ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 181 หยุนชางใช้กลยุทธ์ของอีกฝ่าย

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 181 หยุนชางใช้กลยุทธ์ของอีกฝ่าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลายวันมานี้ช่างเหนื่อยเหลือเกิน เมื่อหัวถึงหมอนก็ผล็อยหลับไปในทันที เมื่อเฉี่ยนอินและฉินยีเห็นหยุนชางหลับไปอย่างไร้กังวลก็รู้ได้ในทันทีว่านางได้เตรียมการบางอย่างเอาไว้แล้วเรียบร้อยจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง ทั้งสองจึงถอยออกไปพักผ่อนที่ห้องด้านข้าง

ดึกสงัดแล้ว ห้องทางฝั่งตะวันตกของบ้านกลับมีแสงไฟส่องสว่างขึ้นมา ที่หน้าต่างมีเงาของคนสองคนปรากฏขึ้น มีเสียงทุ้มต่ำเล็ดลอดออกมาจากด้านใน "เป็นอย่างไร นางมีท่าทีอย่างไรบ้าง"

"ข้าน้อยเห็นว่านางยังคงวางตัวสุขุม แม้จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางกลับไม่มีอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด ทุกอย่างดูปกติมาโดยตลอด แต่ทว่า ระหว่างที่นางกำลังชมเครื่องเรือนตอนเดินเข้าไปในบ้านนั้น นางมีท่าทีแปลกๆเล็กน้อยขอรับ เมื่อครู่ข้าน้อยได้ยินพวกบ่าวไพร่พูดกันว่าหลังจากที่นางได้ล้างหน้าล้างตาแล้วยังคงพูดคุยกับนางกำนัลสองนางอยู่ครู่หนึ่ง ทำตัวเหมือนตอนนางยังอยู่ในวัง จากนั้นจึงเข้านอนขอรับ" เสียงหัวหน้าจ้าวกล่าวรายงานอย่างเคารพนบนอบ

"เช่นนั้นหรือ ช่างมีจิตใจที่แข็งกล้าจริงๆ จิ้งอ๋องดูคนได้ไม่เลวเลย" เสียงของชายหนุ่มที่เอ่ยวาจาไปก่อนหน้าพูดขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความร้อนรุ่ม "จงนำความส่งไปยังจวนหลี่ แจ้งว่าคนที่พวกเขาต้องการตัวนั้นอยู่ในมือของข้าแล้ว หากต้องการมาพบก็จงมาพบได้ หากไม่ต้องการมาพบ ต้องการให้จัดการอย่างไรก็ออกคำสั่งมาได้เลย แต่ว่า เมื่อข้ากำจัดเสี้ยนหนามแทนพวกเขาแล้ว แล้วเกิดเรื่องเดือดร้อนขึ้นกับข้าในวันข้างหน้า ข้าจะไม่มีวันยอมให้อภัยโดยเด็ดขาด" เสียงที่ทุ้มต่ำเมื่อครู่นั้นกลับเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่แข็งกร้าวชวนหวาดหวั่น แฝงไปด้วยความเลือดเย็น หัวหน้าจ้าวรีบรับคำ "ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ข้าน้อยจะนำความไปแจ้งในทันทีขอรับ" แสงไฟส่องวาบขึ้นมาในห้องก่อนจะดับลง ทุกอย่างกลับสู่ความสงบเงียบ

"ตึงตึงตึง……" เสียงตึกตักดังลอดเข้ามาภายในห้อง หยุนชางที่นอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้วเมื่อได้ยินเสียงนั้นก็พลันลุกจากเตียงขึ้นมาทันที นัยน์ตาของนางส่องประกาย จ้องมองไปยังเงาดำที่ยืนอยู่ตรงหน้า

เงาดำนั้นไม่ทันได้ตั้งตัวว่าหยุนชางจะลุกขึ้นมา มันหยุดชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะคุกเข่าลงไปที่พื้น "องค์หญิง"

เป็นผู้หญิงหรอกหรือนี่ หยุนชางคิดพลางพยักหน้า สายตาจับจ้องไปยังเงาดำที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า สักพักจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เสด็จอาเคยตรัสไว้ว่า เขาจะส่งคนมาคุ้มกันข้าอย่างลับๆ เป็นท่านเองหรือ"

หญิงสาวเจ้าของเงาดำเอ่ยขึ้น "จิ้งอิ่งถวายบังคมองค์หญิง"

หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่แน่ใจกับตัวเองว่าตนคิดมากเกินไปหรือไม่ นางมักจะรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าจิ้งอิ่งคนนี้แม้จะดูสวามิภักดิ์ต่อตน แต่คำพูดคำจาของนางกลับแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง หยุนชางรู้ว่านางคงคอยติดตามคนรอบข้างของตนมาโดยตลอด แต่หยุนชางก็ไม่อาจทราบได้ว่าตนนั้นเคยพูดอะไรหรือทำอะไรลงไปเมื่อไรจึงทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องขุ่นข้องหมองใจ หรือจะเป็นตอนที่ตนเองพูดนินทาจิ้งอ๋องอยู่คนเดียวเมื่อครั้งอยู่ในวัง ผู้หญิงคนนี้จึงไม่พอใจตนเพราะนางอยากปกป้องผู้เป็นเจ้านายของตัวเอง

"ใครเป็นคนลักพาตัวข้า ท่านเห็นหรือไม่ ในเมื่อท่านเองคอยเฝ้าติดตามข้ามาตลอด แล้วอีกอย่างคนคุ้มกันของที่นี่ก็ฝีมือไม่เลว เห็นท่านเอาชนะคนพวกนี้ได้ ฝีมือของท่านคงไม่ธรรมดาเป็นแน่ แล้วเพราะอะไรเมื่อตอนที่ข้าถูกลักพาตัวมา ท่านจึงไม่รีบออกมาในตอนนั้นเล่า" หยุนชางเอ่ยขึ้นเบาๆ

ภายใต้ความมืด หยุนชางมิอาจล่วงรู้ถึงสีหน้าแววตาของหญิงสาวตรงหน้าได้ ได้ยินเพียงเสียงตอบอันหนักแน่น "ด้วยข้อตกลงของสายลับ พวกเรามิอาจเปิดเผยตัวตนต่อหน้าศัตรูได้ เว้นแต่เพียงว่าเมื่อองค์หญิงมีอันตรายถึงแก่พระชนม์ชีพเพคะ"

"อย่างนี้นี่เอง" หยุนชางเลิกคิ้ว

"หม่อมฉันไม่เคยเห็นหน้าผู้ที่ลักพาตัวองค์หญิง ผู้นำคนร้ายก็เปลี่ยนรูปโฉมโดยไม่เคยเผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงมาก่อนเพคะ" จิ้งอิ่งก้มหน้ารายงาน

"เช่นนั้นหรือ" หยุนชางเลิกคิ้วอีกครั้ง "แล้วเพราะเหตุใดท่านจึงปรากฏตัวขึ้นมาในเวลานี้ล่ะ"

จิ้งอิ่งนึกย้อนไปยังบัญชาของหัวหน้าสายลับก่อนหน้านี้ ในใจรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร หัวหน้าสายลับแจ้งว่าองค์หญิงหายตัวไปกระทันหัน ท่านอ๋องแค้นเคืองมากจนเกือบจะทำลายห้องหนังสือและทำร้ายบรรดาพี่น้องคนใกล้ชิด

"หม่อมฉันได้ติดต่อกับพี่น้องสายลับคนอื่นแล้ว ท่านอ๋องกำชับว่าจะต้องรีบไปช่วยองค์หญิงให้จงได้เพคะ" จิ้งอิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ

หยุนชางแอบยิ้ม แม้ว่าตนนั้นจะถูกลักพาตัว แต่เมื่อนึกไปถึงว่าคนร้ายนั้นช่างไม่รู้อะไรเสียเลยว่าตนนั้นมีผู้พิทักษ์ฝีมือดีคอยเฝ้าติดตาม หากว่าคนร้ายมีการเตรียมการที่ดีกว่านี้ การที่เหล่าสายลับจะตามหาตนเองจนพบก็คงจะยากกว่านี้แน่นอน

"ข้าจะอยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าอยากรู้ว่าผู้บงการเบื้องหลังเป็นใครกันแน่" หยุนชางเอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก

จิ้งอิ่งนิ่งไปชั่วครู่แล้วจึงพูดว่า "แล้วหม่อมฉันจะไปรายงานให้ท่านอ๋องทราบเพคะ เมื่อครู่นี้คนที่นำตัวองค์หญิงมาก็ได้ผ่านมาที่นี่ ทางห้องด้านทิศตะวันตก เขาเรียกหัวหน้าจ้าวเข้าไปพบ ชายผู้นั้นมีฝีมือร้ายกาจมาก หม่อมฉันไม่กล้าเข้าไปใกล้จึงไม่อาจล่วงรู้ว่าเขาได้พูดสิ่งใดกับหัวหน้าจ้าว แต่หลังจากนั้นไม่นานชายผู้นั้นก็จากไปเพคะ ฝีเท้าของเขาว่องไวเกินคนทั่วไป พวกหม่อมฉันตามเขาไปไม่ทัน จะตามทันก็แต่หัวหน้าจ้าว ไม่แน่ว่าข้อสงสัยอาจจะถูกคลี่คลายได้ในไม่ช้าเพคะ"

หยุนชางพยักหน้า "พวกท่านระวังตัวกันด้วยล่ะ"

"อืม" จิ้งอิ่งเอ่ยออกมาเบาๆ นางแฝงกายหนีไปในเงามืด หยุนชางเองก็รู้สึกอ่อนล้าเสียจนหลับไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งก็เป็นเวลาฟ้าสาง บ่าวไพร่พากันตระเตรียมน้ำไว้ให้หยุนชางล้างหน้าล้างตา หยุนชางสังเกตดูสีหน้าคนคุ้มกันทั้งสี่ไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด คงจะไม่รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นแน่ หลังจากที่นางล้างหน้าล้างตาแล้วก็มีอาหารเช้ามาส่งเป็นโจ๊กลูกเดือย และมีเครื่องเคียงอีก 2-3 อย่าง

หยุนชางไม่ได้พูดอะไรมาก นางเรียกฉินยีและเฉี่ยนอินมานั่งทานอาหารที่ถูกส่งมา ส่วนนางเลือกที่จะนั่งพักด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย

เช้าวันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าจ้าวก็ไม่ได้มาตรวจตราสถานการณ์

อาหารมื้อเที่ยงมีมากมายหลายอย่างขึ้นมาหน่อย และยังมีของกินที่หยุนชางชอบ หยุนชางเสวยเยอะเป็นพิเศษ เสร็จจากมื้อเที่ยงแล้วหยุนชางกลับรู้สึกหนักศีรษะ เมื่อกำลังจะเอ่ยปากพูดกลับได้ยินเสียง "เพ้ง" ดังขึ้น หยุนชางหันหลังไปมองก็พบว่าฉินยีได้ล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว เฉี่ยนอินก็โซเซทรงตัวไม่อยู่ จากนั้นไม่นานก็ล้มลงไปอีกคน

หยุนชางตกใจเป็นอย่างมาก นางพุ่งเป้าไปที่อาหารวันนี้ว่าต้องมีสิ่งผิดปกติเป็นแน่ แต่เพราะนางนั้นโตมากับการถูกใช้ยามาตั้งแต่เด็กๆจึงพอมีภูมิต้านทานต่อยาสลบ นางมีเพียงอาการปวดศีรษะเล็กน้อย ไม่มีอาการอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ แต่เมื่อนางเห็นลักษณะอาการของเฉี่ยนอินและฉินยีแล้วนางก็รู้ได้ทันทีว่าของที่ใส่มาในอาหารนั้นจะออกฤทธิ์อย่างไร นางตัดสินใจบางอย่างขึ้นทันทีทันใด นางหลับตาลงแล้วล้มลงไปนอนที่พื้น

"ไปรายงานท่านหัวหน้าว่าทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว" หยุนชางได้ยินเสียงนั้นมาจากข้างตัว เป็นเสียงของหนึ่งในคนคุ้มกันทั้งสี่

จากนั้นไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าที่หนักแน่นเดินเข้ามาพร้อมเสียงเล็กๆเอ่ยขึ้นมาว่า "พาพวกนางขึ้นไปยังรถม้า สองวันมานี้พระราชวังมีการตรวจตราอย่างเข้มงวด อย่าให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาได้"

เสียงนั้นคือเสียงของหัวหน้าจ้าว หยุนชางถึงกับตะลึง หรือว่านี่จะเป็นคนที่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง หยุนชางวางมือไปบนใบหน้าของตนเอง ในใจของหยุนชางเต็มไปด้วยความสับสน ผ่านไปชั่วครู่ นางพยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่แล้วกลับมีสิ่งของบางอย่างมาวางทับบนใบหน้าของนาง ของสิ่งนั้นนุ่ม คล้ายจะเป็นสิ่งของประเภทหนัง

หยุนชางขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นานจึงนึกบางอย่างขึ้นมาได้ หรือว่าบางทีเขาจะอ้างว่าตนเองนั้นเป็นคนอื่น นางหายตัวไป เสด็จพ่อกับจิ้งอ๋องก็ต้องทรงวิตกกังวล เกิดการตรวจตราอย่างละเอียดขึ้นในพระราชวังก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าตอนนี้นางไม่รู้เลยว่าเขาจะพานางส่งออกไปนอกวังหรือส่งเข้าไปในวังกันแน่ ถ้าเป็นในวังก็คงจะไม่มีป่ารกทึบเช่นนี้ ตอนนี้นางน่าจะอยู่นอกวังมากกว่า แต่เมื่อครู่ชายคนนั้นก็กำชับอย่างจริงจังว่าพระราชวังมีการตรวจตราเข้มงวด จะทำเสียเรื่องไม่ได้ หรือว่าจะพานางส่งเข้าไปในวังกันแน่นะ

หากจะว่าตามเหตุผล ในเมื่อลักพาตัวองค์หญิงออกมาอยู่นอกพระราชวังได้สำเร็จแล้วก็ควรจะหาที่ซ่อนตัวองค์หญิงดีๆ แต่ว่านี่ออกจากเขตวังมาได้แล้วยังจะหาเรื่องเสี่ยงตายกลับเข้าไปในวังอีก เพื่ออะไรกันนะ ถึงแม้ว่าที่ที่อันตรายที่สุดจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็ตามแต่มันก็ไม่คุ้มเลยที่จะมาเสี่ยงเช่นนี้ แล้วอีกอย่างก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะอ้างว่าตนเองนั้นเป็นผู้ใดกันแน่

หยุนชางรู้สึกคล้ายว่าตนเองนั้นถูกคนอุ้มขึ้นมาและวางลงไป หลังจากนั้น หยุนชางก็ได้ยินเสียงล้อของรถม้าเคลื่อนตัว หยุนชางจดจำรายละเอียดการเคลื่อนย้ายตำแหน่งของรถม้าอย่างตั้งใจ หากเคลื่อนไปทางซ้าย ก็คือรถม้าเลี้ยวซ้าย ไปทางขวาก็แสดงว่ารถม้าเลี้ยวขวา หยุนชางนับและจดจำจำนวนการเลี้ยวของรถม้า จดจำเสียงสิ่งต่างๆที่ได้ยินตลอดเส้นทางที่รถม้าเคลื่อนผ่าน ทั้งเสียงนกร้อง เสียงสุนัขเห่า เสียงไก่ขัน

ผ่านไปไม่นาน รถม้าก็จอดลง ณ ที่แห่งหนึ่ง

หยุนชางได้ยินเสียงผู้คนด้านนอกพูดคุยกัน ฟังดูแล้วคงมีผู้คนไม่น้อย ในขณะที่นางกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาว่า "เข้าเมืองต้องมีการตรวจสอบคุมเข้ม เจ้าพาผู้ใดมาในรถ?"

หยุนชางตั้งอกตั้งใจฟังและรู้ได้ว่านางคงมาถึงเขตประตูเมืองแล้ว ด้านนอกมีเสียงหัวหน้าจ้าวพูดขึ้นว่า "ท่านเจ้าหน้าที่ ข้าน้อยมาจากหมู่บ้านระแวกนี้ ลูกชายของข้าน้อยไม่สบาย ข้าน้อยจะพาเขาเข้าเมืองไปพบหมอ ขอท่านเจ้าหน้าที่ได้โปรดเปิดทางให้ข้าน้อยด้วยเถิด"

"ข้าเองก็อยากจะเปิดทาง แต่ท่านจิ้งอ๋องสั่งลงมาว่า วันนี้ไม่ว่าผู้ใดเข้าออกประตูเมืองจะต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด หากละเว้นไปแม้แต่คนเดียวก็จะโดนโทษตัดหัว เปิดผ้าคลุมออกให้ข้าดูด้านในรถด้วย" เสียงอันดุดันตอบกลับ หยุนชางรู้สึกคุ้นๆกับเสียงเสียงนี้ คิดอยู่นานจึงนึกได้ว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นคนสนิทของจิ้งอ๋องที่ชื่อหวังซุ่น

นี่เขามาตรวจประตูเมืองด้วยตัวเองเลยหรือนี่? จากนั้นนางก็นึกถึงสิ่งที่หัวหน้าจ้าวได้กล่าวไปเมื่อครู่ ช่างเป็นสิ่งที่ขัดอกขัดใจหยุนชางยิ่งนัก เขาถึงกับกล้าอ้างว่านางนั้นเป็นเด็กชายที่ป่วยหนักเช่นนั้นเชียวหรือ ช่างเป็นความคิดที่แยบยลเสียจริง

พลันแสงสว่างก็สาดส่องเข้ามาด้านในรถ หยุนชางสัมผัสได้ถึงสายลมอันหนาวเย็นและรู้สึกเหมือนมีสายตากำลังจ้องมาที่ร่างของนาง หลังจากนั้นสักพัก ก็ได้ยินเสียงของหวังซุ่นพูดขึ้นว่า "เข้าไปได้"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด