ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 315 ฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์ชิงชาง

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 315 ฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์ชิงชาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยุนชางยิ้มและส่ายหน้า “ท่านอาจารย์คงทราบแล้วว่าข้าเป็นคนที่เคยเสียชีวิตมาแล้วครั้งหนึ่ง และหลายสิ่งหลายอย่างนั้นข้าเข้าใจกับมันแล้ว และชีวิตในชาตินี้ถือเป็นกำไรของข้า ข้าอยากทำเพียงในสิ่งที่ข้าอยากจะทำ โดยไม่รู้สึกเสียดายทีหลัง ส่วนเรื่องชะตากรรมนั้น ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี ข้าก็จะยอมรับมัน หากว่าเราทราบผลของมันตั้งแต่ต้น เช่นนี้ก็น่าเบื่อจริงหรือไม่?”

“ดี ข้าชอบความคิดของพระชายาเป็นอย่างมาก หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ยอมรับศิษย์คนนี้แล้วล่ะ” แววตาของอาจารย์ชิงชางเผยความชื่นชมออกมาเล็กน้อย เขากล่าวเช่นนี้พร้อมลูบเคราและยิ้มออกมาอย่างจริงใจ

หยุนชางดีใจเป็นอย่างมาก จึงเรียกตัวเฉี่ยนอินเข้ามา เมื่อเฉี่ยนอินเข้ามาในกระโจมแล้วพบว่าหยุนชางคุกเข่าอยู่กับพื้น นางจึงตกตะลึงเป็นอย่างมาก นางมองไปที่ชายชราและหยุนชางอยู่นาน

หยุนชางอมยิ้มและหันไปหาเฉี่ยนอิน พร้อมกล่าวว่า ” เฉี่ยนอินไปเตรียมน้ำชามา วันนี้ข้าจะฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์ชิงชาง”

เมื่อเฉี่ยนอินได้ยินเช่นนี้ นางก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้ตอบกลับอย่างรวดเร็ว และไปเตรียมน้ำชามา หยุนชางหยิบน้ำชามาแล้วยกเสมอคิ้ว จากนั้นก็กล่าวต่ออาจารย์ชิงชางด้วยความเคารพอย่างสูงว่า ” ท่านอาจารย์ ได้โปรดรับการบูชาจากศิษย์เถิด” ขณะพูดนางก็โค้งคำนับ

อาจารย์ชิงชางยิ้มและพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ตกลง” ขณะที่พูดเขาก็หยิบถ้วยชาของหยุนชางไปแล้วจิบ จากนั้นก็วางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะข้างๆ ตน แล้วจึงพยุงหยุนชางขึ้นมาและกล่าวว่า “ในเมื่อข้ารับเจ้าเป็นศิษย์แล้ว ข้าก็จะนำทุกสิ่งที่ข้าฝึกมาในชีวิตนี้ส่งต่อให้กับเจ้า เพียงแต่ก็หวังว่าเจ้านั้นจะรักษาชีวิตสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ อย่างได้พรากชีวิตผู้อื่นตามอำเภอใจอีก”

หยุนชางพยักหน้าและตอบกลับ

ในเมื่ออาจารย์ชิงชางรับหยุนชางเป็นลูกศิษย์ เขาก็ทุ่มเทอย่างมาก ทันใดนั้นก็นำหนังสือเกี่ยวกับเทคนิคการก่อค่ายกลให้หยุนชางทันที และขอให้นางอ่านอย่างละเอียดแล้วจึงคุยกับเขาเกี่ยวกับความรู้สึกของนางหลังจากอ่านหนังสือเหล่านี้

หยุนชางตอบรับ แล้วหยิบหนังสือกลับไปที่กระโจมของตน เมื่อกลับไปที่กระโจม สายลับได้รอนางอยู่ในกระโจมแล้ว เมื่อเห็นหยุนชางเข้าประตูมา สายลับก็กล่าวอย่างเร่งรีบ “พระชายาขอรับ ข้าน้อยสืบเรื่องได้ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ หลิ่วหยินเฟิงกำลังตามคนคนหนึ่งอยู่ ข้าน้อยได้นำภาพเหมือนของคนที่หลิ่วหยินเฟิงต้องการมาแล้วขอรับ พระชายาโปรดดูนี่สิขอรับ … ”

หยุนชางเห็นว่าสีหน้าของสายลับนั้นแปลกเล็กน้อย หยุนชางจึงหยิบกระดาษม้วนนั้นและเปิดออกมา เมื่อเห็นคนในภาพแล้ว นางก็ตกตะลึงเช่นกัน เฉี่ยนอินเห็นว่านางดูผิดปกติไป จึงเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อมองดูภาพนั้น เมื่อเห็นภาพแล้วนางก็ร้องออกมา “พระชายาเพคะ คนในภาพนี้คือพระชายามิใช่หรือเพคะ”

ใช่ คนในภาพนั้นคือนาง แต่เป็นนางตอนนี้แต่วกายเป็นชาย หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ม้วนภาพนั้นกลับไปเป็นเหมือนเดิม แล้วเงยหน้าขึ้นและถามสายลับนั้นว่า “บนนี้มีเพียงภาพเหมือน แต่ไม่มีข้อความใดๆ เมื่อตอนนี้หลิ่วหยินเฟิงสั่งการค้นหาคนคนนี้เขาสั่งว่าอย่างไร?”

หยุนชางไม่ได้ถามก็ไม่มีเรื่องกระไร แต่เมื่อถามสีหน้าของสายลับก็ยิ่งแปลกขึ้นกว่าเดิม เขาลังเลอยู่นาน และเมื่อเห็นหยุนชางจ้องมองที่ตน ฉะนั้นจึงกล่าวว่า ” หลิ่วหยินเฟิงกล่าวต่อทหารของเขาว่า คนที่อยู่ในภาพวาดนั้นคือคนที่เขารักขอรับ ฉะนั้นจึงสั่งให้ทหารต้องหาคนคนนี้ให้เจอ อีกทั้งต้องนำตัวเขากลับมาอย่างสมบูรณ์ไม่มีบาดแผลใดๆ”

ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา หยุนชางและเฉี่ยนอินก็ตกตะลึง หลังจากนั้นไม่นานหยุนชางจึงรู้สึกตัวขึ้นมาได้ นางระงับความรู้สึกประหลาดใจไว้ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า ” เรื่องนี้มิต้องรายงานต่อท่านอ๋อง ให้ข้ามาจัดการเองก็พอ”

เมื่อสายลับได้ยินเช่นนี้ ก็เงียบไปครู่หนึ่ง และครุ่นคิดว่าเมื่อตอนที่ท่านอ๋องจากไป ท่านได้สั่งการไว้ว่า หากว่ามีเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของพระชายา จะต้องรายงานโดยเร็วที่สุด เรื่องอื่นๆ นั้นก็ทำตามคำสั่งของพระชายา สายลับมองไปที่ภาพเหมือนที่อยู่ในมือของหยุนชาง เพียงแต่ว่าการตามหาพระชายานี้ หลิ่วหยินเฟิงไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของพระชายา และคงไม่เกี่ยวข้องต่อความปลอดภัยของพระชายากระมั้ง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สายลับก็พยักหน้าตอบ “ข้าน้อยรับทราบขอรับ”

หลังจากที่สายลับกลับไป เฉี่ยนอินก็กล่าวว่า ” พระชายาเพคะ ท่านบอกว่าหลิ่วหยินเฟิงเป็นต้วนซิ่ว และเมื่อตอนที่พระชายาแต่งตัวเป็นชาย ก็หล่อเหลาและมีเสน่ห์อย่างมากจริงๆ เพคะ หรือว่าหลิ่วหยินเฟิงจะโปรดปรานพระชายาจริงๆ?”

“ไร้สาระน่ะ?” หยุนชางยกมือขึ้นและตบที่หัวเฉี่ยนอินเบาๆ จากนั้นก็ม้วนภาพนั้นแล้ววางลงบนโต๊ะ แล้วจึงหันไปหาเฉี่ยนอินและกล่าวว่า “อีกสักครู่ข้าจะไปดูว่าแม่ทัพฉีวางแผนถึงไหนแล้ว เจ้าอยู่ในกระโจมนี้เถิด เจ้าอยู่ข้างนอกไม่สะดวกนัก หากมีคนมารายงานเรื่องต่างๆ เจ้าก็ถามว่าเป็นเรื่องกระไร เรื่องที่ไม่สำคัญก็รอรายงานให้ข้าฟังพร้อมกันตอนกลางคืน หากเป็นเรื่องสำคัญก็สั่งให้สายลับมารายงานกับข้าก็ย่อมได้”

แม้ว่าเฉี่ยนอินจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะอยู่ในกระโจมมากนัก แต่หยุนชางได้สั่งการไว้แล้ว เฉี่ยนอินก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งได้ นางจึงตอบกลับอย่างไม่เต็มใจ

จากนั้นหยุนชางก็ขี่ม้าขึ้นไปบนยอดเขาหลงเซียเพียงลำพัง เมื่อนางไปถึงเขาหลงเซีย มีชายวัยกลางคนถือตลับเมตรในมือ และถือสว่านมืออยู่ในมือ นี่อาจจะเป็นคนที่มาวัด

เมื่อเห็นหยุนชางขึ้นมา ฉีหล่างก็ตกตะลึงอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงกล่าวบางอย่างต่อชายวัยกลางคนเหล่านั้น แล้วเดินไปหาหยุนชางและประสานมือพร้อมกล่าว “เหตุใดใต้เท้าจึงมาเพียงลำพังขอรับ?”

ช่วงนี้ฉีหล่างสุภาพกับหยุนชางมากขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้เคารพมากนัก แต่ก็สามารถพูดคุยกับหยุนชางอย่างใจเย็นได้แล้ว ไม่ได้พูดจาเสียดสีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ไม่มีกระไร ข้าแค่มาดูนี่ แม่ทัพฉีเตรียมจะทำเช่นไรหรือ?”

ฉีหล่างเงียบไปครู่หนึ่ง แววตาของเขาเผยความดื้อรั้นออกมา ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงกล่าวว่า “เมื่อสักครู่ได้สั่งให้เรียกช่างฝีมือมาวัดคำนวณ เลือกจุดที่จะเปิดเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ข้าน้อยจะนำคนขึ้นมาเจาะภูเขาขอรับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนชางก็หยุดชะงักเล็กน้อย ” แม่ทัพฉีเตรียมที่จะนำคนขึ้นมาเจาะภูเขาอย่างนั้นหรือ?”

“หือ?” ฉีหล่างดูแปลกใจเล็กน้อยว่าเหตุใดหยุนชางจึงถามเช่นนี้ เขาจึงกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ใช่แล้วขอรับ”

“แม่ทัพฉีคิดว่า หลิ่วหยินเฟิงจะเริ่มลงมือเมื่อใดหรือ?” หยุนชางเดินไปที่ขอบหน้าผา มองดูหน้าผาสูงชันที่อยู่ด้านล่าง และพูดเบาๆ

ฉีหล่างเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “หลิ่วหยินเฟิงเป็นคนที่กล้าหาญและระมัดระวัง ทุกวันนี้เขากำลังสำรวจเส้นทางริมแม่น้ำจิ้ง คงได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว ข้าเกรงว่าเขาอาจจะลงมือในอีกไม่นานนี้”

หยุนชางพยักหน้าและถามอีกครั้ง “แม่ทัพฉีรู้สึกว่า หากเราเริ่มเจาะภูเขาด้วยแรงงานมนุษย์ จะใช้เวลานานเท่าใดจึงจะเจาะได้ตามความกว้างที่เราต้องการหรือ?”

ฉีหล่างเงียบลงหลังจากได้ยินเช่นนี้ “หากมีช่างฝีมือห้าสิบคน จะใช้เวลาจะประมาณสิบวันขอรับ”

หยุนชางหันไปมองฉีหล่างและยิ้ม ” ท่านแม่ทัพเคยคิดหรือไม่ว่า ในเมืองคังหยางนี้มีช่างฝีมือที่สามารถทำงานนี้ได้กี่คน หากว่านำช่างฝีมือเหล่านี้ขึ้นมาที่ภูเขาจนหมดสิ้น ทันใดนั้นในเมืองจะไม่มีช่างฝีมือหลงเหลืออยู่ ผู้ที่ใส่ใจก็จะเกิดความสงสัยและรู้เบาะแส ยิ่งกว่านั้น ช่างฝีมือเจาะภูเขานั้น ยังทำทีเดียวไม่หมด ต้องเจาะทีละน้อย แล้วน้ำนี้ก็จะค่อยๆ ไหลลงภูเขาทีละน้อย เกรงว่าจะไม่เกินห้าวัน แม่น้ำจิ้งก็จะเริ่มมีน้ำอย่างช้าๆ แม่ทัพฉีทราบดีว่าหลิ่วหยินเฟิงเป็นคนประเภทใด ตราบใดที่มีน้ำในแม่น้ำจิ้งเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้หลิ่วหยินเฟิงสงสัยได้ เมื่อหลิ่วหยินเฟิงสงสัย ทุกอย่างที่เราทำก็จะไม่มีความหมาย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 315 ฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์ชิงชาง

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 315 ฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์ชิงชาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยุนชางยิ้มและส่ายหน้า “ท่านอาจารย์คงทราบแล้วว่าข้าเป็นคนที่เคยเสียชีวิตมาแล้วครั้งหนึ่ง และหลายสิ่งหลายอย่างนั้นข้าเข้าใจกับมันแล้ว และชีวิตในชาตินี้ถือเป็นกำไรของข้า ข้าอยากทำเพียงในสิ่งที่ข้าอยากจะทำ โดยไม่รู้สึกเสียดายทีหลัง ส่วนเรื่องชะตากรรมนั้น ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี ข้าก็จะยอมรับมัน หากว่าเราทราบผลของมันตั้งแต่ต้น เช่นนี้ก็น่าเบื่อจริงหรือไม่?”

“ดี ข้าชอบความคิดของพระชายาเป็นอย่างมาก หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ยอมรับศิษย์คนนี้แล้วล่ะ” แววตาของอาจารย์ชิงชางเผยความชื่นชมออกมาเล็กน้อย เขากล่าวเช่นนี้พร้อมลูบเคราและยิ้มออกมาอย่างจริงใจ

หยุนชางดีใจเป็นอย่างมาก จึงเรียกตัวเฉี่ยนอินเข้ามา เมื่อเฉี่ยนอินเข้ามาในกระโจมแล้วพบว่าหยุนชางคุกเข่าอยู่กับพื้น นางจึงตกตะลึงเป็นอย่างมาก นางมองไปที่ชายชราและหยุนชางอยู่นาน

หยุนชางอมยิ้มและหันไปหาเฉี่ยนอิน พร้อมกล่าวว่า ” เฉี่ยนอินไปเตรียมน้ำชามา วันนี้ข้าจะฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์ชิงชาง”

เมื่อเฉี่ยนอินได้ยินเช่นนี้ นางก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้ตอบกลับอย่างรวดเร็ว และไปเตรียมน้ำชามา หยุนชางหยิบน้ำชามาแล้วยกเสมอคิ้ว จากนั้นก็กล่าวต่ออาจารย์ชิงชางด้วยความเคารพอย่างสูงว่า ” ท่านอาจารย์ ได้โปรดรับการบูชาจากศิษย์เถิด” ขณะพูดนางก็โค้งคำนับ

อาจารย์ชิงชางยิ้มและพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ตกลง” ขณะที่พูดเขาก็หยิบถ้วยชาของหยุนชางไปแล้วจิบ จากนั้นก็วางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะข้างๆ ตน แล้วจึงพยุงหยุนชางขึ้นมาและกล่าวว่า “ในเมื่อข้ารับเจ้าเป็นศิษย์แล้ว ข้าก็จะนำทุกสิ่งที่ข้าฝึกมาในชีวิตนี้ส่งต่อให้กับเจ้า เพียงแต่ก็หวังว่าเจ้านั้นจะรักษาชีวิตสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ อย่างได้พรากชีวิตผู้อื่นตามอำเภอใจอีก”

หยุนชางพยักหน้าและตอบกลับ

ในเมื่ออาจารย์ชิงชางรับหยุนชางเป็นลูกศิษย์ เขาก็ทุ่มเทอย่างมาก ทันใดนั้นก็นำหนังสือเกี่ยวกับเทคนิคการก่อค่ายกลให้หยุนชางทันที และขอให้นางอ่านอย่างละเอียดแล้วจึงคุยกับเขาเกี่ยวกับความรู้สึกของนางหลังจากอ่านหนังสือเหล่านี้

หยุนชางตอบรับ แล้วหยิบหนังสือกลับไปที่กระโจมของตน เมื่อกลับไปที่กระโจม สายลับได้รอนางอยู่ในกระโจมแล้ว เมื่อเห็นหยุนชางเข้าประตูมา สายลับก็กล่าวอย่างเร่งรีบ “พระชายาขอรับ ข้าน้อยสืบเรื่องได้ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ หลิ่วหยินเฟิงกำลังตามคนคนหนึ่งอยู่ ข้าน้อยได้นำภาพเหมือนของคนที่หลิ่วหยินเฟิงต้องการมาแล้วขอรับ พระชายาโปรดดูนี่สิขอรับ … ”

หยุนชางเห็นว่าสีหน้าของสายลับนั้นแปลกเล็กน้อย หยุนชางจึงหยิบกระดาษม้วนนั้นและเปิดออกมา เมื่อเห็นคนในภาพแล้ว นางก็ตกตะลึงเช่นกัน เฉี่ยนอินเห็นว่านางดูผิดปกติไป จึงเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อมองดูภาพนั้น เมื่อเห็นภาพแล้วนางก็ร้องออกมา “พระชายาเพคะ คนในภาพนี้คือพระชายามิใช่หรือเพคะ”

ใช่ คนในภาพนั้นคือนาง แต่เป็นนางตอนนี้แต่วกายเป็นชาย หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ม้วนภาพนั้นกลับไปเป็นเหมือนเดิม แล้วเงยหน้าขึ้นและถามสายลับนั้นว่า “บนนี้มีเพียงภาพเหมือน แต่ไม่มีข้อความใดๆ เมื่อตอนนี้หลิ่วหยินเฟิงสั่งการค้นหาคนคนนี้เขาสั่งว่าอย่างไร?”

หยุนชางไม่ได้ถามก็ไม่มีเรื่องกระไร แต่เมื่อถามสีหน้าของสายลับก็ยิ่งแปลกขึ้นกว่าเดิม เขาลังเลอยู่นาน และเมื่อเห็นหยุนชางจ้องมองที่ตน ฉะนั้นจึงกล่าวว่า ” หลิ่วหยินเฟิงกล่าวต่อทหารของเขาว่า คนที่อยู่ในภาพวาดนั้นคือคนที่เขารักขอรับ ฉะนั้นจึงสั่งให้ทหารต้องหาคนคนนี้ให้เจอ อีกทั้งต้องนำตัวเขากลับมาอย่างสมบูรณ์ไม่มีบาดแผลใดๆ”

ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา หยุนชางและเฉี่ยนอินก็ตกตะลึง หลังจากนั้นไม่นานหยุนชางจึงรู้สึกตัวขึ้นมาได้ นางระงับความรู้สึกประหลาดใจไว้ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า ” เรื่องนี้มิต้องรายงานต่อท่านอ๋อง ให้ข้ามาจัดการเองก็พอ”

เมื่อสายลับได้ยินเช่นนี้ ก็เงียบไปครู่หนึ่ง และครุ่นคิดว่าเมื่อตอนที่ท่านอ๋องจากไป ท่านได้สั่งการไว้ว่า หากว่ามีเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของพระชายา จะต้องรายงานโดยเร็วที่สุด เรื่องอื่นๆ นั้นก็ทำตามคำสั่งของพระชายา สายลับมองไปที่ภาพเหมือนที่อยู่ในมือของหยุนชาง เพียงแต่ว่าการตามหาพระชายานี้ หลิ่วหยินเฟิงไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของพระชายา และคงไม่เกี่ยวข้องต่อความปลอดภัยของพระชายากระมั้ง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สายลับก็พยักหน้าตอบ “ข้าน้อยรับทราบขอรับ”

หลังจากที่สายลับกลับไป เฉี่ยนอินก็กล่าวว่า ” พระชายาเพคะ ท่านบอกว่าหลิ่วหยินเฟิงเป็นต้วนซิ่ว และเมื่อตอนที่พระชายาแต่งตัวเป็นชาย ก็หล่อเหลาและมีเสน่ห์อย่างมากจริงๆ เพคะ หรือว่าหลิ่วหยินเฟิงจะโปรดปรานพระชายาจริงๆ?”

“ไร้สาระน่ะ?” หยุนชางยกมือขึ้นและตบที่หัวเฉี่ยนอินเบาๆ จากนั้นก็ม้วนภาพนั้นแล้ววางลงบนโต๊ะ แล้วจึงหันไปหาเฉี่ยนอินและกล่าวว่า “อีกสักครู่ข้าจะไปดูว่าแม่ทัพฉีวางแผนถึงไหนแล้ว เจ้าอยู่ในกระโจมนี้เถิด เจ้าอยู่ข้างนอกไม่สะดวกนัก หากมีคนมารายงานเรื่องต่างๆ เจ้าก็ถามว่าเป็นเรื่องกระไร เรื่องที่ไม่สำคัญก็รอรายงานให้ข้าฟังพร้อมกันตอนกลางคืน หากเป็นเรื่องสำคัญก็สั่งให้สายลับมารายงานกับข้าก็ย่อมได้”

แม้ว่าเฉี่ยนอินจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะอยู่ในกระโจมมากนัก แต่หยุนชางได้สั่งการไว้แล้ว เฉี่ยนอินก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งได้ นางจึงตอบกลับอย่างไม่เต็มใจ

จากนั้นหยุนชางก็ขี่ม้าขึ้นไปบนยอดเขาหลงเซียเพียงลำพัง เมื่อนางไปถึงเขาหลงเซีย มีชายวัยกลางคนถือตลับเมตรในมือ และถือสว่านมืออยู่ในมือ นี่อาจจะเป็นคนที่มาวัด

เมื่อเห็นหยุนชางขึ้นมา ฉีหล่างก็ตกตะลึงอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงกล่าวบางอย่างต่อชายวัยกลางคนเหล่านั้น แล้วเดินไปหาหยุนชางและประสานมือพร้อมกล่าว “เหตุใดใต้เท้าจึงมาเพียงลำพังขอรับ?”

ช่วงนี้ฉีหล่างสุภาพกับหยุนชางมากขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้เคารพมากนัก แต่ก็สามารถพูดคุยกับหยุนชางอย่างใจเย็นได้แล้ว ไม่ได้พูดจาเสียดสีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ไม่มีกระไร ข้าแค่มาดูนี่ แม่ทัพฉีเตรียมจะทำเช่นไรหรือ?”

ฉีหล่างเงียบไปครู่หนึ่ง แววตาของเขาเผยความดื้อรั้นออกมา ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงกล่าวว่า “เมื่อสักครู่ได้สั่งให้เรียกช่างฝีมือมาวัดคำนวณ เลือกจุดที่จะเปิดเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ข้าน้อยจะนำคนขึ้นมาเจาะภูเขาขอรับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนชางก็หยุดชะงักเล็กน้อย ” แม่ทัพฉีเตรียมที่จะนำคนขึ้นมาเจาะภูเขาอย่างนั้นหรือ?”

“หือ?” ฉีหล่างดูแปลกใจเล็กน้อยว่าเหตุใดหยุนชางจึงถามเช่นนี้ เขาจึงกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ใช่แล้วขอรับ”

“แม่ทัพฉีคิดว่า หลิ่วหยินเฟิงจะเริ่มลงมือเมื่อใดหรือ?” หยุนชางเดินไปที่ขอบหน้าผา มองดูหน้าผาสูงชันที่อยู่ด้านล่าง และพูดเบาๆ

ฉีหล่างเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “หลิ่วหยินเฟิงเป็นคนที่กล้าหาญและระมัดระวัง ทุกวันนี้เขากำลังสำรวจเส้นทางริมแม่น้ำจิ้ง คงได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว ข้าเกรงว่าเขาอาจจะลงมือในอีกไม่นานนี้”

หยุนชางพยักหน้าและถามอีกครั้ง “แม่ทัพฉีรู้สึกว่า หากเราเริ่มเจาะภูเขาด้วยแรงงานมนุษย์ จะใช้เวลานานเท่าใดจึงจะเจาะได้ตามความกว้างที่เราต้องการหรือ?”

ฉีหล่างเงียบลงหลังจากได้ยินเช่นนี้ “หากมีช่างฝีมือห้าสิบคน จะใช้เวลาจะประมาณสิบวันขอรับ”

หยุนชางหันไปมองฉีหล่างและยิ้ม ” ท่านแม่ทัพเคยคิดหรือไม่ว่า ในเมืองคังหยางนี้มีช่างฝีมือที่สามารถทำงานนี้ได้กี่คน หากว่านำช่างฝีมือเหล่านี้ขึ้นมาที่ภูเขาจนหมดสิ้น ทันใดนั้นในเมืองจะไม่มีช่างฝีมือหลงเหลืออยู่ ผู้ที่ใส่ใจก็จะเกิดความสงสัยและรู้เบาะแส ยิ่งกว่านั้น ช่างฝีมือเจาะภูเขานั้น ยังทำทีเดียวไม่หมด ต้องเจาะทีละน้อย แล้วน้ำนี้ก็จะค่อยๆ ไหลลงภูเขาทีละน้อย เกรงว่าจะไม่เกินห้าวัน แม่น้ำจิ้งก็จะเริ่มมีน้ำอย่างช้าๆ แม่ทัพฉีทราบดีว่าหลิ่วหยินเฟิงเป็นคนประเภทใด ตราบใดที่มีน้ำในแม่น้ำจิ้งเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้หลิ่วหยินเฟิงสงสัยได้ เมื่อหลิ่วหยินเฟิงสงสัย ทุกอย่างที่เราทำก็จะไม่มีความหมาย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+