Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1255 ความตายของจ้าวเหลียนหยุน

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1255 ความตายของจ้าวเหลียนหยุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน  บทที่  1255 ความตายของจ้าวเหลียนหยุน

แปลโดย  iPAT  

“แปะ  แปะ  แปะ ”

เสียงปรบมือดังขึ้น

“เป็นเส้นทางแห่งภูตผีจริงๆ ” ผู้อมตะลึกลับแสดงตัวออกมาในที่สุด

คนผู้นี้เป็นชายร่างสูง  ใบหน้าของเขามีหนวดเครา  ดวงตาไม่มีสีขาวแต่เป็นสีดำทั้งหมด  สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือชุดคลุมสีดำที่เหมือนผิวหนังของเขา

รูม่านตาของปู้เจิ้งซือหดเล็กลง  เขาจำคนผู้นี้ได้  ตั้งแต่ ผู้อมตะภาคกลางวางแผนช่วยหม่าหงหยุน  แล้วพวกเขาจะไม่รวบรวมข้อมูลของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะได้อย่างไร?

“ดังนั้นเจ้าก็คือราชันเงา ” ปู้เจิ้งซือกล่าวเบาๆ

ในเวลาเดียวกันเขาก็ตระหนักว่าตนเองอยู่บนยอดเขาที่เจ็ดของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ

ก่อนหน้านี้เจ้าของยอดเขาที่เจ็ดคือเซี่ยซ่งซื่อ

แต่หลังจากเซี่ยซ่งซือเสียชีวิต  ปีศาจอมตะผู้นี้ก็ได้รับตำแหน่งต่อจากเขา

กองกำลังภูเขาหิมะเป็นกองกำลังของปีศาจอมตะ  มีปีศาจอมตะอาศัยอยู่ที่นี่มากมาย

ราชันเงามองปู้เจิ้งซือและหัวเราะ  “พวกเจ้าจากภาคกลางรนหาที่ตายอย่างแท้จริง ”

“ยังไม่แน่ว่าผู้ใดจะตาย !” ปู้เจิ้งซือเย้ยหยัน

“งั้นหรือ !?” ราชันเงาเปลี่ยนร่างเป็นเงาสีดำพุ่งเข้าโจมตีปู้เจิ้งซือทันที

เสียงระเบิดดังขึ้นบนยอดเขาที่เจ็ด

แรงสั่นสะเทือนทำให้หิมะบนภูเขาถล่มลงมาอย่างรุนแรง

อีกด้านหนึ่ง  แตกต่างจากการคาดเดาของปู้เจิ้งซือ  จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้อยู่ลำพัง

ยอดเขาที่สิบสอง

ทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กันแล้ว

“โอ้  มดตัวน้อยสองตัว  ฮืม  คอยดูว่าข้าจะเหยียบพวกเจ้าอย่างไร ?” ผู้นำยอดเขาที่สิบสองกล่าวก่อนจะก้าวเท้าออกไป

ผู้นำยอดเขาที่สิบสองเปลี่ยนร่างเป็นยักษ์ที่มีศีรษะเป็นวัวและมีร่างกายเป็นมนุษย์ ขาทั้งสองของเขากลายเป็นขาวัวทั้งสองข้าง

“บึม !”

เท้าวัวกระทืบพื้นจนเกิดเป็นหลุมลึก

เผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งระดับนี้  ผู้อมตะภาคกลางสองคนเร่งถอยกลับ

หนึ่งคือจ้าวเหลียนหยุนและอีกหนึ่งคือซือเจิ้งอี้

ใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นซีดขาว  ศัตรูแข็งแกร่งมากขณะที่นางมีประสบการณ์ในการต่อสู้เพียงเล็กน้อย  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้สร้างแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่แก่นาง

ซือเจิ้งอี้ม้วนตัวกลิ้งไปบนพื้นและแทบไม่สามารถหลบการโจมตีของมนุษย์วัว เขากัดฟันแน่น  “บัดซบ !”

เขาเร่งลุกขึ้นจากพื้น  “รับนี่ไป !”

ซือเจิ้งอี้อ้าปากและสะบัดลิ้นอย่างรวดเร็ว  “แบร่  แบร่  แบร่  แบร่ …”

ทุกครั้งที่เขาสะบัดลิ้น  แสงดาบสีแดงจะพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง

จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกพูดไม่ออก  คนปกติจะทำเช่นนี้งั้นหรือ ? บางคนอาจไม่กล้าแม้แต่จะคิด  นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเหลียนหยุนเคยเห็นบางคนต่อสู้ด้วยลิ้น !

ร่างกายของผู้นำยอดเขาที่สิบสองแข็งแกร่งมากแต่แสงดาบสีแดงยังสามารถฝากรูเล็กๆไว้บนร่างกายของมัน

“อา …เจ็บ  เจ็บ  เจ็บ  เจ็บ !” ผู้นำยอดเขาที่สิบสองกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด  การเคลื่อนไหวของเขากลายเป็นชะงักงัน

“รุนแรงมาก !” จ้าวเหลียนหยุนยกย่อง

“แน่นอน  นี่คือวิญญาณอมตะของข้า  วิญญาณลิ้นดาบ !” ซือเจิ้งอี้สะบัดลิ้นและส่งดาบแสงสีแดงออกไป

“เจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งดาบงั้นหรือ ?” จ้าวเหลียนหยุนถาม

“อา …ไม่ …ข้าบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งข้อมูล !” ซือเจิ้งอี้ตอบ

“สามารถพูดคุยขณะต่อสู้  เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ ” จ้าวเหลียนหยุนเพิ่มระดับการยกย่องซือเจิ้งอี้  นางรู้สึกว่าคนผู้นี้มีทุกสิ่งยกเว้นสมอง

“ฮ่าฮ่าฮ่า  ข้าสาบานว่าจะกำจัดปีศาจทั้งหมดบนโลกใบนี้ !” ซือเจิ้งอี้พอใจมาก

“อย่าได้ใจนัก !” ผู้นำยอดเขาที่สิบสองคำราม

“บึม !”

รัศมีแสงปะทุขึ้นบนร่างกายของเขาพร้อมกับกระแสลมที่พุ่งออกไปรอบๆ

“ไม่ดีแล้ว  มันเป็นท่าไม้ตายอมตะ !”

“ป้องกัน !”

ซือเจิ้งอี้และจ้าวเหลียนหยุนป้องกันตัวด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา  แต่มันไร้ประโยชน์

จ้าวเหลียนหลุนกับซือเจิ้งอี้ลอยกลับหลังและพุ่งชนกำแพง  ทั้งสองกระอักเลือดคำโตออกมาจากปาก  พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส  อวัยวะภายในของพวกเขามีเลือดออกขณะที่กระดูกแตกร้าว

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว  ผู้นำยอดเขาที่สิบสองกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้ง

“นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ !”

“ช่างทรงพลังนัก !”

จ้าวเหลียนหยุนกับซือเจิ้งอี้อดทนต่อความเจ็บปวดและพยายามลุกขึ้นจากพื้น ตอนนี้ทั้งสองอยู่ห่างกันมาก

“เป็นอย่างไรบ้าง ? พวกเจ้าชอบท่าไม้ตายอมตะปราณกระทิงสวรรค์ของจ้าวต้าหนิวผู้นี้หรือไม่?”

“พวกเจ้ายังเด็กแต่กลับทรงพลัง  โชคไม่ดีที่พลังการต่อสู้ของข้าอยู่ในระดับเจ็ด  แล้วพวกเจ้าจะแข่งขันกับข้าได้อย่างไร ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ” จ้าวต้าหนิวหัวเราะเสียงดัง

“คอยดูข้ากระทืบเจ้า !” จ้าวต้าหนิวหยุดหัวเราะและมองไปที่ซือเจิ้งอี้ด้วยเจตนาสังหาร

เขากระโดดเข้าหาซือเจิ้งอี้ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตราวกับเนินเขา

“บึม !”

จ้าวต้าหนิวกดซือเจิ้งอี้ลงไปที่พื้น

“ซือเจิ้งอี้ !” จ้าวเหลียนหยุนกรีดร้องด้วยความตกใจ  นี่เป็นภาพที่น่าสยดสยอง

แต่ในวินาทีต่อมาซือเจิ้งอี้กลับยกเท้าของจ้าวต้าหนิวขึ้นและผลักมันออกไป

เหตุการณ์นี้เหมือนกระต่ายตัวเล็กๆที่ผลักพญาราชสีห์ออกไป  ฉากที่เหนือจินตนาการนี้ทำให้จ้าวเหลียนหยุนต้องเบิกตากว้าง

“อันใด !? พละกำลังของข้าเทียบเท่ากับกระทิงอสูรเดียวดาย  แต่เจ้ากลับสามารถผลักข้ากลับมางั้นหรือ ?” กระทั่งจ้าวต้าหนิวก็ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

ซือเจิ้งอี้กระอักเลือดอีกครั้งก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความอ่อนล้า

“นี่คือพลังแห่งความยุติธรรม !” ซือเจิ้งอี้กล่าวด้วยความยากลำบาก

“อย่าพูดมาก  เจ้าเสียเลือดมากเกินไปแล้ว !” จ้าวเหลียนหยุนกรีดร้อง

“ความยุติธรรมบ้าบออันใด !?” จ้าวต้าหนิวพุ่งเข้าโจมตีซือเจิ้งอี้อีกครั้ง

ร่างกายของเขาใหญ่โตมากแต่ความเร็วของเขากลับไม่ช้า

จ้าวต้าหนิวปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าซือเจิ้งอี้ในเสี้ยวพริบตา

“ฮืม  ดูพลังแห่งความยุติธรรมของข้า !” ซือเจิ้งอี้ตะโกนและพุ่งเข้าปะทะอย่างไม่เกรงกลัว

“บึม !”

เสียงระเบิดดังขึ้นขณะที่ร่างของซือเจิ้งอี้บินกลับหลัง

เขากระอักเลือดออกมาก่อนจะล้มลงบนพื้นและดูราวกับกำลังจะตาย

“ข้าจะฆ่าเจ้า ! หือ ?” จ้าวต้าหนิวต้องการโจมตีต่อเนื่อง  แต่ขณะที่เขาก้าวเท้าออกไป  เขากลับพบว่าร่างกายของเขาถูกมัดไว้ด้วยโซ่สีเงิน

ที่ปลายโซ่สีเงินคือจ้าวเหลียนหยุน

นางกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของนางแล้ว

น่าเสียดายที่การต่อสู้จริงแตกต่างจากการฝึกซ้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์คับขัน จ้าวเหลียนหยุนล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะของนางถึงสองครั้ง

แต่สุดท้ายนางก็ประสบความสำเร็จในครั้งที่สาม

ท่าไม้ตายอมตะโซ่เงินสังหาร !

“โอ้  ขอบใจ  ท่าไม้ตายนี้ช่างงดงามนัก ” ซือเจิ้งอี้คลานขึ้นมาจากพื้นและกระอักเลือดออกมาระหว่างกล่าว

“อย่าพูด  เจ้ายังไอเป็นเลือด !” จ้าวเหลียนหยุนเตือน

“ฮ่าฮ่า  เจ้าไม่เข้าใจข้า  ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งข้อมูล  การพูดสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของข้า  ยิ่งข้าตะโกนดังเท่าใด  การโจมตีของข้าก็ยิ่งรุนแรงเท่านั้น ” ซือเจิ้งอี้กล่าว

“สาวน้อย  เจ้าช่างน่ารำคาญนัก ” จ้าวต้าหนิวคำรามและพยายามใช้แขนทั้งสองข้าดึงโซ่ออกไป  แต่ไม่ว่าเขาจะใช้พละกำลังมากเท่าใด  เขาก็ไม่สามารถทำลายโซ่เหล่านี้

“เป็นเช่นนี้ ” จ้าวต้าหนิวเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

“ตูม !”

เกิดการระเบิดขึ้นในห้องโถงอีกครั้ง

คลื่นอากาศทำให้เพดานห้องโถงลอยออกไป

“เคล้ง !”

โซ่สีเงินแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและหายไปในที่สุด

จ้าวต้าหนิวใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาทำลายโซ่เงินสังหารและปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ

ในทางตรงข้ามจ้าวเหลียนหยุนและซือเจิ้งอี้ถูกส่งลอยกลับหลัง  ทั้งสองกระอักเลือดและล้มลงบนพื้นโดยไม่สามารถยืนขึ้นได้

“บัดซบ !” ซือเจิ้งอี้ต้องการลุกขึ้นแต่ร่างกายของเขาใกล้แหลกสลายแล้ว

สำหรับจ้าวเหลียนหยุน  นางตกอยู่ในอาการมึนงง

อาการบาดเจ็บของนางเลวร้ายกว่าซือเจิ้งอี้

เนื่องจากโซ่เงินสังหารของนางถูกทำลาย  นั่นทำให้นางได้รับผลกระทบย้อนกลับ

นางมีวิญญาณแห่งความรัก  อย่างไรก็ตามตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น  มันกลับไม่เคยทำสิ่งใดเลย

วิญญาณแห่งความรักไม่สามารถควบคุม  แม้มันจะทรงพลัง  แต่มันอาจไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องเสมอไป

จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกว่านางกำลังลอยอยู่ท่ามกลางความมืดอันไร้ขอบเขต

“นี่คือความรู้สึกก่อนตายงั้นหรือ ?”

“ข้ากำลังจะตาย ?”

“ข้าเป็นความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์  ข้าตายเพราะตัวละครที่ไร้นัยสำคัญ ”

“ช่างเถอะ  เมื่อข้าตาย  ข้าจะไม่รู้สึกเหนื่อยและเจ็บปวดอีกต่อไป ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด