ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 149 หลิวชิงหย่า (หลิวเจาอี๋)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 149 หลิวชิงหย่า (หลิวเจาอี๋) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยุนชางขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น แต่จู่ๆ ก็เห็นหนิงเย่หลบไปโดยสัญชาตญาณ หยุนชางตกตะลึง หากตนจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้คำบอกกล่าวเกี่ยวกับหนิงเย่ในเอกสารพระราชนิกุล นั้นบอกว่า ร่างกายของเขาอ่อนแอตั้งแต่ยังเด็ก แต่ว่ามีกิเลสตัณหาเรื่องหญิงสาว และไม่มีศิลปะการต่อสู้ แต่ว่าศิลปะการต่อสู้ของหวังจิ้นฮวนนั้นยอดเยี่ยมอย่างมาก แม้ว่าเขาจะเหวี่ยงกำปั้นไปราวกับคนธรรมดา แต่ก็ยังเร็วกว่าคนปกติอยู่ดี และหนิงเย่สามารถหลับหนีไปได้…….

หรือว่าหนิงเย่มีทักษะทางด้านศิลปะการต่อสู้หรือ? แล้วเหตุใดจึงต้องปิดบังทุกคน?

ดูเหมือนว่าหนิงเย่รู้สึกตัวทัน จึงรีบหยุดลง และรับหมัดนั้นของหวังจิ้นฮวนไว้อย่างหนัก

หยุนชางเห็นสีหน้าของจิ้งอ๋องเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็ทราบว่าคงเป็นเขาที่สั่งการให้หวังจิ้นฮวนทดสอบหนิงเย่ แต่ว่า จิ้งอ๋องก็กำลังตรวจสอบหนิงเย่เหมือนกันงั้นหรือ?

หยุนชางขยิบตาให้หนิงเฉี่ยน หนิก็ฉี่ยนทราบความหมายของหยุนชาง จึงมองไปที่สองคนนั้นที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดพร้อมกล่าว " มิตรภาพระหว่างจวิ้นอ๋องและคุณชายหวังดีเช่นนี้ เฉี่ยนเฉียนขอตัวก่อนเจ้าคะ ทั้งสองทรงยุ่งต่อได้เลยเจ้าค่ะ เฉี่ยนเฉียนขอตัวก่อนเจ้าค่ะ"

ทั้งสองก็รีบแยกจากกัน และกล่าวพร้อมกันว่า "เฉี่ยนเฉียน อย่าไปเลยนะ"

หนิงเฉี่ยนไม่ได้ตอบกลับ นางหันหลังและเดินไปที่เรือหนิงเย่ก็รีบตามไป แต่หวังจิ้นฮวนกลับยืนนิ่งอยู่กับที่และกัดฟัน" ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะเป็นเช่นนี้ หนิงเย่ไอ้สารเลว คอยดูก็แล้วกัน"

เสียงเกือกม้าดังมาจากด้านหลัง แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา " ทูลจิ้งอ๋องขอรับ แม่ทัพใหญ่มีเรื่องทูลท่านอ๋องขอรับ ท่านรออยู่ที่จวนท่านอ๋องมาครึ่งชั่วโมงแล้วขอรับ"

จิ้งอ๋องพยักหน้า และหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็หันไปหาหยุนชางและกล่าวว่า "ต้องขออภัย ข้าจะพาเจ้าออกมาเดินเล่น แต่ยังไม่ทันได้เริ่ม ข้าต้องไปอีกแล้ว ข้าส่งเจ้ากลับวังก่อนดีกว่า"

หยุนชางตอบกลับ หันหลังเดินลงเนินและขึ้นเกวียนม้าไป

ตลอดทางนั้นทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันเลย

เมื่อกลับถึงวัง หยุนชางก็ถามเฉี่ยนอินว่า "หลิวชิงหย่า หญิงสาวที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจาอี๋ในงานเลี้ยงคืนส่งท้ายปีเก่า นางเข้าวังแล้วหรือยัง?"

เฉี่ยนอินส่ายหน้า หลังวันส่งท้ายปีเก่าก็เกิดเรื่องกับจิ่นเฟยเหนียงเหนียง มีอีกทั้งฮองเฮายังถูกกักบริเวณไปด้วย หลิวเจาอี๋ตำแหน่งนี้ฮองเฮาทรงแต่งตั้งในนาง แต่ตอนนี้ฮองเฮาไม่อยู่ จึงไม่มีใครรับผิดชอบเรื่องเข้าวังของนาง

หยุนชางคิดครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า "เตือนก็เมิ่งเสีย ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นางไปถวายบังคมต่อหมิงไท่เฟย ให้พูดถึงเรื่องนี้สักหน่อย"

เฉี่ยนอินตอบกลับ หยุนชางก็สั่งการอีกครั้งว่า "เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าเถิด ข้าจะไปที่ตำหนักฉินเจิ้ง"

หยุนชางเปลี่ยนเป็นชุดเป็นชุดวังสีเขียวอ่อน และหวีผมใหม่อีกครั้ง จึงจะพาเฉี่ยนอินไปที่ตำหนักฉินเจิ้ง ขันทีเจิ้งมิได้อยู่หน้าประตูตำหนัก องครักษ์ในที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเห็นหยุนชางจึงรีบเดินเข้ามาและกว่าวว่า "องค์หญิงขอรับ ฝ่าบาทไม่อยู่ที่นี่ขอรับ พระองค์ทรงไปที่ตำหนักฉางชุนเผื่อคารวะไท่เฟยเหนียงเหนียงขอรับ"

หยุนชางพยักหน้า หันหลังและเดินทางไปที่ตำหนักฉางชุน

จักรพรรดิหนิงอยู่ในตำหนักฉางชุนจริงด้วย เมื่อหยุนชางมาถึง พระองค์กำลังนั่งที่โต๊ะและเสวยซุปเห็ดหูหนูขาว หยุนชางจึงยิ้มและกล่าวกับหมิงไท่เฟยว่า "ไท่เฟยเหนียงเหนียงเพคะ ช่างลำเอียงเสียจริง ช่างเอ๋อร์มาที่นี่ตั้งหลายครั้ง ไท่เฟยเหนียงเหนียงไม่เคยให้หยุนชางเสวยซุปเห็ดหูหนูขาวเลยนะเพคะ ทรงให้แต่เสด็จพ่อเท่านั้น"

หมิงไท่เฟยและจักรพรรดิหนิงประทับอยู่ในตำหนักก็หัวเราะออกมา หมิงไท่เฟยกวักมือเรียกหยุนชางให้หยุนชางมานั่งลงข้างๆตน และกล่าวอย่างมีเมตตาว่า "เจ้ากล่าวเช่นนี้ เสด็จพ่อของเจ้าคงจะคิดว่าข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี อวี้มามา เอาซุปมาให้ชาเหตุการณ์เอ๋อร์หนึ่งชาม"

อวี้มามาตอบกลับ และถอยลงไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมซุปเห็ดหูหนูสีขาว หยุนชางอมยิ้มและเสวย "อร่อยเพคะ"

จักรพรรดิหนิงหัวเราะและพูดว่า " วันนี้เจ้าไปท่าชิงกับจิ้งอ๋องมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดจึงกลับมาเร็วเช่นนี้? จิ้งอ๋องทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือ?"

หยุนชางส่ายหน้า "ไม่ใช่เพคะ เพียงแค่ว่าเขางานยุ่งเกินไป เพิ่งเล่นไปซักพัก ทางจวนจิ้งอ๋องก็มาส่งข่าวเชิญท่านกลับไป หม่อมฉันอยู่ที่นั่นคนเดียวก็คงไม่สนุก จึงกลับวังมาเพคะ

"หื้ม? เขาส่งเจ้ากลับมาหรือ" จักรพรรดิหนิงหรี่ตา และมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนปรากฏที่มุมปาก

หยุนชางแปลกใจเล็กน้อย เหตุใดวันนี้เสด็จพ่อจึงสนใจจิ้งอ๋องอย่างมากเช่นนี้ และนางก็รับตอบกลับอย่างเร่งรีบ "ใช่เพคะ หม่อมฉันให้ท่านกลับที่จวนท่านอ๋องก่อน แต่ท่านทรงตรัสว่ากลัวว่าข้าจะมีอันตราย ในเมืองหลวงนี้ความปลอดภัยเพียบพร้อมอย่างมาก ไม่เห็นต้องเป็นห่วงกันเลย"

"เจ้าเป็นเพียงหญิงสาว แน่นอนว่าต้องเป็นห่วง จักรพรรดิหนิงกล่าวเบาๆ

หมิงไท่เฟยที่อยู่ข้างๆเห็นสองพ่อลูกนี้กล่าวถึงจิ้งอ๋อง จึงนึกถึงข่าวที่ตนได้รับมาในก่อนหน้านี้ จำได้ว่าจักรพรรดิหนิงทรงพระราชทานอภิเษกสมรสให้กับองค์ญิงหญิงในวันส่งท้ายปีเก่า ทันใดนั้นนางจึงรู้สึกไม่สบายใจ เงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เอ่ยปาก "ข้าได้ยินมาว่าจักรพรรดิได้พระราชทานสมรสให้กับชางเอ๋อร์และจิ้งอ๋อง?"

จักรพรรดิหนิงพยักหน้าและกล่าวว่า "ขอรับเสด็จแม่ หม่อมฉันเห็นจิ้งอ๋องโตมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าเขาจะมีอารมณ์ดื้อรั้น และเย็นชาเล็กน้อย แต่ว่าเขาดีกับชางเอ๋อร์อย่างมาก หากชางเอ๋อร์ได้สมรสกับเขา หม่อมฉันก็สบายใจขึ้นมา แม้ว่าชางเอ๋อร์จะเป็นหลานสาวของเขาในรูปนามธรรม และไม่ควรพระราชทานสมรส แต่ทว่าจิ้งอ๋องเป็นเพียงบุตรบุญธรรมของข้า และไม่มีข้อเกี่ยวข้องใดมากนัก ฉะนั้นหม่อมฉันจึงพระราชทานสมรสแก่หยุนชางและจิ้งอ๋องขอรับ"

หมิงไท่เฟยถอนหายใจ "แต่ทว่าปีนี้จิ้งอ๋องก็อายุยี่สิบแปดแล้ว และชางเอ๋อร์เพิ่งจะอายุสิบห้า พวกเขาต่างกันเยอะเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าจิ้งอ๋องและชางเอ๋อร์จะไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด แต่พวกเขาก็ยังมีตำแหน่งหลานและอาอยู่ คงหลีกเลี่ยงการโดนวิพากษ์วิจารณ์มิได้ หากข้าอยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้น ข้าคงไม่เห็นด้วยกับงานอภิเษกในครั้งนี้อย่างแน่นอน"

หยุนชางเลิกคิ้ว รู้สึกขบขันเล็กน้อยในใจ พูดเสียดูดีเชียว คงเพราะว่ามีแผนอื่นในใจแล้วหรือเปล่า เดิมทีจิ้งอ๋องเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของตระกูลหลี่ และสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็คือ จิ้งอ๋องรวบรวมอำนาจด้วยวิธีการสมรส แต่โชคดีที่จิ้งอ๋องไม่ค่อยสนใจในผู้หญิงสักเท่าไหร่ เสด็จพ่อทรงพระราชทานสมรสระหว่างหยุนชางกับจิ้งอ๋อง เสนาบดีหลี่ก็คงต้องคิดทบทวนความสำคัญของตนใหม่อีกรอบแล้ว

จักรพรรดิหนิงยิ้ม "แม้ว่าจิ้งอ๋องจะแก่กว่าชางเอ๋อร์เล็กน้อย แต่จิ้งอ๋องก็ดูแลตัวมาโดยตลอดนะขอรับ ไม่เคยมีหญิงอื่นใดปรากฏอยู่ข้างกายเขา อีกทั้งสองสามวันมานี้หม่อมฉันก็สังเกตแล้ว จิ้งอ๋องดีต่อหยุนชางอย่างมาก ขอแค่พวกเขามีความสุขก็เพียงพอแล้ว ส่วนเรื่องวิจารณ์นั้นก็ปล่อยมันไปตามที่ควรจะเป็นเถิด"

เมื่อได้ยินถ้อยคำเช่นนี้ หมิงไท่เฟยก็เงียบไป ผ่านไปอยู่นาน นางจึงถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ "ช่างมันเถิด ลูกหลานก็มีความโชคดีและความสุขของคน แต่ทว่าชางเอ๋อร์อย่าได้สมรสเร็วเกินไป มิเช่นนั้น ในวังนี้คงจะเงียบมากยิ่งขึ้น ยิ่งตอนนี้จัฮองเฮาถึงกักบริเวณอยู่ที่วังซีอู๋ จิ่นเฟยไปวังเฟิ่งไหลเพื่อดูแลครรภ์ จิ้งเอ๋อร์เองก็… หากชางเอ๋อร์สมรสอีกคน ข้าคงไม่มีแม้แต่เพื่อนคุย"

หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "เมื่อฟังหมิงไท่เฟยกล่าวเช่นนี้ ช่างเงียบขึ้นจริงๆเพคะ เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เสด็จพ่อทรงจัดงานเลือกสนมกันเถิด ชางเอ๋อก็ได้ยินมาว่าฝ่าบาทสามารถเลือกนางสนมได้ แต่กลับไม่เคยเห็นกับตาเลยเพคะ อีกเรื่องหนึงเพคะ ในคืนวันส่งท้ายปีเก่าเสด็จแม่ได้แต่งตำหญิงเจาอี๋มามิใช่หรือ? หญิงสาวผู้นั้นควงดาบได้สวยงามอย่างมาก เสด็จรับนางเข้าวังเลยดีหรือไม่เพคะ ชางเอ๋อร์อยากฝึกใช้ดาบพอดีเพคะ"

หมิงไท่เฟยตะลึงกับสิ่งที่หยุนชางกล่าว นางกัดฟันทันที ผ่านไปอยู่นานจึงกล่าวว่า "เรื่องเลือกสนมก็แล้วไปเถิด ทั้งเหนื่อยและเสียทรัพย์สิ้นไปมาก อีกทั้งมีหญิงสาวมาไปก็ไม่ดี ในเมื่อเจาอี๋ผู้นั้นได้รับการแต่งตั้งแล้ว ข้าจะสั่งการให้นางเข้าวังเอง ให้นางสอนชางเอ๋อร์ควงดาบ………."

หยุนชางพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ช่างดีเหลือเกินเพคะ เช่นนี้ชางเอ๋อร์ก็สามารถฝึกควงดาบได้แล้ว หากว่าชางเอ๋อร์ควงเป็นแล้ว จะนำมารำให้ไท่เฟยเหนียงเหนียงได้ชมเพคะ อีกเรื่องหนึ่งเพคะ เสด็จพ่อเพคะ พี่หญิงถูกขังมาระยะหนึ่งแล้วเพคะ ชางเอ๋อร์ทราบว่าพี่หญิงได้ทำผิดไป แต่ว่าพี่หญิงถูกขังมานานเช่นนี้ ก็คงรู้ถึงความผิดของตนแล้วเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่าในเรือนจำนั้นน่ากลัวอย่างมากเพคะ มีทั้งหนู แมลงสาบ พี่หญิงเป็นเพียงผู้หญิงเท่านั้น แล้วอยู่ในนั้นจะทำอย่างไรหรือเพคะ เสด็จพ่อทรงปล่อยพี่หญิงออกมาเถิดเพคะ"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด