Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1307 ชาสี่ฤดู

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1307 ชาสี่ฤดู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน  บทที่  1307 ชาสี่ฤดู

แปลโดย  iPAT  

ท้องฟ้ามืดครึ้ม  ละอองฝนโปรยปราย

ฟางหยวนบินผ่านท้องฟ้าท่ามกลางกลุ่มเมฆหมอก

“ข้ามาแล้ว ” เขาพบเป้าหมาย

ท่ามกลางภูเขาสีเขียว  ยอดเขาเยือกแข็งมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น  มันเป็นสีขาวและแตกต่างจากภูเขาอื่นๆอย่างสิ้นเชิง

ที่ยอดเขาเยือกแข็งมีคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ตั้งอยู่  ผู้อมตะเซี่ยจ้าวโม่และเซี่ยเฟยกุ้ยตระหนักถึงการมาถึงของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนมาที่นี่เพื่อเจรจา  เขาไม่ได้ปิดบังการปรากฏตัวของตนเอง

“ในที่สุดเขาก็มาถึง  วูอี้ไห่ผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก  เขาใช้เวลาครึ่งเดือนในการเดินทางที่ควรใช้เวลาเพียงสามวัน ” เซี่ยเฟยกุ้ยขมวดคิ้ว

“ลืมมันไปซะ  เขามาแล้ว  ไปกันเถอะ ” เซี่ยจ้าวโม่ยิ้ม

ทั้งสองฝ่ายพบกันบนท้องฟ้าด้วยรอยยิ้ม

ผู้อมตะตระกูลเซี่ยประเมินวูอี้ไห่และคิดว่า  ‘เขาดูคล้ายวูตู๋ซิ่วจริงๆ ’

ฟางหยวนประเมินฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน  เซี่ยเฟยกุ้ยเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด  เขาเป็นผู้รับผิดชอบภารกิจนี้

ตามข้อมูล  เซี่ยเฟยกุ้ยเป็นคนใจร้อนแต่เขามีพลังการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม  สำหรับเซี่ยจ้าวโม่  เขาอาวุโสน้อยกว่าแต่เขาเป็นคนรอบคอบและจะคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก

ชัดเจนว่าเซี่ยเฟยกุ้ยคือเครื่องจักรสังหารที่เซี่ยจ้าวโม่พยายามใช้งาน

นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายพบกัน  ดังนั้นผู้อมตะตระกูลเซี่ยจึงนำฟางหยวนไปยังยอดเขาเยือกแข็ง

“เชิญดื่มชาก่อน ” สองผู้อมตะตระกูลเซี่ยทำตัวราวกับเป็นเจ้าของสถานที่  พวกเขากำลังประกาศว่าการแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว  แต่ฟางหยวนทำตัวราวกับไม่รู้สิ่งใด

เขายิ้มและดื่มชา

“ชาไม่เลว ” เขาชม

เซี่ยจ้าวโม่ยิ้ม  “นี่คือชาสี่ฤดูของตระกูลเซี่ย  ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเราผลิตมันขึ้นมาด้วยตนเอง  เพียงจิบเดียว  ท่านจะได้ลิ้มรสชาติที่แตกต่างกันสี่รสชาติ  มันทำให้ผู้คนรู้สึกถึงฤดูกาลทั้งสี่  ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าชาสี่ฤดู ”

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ยบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ชาสี่ฤดูที่นางผลิตขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่น่าทึ่งของนางบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

ผู้อมตะตระกูลเซี่ยใช้ชานี้เพื่อกดดัน  แต่หลังจากดื่มชา  ฟางหยวนยังเผยรอยยิ้มกว้าง

“นี่เป็นชาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ  ข้าสงสัยว่าข้าสามารถเติมชาอีกได้หรือไม่ ? ข้าขอเพิ่มอีกสักสองสามกา ” ฟางหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่ผู้อมตะตระกูลเซี่ยมองหน้ากัน

เซี่ยจ้าวโม่คิด  ‘วูอี้ไห่ผู้นี้ช่างโลภมากนัก  อย่างไรก็ตามแม้เราจะเป็นศัตรูแต่การแสดงออกที่สง่างามของฝ่ายธรรมะก็เป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้การเมืองยังเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  ตอนนี้พวกเราเป็นศัตรูกันแต่ผู้ใดจะรู้ว่าในอนาคตพวกเราอาจต้องร่วมมือกับตระกูลวู’

เซี่ยจ้าวโม่ตัดสินใจและกำลังจะกล่าวแต่เซี่ยเฟยกุ้ยกลับชิงตัดหน้า “นี่ไม่ใช่สิ่งใด  พวกเรามีชาสี่ฤดูอยู่มากมาย  หากเจ้าต้องการ  เจ้าจะได้รับมัน ”

หลังกล่าวจบคำ  เขานำใบชาสี่ฤดูออกมาทันที

“เช่นนั้นข้าก็จะรับไว้ ” ฟางหยวนหัวเราะอย่างเต็มที่

เซี่ยเฟยกุ้ยกระตุ้น  “มาพูดถึงยอดเขาเยือกแข็งกันเถอะ ”

ฟางหยวนยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างช้าๆก่อนจะวางลงและกล่าว  “เชิญกล่าว ”

เซี่ยเฟยกุ้ยเร่งกล่าวอย่างรวดเร็ว  “เรื่องนี้ต้องใช้เวลานานในการอธิบาย  พวกเรารู้ต้นกำเนิดของมันอยู่แล้ว  ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ  เสี่ยวจาง  ออกมา ”

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเดินออกมาจากประตูด้านใน

“ทายาทจางซานเฟิง  จางไคซุ้ย  คารวะผู้อมตะทั้งสาม ” ผู้ใช้วิญญาณชราเดินออกมาทักทาย

“เสี่ยวจางเป็นทายาทผู้สืบสายเลือดที่แท้จริงของจางซานเฟิง  มานี่  วูอี้ไห่  ทดสอบเร็วเข้า ” เซี่ยเฟยกุ้ยลุกขึ้นและลากจางไคซุ้ยไปหาฟางหยวนด้วยท่าทางรีบร้อน

จางซานเฟิงไม่ใช่ชื่อจริงของผู้บ่มเพาะสันโดษเจ้าของยอดเขาเยือกแข็ง มันเป็นเพียงชื่อที่คนทั่วไปรู้จักเท่านั้น

ชื่อจริงของเขาไม่เป็นที่รู้จัก  เขาเปิดเผยเพียงแซ่ของตนเอง  ดังนั้นผู้คนจึงเรียกเขาว่าจางซานเฟิง

กระทั่งบุตรหลานของเขาก็ไม่เคยรู้จักชื่อจริงของเขา

ฟางหยวนรู้เรื่องนี้จากข้อมูลของตระกูลวู

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนโบกมือด้วยความสับสน  “เดี๋ยว ! ผู้ใช้วิญญาณผู้นี้คือผู้ใด ?|

เซี่ยเฟยกุ้ยตะลึง

จางไคซุ้ยกำลังจะกล่าวแต่เซี่ยเฟยกุ้ยชิงตัดบท  “เขาคือจางไคซุ้ย  เขาแนะนำตัวเองไปแล้ว  เราทุกคนรู้ดี ”

“ข้ารู้ว่าเขาชื่อจางไคซุ้ย ” ฟางหยวนพยักหน้า

แต่เขาหยุดและดื่มชาก่อนกล่าวต่อ  “แต่ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ผู้นี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับยอดเขาเยือกแข็ง?”

“มันเป็นเช่นนี้  บรรพบุรุษของเขา  จางซานเฟิง  ครั้งหนึ่ง …” เซี่ยเฟยกุ้ยเร่งอธิบาย

“เดี๋ยว !” ฟางหยวยหยุดเขา  “ผู้ใดคือจางซานเฟิง ?”

เซี่ยเฟยกุ้ยตะลึง  “วูอี้ไห่  เจ้าไม่รู้ว่าจางซานเฟิงคือผู้ใดงั้นหรือ ?”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเขินอาย  “ตระกูลของข้าให้ข้ามาปกป้องยอดเขาเยือกแข็ง  แต่ข้าเดินทางมาอย่างเร่งรีบ  ข้าไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ  โปรดอย่าขุ่นเคือง ”

เซี่ยเฟยกุ้ยคิด  ‘เจ้าใช้เวลาครึ่งเดือนเพื่อเดินทางมาที่นี่  นี่คือสิ่งที่เจ้าเรียกว่าเร่งรีบงั้นหรือ ?’

เขาคิดเช่นนี้แต่เขากล่าวอีกอย่าง  “เช่นนั้นข้าจะบอกเหตุผลให้เจ้าฟัง ”

เซี่ยเฟยกุ้ยเร่งอธิบายเหตุผลทางประวัติศาสตร์ในพริบตา

ฟางหยวนดื่มชาและพยักหน้า

เซี่ยเฟยกุ้ยกล่าว  “ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง ?”

ฟางหยวนวางถ้วยชาลง  เขายืนขึ้นและป้องหมัดไปที่เซี่ยเฟยกุ้ย

เซี่ยเฟยกุ้ยไม่รู้ว่าเหตุใดฟางหยวนถึงทำเช่นนี้  แต่พวกเขาเป็นฝ่ายธรรมะ  ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นพวกเขาก็ต้องแสดงออกด้วยความสุภาพ  ในสถานการณ์นี้เขาต้องป้องมือตอบ

ต่อมาเขาเห็นฟางหยวนยิ้มอีกครั้งด้วยความเขินอาย

ฟางหยวนกล่าว  “ขอบคุณที่บอกข้า  แต่ท่านอธิบายเร็วเกินไป  ข้าเข้าใจเรื่องราวเพียงคร่าวๆ  ข้ายังไม่เข้าใจทั้งหมด  ท่านช่วยบอกข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ?”

“อีกครั้ง ?” เซี่ยจ้าวโม่ขมวดคิ้ว

เซี่ยเฟยกุ้ยไม่ได้อธิบายซ้ำ  เขากล่าว  “ส่วนใดที่เจ้าไม่แน่ใจ  ข้าสามารถอธิบายให้เจ้าฟัง ”

น้ำเสียงของเขาชัดเจนว่าไม่มีความสุข

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด