Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 2039 เทือกเขาวายุวิปโยค

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 2039 เทือกเขาวายุวิปโยค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2039 เทือกเขาวายุวิปโยค

“มันยาก” ฟางหยวนถอนหายใจ

แทบจะในเวลาเดียวกันที่เทพปีศาจจิตวิญญาณเริ่มโจมตีวังมังกรอีกครั้ง

เทพปีศาจจิตวิญญาณตะโกนเสียงเย็น “ฟางหยวนเจ้าช่างน่าผิดหวังนักเจ้าจะซ่อนตัวอกนานเท่าใดข้าจะบอกความจริงกับเจ้าเทพธิดาจ๋อเว่ยอนุมานตําแหน่งของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!”

“ฝากความหวังไว้กับการหลอกลวง นี่คือวิถีของคนอ่อนแอ วิญญาณทารกอมตะอยู่กับคนเช่นเจ้าช่างสูญเปล่านัก!”

“ออกมาต่อสู้กับข้า ในกรณีนี้แม้เจ้าจะตาย คนทั้งโลกก็จะไม่พูดว่าเจ้าขี้ขลาดหวาดกลัวผู้แข็งแกร่งและรังแกคนอ่อนแอ

“บัดซบ!” อู่ส่วยกัดฟันแน่นเมื่อความหวังของเขาพังทลายลง

ฟางหยวนก่นเสียงเย็น เขาไม่ตอบ จากมุมมองของเขา ชื่อเสียงไม่มีความสําคัญสิ่งที่เขาสนใจคือเทพธิดาจ๋อเว่ยประสบความสําเร็จในการอนุมานตําแหน่งของเขาจริงๆหรือมันเป็นเพียงการหลอกล่อของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

บรรพชนทะเลปราณจากมาแล้ว ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่รู้สถานการณ์ที่นั่น

“กระทั่งตอนนี้เทพธิดาจื่อเว่ยก็ยังอนุมานอยู่เราไม่สามารถลืมความเป็นไปได้อื่นบางทีนางอาจกําลังแสดงละครเพื่อถ่วงเวลาวังสวรรค์และถ้ําสวรรค์นิรันดรแต่ลอบส่งผลลัพธ์ให้กับเทพปีศาจจิตวิญญาณเท่านั้น”ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะปัดค่าถามนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงมือกระทําการบางอย่าง

ฟางหยวนนําอสูรปีแรกกําเนิดหลายตัวออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ

กองทัพอสูรูปีแรกกําเนิดพุ่งออกจากวังมังกร บางตัวพยายามทําลายวังวนแสงสีดาบางตัวพุ่งเข้าโจมตีเทพปีศาจจิตวิญญาณ

“ไร้ประโยชน์!” เทพปีศาจจิตวิญญาณส่งควันสีดําออกจากร่างและปกคลุมพื้นที่รอบๆเอาไว้ทั้งหมด

เขาชี้นิ้วออกไป ควันสีด่ากลายเป็นโซ่ควันพันธนาการอสูรปีแรกกาเนิด

อสรปีแรกกําเนิดพยายามดิ้นรนต่อต้านแต่หลังจากไม่นานพวกมันก็ไม่สามารถขยับเขยือน

“กลอุบายเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ช่างน่าผิดหวังนัก ฟางหยวน” เทพปีศาจจิตวิญญาณเย้ยหยันและบินขึ้นไปด้านบนของวังวนแสงสีดํา

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังมังกรดูเหมือนของเล่นที่ไร้อันตราย

อู่ส่วยกัดฟันแน่นและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมอกชวนฝัน

เทพปีศาจจิตวิญญาณหัวเราะก่อนจะคายกลุ่มก้อนดวงวิญญาณออกมาจากปาก

ดวงวิญญาณพุ่งเข้าสู่ร่างของอสูรปีแรกก่าเนิด

พวกมันถูกปล่อยออกจากพันธนาการก่อนจะพุ่งเข้าหาวังมังกรอย่างบ้าคลั่ง

อสูรปีแรกกําเนิดกระโจนเข้าสู่หมอกชวนฝันโดยตรง

อู่ส่วยรู้สึกสิ้นหวัง หมอกชวนฝันกลายเป็นไร้ประโยชน์เทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์

ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่เทพปีศาจจิตวิญญาณใช้ออกมาในช่วงเวลานี้ล้วนเป็นสิ่งที่ฟางหยวนและอู่ส่วยไม่เคยเห็นมาก่อน

อาจกล่าวได้ว่ารากฐานของผู้อมตะระดับเก้ายากที่จะหยั่งถึง

ห่างออกไปบนท้องฟ้า ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของเทพธิดาจื่อเว่ยยังทํางานอย่างต่อเนื่อง

เทพธิดาจอเว่ยควบคุมค่ายกลอยู่ที่จุดศูนย์กลางของมันนางแสดงให้ทุกคนเห็นว่านางกําลังทํางานอย่างหนัก

คฤหาสน์วิญญาณอมตะของวังสวรรค์และถ่สวรรค์นิรันดรลอยอยู่รอบๆค่ายกลวิญญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

ฉินติงหลิงมองมันอย่างเงียบๆ ก่อนหน้านี้นางได้รับข่าวว่าผู้อมตะสองสามคนที่อยู่ในวังสวรรค์ประสบความสําเร็จในการปราบปรามจางเฉิง

จางเฉิงถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณของเทพอมตะแรกกําเนิดพลังการต่อสู้ของมันลดลงอย่างมาก เมื่อไม่
ได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน มันจึงถูกกําหราบ โดยผู้อมตะของวังสวรรค์ในที่สุด

เพียงจุดนี้ก็สามารถมองเห็นความกังวลของฟางหยวนได้อย่างชัดเจนเขาละทิ้งจางเฉิงนี่แสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก

ข้อเท็จจริงนี้ทําให้เจตนาสังหารของฉินติงหลิงที่มีต่อฟางหยวนพุ่งสูงขึ้นไปอีก

นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากและไม่สามารถสูญเสีย

หลังจากปราบปรามติ์จางเฉิง ผู้อมตะที่อยู่ในวังสวรรค์เริ่มซ่อมแซมถ้ําสวรรค์ของพวกเขาอย่างเร่งด่วนในที่สุดวิกฤตของวังสวรรค์ก็คลี่คลายลง

สิ่งนี้ทําให้ฉินติงหลิงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่นางยังกังวลเรื่องอื่น

“บรรพชนทะเลปราณพึ่งจากไป ด้วยความเร็วและทิศทางของวังมังกร มันควรจะไปถึงช่องเขาล่าไส้แล้ว”ฉินติงหลิงคิดกับตนเอง

วังมังกรบินเข้าสู่ภาคกลาง นี่ทําให้ทั้งสวรรค์กังวลว่ามันจะก่อให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่

ช่องเขาลําไส้อยู่ทางทิศเหนือของเทือกเขาวายุวิปโยค มันอยู่ภายใต้การปกครองของนิกายวิหารสวรรค์สีดํา

ฉินติงหลิงส่งคําสั่งไปยังนิกายวิหารสวรรค์สีดําเรียบร้อยแล้ว นางบอกให้พวกเขานําคฤหาสน์วิญญาณอมตะเดินทางไปยังช่องเขาล่าไส้หากมีโอกาส พวกเขาสามารถโจมตีหากศัตรูแข็งแกร่งเกินไปพวกเขาสามารถละทิ้งช่องเขาลําไส้และรักษาความแข็งแกร่งของตนเอง

หลังจากได้รับคําสั่งจากวังสวรรค์ นิกายวิหารสวรรค์สีดําเร่งระดมกําลังและดําเนินการทันที

แต่หลังจากรอคอยมาเป็นเวลานาน พวกเขาก็ยังไม่เห็นวังมังกรหรือเทพปีศาจจิตวิญญาณ

ฉินติงหลิงไม่รู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณหยุดวังมังกรไว้กลางทาง พวกเขายังอยู่บนท้องฟ้าเหนือเทือกเขาวายวิปโยค

เทือกเขาวายุวิปโยคกว้างใหญ่มาก มันทอดตัวยาวออกไปหลายแสนลี้ อย่างไรก็ตามเปรียบเทียบกับเทือกเขาอื่นมันค่อนข้างแห้งแล้งดังนั้นแม้ที่นี่จะเป็นอาณาเขตของนิกายวิหารสวรรค์ดําพวกเขาก็ไม่สนใจมันมากนัก

เทือเขาวายุวิปโยคสร้างทรัพยากรบนเส้นทางแห่งวายุในอดีตผู้อมตะของนิกายเมฆาวายุเคยมาฝึกตนอยู่ที่นี่เพียงลําพังและสามารถก้าวเข้าสู่ระดับแปดคนผู้นี้คือเฒ่าไปเฟิงน่าเสียดายที่ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความยากลําบากเขาถูกจับโดยอู่ส่วยและตกเป็นทาสของวังมังกร ในการต่อสู้ที่ดเดือดก่อนหน้านี้เฒ่าไปเฟิงเสียชีวิตไปแล้ว

เขาไม่ใช่คนเดียวแต่แม่ทัพมังกรทั้งหมดต่างเสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนี้ กระทั่งทาสที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นตี้จางเฉิงยังถูกวังสวรรค์ก่าหราบ

บนยอดเขาแห่งหนึ่งของเทือกเขาวายุวิปโยค

เด็กเลี้ยงแกะหลายคนกําาลังทะเลาะกัน

เด็กหนุ่มผู้หนึ่งถูกรังแกเขาเป็นคนที่อ่อนแอและผอมบางที่สุด เขาถอยกลับไปหลายก้าวท่ามกลางการโต้เถียง

“หวังเซียวเอ๋อ ภูเขาลูกนี้เป็นของพวกเรา ไม่มีที่สําหรับเจ้า!”

“รีบไป ไปให้พ้นสายตาของเรา”

เด็กหลายคนในชุดหนังสัตว์กล่าวด้วยท่าทางชั่วร้าย

เสื้อผ้าของหวังเซียวเอ๋อถูกตัดเย็บจากเศษผ้าหลายชิ้น นั่นทําให้เขาดูเหมือนขอทาน

เขาขัดขึ้นอย่างอ่อนแรง “แต่แกะของข้าต้องการอาหาร หากข้าไม่ให้อาหารพวกมัน ลุงกับป้าจะทุบตีข้า”

กลุ่มเด็กที่ชั่วร้ายหัวเราะเสียงดัง คนที่แข็งแกร่งที่สุดผลักหวังเซียวเอ๋อลงบนพื้น

“ไปภูเขาลูกอื่น มีหญ้าอยู่ที่นั่น อย่ามาแย่งหญ้าของข้า มิฉะนั้นข้าจะหักขาของเจ้า!”คนหนุ่มกล้ามโตข่มขู่

หวังเซียวเอ๋อพยายามลุกขึ้น เขาไม่ได้ขัดขืน เขาเพียงต้อนฝูงแกะของเขาและจากไปอย่างเงียบๆ

หวังเซียวเอ๋อเดินข้ามแม่น้ำและเส้นทางภูเขาที่สูงชัน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ํามีเพียงฝูงแกะเท่านั้นที่ไม่พบปัญหาในการเดินทาง

ในที่สุดหวังเซียวเอ๋อก็พบทุ่งหญ้าผืนเล็กๆแห่งหนึ่ง ฝูงแกะที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางรีบวิ่งเข้าไปกินอาหารของพวกมัน

หวังเซียวเอ่อล้มตัวนอนลงบนพื้นและมองฝูงแกะแย่งกันกินอาหาร เขาถอนหายใจกับตนเอง“ช่วงนี้ลมภูเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆทุ่งหญ้าก็เหลือน้อยลงนั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไล่ข้าออกมา”

ทุ่งหญ้าเล็กๆไม่เพียงพอสําหรับฝูงแกะทั้งหมด บางตัวกินอิ่มแต่บางตัวยังหิวโหย

หวังเซียวเอ๋อส่ายศีรษะ หากเขาต้องการเลี้ยงแกะทั้งหมด เขาต้องเดินทางต่อแต่นั่นจะทําให้เขาเสียเวลาและพลังงานอย่างมาก

“โอ้ เจ้าแกะ อย่างน้อยพวกเจ้าก็ได้กินอาหาร เพื่อเลี้ยงดูพวกเจ้า ข้าจะกลับถึงบ้านช้าและถูกลุงกับป้าทุบตีข้าจะต้องกินอาหารเน่าเสียที่เหลืออยู่”

แม้ภาคกลางจะมีทรัพยากรมากที่สุดในห้าภูมิภาค แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ยังมีชีวิตที่ยากล่าบากเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะอดอาหาร

ทันใดนั้นเสียงสายหนึ่งก็ดังขึ้น

หวังเซียวเอ๋อเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ

หลังจากนั้นเขาก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นดาวตกร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าที่สดใส

ดาวตกเริ่มขยายใหญ่ขึ้นในมุมมองสายตาของเขา สายลมกรรโชกแรง อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น

หวังเซียวเอ๋อตกตะลึง ร่างกายของเขาแข็งค้างแกะที่อยู่รอบๆรู้สึกถึงอันตรายพวกมันเริ่มส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งไปรอบๆ

ไม่เพียงแค่ฝูงแกะแต่สัตว์ป่าบนภูเขาต่างตะเกียกตะกายหลบหนี ภูเขาที่เคยเงียบสงบกลายเป็นโกลาหล

เมื่อดาวตกใกล้เข้ามา หวังเซียวเอ๋อก็มองเห็นมันได้ชัดเจนขึ้น

ปรากฏว่ามันคือสัตว์ร้ายที่มีร่างกายเท่าภูเขา

สัตว์ร้ายพุ่งชนภูเขาที่หวังเซียวเอ่ออาศัยอยู่

ภูเขาพังทลายลง แผ่นดินสันสะเทือน ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งไปทั่ว

หมูบ้านบนภูเขาถูกทําลายล้างทันที

กลุ่มเด็กที่ไล่หวังเซียวเอ๋อออกมาก่อนหน้านี้ถูกลบออกไปทั้งหมด

“ข้ากําลังจะตายงั้นหรือ?”หวังเซียวเอ๋อนั่งหมอบอยู่บนพื้นด้วยความหวาดกลัว

ท่ามกลางกลุ่มฝุ่นควันเศษหินจํานวนนับไม่ถ้วนถูกลมพัดพามา

หนึ่งในนั้นพุ่งปะทะหน้าผากของหวังเซียวเอ๋อ

ก่อนที่เขาจะหมดสติเขาเต็มไปด้วยความสับสนเหตุใดสัตว์ร้ายร่างกายใหญ่โตจึงตกลงมาจากท้องฟ้า?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 2039 เทือกเขาวายุวิปโยค

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 2039 เทือกเขาวายุวิปโยค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2039 เทือกเขาวายุวิปโยค

“มันยาก” ฟางหยวนถอนหายใจ

แทบจะในเวลาเดียวกันที่เทพปีศาจจิตวิญญาณเริ่มโจมตีวังมังกรอีกครั้ง

เทพปีศาจจิตวิญญาณตะโกนเสียงเย็น “ฟางหยวนเจ้าช่างน่าผิดหวังนักเจ้าจะซ่อนตัวอกนานเท่าใดข้าจะบอกความจริงกับเจ้าเทพธิดาจ๋อเว่ยอนุมานตําแหน่งของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!”

“ฝากความหวังไว้กับการหลอกลวง นี่คือวิถีของคนอ่อนแอ วิญญาณทารกอมตะอยู่กับคนเช่นเจ้าช่างสูญเปล่านัก!”

“ออกมาต่อสู้กับข้า ในกรณีนี้แม้เจ้าจะตาย คนทั้งโลกก็จะไม่พูดว่าเจ้าขี้ขลาดหวาดกลัวผู้แข็งแกร่งและรังแกคนอ่อนแอ

“บัดซบ!” อู่ส่วยกัดฟันแน่นเมื่อความหวังของเขาพังทลายลง

ฟางหยวนก่นเสียงเย็น เขาไม่ตอบ จากมุมมองของเขา ชื่อเสียงไม่มีความสําคัญสิ่งที่เขาสนใจคือเทพธิดาจ๋อเว่ยประสบความสําเร็จในการอนุมานตําแหน่งของเขาจริงๆหรือมันเป็นเพียงการหลอกล่อของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

บรรพชนทะเลปราณจากมาแล้ว ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่รู้สถานการณ์ที่นั่น

“กระทั่งตอนนี้เทพธิดาจื่อเว่ยก็ยังอนุมานอยู่เราไม่สามารถลืมความเป็นไปได้อื่นบางทีนางอาจกําลังแสดงละครเพื่อถ่วงเวลาวังสวรรค์และถ้ําสวรรค์นิรันดรแต่ลอบส่งผลลัพธ์ให้กับเทพปีศาจจิตวิญญาณเท่านั้น”ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะปัดค่าถามนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงมือกระทําการบางอย่าง

ฟางหยวนนําอสูรปีแรกกําเนิดหลายตัวออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ

กองทัพอสูรูปีแรกกําเนิดพุ่งออกจากวังมังกร บางตัวพยายามทําลายวังวนแสงสีดาบางตัวพุ่งเข้าโจมตีเทพปีศาจจิตวิญญาณ

“ไร้ประโยชน์!” เทพปีศาจจิตวิญญาณส่งควันสีดําออกจากร่างและปกคลุมพื้นที่รอบๆเอาไว้ทั้งหมด

เขาชี้นิ้วออกไป ควันสีด่ากลายเป็นโซ่ควันพันธนาการอสูรปีแรกกาเนิด

อสรปีแรกกําเนิดพยายามดิ้นรนต่อต้านแต่หลังจากไม่นานพวกมันก็ไม่สามารถขยับเขยือน

“กลอุบายเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ช่างน่าผิดหวังนัก ฟางหยวน” เทพปีศาจจิตวิญญาณเย้ยหยันและบินขึ้นไปด้านบนของวังวนแสงสีดํา

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังมังกรดูเหมือนของเล่นที่ไร้อันตราย

อู่ส่วยกัดฟันแน่นและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมอกชวนฝัน

เทพปีศาจจิตวิญญาณหัวเราะก่อนจะคายกลุ่มก้อนดวงวิญญาณออกมาจากปาก

ดวงวิญญาณพุ่งเข้าสู่ร่างของอสูรปีแรกก่าเนิด

พวกมันถูกปล่อยออกจากพันธนาการก่อนจะพุ่งเข้าหาวังมังกรอย่างบ้าคลั่ง

อสูรปีแรกกําเนิดกระโจนเข้าสู่หมอกชวนฝันโดยตรง

อู่ส่วยรู้สึกสิ้นหวัง หมอกชวนฝันกลายเป็นไร้ประโยชน์เทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์

ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่เทพปีศาจจิตวิญญาณใช้ออกมาในช่วงเวลานี้ล้วนเป็นสิ่งที่ฟางหยวนและอู่ส่วยไม่เคยเห็นมาก่อน

อาจกล่าวได้ว่ารากฐานของผู้อมตะระดับเก้ายากที่จะหยั่งถึง

ห่างออกไปบนท้องฟ้า ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของเทพธิดาจื่อเว่ยยังทํางานอย่างต่อเนื่อง

เทพธิดาจอเว่ยควบคุมค่ายกลอยู่ที่จุดศูนย์กลางของมันนางแสดงให้ทุกคนเห็นว่านางกําลังทํางานอย่างหนัก

คฤหาสน์วิญญาณอมตะของวังสวรรค์และถ่สวรรค์นิรันดรลอยอยู่รอบๆค่ายกลวิญญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

ฉินติงหลิงมองมันอย่างเงียบๆ ก่อนหน้านี้นางได้รับข่าวว่าผู้อมตะสองสามคนที่อยู่ในวังสวรรค์ประสบความสําเร็จในการปราบปรามจางเฉิง

จางเฉิงถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณของเทพอมตะแรกกําเนิดพลังการต่อสู้ของมันลดลงอย่างมาก เมื่อไม่
ได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน มันจึงถูกกําหราบ โดยผู้อมตะของวังสวรรค์ในที่สุด

เพียงจุดนี้ก็สามารถมองเห็นความกังวลของฟางหยวนได้อย่างชัดเจนเขาละทิ้งจางเฉิงนี่แสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก

ข้อเท็จจริงนี้ทําให้เจตนาสังหารของฉินติงหลิงที่มีต่อฟางหยวนพุ่งสูงขึ้นไปอีก

นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากและไม่สามารถสูญเสีย

หลังจากปราบปรามติ์จางเฉิง ผู้อมตะที่อยู่ในวังสวรรค์เริ่มซ่อมแซมถ้ําสวรรค์ของพวกเขาอย่างเร่งด่วนในที่สุดวิกฤตของวังสวรรค์ก็คลี่คลายลง

สิ่งนี้ทําให้ฉินติงหลิงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่นางยังกังวลเรื่องอื่น

“บรรพชนทะเลปราณพึ่งจากไป ด้วยความเร็วและทิศทางของวังมังกร มันควรจะไปถึงช่องเขาล่าไส้แล้ว”ฉินติงหลิงคิดกับตนเอง

วังมังกรบินเข้าสู่ภาคกลาง นี่ทําให้ทั้งสวรรค์กังวลว่ามันจะก่อให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่

ช่องเขาลําไส้อยู่ทางทิศเหนือของเทือกเขาวายุวิปโยค มันอยู่ภายใต้การปกครองของนิกายวิหารสวรรค์สีดํา

ฉินติงหลิงส่งคําสั่งไปยังนิกายวิหารสวรรค์สีดําเรียบร้อยแล้ว นางบอกให้พวกเขานําคฤหาสน์วิญญาณอมตะเดินทางไปยังช่องเขาล่าไส้หากมีโอกาส พวกเขาสามารถโจมตีหากศัตรูแข็งแกร่งเกินไปพวกเขาสามารถละทิ้งช่องเขาลําไส้และรักษาความแข็งแกร่งของตนเอง

หลังจากได้รับคําสั่งจากวังสวรรค์ นิกายวิหารสวรรค์สีดําเร่งระดมกําลังและดําเนินการทันที

แต่หลังจากรอคอยมาเป็นเวลานาน พวกเขาก็ยังไม่เห็นวังมังกรหรือเทพปีศาจจิตวิญญาณ

ฉินติงหลิงไม่รู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณหยุดวังมังกรไว้กลางทาง พวกเขายังอยู่บนท้องฟ้าเหนือเทือกเขาวายวิปโยค

เทือกเขาวายุวิปโยคกว้างใหญ่มาก มันทอดตัวยาวออกไปหลายแสนลี้ อย่างไรก็ตามเปรียบเทียบกับเทือกเขาอื่นมันค่อนข้างแห้งแล้งดังนั้นแม้ที่นี่จะเป็นอาณาเขตของนิกายวิหารสวรรค์ดําพวกเขาก็ไม่สนใจมันมากนัก

เทือเขาวายุวิปโยคสร้างทรัพยากรบนเส้นทางแห่งวายุในอดีตผู้อมตะของนิกายเมฆาวายุเคยมาฝึกตนอยู่ที่นี่เพียงลําพังและสามารถก้าวเข้าสู่ระดับแปดคนผู้นี้คือเฒ่าไปเฟิงน่าเสียดายที่ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความยากลําบากเขาถูกจับโดยอู่ส่วยและตกเป็นทาสของวังมังกร ในการต่อสู้ที่ดเดือดก่อนหน้านี้เฒ่าไปเฟิงเสียชีวิตไปแล้ว

เขาไม่ใช่คนเดียวแต่แม่ทัพมังกรทั้งหมดต่างเสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนี้ กระทั่งทาสที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นตี้จางเฉิงยังถูกวังสวรรค์ก่าหราบ

บนยอดเขาแห่งหนึ่งของเทือกเขาวายุวิปโยค

เด็กเลี้ยงแกะหลายคนกําาลังทะเลาะกัน

เด็กหนุ่มผู้หนึ่งถูกรังแกเขาเป็นคนที่อ่อนแอและผอมบางที่สุด เขาถอยกลับไปหลายก้าวท่ามกลางการโต้เถียง

“หวังเซียวเอ๋อ ภูเขาลูกนี้เป็นของพวกเรา ไม่มีที่สําหรับเจ้า!”

“รีบไป ไปให้พ้นสายตาของเรา”

เด็กหลายคนในชุดหนังสัตว์กล่าวด้วยท่าทางชั่วร้าย

เสื้อผ้าของหวังเซียวเอ๋อถูกตัดเย็บจากเศษผ้าหลายชิ้น นั่นทําให้เขาดูเหมือนขอทาน

เขาขัดขึ้นอย่างอ่อนแรง “แต่แกะของข้าต้องการอาหาร หากข้าไม่ให้อาหารพวกมัน ลุงกับป้าจะทุบตีข้า”

กลุ่มเด็กที่ชั่วร้ายหัวเราะเสียงดัง คนที่แข็งแกร่งที่สุดผลักหวังเซียวเอ๋อลงบนพื้น

“ไปภูเขาลูกอื่น มีหญ้าอยู่ที่นั่น อย่ามาแย่งหญ้าของข้า มิฉะนั้นข้าจะหักขาของเจ้า!”คนหนุ่มกล้ามโตข่มขู่

หวังเซียวเอ๋อพยายามลุกขึ้น เขาไม่ได้ขัดขืน เขาเพียงต้อนฝูงแกะของเขาและจากไปอย่างเงียบๆ

หวังเซียวเอ๋อเดินข้ามแม่น้ำและเส้นทางภูเขาที่สูงชัน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ํามีเพียงฝูงแกะเท่านั้นที่ไม่พบปัญหาในการเดินทาง

ในที่สุดหวังเซียวเอ๋อก็พบทุ่งหญ้าผืนเล็กๆแห่งหนึ่ง ฝูงแกะที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางรีบวิ่งเข้าไปกินอาหารของพวกมัน

หวังเซียวเอ่อล้มตัวนอนลงบนพื้นและมองฝูงแกะแย่งกันกินอาหาร เขาถอนหายใจกับตนเอง“ช่วงนี้ลมภูเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆทุ่งหญ้าก็เหลือน้อยลงนั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไล่ข้าออกมา”

ทุ่งหญ้าเล็กๆไม่เพียงพอสําหรับฝูงแกะทั้งหมด บางตัวกินอิ่มแต่บางตัวยังหิวโหย

หวังเซียวเอ๋อส่ายศีรษะ หากเขาต้องการเลี้ยงแกะทั้งหมด เขาต้องเดินทางต่อแต่นั่นจะทําให้เขาเสียเวลาและพลังงานอย่างมาก

“โอ้ เจ้าแกะ อย่างน้อยพวกเจ้าก็ได้กินอาหาร เพื่อเลี้ยงดูพวกเจ้า ข้าจะกลับถึงบ้านช้าและถูกลุงกับป้าทุบตีข้าจะต้องกินอาหารเน่าเสียที่เหลืออยู่”

แม้ภาคกลางจะมีทรัพยากรมากที่สุดในห้าภูมิภาค แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ยังมีชีวิตที่ยากล่าบากเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะอดอาหาร

ทันใดนั้นเสียงสายหนึ่งก็ดังขึ้น

หวังเซียวเอ๋อเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ

หลังจากนั้นเขาก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นดาวตกร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าที่สดใส

ดาวตกเริ่มขยายใหญ่ขึ้นในมุมมองสายตาของเขา สายลมกรรโชกแรง อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น

หวังเซียวเอ๋อตกตะลึง ร่างกายของเขาแข็งค้างแกะที่อยู่รอบๆรู้สึกถึงอันตรายพวกมันเริ่มส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งไปรอบๆ

ไม่เพียงแค่ฝูงแกะแต่สัตว์ป่าบนภูเขาต่างตะเกียกตะกายหลบหนี ภูเขาที่เคยเงียบสงบกลายเป็นโกลาหล

เมื่อดาวตกใกล้เข้ามา หวังเซียวเอ๋อก็มองเห็นมันได้ชัดเจนขึ้น

ปรากฏว่ามันคือสัตว์ร้ายที่มีร่างกายเท่าภูเขา

สัตว์ร้ายพุ่งชนภูเขาที่หวังเซียวเอ่ออาศัยอยู่

ภูเขาพังทลายลง แผ่นดินสันสะเทือน ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งไปทั่ว

หมูบ้านบนภูเขาถูกทําลายล้างทันที

กลุ่มเด็กที่ไล่หวังเซียวเอ๋อออกมาก่อนหน้านี้ถูกลบออกไปทั้งหมด

“ข้ากําลังจะตายงั้นหรือ?”หวังเซียวเอ๋อนั่งหมอบอยู่บนพื้นด้วยความหวาดกลัว

ท่ามกลางกลุ่มฝุ่นควันเศษหินจํานวนนับไม่ถ้วนถูกลมพัดพามา

หนึ่งในนั้นพุ่งปะทะหน้าผากของหวังเซียวเอ๋อ

ก่อนที่เขาจะหมดสติเขาเต็มไปด้วยความสับสนเหตุใดสัตว์ร้ายร่างกายใหญ่โตจึงตกลงมาจากท้องฟ้า?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 2039 เทือกเขาวายุวิปโยค

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 2039 เทือกเขาวายุวิปโยค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2039 เทือกเขาวายุวิปโยค

“มันยาก” ฟางหยวนถอนหายใจ

แทบจะในเวลาเดียวกันที่เทพปีศาจจิตวิญญาณเริ่มโจมตีวังมังกรอีกครั้ง

เทพปีศาจจิตวิญญาณตะโกนเสียงเย็น “ฟางหยวนเจ้าช่างน่าผิดหวังนักเจ้าจะซ่อนตัวอกนานเท่าใดข้าจะบอกความจริงกับเจ้าเทพธิดาจ๋อเว่ยอนุมานตําแหน่งของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!”

“ฝากความหวังไว้กับการหลอกลวง นี่คือวิถีของคนอ่อนแอ วิญญาณทารกอมตะอยู่กับคนเช่นเจ้าช่างสูญเปล่านัก!”

“ออกมาต่อสู้กับข้า ในกรณีนี้แม้เจ้าจะตาย คนทั้งโลกก็จะไม่พูดว่าเจ้าขี้ขลาดหวาดกลัวผู้แข็งแกร่งและรังแกคนอ่อนแอ

“บัดซบ!” อู่ส่วยกัดฟันแน่นเมื่อความหวังของเขาพังทลายลง

ฟางหยวนก่นเสียงเย็น เขาไม่ตอบ จากมุมมองของเขา ชื่อเสียงไม่มีความสําคัญสิ่งที่เขาสนใจคือเทพธิดาจ๋อเว่ยประสบความสําเร็จในการอนุมานตําแหน่งของเขาจริงๆหรือมันเป็นเพียงการหลอกล่อของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

บรรพชนทะเลปราณจากมาแล้ว ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่รู้สถานการณ์ที่นั่น

“กระทั่งตอนนี้เทพธิดาจื่อเว่ยก็ยังอนุมานอยู่เราไม่สามารถลืมความเป็นไปได้อื่นบางทีนางอาจกําลังแสดงละครเพื่อถ่วงเวลาวังสวรรค์และถ้ําสวรรค์นิรันดรแต่ลอบส่งผลลัพธ์ให้กับเทพปีศาจจิตวิญญาณเท่านั้น”ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะปัดค่าถามนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงมือกระทําการบางอย่าง

ฟางหยวนนําอสูรปีแรกกําเนิดหลายตัวออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ

กองทัพอสูรูปีแรกกําเนิดพุ่งออกจากวังมังกร บางตัวพยายามทําลายวังวนแสงสีดาบางตัวพุ่งเข้าโจมตีเทพปีศาจจิตวิญญาณ

“ไร้ประโยชน์!” เทพปีศาจจิตวิญญาณส่งควันสีดําออกจากร่างและปกคลุมพื้นที่รอบๆเอาไว้ทั้งหมด

เขาชี้นิ้วออกไป ควันสีด่ากลายเป็นโซ่ควันพันธนาการอสูรปีแรกกาเนิด

อสรปีแรกกําเนิดพยายามดิ้นรนต่อต้านแต่หลังจากไม่นานพวกมันก็ไม่สามารถขยับเขยือน

“กลอุบายเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ช่างน่าผิดหวังนัก ฟางหยวน” เทพปีศาจจิตวิญญาณเย้ยหยันและบินขึ้นไปด้านบนของวังวนแสงสีดํา

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังมังกรดูเหมือนของเล่นที่ไร้อันตราย

อู่ส่วยกัดฟันแน่นและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมอกชวนฝัน

เทพปีศาจจิตวิญญาณหัวเราะก่อนจะคายกลุ่มก้อนดวงวิญญาณออกมาจากปาก

ดวงวิญญาณพุ่งเข้าสู่ร่างของอสูรปีแรกก่าเนิด

พวกมันถูกปล่อยออกจากพันธนาการก่อนจะพุ่งเข้าหาวังมังกรอย่างบ้าคลั่ง

อสูรปีแรกกําเนิดกระโจนเข้าสู่หมอกชวนฝันโดยตรง

อู่ส่วยรู้สึกสิ้นหวัง หมอกชวนฝันกลายเป็นไร้ประโยชน์เทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์

ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่เทพปีศาจจิตวิญญาณใช้ออกมาในช่วงเวลานี้ล้วนเป็นสิ่งที่ฟางหยวนและอู่ส่วยไม่เคยเห็นมาก่อน

อาจกล่าวได้ว่ารากฐานของผู้อมตะระดับเก้ายากที่จะหยั่งถึง

ห่างออกไปบนท้องฟ้า ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของเทพธิดาจื่อเว่ยยังทํางานอย่างต่อเนื่อง

เทพธิดาจอเว่ยควบคุมค่ายกลอยู่ที่จุดศูนย์กลางของมันนางแสดงให้ทุกคนเห็นว่านางกําลังทํางานอย่างหนัก

คฤหาสน์วิญญาณอมตะของวังสวรรค์และถ่สวรรค์นิรันดรลอยอยู่รอบๆค่ายกลวิญญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

ฉินติงหลิงมองมันอย่างเงียบๆ ก่อนหน้านี้นางได้รับข่าวว่าผู้อมตะสองสามคนที่อยู่ในวังสวรรค์ประสบความสําเร็จในการปราบปรามจางเฉิง

จางเฉิงถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณของเทพอมตะแรกกําเนิดพลังการต่อสู้ของมันลดลงอย่างมาก เมื่อไม่
ได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน มันจึงถูกกําหราบ โดยผู้อมตะของวังสวรรค์ในที่สุด

เพียงจุดนี้ก็สามารถมองเห็นความกังวลของฟางหยวนได้อย่างชัดเจนเขาละทิ้งจางเฉิงนี่แสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก

ข้อเท็จจริงนี้ทําให้เจตนาสังหารของฉินติงหลิงที่มีต่อฟางหยวนพุ่งสูงขึ้นไปอีก

นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากและไม่สามารถสูญเสีย

หลังจากปราบปรามติ์จางเฉิง ผู้อมตะที่อยู่ในวังสวรรค์เริ่มซ่อมแซมถ้ําสวรรค์ของพวกเขาอย่างเร่งด่วนในที่สุดวิกฤตของวังสวรรค์ก็คลี่คลายลง

สิ่งนี้ทําให้ฉินติงหลิงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่นางยังกังวลเรื่องอื่น

“บรรพชนทะเลปราณพึ่งจากไป ด้วยความเร็วและทิศทางของวังมังกร มันควรจะไปถึงช่องเขาล่าไส้แล้ว”ฉินติงหลิงคิดกับตนเอง

วังมังกรบินเข้าสู่ภาคกลาง นี่ทําให้ทั้งสวรรค์กังวลว่ามันจะก่อให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่

ช่องเขาลําไส้อยู่ทางทิศเหนือของเทือกเขาวายุวิปโยค มันอยู่ภายใต้การปกครองของนิกายวิหารสวรรค์สีดํา

ฉินติงหลิงส่งคําสั่งไปยังนิกายวิหารสวรรค์สีดําเรียบร้อยแล้ว นางบอกให้พวกเขานําคฤหาสน์วิญญาณอมตะเดินทางไปยังช่องเขาล่าไส้หากมีโอกาส พวกเขาสามารถโจมตีหากศัตรูแข็งแกร่งเกินไปพวกเขาสามารถละทิ้งช่องเขาลําไส้และรักษาความแข็งแกร่งของตนเอง

หลังจากได้รับคําสั่งจากวังสวรรค์ นิกายวิหารสวรรค์สีดําเร่งระดมกําลังและดําเนินการทันที

แต่หลังจากรอคอยมาเป็นเวลานาน พวกเขาก็ยังไม่เห็นวังมังกรหรือเทพปีศาจจิตวิญญาณ

ฉินติงหลิงไม่รู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณหยุดวังมังกรไว้กลางทาง พวกเขายังอยู่บนท้องฟ้าเหนือเทือกเขาวายวิปโยค

เทือกเขาวายุวิปโยคกว้างใหญ่มาก มันทอดตัวยาวออกไปหลายแสนลี้ อย่างไรก็ตามเปรียบเทียบกับเทือกเขาอื่นมันค่อนข้างแห้งแล้งดังนั้นแม้ที่นี่จะเป็นอาณาเขตของนิกายวิหารสวรรค์ดําพวกเขาก็ไม่สนใจมันมากนัก

เทือเขาวายุวิปโยคสร้างทรัพยากรบนเส้นทางแห่งวายุในอดีตผู้อมตะของนิกายเมฆาวายุเคยมาฝึกตนอยู่ที่นี่เพียงลําพังและสามารถก้าวเข้าสู่ระดับแปดคนผู้นี้คือเฒ่าไปเฟิงน่าเสียดายที่ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความยากลําบากเขาถูกจับโดยอู่ส่วยและตกเป็นทาสของวังมังกร ในการต่อสู้ที่ดเดือดก่อนหน้านี้เฒ่าไปเฟิงเสียชีวิตไปแล้ว

เขาไม่ใช่คนเดียวแต่แม่ทัพมังกรทั้งหมดต่างเสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนี้ กระทั่งทาสที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นตี้จางเฉิงยังถูกวังสวรรค์ก่าหราบ

บนยอดเขาแห่งหนึ่งของเทือกเขาวายุวิปโยค

เด็กเลี้ยงแกะหลายคนกําาลังทะเลาะกัน

เด็กหนุ่มผู้หนึ่งถูกรังแกเขาเป็นคนที่อ่อนแอและผอมบางที่สุด เขาถอยกลับไปหลายก้าวท่ามกลางการโต้เถียง

“หวังเซียวเอ๋อ ภูเขาลูกนี้เป็นของพวกเรา ไม่มีที่สําหรับเจ้า!”

“รีบไป ไปให้พ้นสายตาของเรา”

เด็กหลายคนในชุดหนังสัตว์กล่าวด้วยท่าทางชั่วร้าย

เสื้อผ้าของหวังเซียวเอ๋อถูกตัดเย็บจากเศษผ้าหลายชิ้น นั่นทําให้เขาดูเหมือนขอทาน

เขาขัดขึ้นอย่างอ่อนแรง “แต่แกะของข้าต้องการอาหาร หากข้าไม่ให้อาหารพวกมัน ลุงกับป้าจะทุบตีข้า”

กลุ่มเด็กที่ชั่วร้ายหัวเราะเสียงดัง คนที่แข็งแกร่งที่สุดผลักหวังเซียวเอ๋อลงบนพื้น

“ไปภูเขาลูกอื่น มีหญ้าอยู่ที่นั่น อย่ามาแย่งหญ้าของข้า มิฉะนั้นข้าจะหักขาของเจ้า!”คนหนุ่มกล้ามโตข่มขู่

หวังเซียวเอ๋อพยายามลุกขึ้น เขาไม่ได้ขัดขืน เขาเพียงต้อนฝูงแกะของเขาและจากไปอย่างเงียบๆ

หวังเซียวเอ๋อเดินข้ามแม่น้ำและเส้นทางภูเขาที่สูงชัน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ํามีเพียงฝูงแกะเท่านั้นที่ไม่พบปัญหาในการเดินทาง

ในที่สุดหวังเซียวเอ๋อก็พบทุ่งหญ้าผืนเล็กๆแห่งหนึ่ง ฝูงแกะที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางรีบวิ่งเข้าไปกินอาหารของพวกมัน

หวังเซียวเอ่อล้มตัวนอนลงบนพื้นและมองฝูงแกะแย่งกันกินอาหาร เขาถอนหายใจกับตนเอง“ช่วงนี้ลมภูเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆทุ่งหญ้าก็เหลือน้อยลงนั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไล่ข้าออกมา”

ทุ่งหญ้าเล็กๆไม่เพียงพอสําหรับฝูงแกะทั้งหมด บางตัวกินอิ่มแต่บางตัวยังหิวโหย

หวังเซียวเอ๋อส่ายศีรษะ หากเขาต้องการเลี้ยงแกะทั้งหมด เขาต้องเดินทางต่อแต่นั่นจะทําให้เขาเสียเวลาและพลังงานอย่างมาก

“โอ้ เจ้าแกะ อย่างน้อยพวกเจ้าก็ได้กินอาหาร เพื่อเลี้ยงดูพวกเจ้า ข้าจะกลับถึงบ้านช้าและถูกลุงกับป้าทุบตีข้าจะต้องกินอาหารเน่าเสียที่เหลืออยู่”

แม้ภาคกลางจะมีทรัพยากรมากที่สุดในห้าภูมิภาค แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ยังมีชีวิตที่ยากล่าบากเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะอดอาหาร

ทันใดนั้นเสียงสายหนึ่งก็ดังขึ้น

หวังเซียวเอ๋อเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ

หลังจากนั้นเขาก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นดาวตกร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าที่สดใส

ดาวตกเริ่มขยายใหญ่ขึ้นในมุมมองสายตาของเขา สายลมกรรโชกแรง อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น

หวังเซียวเอ๋อตกตะลึง ร่างกายของเขาแข็งค้างแกะที่อยู่รอบๆรู้สึกถึงอันตรายพวกมันเริ่มส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งไปรอบๆ

ไม่เพียงแค่ฝูงแกะแต่สัตว์ป่าบนภูเขาต่างตะเกียกตะกายหลบหนี ภูเขาที่เคยเงียบสงบกลายเป็นโกลาหล

เมื่อดาวตกใกล้เข้ามา หวังเซียวเอ๋อก็มองเห็นมันได้ชัดเจนขึ้น

ปรากฏว่ามันคือสัตว์ร้ายที่มีร่างกายเท่าภูเขา

สัตว์ร้ายพุ่งชนภูเขาที่หวังเซียวเอ่ออาศัยอยู่

ภูเขาพังทลายลง แผ่นดินสันสะเทือน ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งไปทั่ว

หมูบ้านบนภูเขาถูกทําลายล้างทันที

กลุ่มเด็กที่ไล่หวังเซียวเอ๋อออกมาก่อนหน้านี้ถูกลบออกไปทั้งหมด

“ข้ากําลังจะตายงั้นหรือ?”หวังเซียวเอ๋อนั่งหมอบอยู่บนพื้นด้วยความหวาดกลัว

ท่ามกลางกลุ่มฝุ่นควันเศษหินจํานวนนับไม่ถ้วนถูกลมพัดพามา

หนึ่งในนั้นพุ่งปะทะหน้าผากของหวังเซียวเอ๋อ

ก่อนที่เขาจะหมดสติเขาเต็มไปด้วยความสับสนเหตุใดสัตว์ร้ายร่างกายใหญ่โตจึงตกลงมาจากท้องฟ้า?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+