Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1955 บุคคลสําคัญในช่วงเวลาสําคัญ

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1955 บุคคลสําคัญในช่วงเวลาสําคัญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในสนามรบวงสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู สายตาของพวกเขามองไปยังที่เดียวกัน

ฟางหยวนถูกล้อมรอบด้วยสัตว์ประหลาดสามตัวพวกมันไม่ได้โจมตีเขาแต่ปกป้องเขาและมองไปรอบๆด้วยความเกลียดชังความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสามารถมองเห็นได้ด้วยการชําเลืองตามองเพียงครั้งเดียว

“เทพปีศาจคลั่ง…” ฟางหยวนพึมพําด้วยความประหลาดใจ

“ต่อให้เจ้าพึ่งพาการจัดเตรียมของเทพปีศาจคลั่งเจ้าก็ยังต้องพบกับความพ่ายแพ้!”ราชันมังกรตะโกนเสียงของเขาดังไปทั่วเขาพุ่งลงจากท้องฟ้าราวกับอุกกาบาตเพลิง

ท่าไม้ตายอมตะปราณภูเขา!

ราชันมังกรผลักฝ่ามือไปที่ฟางหยวนจากระยะไกล

“ครีน…”

ภูเขาปราณตกลงมาที่ฟางหยวนและสามสัตว์ประหลาด

ด้วยท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนพลังปราณทั้งสาม ตอนนี้ราชันมังกรมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต่บนเส้นทางแห่งพลังปราณจํานวนมาก มันช่วยขยายพลังอํานาจให้กับท่าไม้ตายอมตะของเขาหลายเท่า

เมื่อเห็นภูเขาปราณที่ทรงพลัง วุหยง ปิงช่ายฉวน และคนอื่นๆต่างแสดงออกด้วยความเคร่งเครียด

มันเป็นเรื่องยากที่จะต่อต้านภูเขาปราณลูกนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือการหลบเลี่ยง แต่ตัวตนเช่นราชังมังกรย่อมไม่เปิดเส้นทางให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถหลบหนี

ฟางหยวนกัดฟันแน่น แต่ในจังหวะที่เขากําลังจะเคลื่อนไหว เสือดาวไร้ฟันกลับเปิดปากของมันและสูดหายใจ

“ครืน…”

ภูเขาปราณหดตัวลงและถูกดูดกลืนเข้าไปในปากของเสือดาวไร้ฟันในพริบตา

ทุกคนตกตะลึง รูม่านตาของจ้าวซานอี้ที่บ่มเพาะบนเส้นทางอาหารหดเล็กลงเมื่อเขาตระหนักถึงร่องรอยของเส้นทางอาหารจากเสือดาวไรฟัน

กระทั่งราชันมังกรยังตกตะลึง

ภูเขาปราณที่ทรงพลังถูกทําลายโดยตรง

หลังจากเสือดาวไร้ฟันกลืนภูเขาปราณเข้าไป ท้องของมันก็พองขึ้นสิบส่วนดวงตาของมันส่องประกายขึ้นและจ้องมองราชันมังกรราวกับฝ่ายตรงข้ามเป็นอาหารค่ําเลิศรส

ราชันมังกรไม่กลัว เขายังพุ่งเข้าหาฟางหยวนด้วยความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้น

ฟางหยวนเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่ในจังหวะนี้ปลาไร้เหงือกกลับเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน

มันสะบัดหางเบาๆก่อนจะปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าราชันมังกรในเสี้ยวพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วราบรื่นและไม่มีผู้ใดตระหนักถึง

ดวงตาของราชันมังกรเบิกกว้างขึ้น

ปลาไร้เหงือกใช้ศีรษะพุ่งชนเขาโดยตรง

“ปัง!”

ราชันมังกรได้รับความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุดมากจากท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนพลังปราณทั้งสามเขาไม่จําเป็นต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันเก้ามังกรคุ้นภัยในการต่อสู้อีกต่อไปแต่เมื่อเขาถูกปลาไร้เหงือกกระแทกเขารู้สึกราวกับตนเองใช้หมัดเปล่าทุบหิน

กระดูกทั้งร่างของราชันมังกรแตกหัก อวัยวะภายในของเขาเกือบระเบิดออกมาในครั้งเดียวเลีอดจํานวนมากทะลักไหลจากภายในสู่ภายนอก

“ดูดกลืนพลังปราณทั้งสาม!” ราชันมังกรตะโกนและดูดกลืนพลังปราณเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง

อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นตัวขึ้นภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ

แต่เนื่องจากเขาเลือกที่จะรักษาอาการบาดเจ็บ เขาจึงปล่อยให้ตนเองลอยกลับหลังไปถึงจุดสิ้นสุดของวังสวรรค์

กลุ่มผู้อมตะทั้งหมดได้ยินเสียงปะทะกําแพงดังสนั่น รอยแตกร้าวจํานวนมากปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าด้านหลังราชันมังกร

ทุกคนต้องสูดหายใจลึกเมื่อเห็นฉากนี้

พลังโจมตีของปลาไร้เหงือกน่าเหลือเชื่อเกินไป กระทั่งราชันมังกรก็ยังไม่สามารถต่อต้าน

ปลาไร้เหงือกถูกทิ้งไว้โดยเทพปีศาจคลั่ง มันคงอยู่มานานกว่าหนึ่งล้านปีแล้วแต่มันยังทรงพลังถึงระดับนี้

หากเทพปีศาจคลังยังมีชีวิตอยู่ เขาจะทรงพลังถึงระดับใด
ไม่มีผู้ใดสามารถจินตนาการถึง

เทพปีศาจคลั่งได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นเทพอมตะที่มีความแข็งแกร่งทางกายภาพสูงที่สุด

ตอนนี้เมื่อทุกคนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขายอมรับทันทีว่ามันเป็นเรื่องจริง

“นี่คือการจัดเตรียมของเทพปีศาจคลั่ง!”

“เรายังไม่แพ้ เรายังสู้ได้!”

“ท่านราชันมังกรกลับมาแล้ว อาการบาดเจ็บของท่านหายดีแล้ว กลิ่นอายของท่านยังแข็งแกร่งขึ้นไปอีก”

“พวกเจ้าจะกลัวสิ่งใด เรามีวิญญาณชะตากรรม สวรรค์อยู่ข้างพวกเรา!”

ผู้อมตะของสามภูมิภาครู้สึกตกใจและยินดีกับกําลังเสริมที่ไม่คาดคิด อย่างไรก็ตามผู้อมตะของวังสวรรค์ยังเต็มไปด้วยขวัญกําลังใจ พวกเขาเชื่อมั่นในวิญญาณชะตากรรมและราชันมังกร

ราชันมังกรพุ่งเข้าต่อสู้กับสามสัตว์ประหลาดอีกครั้ง แต่เขาสามารถเรียนรู้จากบทเรียนก่อนหน้าเขาใช้การโจมตีระยะไกลและหลีกเลี่ยงการต่อสู้ระยะประชิด

สัตว์ประหลาดทั้งสามแข็งแกร่งเกินไป ราชันมังกรไม่ต้องการถูกส่งลอยกลับหลังอย่างน่าสังเวชอีกครั้ง

กลยุทธ์ของราชันมังกรค่อนข้างยอดเยี่ยม การต่อสู้ระยะไกลทําให้สัตว์ประหลาดทั้งสามไม่สามารถปลดปล่อยความแข็งแกร่งทั้งหมดออกมา

หลังจากต่อสู้สักพักราชันมังกรก็เข้าใจพวกมันมากขึ้น

นกไร้ปีกสามารถยิงสายฟ้าสีเหลืองออกจากปากแต่มันไม่สามารถบินได้ จงอยปากของมันแข็งและแหลมคมมากมันสามารถเจาะทะลวงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดได้อย่างง่ายดาย

ปลาไร้เหงือกสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและโจมตีอย่างกะทันหัน สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือความแข็งแกร่งของมัน แต่จุดอ่อนคือความถี่ในการโจมตีของมันค่อนข้างต่ําหลังจากโจมตีครั้งหนึ่งมันจะหยุดพักชั่วครู่ก่อนจะโจมตีอีกครั้ง

เสือดาวไร้ฟันสามารถวิ่งอยู่บนท้องฟ้าวิธีการที่ทรงพลังที่สุดของมันคือการดูดกลืนพลังโจมตีทั้งหมดของฝ่ายตรงข้ามมันยังสามารถกลืนกินท่าไม้ตายอมตะวีรบุรุษท่ามกลางผู้คนได้อีกด้วยอย่างไรก็ตามจุดอ่อนของมันคือทุกครั้งที่มันกลืนกินการโจมตีของศัตรูเข้าไป ท้องของมันจะพองโตขึ้นหากราชันมังกรและคนอื่นๆตั้งใจให้อาหารมันอย่างต่อเนื่องท้องของมันจะถูกเติมเต็มมันจะเริ่มมีปัญหาในการเคลื่อนไหว

แต่กระทั่งฝ่ายของวังสวรรค์จะตระหนักถึงจุดอ่อนของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทําสิ่งใดและยังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ

สัตว์ประหลาดทั้งสามมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่ชัดเจนมากแต่ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดพวกมันจากการอาละวาด

การปรากฏตัวของพวกมันทําให้สถานการณ์เกิดเสถียรภาพ

เป้าหมายของสัตว์ประหลาดทั้งสามคือหอคอยดวงตาสวรรค์ ดูเหมือนพวกมันจะเกลียดชังวิญญาณชะตากรรมเป็นอย่างมาก

หอคอยดวงตาสวรรค์ไม่กล้าเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดทั้งสาม มันต้องล่าถอยออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อปกป้องหอคอยดวงตาสวรรค์ราชันมังกรต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาลและได้รับบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีกเส้นผมสีม่วงของเขาสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่งดวงตาของเขากลายเป็นแดง… ร่างกายของเขาอาบไปด้วยเลือดอย่างไรก็ตามจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขายังไม่ลดลงแม้แต่น้อย

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด มันเป็นการรุกรับที่รุนแรง ทุกสิ่งที่กีดขวางจะถูกทําลายล้างวังสวรรค์กลายเป็นซากปรักหักพัง

เมื่อเวลาผ่านไป หอคอยดวงตาสวรรค์ก็ปลดปล่อยแสงสีขาวออกมาอีกครั้ง

ท่าไม้ตายอมตะยอมจํานนต่อโชคชะตา!

“ระวัง!” วูหยงตะโกนเตือน ทุกคนเตรียมพร้อมอยู่แล้วและสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากแสงสีขาวจางหายไป การต่อสู้ที่ดุเดือดก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้ผู้อมตะของสามภูมิภาคสามารถป้องกันตัว พวกเขาซ่อมแซมคฤหาสน์วิญญาณอมตะ และรักษาอาการบาดเจ็บของตนอย่างรวดเร็ว

ผู้อมตะของทั้งสามภูมิภาคสามารถรับมือกับท่าไม้ตายอมตะยอมจํานนต่อโชคชะตาได้ดีขึ้นเรื่อยๆเมื่อเปรียบเทียบกับครั้งแรกสถานการณ์ของพวกเขาดีขึ้นมากเหตุผลหนึ่งก็คือพวกเขาสามารถพึ่งพาสัตว์ประหลาดทั้งสาม

ด้วยความช่วยเหลือจากสัตว์ประหลาดทั้งสาม ผู้อมตะของวังสวรรค์เริ่มถูกกําหราบโดยผู้อมตะของสามภูมิภาค

ในช่วงเวลาเหล่านี้ หอคอยดวงตาสวรรค์ปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะยอมจํานนต่อโชคชะตาออกมาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก วังสวรรค์ก็กลายเป็นสถานที่รกร้าง

กลิ่นอายของสัตว์ประหลาดทั้งสามเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้อมตะทั้งหมดต้องคํานึงถึงพลังงานอมตะที่เหลืออยู่ของพวกเขา

“บัดซบ! สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลง” ใบหน้าของวุหยงกลายเป็นเคร่งขรึมเมื่อเขาเห็นสัตว์ประหลาดทั้งสามอ่อนแอลงจากการโจมตีซ้ำแล้วซ้ำอีกของท่าไม้ตายอมตะยอมจํานนต่อโชคชะตา

“สัตว์ประหลาดทั้งสามเป็นเพียงการจัดเตรียมที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพปีศาจคลั่งพวกมันย่อมไม่สามารถต่อต้านพลังอานาจของวิญญาณชะตากรรม” ปิงช่ายฉวนรู้สึกหนาวเย็นอยู่ในหัวใจ

“นายท่าน สถานการณ์ดูไม่ดีนัก แม้แต่การจัดเตรียมของเทพปีศาจคลั่งก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์หลังจากทั้งหมดวังสวรรค์ในปัจจุบันมีวิญญาณชะตากรรมที่สมบูรณ์” ไกลจากสนามรบเทพธิดาคือเว่ยวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเยือกเย็น

เทพปีศาจจิตวิญญาณฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว ตอนนี้ดวงวิญญาณของเขาสามารถกลับสู่ร่างมนุษย์เขายืนมือไพล่หลังและมองสนามรบก่อนจะหันหน้าไปทางศาลาแห่งความโศกเศร้าที่อยู่ห่างออก

ภายในศาลาแห่งความโศกเศร้า เทพทั้งสองยังเล่นหมากรุกอยู่ที่นั่น
กระดานหมากรุกเต็มไปด้วยตัวหมากแต่สิ่งลึกลับก็คือทุกครั้งที่เทพทั้งสองวางตัวหมากชิ้นใหม่ลงไปพื้นที่ของกระดานหมากรุกจะขยายออกไปเสมอ

อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้า ความถี่ในการวางหมากของเทพทั้งสองลดลงอย่างมาก

เทพอมตะกลุ่มดาววางหมากชิ้นหนึ่งลงบนกระดานหมากรุกก่อนจะชําเลืองมองไปทางเทพปีศาจจิตวิญญาณ

“เจ้าคิดอย่างไรที่เทพปีศาจจิตวิญญาณพยายามขโมยผลประโยชน์จากเกมส์ของเรา” เทพอมตะกลุ่มดาวกล่าว

เทพปีศาจไร้ขอบเขตหัวเราะ “เมื่อเขาได้รับอิสรภาพ เขาก็สามารถขโมยผลประโยชน์นี่เป็นความสามารถของเขาและสิ่งที่เขาสมควรได้รับ ข้าอยากเห็นวันที่เขาไปถึงดินแดนที่พวเราไม่สามารถไปถึงเช่นกัน”

เทพอมตะกลุ่มดาวเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจ “เจ้าเป็นผู้ไล่ล่าเต๋ที่แท้จริง”

“น่าเสียดายที่สวรรค์พิภพเป็นกรงขังที่ขัดขวางไม่ให้ข้าไล่ล่าเต่ของข้า” เทพปีศาจไร้ขอบเขตกล่าว“นั่นคือเหตุผลที่ข้าแสวงหาอิสรภาพ”

เทพอมตะกลุ่มดาวปฏิเสธทันที “อิสรภาพของเจ้าจะทําลายกรงนี้ เราทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าทิวทัศน์ภายนอกกรงขังนี้เป็นเช่นไร!”

เทพปีศาจไร้ขอบเขตส่ายศีรษะ “เรายืนอยู่ในจุดที่แตกต่างกัน มันไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียง”

เงาร่างของเทพทั้งสองค่อยๆเลือนรางลงเรื่อยๆ มีเพียงดวงตาของพวกเขาเท่านั้นที่ยังส่องประกายสว่างไสว

เทพปีศาจไร้ขอบเขตของกระดานหมากรุกเป็นเวลานานแต่ยังไม่ได้วางหมากชิ้นใหม่

เกมส์กระดานนี้มาถึงจุดสําคัญที่สุดแล้ว

บนกระดานหมากรุก สถานการณ์ของเทพปีศาจไร้ขอบเขตค่อนข้างเลวร้าย เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบตัวหมากของเขาถูกปิดล้อมจากทุกทิศทางฝ่ายของเทพอมตะกลุ่มดาวมีความเหนือกว่าอย่างชัดเจน

เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวพยายามกลืนกินและควบคุมเจตจํานงสวรรค์ขณะเดียวกันนางก็จัดแจงทุกสิ่งในห้าภูมิภาคนางต้องพิจารณาทุกแง่มุมแผนการของนางครอบคลุมทั้งอดีตและปัจจุบัน ลืมเรื่องการต่อต้านสามเทพปีศาจในอดีตไปได้เลยเพียงสถานการณ์ปัจจุบันนางก็ ยังทําให้เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่ได้รับประตูแห่งชีวิตและความตายกลับคืน

นี่เป็นอุบายของเทพอมตะกลุ่มดาวที่กระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยก็ยังไม่รู้ มันไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยความสามารถในการวางแผนของราชันมังกร

หลังจากทั้งหมดเทพอมตะกลุ่มดาวเป็นเทพอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเพียงหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์

อย่างไรก็ตามเทพปีศาจไร้ขอบเขตยังไม่แพ้ ตัวหมากของเขารวมกลุ่มอยู่ด้วยกันมันทําให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถเอาชนะได้โดยง่าย

เทพปีศาจไร้ขอบเขตต้องบุกทะลวงออกไปแต่เขายังขาดกําลังอยู่บ้าง นอกจากนั้นหากเขาไม่ระวังเขาอาจตกลงสู่หลุมพรางของฝ่ายตรงข้าม

ดังนั้นเทพปีศาจไร้ขอบเขตจึงทําได้เพียงป้องกันตัวและรอกําลังเสริม
เทพทั้งสองเล่นเกมส์กระดานนี้มานานกว่าล้านปีในที่สุดมันก็ถึงช่วงเวลาสําคัญ

แท้จริงแล้วเทพปีศาจไร้ขอบเขตกําลังรอกําลังเสริม เขารอความช่วยเหลือนี้มานับล้านปีนี่เป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต่างตระหนักดี

“ตอนนี้เรามารอดูผลงานของเรา” เทพอมตะกลุ่มดาวกวาดตามองไปทั่วสนามรบนางหยุดสายตาที่ฟางหยวนและแสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อน

เทพปีศาจไร้ขอบเขตมองไปในทิศทางเดียวกันและพึมพํา“ฟางหยวนเจ้าเป็นเช่นนี้มาตลอดเจ้าจะปกปิดความสามารถอีกนานเท่าใด?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด