Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1248 เป้าหมายของอิงอู๋เซี่ย

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1248 เป้าหมายของอิงอู๋เซี่ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน  บทที่  1248 เป้าหมายของอิงอู๋เซี่ย

แปลโดย  iPAT  

วังสวรรค์แห่งโชค

“ไม่อยู่ที่นี่ !”

“ไม่อยู่ที่นี่เช่นกัน !”

“แปลก  เหตุใดผู้อมตะภาคกลางจึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ?”

ราชันใต้ไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป  รอยยิ้มของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์  หน้าผากของเขาปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ

เขาควบคุมวังสวรรค์แห่งโชคและตรวจสอบทุกแห่งแต่ยังไม่พบตำแหน่งที่อยู่ของกลุ่มผู้อมตะภาคกลาง

เหยากวงรู้สึกงุนงง  เขาเร่งถาม  “ท่านราชันใต้  ข้าต้องทำสิ่งใดหรือไม่ ?”

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของผีดิบอมตะตะวันเดือดดังขึ้น  “มันคืออุโมงค์มิติ ”

ราชันใมต้ตกใจกว่าเดิม  “ผู้อมตะภาคกลางมีท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์งั้นหรือ ?”

ผีดิบอมตะตะวันเดือดปฏิเสธ  “ไม่  พวกเขาเพียงใช้อุโมงค์มิติที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ทิ้งเอาไว้ ”

อุโมงค์มิติ !

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ

ในอดีตเทพปีศาจปล้นสวรรค์พยายามหาทางกลับบ้าน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์เดินทางมากที่สุดหากเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเก้าคนอื่นๆ เทพปีศาจปล้นสวรรค์รู้จักเกือบทุกซอกทุกมุมของห้าภูมิภาคและสองสวรรค์

เทพปีศาจปล้นสวรรค์รู้สึกถึงความไร้นัยสำคัญของตนเองเมื่อเปรียบเทียบกับโลกผู้ใช้วิญญาณ ดังนั้นเขาจึงสร้างอุโมงค์มิติขึ้นมา

ท่าไม้ตายอมตะนี้ช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางไปได้มาก

แม้เทพปีศาจปล้นสวรรค์จากไปนานแล้ว  แต่อุโมงค์มิติบางแห่งยังถูกทิ้งไว้เบื้องหลังจนถึงปัจจุบันและดูเหมือนพวกมันจะสามารถคงอยู่ตลอดไป

สิบนิกายโบราณของภาคกลางไม่เคยหยุดค้นคว้าเกี่ยวกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์

เนื่องจากเทพปีศาจปล้นสวรรค์แตกต่างจากผู้อมตะระดับเก้าคนอื่นๆเพราะเขาเป็นปีศาจต่างโลก จากจุดนี้  วังสวรรค์จึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อเขา

นิกายคฤหาสน์วิญญาณมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์  จ้าวเหลียนหยุนสามารถรับมรดกนี้เพราะผลงานวิจัยของวังสวรรค์

เมื่อผู้อมตะภาคกลางค้นพบอุโมงค์มิติแห่งนี้  พวกเขาจึงสามารถใช้ประโยชน์จากมัน

“อุโมงค์มิตินี้นำไปสู่ที่ใด ?” ราชันใต้ตระหนักถึงจุดสำคัญของปัญหานี้

ผีดิบอมตะตะวันเดือดตอบ  “ข้าไม่รู้เรื่องนี้  มันเป็นฝีมือของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ”

ในช่วงเวลาที่เทพอมตะตะวันเดือดยังมีชีวิต  เขาพบกับความยากลำบากในด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์  เทพอมตะตะวันเดือดเป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งโชค  แต่เปรียบเทียบกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์  เทพอมตะตะวันเดือดไม่มีวิธีการที่สามารถรับมือวิธีการของฝ่ายหลัง

ราชันใต้เงียบ  เหยากวงตะลึง

แล้วพวกเขาจะทำสิ่งใดได้ ?

ผีดิบอมตะตะวันเดือดตอบ  “เมื่อพวกเขาใช้อุโมงค์มิติ  พวกเราก็ทำได้เพียงรอให้พวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ”

เหยากวงถาม  “นี่หมายความว่าผู้อมตะภาคกลางสามารถปรากฏตัวได้ทุกที่งั้นหรือ ? หากพวกเขาปรากฏตัวขึ้นในภาคเหนือโดยตรง  เราจะทำอย่างไร ?”

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางอยู่ในสภาพที่ไม่น่ามอง  พวกเขาสูญเสียความแข็งแกร่งไปมาก  แต่โดยรวมแล้วพวกเขาก็ยังเป็นกองทัพที่ทรงพลัง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลัง  ผู้อมตะระดับแปดสามคน  ตลอดจนผู้อมตะระดับหกกับเจ็ดอีกมากมาย  และต้องไม่ลืมวิญญาณแห่งความรักระดับเก้า !

หากพวกเขาปรากฏตัวขึ้นในฐานทัพของตระกูลฮวงจิน  ฝ่ายหลังต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

‘หากผู้อมตะภาคกลางปรากฏขึ้นในเผ่าเหยาของข้า …’ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้  ช่วยไม่ได้ที่เหยากวงจะรู้สึกไม่สบายใจ

“ท่านบรรพชนโปรดชี้แนะพวกเราด้วย ” ราชันใต้ขอความช่วยเหลือ

ผีดิบอมตะตะวันเดือดหัวเราะ  “บุตรหลานของข้า  โชคลาภและภัยพิบัติมาพร้อมกันเสมอ  นี่อาจเป็นหายนะของภาคเหนือแต่มันสามารถเปลี่ยนเป็นพรได้เช่นกัน  ร่างหลักของข้าตายไปแล้ว  นี่ไม่ใช่ยุคสมัยของข้า  ไปและทำงานอย่างหนักเพื่ออนาคตโดยไม่ต้องคำนึงถึงผลลัพธ์  เปลี่ยนหายนะให้เป็นพรด้วยตัวของพวกเจ้าเอง ”

ผีดิบอมตะตะวันเดือดกล่าวก่อนกลับสู่การจำศีล

ราชันใต้และเหยากวงมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้

…..

ภาคใต้  ภายในค่ายกลวิญญาณ

ฟางหยวนโยนทรัพยากรชิ้นหนึ่งลงไปในหม้อ

เปลวไฟลุกไหม้ขึ้นแต่มันกลับปลดปล่อยกลิ่นอายที่หนาวเย็นออกมา

มันคือไฟเย็น

ไม่นานหลังจากนั้นเปลวเพลิงที่เย็นยะเยือกก็ดับลงโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้เบื้องหลัง

วิญญาณดวงหนึ่งบินออกมาจากหม้อ

วิญญาณดวงนี้มีรูปลักษณ์เหมือนยุงสีน้ำตาลที่ดูบอบบางมาก  ขณะที่มันบินเข้าไปหาฟางหยวน  ร่างกายของมันหดและขยายสลับกัน

นี่เป็นวิญญาณบนเส้นทางความแข็งแกร่ง  แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นวิญญาณระดับมนุษย์

ชื่อของมันคือดึงแม่น้ำ

ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะดึงแม่น้ำอยู่แล้ว  มันเป็นวิญญาณอมตะระดับหก

วิญญาณดึงแม่น้ำระดับมนุษย์อนุญาตให้ผู้ใช้วิญญาณจัดการกับกระแสน้ำ แน่นอนว่าพลังอำนาจของมันด้อยกว่าวิญญาณอมตะดึงแม่น้ำ

แต่ฟางหยวนก็ดีใจมากที่ได้รับมัน

เพราะเหตุใด ?

ประการแรกวิญญาณอมตะแต่ละดวงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  หากฟางหยวนต้องการใช้ท่าไม้ตายอมตะสองท่าที่พึ่งพาวิญญาณอมตะดึงแม่น้ำเช่นเดียวกัน แล้วเขาจะทำอย่างไร ? ด้วยวิญญาณระดับมนุษย์  ฟางหยวนสามารถใช้มันทดแทนวิญญาณอมตะได้ชั่วคราว  ดังนั้นกระทั่งผู้อมตะจะมีวิญญาณอมตะอยู่แล้ว  พวกเขาก็ยังต้องการวิญญาณระดับมนุษย์ชนิดเดียวกันเพื่อใช้ในบางสถานการณ์

ประการที่สอง  เนื่องจากความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารีของฟางหยวนบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ นั่นทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆ

วิญญาณดึงแม่น้ำอาจเป็นวิญญาณบนเส้นทางความแข็งแกร่ง  แต่มันก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งวารีเช่นกัน  ในอดีตแม้ฟางหยวนจะเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางความแข็งแกร่ง  แต่เขายังขาดความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารี  ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณดึงแม่น้ำระดับมนุษย์

แต่เมื่อเขากลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารี  เขาแทบไม่ต้องคิดและสามารถสรุปรายละเอียดต่างๆได้จากสัญชาตญาณ

ทุกอย่างเกิดขึ้นตามธรรมชาติ

‘ปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารี ’ ฟางหยวนรู้สึกถึงประโยชน์ของสิ่งนี้

นอกจากนั้นในคลังความทรงจำจากชีวิตแรกของฟางหยวนยังเก็บสะสมท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งวารีเอาไว้มากมาย

ตอนนี้เขารู้สึกเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับพวกมันมากขึ้น

‘ไม่เพียงความสำเร็จของข้าจะยกระดับขึ้น  ความแข็งแกร่งของข้าก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ’

‘โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เมื่อข้าเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางห้าสายอยู่แล้ว  เส้นทางเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันและสนับสนุนกัน  พวกมันทำให้ข้าได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก ’

‘ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนต่างต้องการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ’

ฟางหยวนคิดถึงชีวิตแรก  เวลานั้นเขาให้ความสำคัญกับเส้นทางแห่งเลือดเท่านั้น

แน่นอนว่าฟางหยวนมีเหตุผลสำหรับการกระทำของเขา

หนึ่ง  สถานการณ์ในเวลานั้นของเขาค่อนข้างเลวร้าย  เขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งตลอดเวลา  เขาต้องยกระดับพลังการต่อสู้อย่างรวดเร็วที่สุด

สอง  ฟางหยวนไม่มีความรู้เกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝัน  เขาไม่มีวิธีสำรวจมัน  โดยปราศจากวิธีการพิเศษ  การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก

สาม  เมื่อฟางหยวนไตร่ตรองอย่างรอบคอบ  เขาพบว่าในเวลานั้นเจตจำนงสวรรค์ได้เข้าแทรกแซงชีวิตของเขา

ขณะที่ฟางหยวนกำลังตรวจสอบความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารีของตน  ตระกูลวูได้ส่งผู้อมตะระดับเจ็ดคนใหม่เข้ามาในค่ายกลวิญญาณ

ฟางหยวนดำเนินการส่งต่อภารกิจและจากไปอย่างรวดเร็ว

เขาบินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือโดยไม่หยุดพัก

ข้ออ้างที่เขาบอกวูหยงคือเขามีเหตุผลส่วนตัวที่ต้องกลับไปยังทะเลตะวันออกเพียงลำพัง

ทุกคนต่างมีความลับเป็นของตนเอง  หากเขาเป็นผู้อมตะทั่วไปของตระกูลวู  วูหยงจะสอบถามเพิ่มเติม  แต่นี่คือวูอี้ไห่  แม้วูหยงจะถาม  เขาก็จะไม่ได้รับคำตอบ  ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ถามอย่างชาญฉลาด

ฟางหยวนเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคและไปถึงทะเลตะวันออก  เขาวางมิติช่องว่างลงและพักอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว

ขณะที่เขาอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ  เขายังฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะและทำความคุ้นเคยกับวิญญาณอมตะดวงใหม่ที่หยิบยืมมาจากตระกูลวู

ฟางหยวนต้องเตรียมตัวอย่างเพียงพอ  เขาต้องใช้โอกาสนี้สังหารอิงอู๋เซี่ย !

หลังจากชั่วระยะเวลาหนึ่ง  ฟางหยวนเก็บมิติช่องว่างจักรพรรดิและเดินทางต่อ

สัมผัสแห่งโชค !

ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคและพบว่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ยไม่ได้อยู่ที่ภาคใต้แต่กลับมายังทะเลตะวันออกอีกครั้ง

‘ดี  มันง่ายกว่าสำหรับข้าที่จะโจมตีพวกเขาในทะเลตะวันออก ’ ฟางหยวนบินไปหาเป้าหมายโดยไม่ลังเล

อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆกำลังบินอยู่เหนือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

ไป่หนิงปิงรวมอยู่ในกลุ่มนี้

ความสัมพันธ์ของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป  ตอนนี้นางกลายเป็นพันธมิตรที่เท่าเทียม

ไม่กี่วันก่อนอิงอู๋เซี่ยนำวิญญาณกงล้อหยินหยางออกมาและสามารถหยุดเจตนาสังหารของไป่หนิงปิง

อิงอู๋เซี่ยใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความร่วมมือกับไป่หนิงปิงอีกครั้ง

แต่ไป่หนิงปิงไม่เหมือนก่อนหน้า  นางบอกว่านางยอมสละวิญญาณกงล้อหยินหยางเพื่อกำจัดกลุ่มของอิงอู๋เซี่ย

อิงอู๋เซี่ยพยายามโน้มน้าวไป่หนิงปิงและสามารถสร้างข้อตกลงใหม่ได้สำเร็จในที่สุด

ไป่หนิงปิงได้รับวิญญาณกงล้อหยินหยาง  แต่นางรู้ว่าฟางหยวนยังเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่

ดังนั้นพวกนางจึงไม่ควรอยู่ในถ้ำสวรรค์ไป่เซียง

เนื่องจากอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนสามารถทะลวงเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย หากไป่หนิงปิงและคนอื่นๆยังอยู่ที่นั่น  ฟางหยวนอาจพบเบาะแสและปรากฏตัวขึ้นได้ทุกเมื่อ

ในเวลานี้ไป่หนิงปิงมองทะเลสีฟ้าและเริ่มขมวดคิ้ว  นางถ่ายทอดเสียงอย่างลับๆ  “อิงอู๋เซี่ย  เจ้าบอกว่าเจ้ามีวิธีจัดการฟางหยวน  แต่ตอนนี้เราอยู่ในทะเลตะวันออก  เรากำลังเดินทางไปที่ใด  เจ้ามีแผนการใดกันแน่ ?”

อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ  “เพื่อจัดการพลังการต่อสู้ระดับแปด  เขาต้องมีพลังการต่อสู้ระดับแปดเช่นกัน  ทะเลตะวันออกไม่ใช่จุดหมายของเรา  พวกเราจะไปภาคเหนือ ”

“เจ้าหมายว่ากองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือมีพลังการต่อสู้ระดับแปดอยู่งั้นหรือ?” ไป่หนิงปิงก่นเสียงเย็นเย้ยหยัน

หากพวกเขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด  เหตุใดพวกเขาไม่ใช้มันในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ?

อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มขมขื่น  “ย้อนกลับไปมันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ”

“แล้วเวลาที่เหมาะสมคือเมื่อใด ?”

“ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดี  ภาคเหนือและภาคกลางกำลังเข้าสู่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ หากเรามุ่งหน้าไปยังจุดศูนย์กลางของความโกลาหล  แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ  เราจะสามารถหยิบยืนพลังการต่อสู้ระดับแปดเพื่อกำจัดฟางหยวนและนำร่างทารกอมตะกลับคืนมา!” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะแต่ในจังหวะนี้เขากลับหันหน้าไปด้านหลังอย่างกะทันหัน

“โอ้  ฟางหยวนกำลังมา !”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด