน หนิงเซียนก็เคยพูดถึงวิธีการนี้ของจิ้งอ๋องมาก่อน ทว่า เมื่อได้หังกับตัวเองแล้วยังรู้สึกลัวเล็กน้อย การมองการณ์ไกลอีกทั้งการจัดการปัญหาได้อย่างรอบคอบเช่นนี้ แม้แต่นางก็ยังไม่สามารถทำได้ ถึงแม้ว่าจะกลับชาติมาเกิดแล้วก็ตาม

ไม่แปลกใจเลย ว่าเหตุใดเสด็จพ่อถึงให้เขาตรากตรำอยู่ชายแดนเป็นแรมปีเช่นนี้ คนผู้นี้แม้เป็นตระกลูหลี่ หรือตระกูลหลี่อีกสิบตระกูลก็ไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ ทว่าแม้เขาจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงเป็นสิบปี หากแต่อำนาจที่มีอยู่กลับไม่ได้น้อยลง ประชาชนแคว้นหนิงต่างนับถือเขาเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม แม้เป็นวังหลังของเสด้จพ่อก็มีคนของเขาอยู่มาก เกรงว่าข้ารับใช้ส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์อันดีกลับเขาเสียด้วยซ้ำ

คนผู้นี้ หากเป็นศัตรูกับแคว้นหนิงแล้ว

หยุนชิงไม่อาจจินตนาการได้เลย

"ชางเจียชิงซูทำให้แคว้นหนิงตกที่น่าลำบากอยู่หลายครั้ง ข้ายกเขาให้ท่าน หากแต่ท่านจะกรุณา ชีวิตของหัวจิ้งให้ชางเอ๋อร์เป็นคนจัดการได้หรือไม่ "หยุนชางยิ้มและมองไปยังจิ้งอ๋อง

จิ้งอ๋องยิ้มเล็กน้อย "ข้ามิรู้เลยว่าระหว่างเจ้าและฮองเฮากับหัวจิ้ง มีความโกธรแค้นอะไรมากกันนัก หากแต่ เมื่อมองดูฮองเฮาแล้ว. คงอยากจะฆ่าเจ้าให้ตายเลยทีเดียว ศัตรแบบนี้หากขาดไปคนหนึ่งได้ ก็ให้หายไปคนนึงเถิด หากเจ้าอยากได้ชีวิตของหัวจิ้งแล้ว ข้าก็จะยกนางให้กับเจ้า"

"ของพระทัยเพคะท่านอ๋อง"หยุนชางตอบรีบด้วยเสียงเบา

ที่ตำหนักของหัวจิ้ง มีผู้คนกลุ่มนึงกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่ลานหน้าตำหนัก แม้จะเป็นอากาศของเดือนห้าเดือนหก ทว่าตอนกลางวันแสงแดดกลับร้อนเป็นอย่างมาก มีคนกลุ่มนึงโยนศพลงมาบนพื้น พื้นดินที่ร้อนระอุ ข้ารับใช้จำนวนไม่น้อยเลยใบหน้าแดงกร่ำ เต็มไปด้วยเหงื่อ แต่พวกเขาไม่กล้าขยับตัวไปมาจึงได้แต่เงี่ยหูฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น

"เพล้ง"เสียงดังขึ้นมา ผู้คนร่างกายสั่นเทา ในใจพลันกรนด่า แต่ทว่ามิรู้ว่าเหตุการณ์อะไรขึ้น หลังจากกลับมาจากพระราชวัง ก็กลายเป็นแบบนี้ ใจไม่ค่อยดีเล็กน้อย ทำให้ข้ารับใช้รู้สึกถึงความทุกข์ทรมาน

"เสียงจักจั่นพวกนี้น่ารำคาญเสียจริง. พวกเจ้าหูหนวกกันหมดแล้วรึไง ไม่รู้จักวิธีฆ่าจักจั่นพวกนี้งั้นหรือ?"อารมณ์เกี้ยวกราดของหัวจิ้งดังออกมาถึงข้างนอก ข้ารับใช้ร่างกายสั่นสะท้าน ผ่านไปสักพัก จึงเห็นสาวใช้ข้างกายหัวจิ้งเดินออกมาพร้อยรอยแดงฝ่ามือบนใบหน้า ดวงตามีรอยแดงเล็กน้อย ช่วงนี้ หัวจิ้งจัดการสาวใช้ไปสามสี่คนแล้ว ในใจของนางรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ทว่าไม่อาจต่อกรด้วยได้ วันนี้ทั้งวันเต็มไปด้วยความงุงงง ในใจพลันเต็มไปด้วยความตื่นกลัว

หลิงหัวขยิบตาให้ข้ารับใช้ที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น องครักษ์ที่อยู่แถวนั้นจึงรีบลากข้ารับใช้ให้ไปหยิบไม้ไผ่มาจับจักจั่น

หลิงหัวจ้องไปยังข้ารับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังเมื่อมองเข้าไปยังในห้อง หวังว่าคืนนี้นายท่านจะรีบกลับมา มีเพียงแค่นายท่านเท่านั้นที่จะสามารถทำให้หัวจิ้งสงบลงได้

ค่ำคืนที่มืดมิดภายในห้องที่เงียบสงบ ทว่าไฟที่ไม่เคยมอดดับ ค่ำคืนที่เงียบงันทว่าภายในห้องกลับมีเสียงดังโครมครามออกมา พร้อมกลับเสียงกรนด่า สุดท้ายถึงได้ยินเสียงของหนักตกลงบนพื้น เพียง

ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงหัวจิ้งดังออกมา "เข้ามานี่. มาเอาไพร่นี้ออกไป อย่ามาทำให้พื้นวังของข้าสกปรก"

องครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นมองหน้ากัน แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ทว่าก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนายเหนือหัวที่อารมณ์เต็มไปด้วยความโกธร จึงรีบเดินเข้าไปดูข้างใน. ถายในห้องข้าวของกระจัดกระจาย ชิ้นส่วนของแจกันและถ้วยชาแตกเต็มพื้น ด้านบนกลับมีร่างของสาวใช้ชุดสีชมพูนอนอยู่ ใบหน้าแต่เดิมที่ดูอ่อนเยาว์กลับดูน่าเวทนายิ่งนัก เสมือนมาว่าโดนใครบ้างคนนำแจกันทุบลงที่หัว บนหัวมีรอยแผลขนาดใหญ่ เลือดไหลลงมาเต็มใบหน้า เมื่อเห็นภาพนี้แล้วในใจเต็มไปด้วยความตื่นกลัวแววตา ตื่นตระหนกใจนั้นปิดไม่มิด แท้จริงแล้วคนผู้นี้คือสาวใช้เมื่อตอนบ่าย หลิงหัว

"สาวใช้ที่ตายไปแล้ว ข้าเพียงขอชาถ้วยนึง แต่ทว่าหยิบชาร้อนมาให้ อากาศร้อนเช่นนี้คิดจะเผ่าองค์หญิงผู้นี้ให้ตายรึไงกัน?"หัวจิ้งสวมอาภรณ์สีม่วงกระโปรงยาววูบลงกับพื้น ใบหน้าที่สวยงามเสมือนเพิ่งแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จ กลับเต็มไปด้วยอารมณ์โมโห ใบหน้าบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย

องครักษ์ที่เพิ่งจะเข้ามามิกล้าที่จะอยู่นานเกินไป จึงรีบร้อนนำร่างของหลิงฮวาที่อยู่บนพื้นและเดินจากไป

สายใช้ที่อยู่นอกห้องทั้งสองคนเมื่อเหตุการณ์ตรงหน้าแล้ว ร่างกายสั่นเทาไปด้วยความกลัว ทว่าใบหน้านั้นสามารถดึงรอยยิ้มประจบสอพลอออกมา. เกรงกลัวว่าอาจจะทำให้หัวจิ้งกรุ่นโกธรอีกครั้ง

"พอแล้ว กลางดึกขนาดนี้ แค่ข้าเห็นพวกเจ้าก็รำคาญแล้ว เปิ่นกงจู่จะไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้สักหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องตามข้ามา"หัวจิ้งก้าวเท้าออกจากตำหนักไป อาจจะเป็นเพราะรู้สึกร้อนเกินไปจึงยกแขนเสื้อขึ้น และนำเสื้อออกมาพัดไปมา ทว่าเมื่อทำไปสักพักกลับรู้สึกร้อนขึ้นมามาก จึงเก็บมือลงพร้แมพูดด้วยอารมณ์เสียว่า"ทำไมร้อนได้ขนาดนี้กัน " พร้อมกับขบเม้นริมฝีปาก "ชางเจียชิงซูคืนนี้คงไม่มาแล้ว ไม่แน่อาจจะหลงไปยัยหูเม่ยจื่อแล้วก็ได้ ทว่านางกลับแต่งให้กับจิ้งอ๋องไปแล้ว"

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว หัวจิ้งไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก "นางนั่นจะโชคดีอะไรขนาดนี้ แม้จะแต่งให้จิ้งอ๋อง ทว่าคนอย่างจิ้งอ๋องนับเป็นของชั้นยอด เมื่อเทียบกับชางเจียงชิงซูแล้ว นับเป็นตัวอะไรกัน หน้าตาก็ไม่ได้ดีไรมาก"

เมื่อเกิดความหงุดหงินขึ้นภายในใจ หัวจิ้งจึงเดินไปยังทะเลสาบของสวนดอกไม้ เมื่อมาถึงทะเลสาบบรรยากาศยังเย็นลงเล็กน้อย หัวจิ้งลอบถอนหายใจ ยังรู้สึกว่ายังไม่มากพอ เมื่อคิดถึงที่ตำหนักขององค์หญิง ค่อนคืนแล้วคงมิมีใครกล้าเข้ามาที่นี่ จึงถอดอาภรณ์ออกเหลือเพียงแต่เสื้อตัวในแล้วจึงลงไปในน้ำ ทะเลสาบแห่งนี้เป็นเธอที่สั่งให้ขุดเอง แม้ไม่ได้ลึกมาก ทว่าเมื่ออากาศร้อนเธอก็มักจะมาลงเล่นเป็นบางครั้ง

เมื่อความเย็นของทะเลสาบกระทบตัว หัวจิ้งพอใจเป็นอย่างมาก จึงกัดริมฝีปากโดยครุ่นคิด เสด็จแม่และท่านปู่ไม่ยินยอมให้เธอแต่งงานกับชางเจียชิงซู ทว่าในเมืองหลวงแห่งนี้แทบไม่มีที่ให้เธออยู่แล้ว แม้แต่คุณชาย คุณหญิง ที่เคยเล่นด้วยกันสมัยก่อนนั้น ก็ไม่มีใครอยากคบหาสมาคมกับเธอและหลีกเลี่ยงเธออย่างกับอสรพิษ ทุกอย่างทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นล้วนแต่เป็นเพราะหยุนชางเพียงคนเดียว แค้นนี้จะต้องได้รับการชำระ

ฮั่วจิงยิ้มอย่างเย็นชา โชคดีที่องครักษ์ส่วนตัวที่เสด็จมอบให้นางนั้นยังไม่ได้คืนให้ นางจึงส่งพวกเขาไปให้ท่านลุงของนางพื่อฝึกฝน ท่านลุงได้ฝึกองครักษ์เงาไว้มากมาย เมื่อนางสามารถฝึกคงครักษ์ดีแล้ว. เมื่อถึงเวลานั้น นางจะทำให้หนิงชางได้อยู่ไม่สู้ตาย ถึงตอนนั้นจิ้งอ๋องจะปกป้องเธออย่างนั้นเหรอ? นางมิรู้ว่า หากหนิงหยุนชางกลายเป็นดอกไม้ที่แห้งเหี่ยว โดนผู้คนรุมกระทำไปแล้ว จิ้งอ๋องจะยังต้องการนางอยู่หรือไม่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 241 วางยาจักพรรดิแคว้นเย้หลาง

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 241 วางยาจักพรรดิแคว้นเย้หลาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ้งอ๋องยิ้มพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย "ชางเจียชิงซูอยู่ที่นี่เพื่อที่จะเป็นองค์รัชทายาท หากจักพรรดิแคว้นเย้หลางอาการเข้าขั้นวิกฤต นางกังวลว่าองค์ชายรองและองค์ชายห้าจะทำการลอบจอมตีได้ การลอบสังหารจักรพรรดิก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้ ทว่าเมื่อถึงตอนนั้น ชางเจียชิงซูไม่อยู่ที่แคว้นเย้หลาง อำนาจที่มีต้องเกิดคลื่นใต้น้ำเป็นธรรมดา แต่ทว่า อำนาจของชางเจียชิงซูที่มีอยู่ที่แคว้นเย้หลางก็มิได้น้อง นิ่งนอนใจเพียงไม่กี่วันอาจจะได้ หากควบม้ากลับภายในกลางคืนนี้ อาจจะมีโอกาสทัน"

"หากเป็นเช่นนั้นจริง พระราชวังแคว้นเย้หลางการป้องกันหนาแน่นถึงเพียงนั้น ใยจักรพรรดิถึงป่วยได้เล่า"หยุนชางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้น กลับมองเห็นสายตาที่ไม่นิ่งของจิ้งอ๋องแล้ว ใจของหยุนชางพลันเต้นรัว อีกทั้งยังคาดเดาด้วยความสงสัย "หรือว่า ในพระราชวังแคว้นเย้หลางมีคนของท่านอ๋องอยู่ด้วยหรือ"



เมื่อพูดกันอยู่นั้น เฉียนอินเปิดม่านเดินเข้ามา ในมือของนางยังมีถ้วยชาอยู่สองใบ เมื่อวางถ้วยชาเสร็จแล้ว เฉียนอินจึงโค้งกายถอยตัวจากไป

จิ้งอ๋องไม่ทันระวังถ้วยชาพร้อมฝาขึ้นมาและครอบกลับไปเหมือนเดิม "ภูมิศาสตร์แคว้นเย้หลางเป็นแบบทุ่งหญ้า วัตถุดิบส่วนใหญ่จึงขาดแค้น อย่างเช่น ใบชาชั้นดีเช่นนี้ ไม่สามารถมีได้แน่นอกจากสั่งซื้อจากแควเนหนิง กระบวนการของใบชาจึงมักจะมีมือไม้เข้ามาสอดมากมาย. หากไม่ได้วางยาอย่างโจ่งแจ้งเช่นวิธีเช่นตระกูลหลี่แล้ว อาจจะนำวัตถุดิบธรรมดาสองสิ่งที่ไม่มีพิษ ทว่าหากนำมารวมกันแล้วเกิดเป็นยาพิษชั้นดีได้ หากเป็นข้าก็อาจจะใช้วิธีนั้น"



หยุนชางมือสั่นเทาเล็กน้อย "เช่นนั้นจักรพรรดิแคว้นเย้หลาง ป่วยจริงงั้นหรือ"

จิ้งอ๋องหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบอย่างช้า ๆ "อาการป่วยเป็นจริงหรือไม่นั้น นั้นเป็นเพียงแค่คำสันนิษฐานของเปิ่นหวางเพียงเท่านั้น"

หยุนชางเงียบไปสักพัก ถึงแม้จะคาดเดาได้ว่าจิ้งอ๋องอาจจะทำเช่นนี้. การพลิกฝ่ามือเป็นเมฆ คว่ำฝ่ามือเป็นฝน หนิงเซียนก็เคยพูดถึงวิธีการนี้ของจิ้งอ๋องมาก่อน ทว่า เมื่อได้หังกับตัวเองแล้วยังรู้สึกลัวเล็กน้อย การมองการณ์ไกลอีกทั้งการจัดการปัญหาได้อย่างรอบคอบเช่นนี้ แม้แต่นางก็ยังไม่สามารถทำได้ ถึงแม้ว่าจะกลับชาติมาเกิดแล้วก็ตาม

ไม่แปลกใจเลย ว่าเหตุใดเสด็จพ่อถึงให้เขาตรากตรำอยู่ชายแดนเป็นแรมปีเช่นนี้ คนผู้นี้แม้เป็นตระกลูหลี่ หรือตระกูลหลี่อีกสิบตระกูลก็ไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ ทว่าแม้เขาจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงเป็นสิบปี หากแต่อำนาจที่มีอยู่กลับไม่ได้น้อยลง ประชาชนแคว้นหนิงต่างนับถือเขาเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม แม้เป็นวังหลังของเสด้จพ่อก็มีคนของเขาอยู่มาก เกรงว่าข้ารับใช้ส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์อันดีกลับเขาเสียด้วยซ้ำ

คนผู้นี้ หากเป็นศัตรูกับแคว้นหนิงแล้ว

หยุนชิงไม่อาจจินตนาการได้เลย

"ชางเจียชิงซูทำให้แคว้นหนิงตกที่น่าลำบากอยู่หลายครั้ง ข้ายกเขาให้ท่าน หากแต่ท่านจะกรุณา ชีวิตของหัวจิ้งให้ชางเอ๋อร์เป็นคนจัดการได้หรือไม่ "หยุนชางยิ้มและมองไปยังจิ้งอ๋อง

จิ้งอ๋องยิ้มเล็กน้อย "ข้ามิรู้เลยว่าระหว่างเจ้าและฮองเฮากับหัวจิ้ง มีความโกธรแค้นอะไรมากกันนัก หากแต่ เมื่อมองดูฮองเฮาแล้ว. คงอยากจะฆ่าเจ้าให้ตายเลยทีเดียว ศัตรแบบนี้หากขาดไปคนหนึ่งได้ ก็ให้หายไปคนนึงเถิด หากเจ้าอยากได้ชีวิตของหัวจิ้งแล้ว ข้าก็จะยกนางให้กับเจ้า"

"ของพระทัยเพคะท่านอ๋อง"หยุนชางตอบรีบด้วยเสียงเบา

ที่ตำหนักของหัวจิ้ง มีผู้คนกลุ่มนึงกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่ลานหน้าตำหนัก แม้จะเป็นอากาศของเดือนห้าเดือนหก ทว่าตอนกลางวันแสงแดดกลับร้อนเป็นอย่างมาก มีคนกลุ่มนึงโยนศพลงมาบนพื้น พื้นดินที่ร้อนระอุ ข้ารับใช้จำนวนไม่น้อยเลยใบหน้าแดงกร่ำ เต็มไปด้วยเหงื่อ แต่พวกเขาไม่กล้าขยับตัวไปมาจึงได้แต่เงี่ยหูฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น

"เพล้ง"เสียงดังขึ้นมา ผู้คนร่างกายสั่นเทา ในใจพลันกรนด่า แต่ทว่ามิรู้ว่าเหตุการณ์อะไรขึ้น หลังจากกลับมาจากพระราชวัง ก็กลายเป็นแบบนี้ ใจไม่ค่อยดีเล็กน้อย ทำให้ข้ารับใช้รู้สึกถึงความทุกข์ทรมาน

"เสียงจักจั่นพวกนี้น่ารำคาญเสียจริง. พวกเจ้าหูหนวกกันหมดแล้วรึไง ไม่รู้จักวิธีฆ่าจักจั่นพวกนี้งั้นหรือ?"อารมณ์เกี้ยวกราดของหัวจิ้งดังออกมาถึงข้างนอก ข้ารับใช้ร่างกายสั่นสะท้าน ผ่านไปสักพัก จึงเห็นสาวใช้ข้างกายหัวจิ้งเดินออกมาพร้อยรอยแดงฝ่ามือบนใบหน้า ดวงตามีรอยแดงเล็กน้อย ช่วงนี้ หัวจิ้งจัดการสาวใช้ไปสามสี่คนแล้ว ในใจของนางรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ทว่าไม่อาจต่อกรด้วยได้ วันนี้ทั้งวันเต็มไปด้วยความงุงงง ในใจพลันเต็มไปด้วยความตื่นกลัว

หลิงหัวขยิบตาให้ข้ารับใช้ที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น องครักษ์ที่อยู่แถวนั้นจึงรีบลากข้ารับใช้ให้ไปหยิบไม้ไผ่มาจับจักจั่น

หลิงหัวจ้องไปยังข้ารับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังเมื่อมองเข้าไปยังในห้อง หวังว่าคืนนี้นายท่านจะรีบกลับมา มีเพียงแค่นายท่านเท่านั้นที่จะสามารถทำให้หัวจิ้งสงบลงได้

ค่ำคืนที่มืดมิดภายในห้องที่เงียบสงบ ทว่าไฟที่ไม่เคยมอดดับ ค่ำคืนที่เงียบงันทว่าภายในห้องกลับมีเสียงดังโครมครามออกมา พร้อมกลับเสียงกรนด่า สุดท้ายถึงได้ยินเสียงของหนักตกลงบนพื้น เพียง

ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงหัวจิ้งดังออกมา "เข้ามานี่. มาเอาไพร่นี้ออกไป อย่ามาทำให้พื้นวังของข้าสกปรก"

องครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นมองหน้ากัน แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ทว่าก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนายเหนือหัวที่อารมณ์เต็มไปด้วยความโกธร จึงรีบเดินเข้าไปดูข้างใน. ถายในห้องข้าวของกระจัดกระจาย ชิ้นส่วนของแจกันและถ้วยชาแตกเต็มพื้น ด้านบนกลับมีร่างของสาวใช้ชุดสีชมพูนอนอยู่ ใบหน้าแต่เดิมที่ดูอ่อนเยาว์กลับดูน่าเวทนายิ่งนัก เสมือนมาว่าโดนใครบ้างคนนำแจกันทุบลงที่หัว บนหัวมีรอยแผลขนาดใหญ่ เลือดไหลลงมาเต็มใบหน้า เมื่อเห็นภาพนี้แล้วในใจเต็มไปด้วยความตื่นกลัวแววตา ตื่นตระหนกใจนั้นปิดไม่มิด แท้จริงแล้วคนผู้นี้คือสาวใช้เมื่อตอนบ่าย หลิงหัว

"สาวใช้ที่ตายไปแล้ว ข้าเพียงขอชาถ้วยนึง แต่ทว่าหยิบชาร้อนมาให้ อากาศร้อนเช่นนี้คิดจะเผ่าองค์หญิงผู้นี้ให้ตายรึไงกัน?"หัวจิ้งสวมอาภรณ์สีม่วงกระโปรงยาววูบลงกับพื้น ใบหน้าที่สวยงามเสมือนเพิ่งแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จ กลับเต็มไปด้วยอารมณ์โมโห ใบหน้าบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย

องครักษ์ที่เพิ่งจะเข้ามามิกล้าที่จะอยู่นานเกินไป จึงรีบร้อนนำร่างของหลิงฮวาที่อยู่บนพื้นและเดินจากไป

สายใช้ที่อยู่นอกห้องทั้งสองคนเมื่อเหตุการณ์ตรงหน้าแล้ว ร่างกายสั่นเทาไปด้วยความกลัว ทว่าใบหน้านั้นสามารถดึงรอยยิ้มประจบสอพลอออกมา. เกรงกลัวว่าอาจจะทำให้หัวจิ้งกรุ่นโกธรอีกครั้ง

"พอแล้ว กลางดึกขนาดนี้ แค่ข้าเห็นพวกเจ้าก็รำคาญแล้ว เปิ่นกงจู่จะไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้สักหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องตามข้ามา"หัวจิ้งก้าวเท้าออกจากตำหนักไป อาจจะเป็นเพราะรู้สึกร้อนเกินไปจึงยกแขนเสื้อขึ้น และนำเสื้อออกมาพัดไปมา ทว่าเมื่อทำไปสักพักกลับรู้สึกร้อนขึ้นมามาก จึงเก็บมือลงพร้แมพูดด้วยอารมณ์เสียว่า"ทำไมร้อนได้ขนาดนี้กัน " พร้อมกับขบเม้นริมฝีปาก "ชางเจียชิงซูคืนนี้คงไม่มาแล้ว ไม่แน่อาจจะหลงไปยัยหูเม่ยจื่อแล้วก็ได้ ทว่านางกลับแต่งให้กับจิ้งอ๋องไปแล้ว"

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว หัวจิ้งไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก "นางนั่นจะโชคดีอะไรขนาดนี้ แม้จะแต่งให้จิ้งอ๋อง ทว่าคนอย่างจิ้งอ๋องนับเป็นของชั้นยอด เมื่อเทียบกับชางเจียงชิงซูแล้ว นับเป็นตัวอะไรกัน หน้าตาก็ไม่ได้ดีไรมาก"

เมื่อเกิดความหงุดหงินขึ้นภายในใจ หัวจิ้งจึงเดินไปยังทะเลสาบของสวนดอกไม้ เมื่อมาถึงทะเลสาบบรรยากาศยังเย็นลงเล็กน้อย หัวจิ้งลอบถอนหายใจ ยังรู้สึกว่ายังไม่มากพอ เมื่อคิดถึงที่ตำหนักขององค์หญิง ค่อนคืนแล้วคงมิมีใครกล้าเข้ามาที่นี่ จึงถอดอาภรณ์ออกเหลือเพียงแต่เสื้อตัวในแล้วจึงลงไปในน้ำ ทะเลสาบแห่งนี้เป็นเธอที่สั่งให้ขุดเอง แม้ไม่ได้ลึกมาก ทว่าเมื่ออากาศร้อนเธอก็มักจะมาลงเล่นเป็นบางครั้ง

เมื่อความเย็นของทะเลสาบกระทบตัว หัวจิ้งพอใจเป็นอย่างมาก จึงกัดริมฝีปากโดยครุ่นคิด เสด็จแม่และท่านปู่ไม่ยินยอมให้เธอแต่งงานกับชางเจียชิงซู ทว่าในเมืองหลวงแห่งนี้แทบไม่มีที่ให้เธออยู่แล้ว แม้แต่คุณชาย คุณหญิง ที่เคยเล่นด้วยกันสมัยก่อนนั้น ก็ไม่มีใครอยากคบหาสมาคมกับเธอและหลีกเลี่ยงเธออย่างกับอสรพิษ ทุกอย่างทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นล้วนแต่เป็นเพราะหยุนชางเพียงคนเดียว แค้นนี้จะต้องได้รับการชำระ

ฮั่วจิงยิ้มอย่างเย็นชา โชคดีที่องครักษ์ส่วนตัวที่เสด็จมอบให้นางนั้นยังไม่ได้คืนให้ นางจึงส่งพวกเขาไปให้ท่านลุงของนางพื่อฝึกฝน ท่านลุงได้ฝึกองครักษ์เงาไว้มากมาย เมื่อนางสามารถฝึกคงครักษ์ดีแล้ว. เมื่อถึงเวลานั้น นางจะทำให้หนิงชางได้อยู่ไม่สู้ตาย ถึงตอนนั้นจิ้งอ๋องจะปกป้องเธออย่างนั้นเหรอ? นางมิรู้ว่า หากหนิงหยุนชางกลายเป็นดอกไม้ที่แห้งเหี่ยว โดนผู้คนรุมกระทำไปแล้ว จิ้งอ๋องจะยังต้องการนางอยู่หรือไม่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+