ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 335 การเปลี่ยนแปลงในวังหลวง(๑)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 335 การเปลี่ยนแปลงในวังหลวง(๑) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอ้?” จักรพรรดิหนิงหรี่ตาเล็กน้อย รอยยิ้มยังคงอ่อนโยน “ฟังสิ่งที่ชางเอ๋อร์พูดมานั้น เหล่าแม่ทัพที่นั่นรังแกชางเอ๋อร์หรือ? ไหนลองบอกเจิ้นสิว่าเกิดอะไรขึ้น? ถึงกับบังอาจทำให้ชางเอ๋อร์รู้สึกไม่เป็นธรรม ยกโทษให้มิได้”

หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งและพูดอย่างเฉยเมยว่า “เสด็จพ่อทรงกังวลพระทัยมากไปแล้วเพคะ ชางเอ๋อร์รู้ดีในตัวเองมาตลอด ชางเอ๋อร์เป็นแค่หญิงสาว และเป็นหญิงสาวที่ถูกเลี้ยงดูมาจากวังหลวง จะรู้การนำทัพออกศึกอะไรได้อย่างไร สิ่งต่างๆในสนามรบแน่นอนว่าต้องเชื่อฟังแม่ทัพเหล่านั้น” หลังจากพูดจบครู่หนึ่งความอาฆาตก็ฉายแววออกจากดวงตาของนาง แม้จะเพียงชั่วขณะ หยุนชางก็รู้ว่าจักรพรรดิหนิงที่มองนางอยู่ คงได้เห็นแล้ว

ทันทีที่สิ้นเสียง จิ้งอ๋องก็หันศีรษะพร้อมด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อย และมีความเย้ยหยันที่มุมปากของเขา “ชางเอ๋อร์เมตตาใจกว้างเกินไป แม่ทัพที่ชายแดนใช้อำนาจในการเป็นผู้นำ ย่อมมิให้คนอื่นแทรกแซง เพียงแต่ว่ามันมากเกินไปหน่อย ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่ฟังคำสั่งชางเอ๋อร์ แต่ยังละเลยความปลอดภัยของชางเอ๋อร์ ชางเอ๋อร์ถูกจับตัวไปที่ค่ายทหารของแคว้นเซี่ย ถูกควันพิษจากค่ายกลของหลิ่วหยินเฟิงจนได้รับบาดเจ็บ ถ้าไม่ใช่เพราะหม่อมฉันไปได้ทันท่วงที และได้พาท่านอาจารย์ชิงชางที่เชี่ยวชาญในการทำลายค่ายกลมาด้วย เกรงว่าชางเอ๋อร์…”

จิ้งอ๋องหยุดชั่วขณะ ก้มศีรษะลง และทำเสียงเชอะอย่างเย็นชา

เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ฟัง เส้นเลือดปูดบนหน้าผาก ตบโต๊ะอย่างแรง “ใครกัน บังอาจเช่นนี้ได้” เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ใช่ฉีหล่างหรือไม่ ข้าจะถลอกหนังของเขาซะ”

หยุนชางก้าวไปข้างหน้า และจับมือจักรพรรดิหนิง พูดด้วยเสียงเบาๆ “เสด็จพ่อ ตอนนี้ชางเอ๋อร์มิใช่ปลอดภัยหรือเพคะ นอกจากนี้ ครั้งนี้แม่ทัพฉีนำทัพไปสู่ชัยชนะ ควรได้รับการยกย่อง เพียงแต่ว่าแม่ทัพก็อายุมากแล้ว ไม่เหมาะสมที่จะต่อสู้ในสนามรบ จะดีไหมถ้าเสด็จพ่อจะประทานให้เขาได้ปลดประจำการ ถอดชุดเกราะและกลับสู่ชีวิตธรรมดา”

จักรพพรดิเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากได้ยินเรื่องนี้ แต่หลังจากนั้นก็พยักหน้า “ได้ ทำตามชางเอ๋อร์”

ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงขานจากด้านนอก “จิ่นกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเสด็จ”

จิ่นกุ้ยเฟย? หยุนชางตกตะลึงด้วยความยินดีเล็กน้อย เกรงว่าเพราะว่าเสด็จแม่ให้กำเนิดเฉินซี เสด็จพ่อจึงเลื่อนตำแหน่งของเสด็จแม่ เมื่อคิดเช่นนี้ เขาหันกลับมาอย่างกระตือรือร้นและมองไปยังสตรีที่เดินผ่านประตูเข้ามา

นางสวมชุดพระราชวังสีขาว พร้อมกับเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีเงินขนาดใหญ่ กระโปรงกว้างยาวลากพื้น ดูสง่างามและโอฬาร ผมที่ตำสนิทหวีช่อมวยเซียนโบยบิน และปิ่นระย้าหยกขาวที่แกว่งไปมาระหว่างการเดิน แววตาที่มองไปมาไหลผ่านระหว่างดวงตาคู่นั้น และรอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก

“ชางเอ๋อร์…” จิ่นกุ้ยเฟยเดินอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นหยุนชางก็รีบเข้าไป จับมือหยุนชางและมองดูเป็นเวลานาน นางยิ้มแล้วกล่าวว่า “ชางเอ๋อร์กลับมาแล้ว ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” หยุนชางเห็นว่าดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล ในใจอดไม่ได้ที่จะอ่อนลง ยิ้มและจับมือนาง “เสด็จแม่ ชางเอ๋อมิเป็นไรเพคะ”

จักรพรรดิหนิงมองจิ่นกุ้ยเฟยอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ดูตื่นเต้นเล็กน้อย รู้สึกขบขันเมื่อมองไปยังจิ่นกุ้ยเฟยจึงตรัสว่า “เจ้ากังวลทั้งวันทั้งคืน เจิ้นพูดถูกใช่หรือไม่ ชางเอ๋อร์จะต้องปลอดภัยแน่”

จากนั้นก็ตรัสกับหยุนชางว่า “ช่วงที่เจ้าไม่อยู่ในวัง เสด็จแม่ของเจ้าก็เหมือนหินศิลา มักถามข้าตลอดว่าเมื่อไหร่ชางเอ๋อร์จะกลับมา และตอนนี้ก็ดีแล้ว ในที่สุดเจ้าก็กลับมา พวกเจ้าสองแม่ลูกคงจะมีเรื่องพูดคุยกันไม่น้อย จิ่นกุ้ยเฟยพาชางเอ๋อร์ไปที่วังจิ่นซิ่วเถิด เจิ้นจะคุยกับจิ้งอ๋องสักครู่ ประเดี๋ยวเจิ้นจะพาจิ้งอ๋องไปร่วมเสวยอาหารเย็นด้วยกัน”

จิ่นกุ้ยเฟยพยักหน้า ยิ้มและจับมือหยุนชางและกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้พบน้องชายของเจ้าเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ตอนนี้เขาคงจะตื่นแล้ว..”

หยุนชางยิ้มและพยักหน้า “เพคะ ไม่รู้ว่าตอนนี้เฉินซีหน้าตาเป็นอย่างไร เหมือนเสด็จแม่มากกว่า หรือจะเหมือนเสด็จพ่อมากกว่านะ” ทั้งสองออกจากห้องโถงฉินเจิ้งด้วยกัน และจิ่นกุ้ยเฟยพาหยุนชางไปยังประตูวังตำหนักหนึ่ง

หยุนชางเงยหน้าขึ้นและมองตรงเหนือประตูวังซึ่งเขียนคำสามคำ วังจิ่นซิ่ว

นึกถึงเมื่อครู่ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อตรัสว่าให้เสด็จแม่พานางกลับมาที่วังจิ่นซิ่ว เป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้เสด็จแม่ไม่ได้พักอยู่ในวังชีอู๋แล้ว แต่อาศัยอยู่ที่นี่? ในช่วงที่นางไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นในวังแห่งนี้?

จิ่นกุ้ยเฟยซิ่วพาหยุนชางเข้าไปในวังจิ่นซิ่ว ในวังจิ่นซิ่วมีบริวารไม่น้อยเลย เมื่อเห็นจิ่นกุ้ยเฟยเข้ามา ทุกคนต่างคำนับ “เหนียงเหนียง” และมองหยุนชางด้วยความสงสัย นางกำนัลเหล่านี้ไม่คุ้นหน้านัก เกรงว่าคงจะเพิ่งเข้ามาอยู่ในวังไม่นานนัก แน่นอนว่าจึงไม่รู้จักหยุนชาง

ตลอดทางผ่านลานหน้าบ้านที่เต็มไปด้วยดอกเหมย และเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า ร่างที่คุ้นเคยก็ออกมา เมื่อเห็นหน้าหยุนชาง สีหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ รีบก้าวเข้ามาด้วยความดีใจ “พระชายา…พระชายา ท่านกลับมาแล้ว!” ”

หยุนชางยิ้มและจับมือเจิ้งมามา และพยักหน้า “ใช่แล้ว มามา ชางเอ๋อร์กลับมาแล้ว”

“รีบเข้าไปคุยกันด้านในเถอะเพคะ ข้างนอกอากาศหนาว อย่าได้เป็นหวัดเข้านะเพคะ” เจิ้งมามาพูดอย่างเร่งรีบ ดึงหยุนชางเข้าไปในห้องโถงใหญ่ หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ วังจิ่นซิ่วแห่งนี้ หยุนชางเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง ก็โอ่โถงมากแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าเพราะจิ่นกุ้ยเฟยเข้ามาอยู่ ได้รับการตกแต่งใหม่ ทำให้สวยขึ้นกว่าเดิม

จิ่นกุ้ยเฟยให้นางกำนัลยกน้ำชามา แล้วถอยห่างออกไป มีเพียงเจิ้งมามาคอยปรนนิบัติอยู่คนเดียว

ไม่มีผู้คนอยู่รอบๆ หยุนชางถอนสายตาของนางและมองไปที่จิ่นกุ้ยเฟย “เหตุใดเสด็จแม่จึงย้ายมาอยู่วังจิ่นซิ่วเพคะ”

จิ่นกุ้ยเฟยยิ้มเล็กน้อยและพูดเบาๆ “เพราะมีเฉินซี ฝ่าบาทเลยตรัสว่า ตำหนักด้านข้างของวังซีอู๋นั้นค่อนข้างจะหัวมงกุฎท้ายมังกร ดังนั้นจึงให้ข้าย้ายมาที่นี่ และหาแม่นมและนางกำนัลมารับใช้”

หยุนชางเห็นว่าจิ่นกุ้ยเฟยยิ้ม แต่แววตาของนางกลับไม่มีความสุขเลย รู้สึกว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่จิ่นกุ้ยเฟยไม่อยากให้นางกังวลเรื่องนี้ คงจะไม่บอกนางเป็นแน่ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนชางยิ้มและพูดว่า “มันก็กว้างขวางดีนะเพคะ” หลังจากพูดจบก็จิบชาแล้วพูดอีกว่า “ก่อนที่ลูกจะจากไป ฮองเฮาถูกกุมขังไว้ ท่าเสนาบดีหลี่ก่อกบฏ หากบุตรสาวของเขายังยึดตำแหน่งฮองเฮาอยู่ เกรงว่ามันจะกระตุ้นความไม่พอใจของเหล่าขุนนางในราชสำนัก”

จิ่นกุ้ยเฟยได้ยินคำพูดนั้น เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ “ฝ่าบาทได้มีคำสั่งให้ถอดถอนตำแหน่งฮองเฮาของหลี่อี้หราน”

ถอดถอนตำแหน่งฮองเฮา… หยุนชางหรี่ตา ในเมื่อหลี่อี้หรานถูกปลด นอกจากเสด็จแม่แล้วจะมีใครสามารถรับตำแหน่งนี้ได้ นอกจากนี้ เสด็จแม่ยังได้กำเนิดองค์ชายน้อยให้เสด็จพ่อ แต่ทำไมเสด็จแม่จึงได้เลื่อนยศเป็นแค่กุ้ยเฟย แต่ไม่ใช่ฮองเฮา?

นิ้วของหยุนชางที่ถือถ้วยน้ำชารู้สึกร้อนเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง “ท่านเสนาบดีหลี่ก็ถูกปลดแล้ว ตอนนี้รับตำแหน่งเสนาบดีเพคะ?”

“เดิมหัวหน้าสำนักการบูชา จิ่งขุย” จิ่นกุ้ยเฟยหยุดชะงักครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยเสียงเบา

หยุนชางเกือบทำถ้วยน้ำชาตก นางรู้ดีว่าคนผู้นี้เป็นใคร แต่คนผู้นี้เป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเขาคือพ่อของจิ่งเหวินซี

ความโกรธแผ่วเบาในดวงตาของหยุนชาง “หัวหน้าสำนักการบูชา จิ่งขุย เขากลายเป็นเสนาบดีได้อย่างไร แล้วจิ่งเหวินซีล่ะเพคะ?”

จิ่นกุ้ยเฟยเงียบไปนาน หยุนชางแทบรอคำตอบของจิ่นกุ้ยเฟยไม่ไหว นางจึงเงยหน้าขึ้นมองเจิ้งมามา “มามา บอกข้าที ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่ข้าไม่อยู่ ทำไมจิ่งขุยถึงกลายเป็นเสนาบดีได้?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 335 การเปลี่ยนแปลงในวังหลวง(๑)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 335 การเปลี่ยนแปลงในวังหลวง(๑) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอ้?” จักรพรรดิหนิงหรี่ตาเล็กน้อย รอยยิ้มยังคงอ่อนโยน “ฟังสิ่งที่ชางเอ๋อร์พูดมานั้น เหล่าแม่ทัพที่นั่นรังแกชางเอ๋อร์หรือ? ไหนลองบอกเจิ้นสิว่าเกิดอะไรขึ้น? ถึงกับบังอาจทำให้ชางเอ๋อร์รู้สึกไม่เป็นธรรม ยกโทษให้มิได้”

หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งและพูดอย่างเฉยเมยว่า “เสด็จพ่อทรงกังวลพระทัยมากไปแล้วเพคะ ชางเอ๋อร์รู้ดีในตัวเองมาตลอด ชางเอ๋อร์เป็นแค่หญิงสาว และเป็นหญิงสาวที่ถูกเลี้ยงดูมาจากวังหลวง จะรู้การนำทัพออกศึกอะไรได้อย่างไร สิ่งต่างๆในสนามรบแน่นอนว่าต้องเชื่อฟังแม่ทัพเหล่านั้น” หลังจากพูดจบครู่หนึ่งความอาฆาตก็ฉายแววออกจากดวงตาของนาง แม้จะเพียงชั่วขณะ หยุนชางก็รู้ว่าจักรพรรดิหนิงที่มองนางอยู่ คงได้เห็นแล้ว

ทันทีที่สิ้นเสียง จิ้งอ๋องก็หันศีรษะพร้อมด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อย และมีความเย้ยหยันที่มุมปากของเขา “ชางเอ๋อร์เมตตาใจกว้างเกินไป แม่ทัพที่ชายแดนใช้อำนาจในการเป็นผู้นำ ย่อมมิให้คนอื่นแทรกแซง เพียงแต่ว่ามันมากเกินไปหน่อย ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่ฟังคำสั่งชางเอ๋อร์ แต่ยังละเลยความปลอดภัยของชางเอ๋อร์ ชางเอ๋อร์ถูกจับตัวไปที่ค่ายทหารของแคว้นเซี่ย ถูกควันพิษจากค่ายกลของหลิ่วหยินเฟิงจนได้รับบาดเจ็บ ถ้าไม่ใช่เพราะหม่อมฉันไปได้ทันท่วงที และได้พาท่านอาจารย์ชิงชางที่เชี่ยวชาญในการทำลายค่ายกลมาด้วย เกรงว่าชางเอ๋อร์…”

จิ้งอ๋องหยุดชั่วขณะ ก้มศีรษะลง และทำเสียงเชอะอย่างเย็นชา

เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ฟัง เส้นเลือดปูดบนหน้าผาก ตบโต๊ะอย่างแรง “ใครกัน บังอาจเช่นนี้ได้” เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ใช่ฉีหล่างหรือไม่ ข้าจะถลอกหนังของเขาซะ”

หยุนชางก้าวไปข้างหน้า และจับมือจักรพรรดิหนิง พูดด้วยเสียงเบาๆ “เสด็จพ่อ ตอนนี้ชางเอ๋อร์มิใช่ปลอดภัยหรือเพคะ นอกจากนี้ ครั้งนี้แม่ทัพฉีนำทัพไปสู่ชัยชนะ ควรได้รับการยกย่อง เพียงแต่ว่าแม่ทัพก็อายุมากแล้ว ไม่เหมาะสมที่จะต่อสู้ในสนามรบ จะดีไหมถ้าเสด็จพ่อจะประทานให้เขาได้ปลดประจำการ ถอดชุดเกราะและกลับสู่ชีวิตธรรมดา”

จักรพพรดิเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากได้ยินเรื่องนี้ แต่หลังจากนั้นก็พยักหน้า “ได้ ทำตามชางเอ๋อร์”

ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงขานจากด้านนอก “จิ่นกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเสด็จ”

จิ่นกุ้ยเฟย? หยุนชางตกตะลึงด้วยความยินดีเล็กน้อย เกรงว่าเพราะว่าเสด็จแม่ให้กำเนิดเฉินซี เสด็จพ่อจึงเลื่อนตำแหน่งของเสด็จแม่ เมื่อคิดเช่นนี้ เขาหันกลับมาอย่างกระตือรือร้นและมองไปยังสตรีที่เดินผ่านประตูเข้ามา

นางสวมชุดพระราชวังสีขาว พร้อมกับเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีเงินขนาดใหญ่ กระโปรงกว้างยาวลากพื้น ดูสง่างามและโอฬาร ผมที่ตำสนิทหวีช่อมวยเซียนโบยบิน และปิ่นระย้าหยกขาวที่แกว่งไปมาระหว่างการเดิน แววตาที่มองไปมาไหลผ่านระหว่างดวงตาคู่นั้น และรอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก

“ชางเอ๋อร์…” จิ่นกุ้ยเฟยเดินอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นหยุนชางก็รีบเข้าไป จับมือหยุนชางและมองดูเป็นเวลานาน นางยิ้มแล้วกล่าวว่า “ชางเอ๋อร์กลับมาแล้ว ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” หยุนชางเห็นว่าดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล ในใจอดไม่ได้ที่จะอ่อนลง ยิ้มและจับมือนาง “เสด็จแม่ ชางเอ๋อมิเป็นไรเพคะ”

จักรพรรดิหนิงมองจิ่นกุ้ยเฟยอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ดูตื่นเต้นเล็กน้อย รู้สึกขบขันเมื่อมองไปยังจิ่นกุ้ยเฟยจึงตรัสว่า “เจ้ากังวลทั้งวันทั้งคืน เจิ้นพูดถูกใช่หรือไม่ ชางเอ๋อร์จะต้องปลอดภัยแน่”

จากนั้นก็ตรัสกับหยุนชางว่า “ช่วงที่เจ้าไม่อยู่ในวัง เสด็จแม่ของเจ้าก็เหมือนหินศิลา มักถามข้าตลอดว่าเมื่อไหร่ชางเอ๋อร์จะกลับมา และตอนนี้ก็ดีแล้ว ในที่สุดเจ้าก็กลับมา พวกเจ้าสองแม่ลูกคงจะมีเรื่องพูดคุยกันไม่น้อย จิ่นกุ้ยเฟยพาชางเอ๋อร์ไปที่วังจิ่นซิ่วเถิด เจิ้นจะคุยกับจิ้งอ๋องสักครู่ ประเดี๋ยวเจิ้นจะพาจิ้งอ๋องไปร่วมเสวยอาหารเย็นด้วยกัน”

จิ่นกุ้ยเฟยพยักหน้า ยิ้มและจับมือหยุนชางและกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้พบน้องชายของเจ้าเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ตอนนี้เขาคงจะตื่นแล้ว..”

หยุนชางยิ้มและพยักหน้า “เพคะ ไม่รู้ว่าตอนนี้เฉินซีหน้าตาเป็นอย่างไร เหมือนเสด็จแม่มากกว่า หรือจะเหมือนเสด็จพ่อมากกว่านะ” ทั้งสองออกจากห้องโถงฉินเจิ้งด้วยกัน และจิ่นกุ้ยเฟยพาหยุนชางไปยังประตูวังตำหนักหนึ่ง

หยุนชางเงยหน้าขึ้นและมองตรงเหนือประตูวังซึ่งเขียนคำสามคำ วังจิ่นซิ่ว

นึกถึงเมื่อครู่ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อตรัสว่าให้เสด็จแม่พานางกลับมาที่วังจิ่นซิ่ว เป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้เสด็จแม่ไม่ได้พักอยู่ในวังชีอู๋แล้ว แต่อาศัยอยู่ที่นี่? ในช่วงที่นางไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นในวังแห่งนี้?

จิ่นกุ้ยเฟยซิ่วพาหยุนชางเข้าไปในวังจิ่นซิ่ว ในวังจิ่นซิ่วมีบริวารไม่น้อยเลย เมื่อเห็นจิ่นกุ้ยเฟยเข้ามา ทุกคนต่างคำนับ “เหนียงเหนียง” และมองหยุนชางด้วยความสงสัย นางกำนัลเหล่านี้ไม่คุ้นหน้านัก เกรงว่าคงจะเพิ่งเข้ามาอยู่ในวังไม่นานนัก แน่นอนว่าจึงไม่รู้จักหยุนชาง

ตลอดทางผ่านลานหน้าบ้านที่เต็มไปด้วยดอกเหมย และเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า ร่างที่คุ้นเคยก็ออกมา เมื่อเห็นหน้าหยุนชาง สีหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ รีบก้าวเข้ามาด้วยความดีใจ “พระชายา…พระชายา ท่านกลับมาแล้ว!” ”

หยุนชางยิ้มและจับมือเจิ้งมามา และพยักหน้า “ใช่แล้ว มามา ชางเอ๋อร์กลับมาแล้ว”

“รีบเข้าไปคุยกันด้านในเถอะเพคะ ข้างนอกอากาศหนาว อย่าได้เป็นหวัดเข้านะเพคะ” เจิ้งมามาพูดอย่างเร่งรีบ ดึงหยุนชางเข้าไปในห้องโถงใหญ่ หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ วังจิ่นซิ่วแห่งนี้ หยุนชางเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง ก็โอ่โถงมากแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าเพราะจิ่นกุ้ยเฟยเข้ามาอยู่ ได้รับการตกแต่งใหม่ ทำให้สวยขึ้นกว่าเดิม

จิ่นกุ้ยเฟยให้นางกำนัลยกน้ำชามา แล้วถอยห่างออกไป มีเพียงเจิ้งมามาคอยปรนนิบัติอยู่คนเดียว

ไม่มีผู้คนอยู่รอบๆ หยุนชางถอนสายตาของนางและมองไปที่จิ่นกุ้ยเฟย “เหตุใดเสด็จแม่จึงย้ายมาอยู่วังจิ่นซิ่วเพคะ”

จิ่นกุ้ยเฟยยิ้มเล็กน้อยและพูดเบาๆ “เพราะมีเฉินซี ฝ่าบาทเลยตรัสว่า ตำหนักด้านข้างของวังซีอู๋นั้นค่อนข้างจะหัวมงกุฎท้ายมังกร ดังนั้นจึงให้ข้าย้ายมาที่นี่ และหาแม่นมและนางกำนัลมารับใช้”

หยุนชางเห็นว่าจิ่นกุ้ยเฟยยิ้ม แต่แววตาของนางกลับไม่มีความสุขเลย รู้สึกว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่จิ่นกุ้ยเฟยไม่อยากให้นางกังวลเรื่องนี้ คงจะไม่บอกนางเป็นแน่ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนชางยิ้มและพูดว่า “มันก็กว้างขวางดีนะเพคะ” หลังจากพูดจบก็จิบชาแล้วพูดอีกว่า “ก่อนที่ลูกจะจากไป ฮองเฮาถูกกุมขังไว้ ท่าเสนาบดีหลี่ก่อกบฏ หากบุตรสาวของเขายังยึดตำแหน่งฮองเฮาอยู่ เกรงว่ามันจะกระตุ้นความไม่พอใจของเหล่าขุนนางในราชสำนัก”

จิ่นกุ้ยเฟยได้ยินคำพูดนั้น เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ “ฝ่าบาทได้มีคำสั่งให้ถอดถอนตำแหน่งฮองเฮาของหลี่อี้หราน”

ถอดถอนตำแหน่งฮองเฮา… หยุนชางหรี่ตา ในเมื่อหลี่อี้หรานถูกปลด นอกจากเสด็จแม่แล้วจะมีใครสามารถรับตำแหน่งนี้ได้ นอกจากนี้ เสด็จแม่ยังได้กำเนิดองค์ชายน้อยให้เสด็จพ่อ แต่ทำไมเสด็จแม่จึงได้เลื่อนยศเป็นแค่กุ้ยเฟย แต่ไม่ใช่ฮองเฮา?

นิ้วของหยุนชางที่ถือถ้วยน้ำชารู้สึกร้อนเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง “ท่านเสนาบดีหลี่ก็ถูกปลดแล้ว ตอนนี้รับตำแหน่งเสนาบดีเพคะ?”

“เดิมหัวหน้าสำนักการบูชา จิ่งขุย” จิ่นกุ้ยเฟยหยุดชะงักครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยเสียงเบา

หยุนชางเกือบทำถ้วยน้ำชาตก นางรู้ดีว่าคนผู้นี้เป็นใคร แต่คนผู้นี้เป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเขาคือพ่อของจิ่งเหวินซี

ความโกรธแผ่วเบาในดวงตาของหยุนชาง “หัวหน้าสำนักการบูชา จิ่งขุย เขากลายเป็นเสนาบดีได้อย่างไร แล้วจิ่งเหวินซีล่ะเพคะ?”

จิ่นกุ้ยเฟยเงียบไปนาน หยุนชางแทบรอคำตอบของจิ่นกุ้ยเฟยไม่ไหว นางจึงเงยหน้าขึ้นมองเจิ้งมามา “มามา บอกข้าที ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่ข้าไม่อยู่ ทำไมจิ่งขุยถึงกลายเป็นเสนาบดีได้?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+