Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1947 การเคลื่อนไหวของเทพอมตะสวรรค์พิภพ

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1947 การเคลื่อนไหวของเทพอมตะสวรรค์พิภพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เข้ามาดู นี่คือผ้าไหมชั้นดี!”

“ผลไม้หวาน ซื้อสามแถมหนึ่ง!”

“ท่านต้องการสิ่งใด?” ภายในร้านค้า พนักงานถามหงอี้

หงอี้มองพนักงานผู้นี้ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆและขมวดคิ้วคิด ทุกอย่างที่นี่เหมือนจริงมากเกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ข้าได้ยินว่าเจ้าขายวิญญาณนักปราชญ่งั้นหรือ?” หงอี้ถาม

“ถูกต้อง แต่นายท่าน วิญญาณนักปราชญ์เป็นวิญญาณระดับห้า” พนักงานลังเล

หงอี้เผยรอยยิ้มบางและปลดปล่อยกลิ่นอายระดับห้าออกมาทันที

ร้านค้าตกสู่ความโกลาหล เจ้าของร้านต้องออกมาทักทายหงอี้และนําวิญญาณนักปราชญ์ออกมาให้เขาดูด้วยตนเอง

“มันคือวิญญาณนักปราชญ์จริงๆ” หงอี้ตรวจสอบอย่างระมัดระวังก่อนจะเปิดปากถาม “ข้าขอทดสอบได้หรือไม่?”

“แน่นอน” เจ้าของร้านตอบตกลง

หงอี้ส่งพลังวิญญาณให้มัน จากนั้นมันก็ลอยออกไปและกลายเป็นนักปราชญ์หนุ่มที่หล่อเหลา

นักปราชญ์ป้องหมัดและโค้งคํานับหงอี้ “คารวะนายท่าน”

หงอี้พยักหน้าด้วยความตื่นเต้น วิญญาณนักปราชญ์หายากมาก มันเป็นวิญญาณบนเส้นทางมนุษย์ หงอี้ได้ยินเรื่องนี้มาจากข่าวลือ

หงอื่นําวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งปัญญาและวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลออกมาจากทะเลวิญญาณและมอบให้นักปราชญ์ “ใช้พวกมัน”

นักปราชญ์ใช้วิญญาณทั้งสองดวงอย่างชํานาญ กระบวนการใช้วิญญาณของเขายังเหมือนกับนิสัยของหงอี้

“นายท่านคิดอย่างไรกับมัน?” เจ้าของร้านถามด้วยรอยยิ้ม

หงอี้พยักหน้าซ้ำๆ “เยี่ยมมาก ข้าต้องการวิญญาณดวงนี้”

เจ้าของร้านดีใจมาก “ด้วยความยินดี มันมีราคาอยู่ที่หกแสนหินวิญญาณ”

คิ้วของหงอี้ขมวดทันที

ราคานี้ไม่แพงเกินไปสําหรับวิญญาณระดับห้า โดยปกติวิญญาณระดับห้าจะมีราคาตั้งแต่หนึ่งแสนถึงหนึ่งล้านหินวิญญาณ แต่วิญญาณนักปราชญ์เป็นวิญญาณระดับห้าที่หายากราคาของมันต้องสูงกว่าหนึ่งล้านหินวิญญาณอย่างแน่นอน

แต่ที่นี่มันถูกขายในราคาเพียงหกแสนหินวิญญาณ!

หงอี้พบกับการเผชิญหน้าโดยบังเอิญหลายครั้งและร่ํารวยมาก เขาจ่ายเงิน ณ จุดนั้นและรับวิญญาณนักปราชญ์มาทันที

เมื่อหงอื้ออกจากร้านค้า หัวใจของเขายังสั่นไหว “สถานที่แห่งนี้เหมือนเมืองจักรพรรดิแต่มันไม่มีการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะ มันสงบสุขมาก เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“นอกจากนี้ดูเหมือนจะไม่มีความแตกต่างระหว่างที่นี่กับโลกแห่งความจริง แต่ที่นี่เต็มไปด้วยวิญญาณบนเส้นทางมนุษย์ วิญญาณนักปราชญ์เป็นเพียงหนึ่งในนั้น ในทางตรงข้ามวิญญาณบนเส้นทางสายอื่นกลับหายาก ดูเหมือนเส้นทางมนุษย์จะเป็นเส้นทางหลักของที่นี่”

“แปลก ข้าสงสัยว่าพี่เย่จะพบสิ่งใด ข้าควรไปรวมตัวกับเขาโดยเร็วที่สุด”

หลังจากเยฟานและหงอี้ถูกส่งเข้ามาในภาพวาดโดยเจตจํานงของเทพอมตะบัวสวรรค์พวกเขาแยกกันสารวจพื้นที่

เยี่ฟานได้รับข้อมูลเช่นเดียวกับหงอี้

แต่เยี่ฟานกลับพบบางคนที่ไม่คาดคิดที่หัวมุมถนน

“ท่านอาจารย์!” เยฟานประหลาดใจมาก

ก่อนหน้านี้เขาซื้อวิญญาณวีรบุรุษระดับห้ามาจากร้านค้าเขาพึ่งเดินมาถึงสถานที่แห่งนี้และกระตุ้นใช้วิญญาณดวงนี้แต่วิญญาณดวงนี้กลับเปลี่ยนร่างเป็นอาจารย์ของเขา

ถั่วเว่ยหยิน!

“ศิษย์ของข้า เราพบกันอีกครั้ง” ลั่วเว่ยหยินยิ้ม

เยี่ฟานมีความสุขมาก “ท่านอาจารย์ ท่านรู้จักที่นี่หรือไม่? มันคือที่ใด? เหตุใดพวกเราจึงมาอยู่ที่นี่?”

ถั่วเว่ยหยินเผยรอยยิ้มบาง “ข้าต้องอธิบายตั้งแต่เริ่มต้นสามแสนปีก่อน ภาคกลางให้กําเนิดเทพอมตะบัวสวรรค์เขาสร้างท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมเขาเดินทางไปยังทะเลทรายตะวันตกและปฏิเสธคําขอของเด็กชายที่ขอให้ชุบชีวิตพ่อแม่ในเวลานั้นเทพอมตะบัว สวรรค์เกิดนิมิตรและเห็นเมืองจักรพรรดิถูกทําลายในอนาคตทุกชีวิตดับสูญ”

“เทพอมตะบัวสวรรค์ทิ้งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่ทะเลทรายตะวันตกเมื่อเขากลับมาภาคกลางเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งภาพวาดชีวิตที่ดีสร้างภาพวาดเมืองจักรพรรดิขึ้นมาพวกเจ้าทั้งสองมีโชคที่โดดเด่นและเชื่อมต่อกับฟางหยวนดังนั้นเทพอมตะบัวสวรรค์จึงต้องระวังพวกเจ้าและยังพวกเจ้าไว้ที่นี่

เยี่ฟานมีนงง ข้อมูลมากมายทําให้เขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา

ร่างของเยี่ฟานค่อยๆสั่นสะท้านขึ้น “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเทพอมตะบัวสวรรค์จริงๆงั้นหรือ? ท่านอาจารย์ เมื่อใดกันที่โชคของข้าเชื่อมต่อกับฟางหยวน?”

“นั่นเป็นการเคลื่อนไหวอย่างลับๆของฟางหยวน เขาต้องการพึ่งพาโชคของเจ้าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็เป็นของเขาเช่นกัน”ลั่วเว่ยหยินตอบอย่างใจเย็น

“ฟางหยวนเชื่อมต่อโชคกับข้าเพื่อรับความช่วยเหลือจากโชคของข้างั้นหรือ?” เยฟานยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก

เยี่ฟานเป็นศิษย์ของลัวเว่ยหยิน เขารู้จักโลกของผู้อมตะมากกว่าหงอี้ เขารู้จักความยิ่งใหญ่ของฟางหยวนฟางหยวนเป็นจักรพรรดิปีศาจแห่งยุคที่กระทั่งวังสวรรค์ก็ไม่สามารถทําสิ่งใดกับเขาแต่ตัวตนเช่นนี้กลับเชื่อมโยงโชคกับเขาจริงๆนี่เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถจินตนาการถึง

ถั่วเว่ยหยินส่ายศีรษะ “ศิษย์ของข้า อย่าดูถูกตนเอง เจ้าเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากเตาสวรรค์ เจ้ามีโชคที่แข็งแกร่งตั้งแต่กําเนิด แม้เจ้าจะไม่มีนัยสําคัญในตอนแรกแต่เจ้าจะประสบความสําเร็จอย่างมากในอนาคต ทั้งห้าภูมิภาคมีคนโชคดีเหมือนเจ้าไม่เกินสิบคนมันไม่แปลกที่ฟางหยวนต้องการพึ่งพาความช่วยเหลือจากโชคของเจ้า”

“อย่างไรก็ตามสวรรค์รักษาสมดุลเสมอ เขาเคยใช่โชคของเจ้าเพื่อรับผลประโยชน์มากมายตอนนี้ถึงคราวของเจ้าที่จะได้รับผลประโยชน์จากโชคของเขาอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นเพียงหนึ่งในนั้น ตอนนี้มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์อยู่ต่อหน้าเจ้าแล้ว!”

“มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์!?”เยี่ฟานอุทานด้วยความตกใจอีกครั้ง จากนั้นสายตาที่จ้องมองลั่วเว่ยหยินของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป “ท่านอาจารย์ท่านรู้ทุกสิ่งเหมือนรู้จักหลังมือของท่านนี่หมายความว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของท่านงั้นหรือ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์ของข้า เจ้าประเมินข้าสูงเกินไป นี่เป็นการจัดเตรียมของเทพอมตะสวรรค์พิภพข้าเป็นเพียงผู้สืบทอดที่ทําตามคําสั่งของเขาเท่านั้น”

เมื่อเยี่ฟานได้ยินชื่อเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาตระหนักว่าตนเองกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเทพอมตะสวรรค์พิภพไปแล้ว แต่เขาไม่รู้สึกยินดี ตรงข้ามเขากําลังมีนงงและตกใจ

ลั่วเว่ยหยินโบกมือ “เราไม่มีเวลามากนัก เราต้องเคลื่อนไหวเดี๋ยวนี้”

เยี่ฟานติดตามถั่วเว่ยหยินไปทั้งสองเดินไปข้างหน้าท่ามกลางฝูงชน
ลัวเว่ยหยินอธิบายต่อ “มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ล่าค่ามาก มันแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือท่าไม้ตายอมตะชีวิตที่ดีส่วนที่สองคือโชคของบุตรแห่งมนุษยชาติและส่วนที่สามคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดที่เกิดจากการรวมตัวกันระหว่างวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และเมืองจักรพรรดิมันเรียกว่าวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!”

ลัวเว่ยหยินหยุดก่อนกล่าวต่อ “ก่อนอื่นเราจะรับส่วนที่สองและทําให้เจ้ากลายเป็นบุตรแห่งมนุษยชาติ”

เยี่ฟานถาม “ท่านอาจารย์ บุตรแห่งมนุษยชาติคือสิ่งใด?”

ลั่วเว่ยหยินตอบ “ภาคกลางแตกต่างจากอีกสี่ภูมิภาคมันใช้ระบบนิกาย เส้นทางมนุษย์รุ่งเรืองที่สุดที่นี่โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองจักรพรรดิเหตุใดภาคกลางจึงให้กําเนิดอัจฉริยะจํานวนนับไม่ถ้วน? เหตุผลเป็นเพราะวิธีบนเส้นทางมนุษย์ตราบเท่าที่เจ้าดูดซับพลังจากเส้นโลหิตมนุษย์ของเมืองจักรพรรดิโชคของเจ้าจะเพิ่มขึ้นและกลายเป็นบุตรแห่งมนุษยชาติที่ได้รับความโปรดปรานจากเส้นทางมนุษย์เพื่อบรรลุสิ่งนี้เราต้องการความช่วยเหลือจากหงอี้”

“หงอี้? เขาเป็นพี่น้องร่วมสาบานของข้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร?” เยี่ฟานยังตกใจอย่างต่อเนื่อง

ลั่วเว่ยหยินกล่าว “ฟางหยวนเชื่อมโยงโชคกับเขาเช่นกัน แต่โชคของเขาแตกต่างจากเจ้า เจ้าเป็นคนที่ได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์ ขณะที่หงอี้เป็นหนึ่งในบุตรแห่งมนุษยชาติของภาคกลางเขาเป็นที่โปรดปรานของมนุษย์ด้วยความช่วยเหลือจากเขาเจ้าจะได้รับประโยชน์จากการ เคลื่อนไหวของเฉินซานและได้รับสถานะบุตรแห่งมนุยชาติอย่างเงียบๆ จากนั้นเราสามารถยืมโชคที่แข็งแกร่งของฟางหยวนเพื่อรับมรดกส่วนแรกและส่วนที่สาม”

โลกภาพวาดในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

“ฟางหยวน…ฟางหยวน…” เสียงสายหนึ่งดังเข้าหูของฟางตี้เฉิง

ฟางตี้เฉิงหยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมไปแล้ว ขณะนี้เขากําลังใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อคิดว่าจะจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างไร

“มันเป็นเสียงของเฉินซาน! เขารู้จักตัวตนของข้าจากร่างหลักงั้นหรือ?” ฟางเฉิงไม่แน่ใจและไม่กล้าตอบกลับในทันที

แน่นอนว่ามันเป็นเสียงของเฉินซาน เขาถ่ายทอดเสียงมาอีกครั้ง “ฟางที่เฉิงข้ารู้จักตัวตนของเจ้าจากร่างหลักของเจ้า ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะจัดเตรียมสิ่งนี้เอาไว้ข้าจะช่วยเจ้าหลบหนี” 364
“หือ เจ้าจะช่วยข้าอย่างไร?” ฟางที่เฉิงไม่แน่ใจ
เฉินซานหัวเราะ “ข้าพยายามถอดรหัสวิธีบนเส้นทางมนุษย์ของเทพอมตะมาตลอดตอนนี้ข้า พบกุญแจสําคัญบางอย่างแล้ว”

“เข้าใจแล้ว” ฟางตี้เฉิงพยักหน้า

เฉินซานกล่าวต่อ “วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และเมืองจักรพรรดิรวมเป็นหนึ่งเดียว ข้าซ่อนตัวมาตลอดและไม่ยอมให้เจตจํานงของเทพอมตะบัวสวรรค์ค้นพบ ดังนั้นข้าจึงมีโอกาสถอดรหัสท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์เหล่านี้”

ฟางเฉิงถาม “แล้วอย่างไรต่อ?”

เฉินซานอธิบายอย่างอดทน“นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดข้าย้ายเจตจํานงของมนุษย์ทั้งสี่ภูมิภาคมาที่นี่ตลอดเวลาข้าไม่สามารถขัดขวางวิธีการของเทพอมตะดังนั้นข้าจึงใช้วิธีแทรกซึมมันอย่างเงียบๆก่อนหน้านี้เจ้าปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์แต่อํานาจควบคุมของเจ้ายังต่ากว่าเจตจํานงของเทพมอมตะบัวสวรรค์เจ้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมประสานงานกับข้าเพื่อขยายพลังอํานาจของทุกคน”

“เจ้าต้องการให้ข้าร่วมมือกับเจ้าเพื่อทําลายวิธีบนเส้นทางมนุษย์ของเทพอมตะงั้นหรือ?”ฟางตี้เฉิงถามตรงประเด็น

เฉินซานหัวเราะ “เราจะช่วยซึ่งกันและกัน”

“ตกลง ข้าจะร่วมมือกับเจ้า” ฟางเฉิงตอบรับโดยไม่ลังเล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด