Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1802 การสนับสนุนของตระกูลฟาง

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1802 การสนับสนุนของตระกูลฟาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1802 การสนับสนุนของตระกูลฟาง

 

ฐานทัพใหญ่ตระกูลหว่าน

 

“ท่านพ่อ! ท่านตายอย่างน่าสมเพช!” เสียงร้องไห้ดังขึ้นในห้องโถงใหญ่ท่ามกลางกลุ่มผู้อมตะ 

 

ชายหนุ่มในชุดไว้ทุกข์กําลังร้องไห้

 

คนผู้นี้คือหว่านซุ้ยชิง เขาเป็นผู้อมตะระดับหกและเป็นบุตรของหว่านเหลียงฮัน

 

หว่านซุ้ยชิงคุกเข่าอยู่บนพื้นและกรีดร้อง ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดเขา

 

ผู้อมตะตระกูลหว่านที่อยู่ในห้องโถงขมวดคิ้ว พวกเขาเงียบและแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลหว่านถอนหายใจ “มันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เราส่งผู้อมตะระดับเจ็ดสามคนออกไป แต่พวกเขากลับพ่ายแพ้!”

 

ผู้อมตะตระกูลหว่างต่างรู้สึกเช่นเดียวกัน

 

หากไม่ใช่เพราะฟางหยวนเปิดเผยการต่อสู้ในสวรรค์สีเหลือง ผู้อมตะตระกูลหว่านอาจยอมรับผลลัพธ์หลังจากลังเลอยู่บ้าง

 

ในความเป็นจริงหว่านเหลียงฮันออกเดินทางหลังจากได้รับการอนุมัติจากผู้อมตะตระกูลหว่านส่วนใหญ่

 

สามผู้อมตะระดับเจ็ดและเขตแดนอมตะ สถานการณ์ควรจะอยู่ในการควบคุมของพวก เขา แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขากําลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งเปิดปากกล่าวในที่สุด “ซวนปู้จินสังหารผู้อมตะของตระกูลหว่าน เราไม่สามารถให้อภัยเขา หว่านซุ้ยชิง พ่อของเจ้าทิ้งมรดกไว้หรือไม่?”

 

หว่านซุ้ยชิงหยุดร้องไห้ก่อนตอบคําถาม “ท่านพ่อสอนข้าทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายหรือเคล็ดลับการหลอมรวม แต่ไม่มีวิญญาณอมตะ”

 

การแสดงออกของกลุ่มผู้อาวุโสกลายเป็นมืดครื้ม

 

ซวนปู้จินและหว่านเหลียงฮันเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นเดียวกัน แต่ซวนปู้จินกลับสามารถสังหารหว่านเหลียงฮันโดยที่ฝ่ายหลังไม่แม้แต่จะสามารถตอบโต้

 

โดยปกติการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายของผู้อมตะระดับเดียวกันมักจะติดอยู่ในสภาวะชะงักงัน หากฝ่ายตรงข้ามไม่ติดอยู่ในเขตแดนอมตะและต้องการจากไป อีกฝ่ายจะไม่สามารถทําสิ่ง

 

คุณค่าของเขตแดนอมตะหรือค่ายกลวิญญาณอมตะคือการกักขังศัตรู

 

ตระกูลหว่านใช้เขตแดนอมตะเพื่อทําให้แน่ใจว่าซวนปู้จินจะไม่สามารถหลบหนี แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าซวนปู้จินจะไม่พยายามหลบหนี ตรงข้าม เขาใช้ประโยชน์จากมันเพื่อสังหารหว่านเหลียงฮันและต่อสู้กับผู้อมตะตระกูลหว่านอีกสองคน

 

นี่เป็นผลลัพธ์ที่น่าขันสําหรับตระกูลหว่าน

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลหว่านรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้

 

หากเขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เขาจะนําคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกไป

 

แต่พวกเขามีปัญหาของตนเอง

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลหว่านเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด เขาไม่เหมือนผู้นําของกองกําลังอื่นที่เป็นผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นเขาจึงต้องใช้มันปกป้องฐานทัพใหญ่ของตระกูล

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลหว่านถอนหายใจและกล่าวกับหว่านซุ้ยชิง “ความตายของหว่านเหลียงฮันเป็นความผิดพลาดของเรา หว่านเหลียงฮันจะได้รับเกียรติสูงสุดจากตระกูล เราจะมอบทรัพยากรอมตะให้เจ้าเป็นการชดเชย ข้าเพียงหวังว่าคนเหล่านั้นจะถูกทําลาย!”

 

“ขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง! ขอบคุณผู้อาวุโสทุกท่าน!” หว่านซุ้ยชิงโค้งคํานับกลุ่มผู้อาวุโสสูงสุดที่อยู่ในห้องโถงซ้ําๆ

 

นี่คือสิ่งที่เขาคาดหวังจากการร้องไห้และแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ่งก่อนหน้านี้ ตอนนี้แผนการของเขาสําเร็จแล้ว

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งกล่าวต่อ “ซวนปู้จินเป็นสมาชิกตระกูลฟาง เราจะกดดันตระกูลฟางให้ส่งมอบตัวเขา จากการต่อสู้ครั้งนี้ เราสามารถกล่าวได้ว่าชวนจินคือทายาทของหลี่เฉิน เขาคือปีศาจที่ชั่วร้าย! หนี้เลือดของเราต้องได้รับการชําระ!”

 

ดวงตาของกลุ่มผู้อมตะตระกูลหว่านส่องประกายขึ้น

 

พวกเขาทําได้เพียงเท่านี้

 

ย้อนกลับไปหลี่เฉินเคยมอบความเจ็บปวดให้กับกองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตก ดังนั้นพวกเขาจึงใช้การเชื่อมโยงระหว่างหลี่เฉินกับฟางหยวนเป็นข้ออ้างในการต่อต้านตระกูลฟาง

 

ก่อนหน้านี้พวกเขาต้องการจับตัวชวนปู่จินมาสอบสวนและโยนความผิดให้เขา แต่แผนการของตระกูลหว่านล้มเหลว อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลหว่านยังคงยืนกรานที่จะทําให้เรื่องนี้เป็นความจริง

 

ขาดหลักฐาน?

 

หากขาหลักฐาน ข้าก็จะสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง!

 

แม้มันจะไร้ยางอาย แต่กองกําลังใหญ่ทั้งหมดของฝ่ายธรรมะต้องการจัดการตระกูลฟาง ดังนั้นพวกเขาสามารถใช้แผนนี้ได้อย่างไร้กังวล

 

มันเป็นเพียงว่าโอกาสประสบความสําเร็จของแผนนี้ไม่สูงเท่ากับแผนการก่อนหน้า

 

ผู้อมตะตระกูลหว่านเสียชีวิตในการต่อสู้และกระทั่งถูกเปิดเผยออกไป แล้วพวกเขาจะนิ่งเฉยได้อย่างไร?

 

ตระกูลหว่านไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแก้ตัวต่อไป!

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลหว่านถอนหายใจ “สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น ตระกูลฟางอาจตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กับซวนปู้จินไปแล้ว”

 

“ฮืม แม้พวกเขาจะยอมแพ้ ตระกูลฟางก็ไม่สามารถหลบหนีจากอาชญากรรมที่พวกเขาปกป้องปีศาจ!”

 

อย่างไรก็ตามในวันรุ่งขึ้นข่าวร้ายก็มาถึงตระกูลหว่าน

 

ตระกูลฟางประกาศจุดยืน พวกเขาจะปกป้องชวนรู้จินและพิสูจน์ว่าต้นกําเนิดของซวนปู้จินเกี่ยวข้องกับเจิ้งจิงเฉิน ไม่ใช่หลี่เฉิน

 

ตระกูลหว่านคัดค้านและขอหลักฐานทันที

 

ฟางตี้เฉิงโยนหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ออกไป

 

แน่นอนว่ามันเป็นหลักฐานปลอม อีกฝ่ายทําได้ เหตุใดพวกเขาจะทําไม่ได้

 

สองกองกําลังใหญ่ของทะเลทรายตะวันตกโต้เถียงกันอย่างหนักว่าชวนจินเป็นทายาทของเจิ้งจิงเฉินหรือหลี่เฉิน

 

ฝ่ายหนึ่งบอกว่าตนเองมีหลักฐาน อีกฝ่ายก็บอกว่าพวกเขามีหลักฐานที่เชื่อถือได้มากกว่า

 

ฝ่ายหนึ่งโยนหลักฐานชิ้นหนึ่งออกมา อีกฝ่ายก็โยนหลักฐานออกมาสองชิ้น

 

แต่บุคคลที่เป็นจุดศูนย์กลางของการต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้กําลังปราบปรามอสูรวิญญาณอยู่ในทะเลทรายผีเขียวอย่างสบายอารมณ์

 

เขาให้ความสนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้สึกว่ามันน่าขัน

 

ฟางหยวนไม่กังวลแม้แต่น้อย เขาไม่ได้นําหลักฐานใดๆออกมาเพื่อพิสูจน์ตนเอง มีเพียงตระกูลฟางและตระกูลหว่างที่ร้อนรนนําหลักฐานมากมายออกมาพิสูจน์ตัวตนของเขา

 

มหาอํานาจทั้งสองแข่งขันกันเพื่อเป็นพยานและต่อต้านปีศาจ พวกเขาแสดงความมั่นใจในความคิดของตนออกมาอย่างสุดโต่ง

 

หากพวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของชวนจิน ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาจะแสดงออกอย่างไร

 

ตระกูลฟางอาจรู้สึกเหมือนตกลงไปในธารน้ําแข็ง แต่ตระกูลหว่านก็จะตกอยู่ในความหวาดกลัวเช่นกัน

 

นี่คือปีศาจฟางหยวน!

 

กระทั่งวังสวรรค์และกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ก็ไม่สามารถทําสิ่งใดกับเขา!

 

ในช่วงเวลานี้นอกจากปราบปรามอสูรวิญญาณ ฟางหยวนยังดูดซับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งปัญญาของหว่านเหลียงฮัน

 

หว่านเหลียงฮันถูกสังหารอย่างกะทันหัน เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะทําลายวิญญาณอมตะของตนเอง

 

ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะสามดวงจากเขา สองดวงเป็นวิญญาณอมตะระดับหก อีกหนึ่งเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด

 

วิญญาณอมตะระดับเจ็ดมีชื่อว่าสิ่งกีดขวางทางปัญญา ฟางหยวนเคยเห็นพลังอํานาจของวิญญาณอมตะดวงนี้มาแล้ว มันสามารถสร้างสิ่งกีดขวางบนเส้นทางแห่งปัญญาขึ้นรอบตัวเป้าหมาย

 

นอกจากนี้ยังมีท่าไม้ตายอมตะมากมายที่ใช้วิญญาณอมตะสิ่งกีดขวางทางปัญญาเป็นแกนกลาง

 

หนึ่งในท่าไม้ตายอมตะของหว่านเหลียงฮันทําให้ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

มันเป็นท่าไม้ตายอมตะที่จะสร้างสิ่งกีดขวางขึ้นในใจของศัตรูโดยตรง ความคิดในใจของศัตรูจะพบอุปสรรคและไม่สามารถพุ่งชนกัน

 

ตามตรรกะ หากท่าไม้ตายนี้ประสบความสําเร็จ ศัตรูจะกลายเป็นคนโง่ทันที พวกเขาจะรู้สึกเหมือนมีก้อนหินอยู่ในใจและไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ

 

ท่าไม้ตายนี้โดดเด่นมาก แต่มันต้องทะลวงผ่านการป้องกันของฝ่ายตรงข้ามเพื่อโจมตีสมองของพวกเขา

 

น่าเสียดายที่ฟางหยวนเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญา เขามีวิธีการมากมายที่สามารถปกป้องจิตใจของตน ท่าไม้ตายอมตะของหว่านเหลียงฮันแทบไม่มีความหวังที่จะทะลวงผ่านการป้องกันของเขา

 

ยิ่งไปกว่านั้นหว่านเหลียงฮันยังเป็นฝ่ายถูกรบกวนจิตใจโดยฟางหยวน เขามีท่าไม้ตายที่ดีแต่ไม่สามารถใช้ได้

 

เมื่อคิดถึงการต่อสู้ที่ผ่านมา ฟางหยวนรู้สึกพอใจมาก

 

เขาทดสอบท่าไม้ตายอมตะสองท่าในการต่อสู้จริงและได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม

 

หนึ่งคือท่าไม้ตายอมตะรบกวนความคิด มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีหนึ่งในแกนกลางเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงสามารถปกปิดกลิ่นอายของมันโดยพึ่งพาอสูรวิญญาณแรกกําเนิดทั้งสี่

 

อีกหนึ่งคือท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจขโมยชีวิต มันเป็นท่าไม้ตายอมตะที่ฟางหยวนอ้างอิงมาจากท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณและมรดกที่แท้จริงขโมยชีวิต

 

มือปีศาจปล้นวิญญาณสามารถขโมยวิญญาณขณะที่มือปีศาจขโมยชีวิตสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามทันที

 

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด มันไม่สามารถสังหารผู้อมตะระดับแปด แต่มันเพียงพอที่จะสังหารหว่านเหลียงฮัน

 

ในการต่อสู้เพื่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ฟางหยวนใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณขโมยวิญญาณอมตะจากชิงโจวต่อหน้าฟางกงและฟางตี้เฉิง

 

วิธีการที่ซวนปู้จินแสดงออกมาไม่ได้ทําให้ตระกูลฟางประหลาดใจแต่พวกเขายิ่งเห็นคุณค่าของเขา

 

ในเวลาเดียวกันฟางหยวนยังเปิดเผยจุดอ่อนออกมาอย่างชาญฉลาด นั่นทําให้ตระกูลฟางตัดสินใจปกป้องเขา

 

ภายนอกอาจดูเหมือนการต่อสู้ครั้งนี้เป็นเพียงการต่อสู้ระหว่างซวนปู้จินกับสามผู้อมตะ ตระกูลหว่าน แต่ในความเป็นจริงฟางหยวนกําลังวางแผนควบคุมสถานการณ์ของโลกผู้อมตะแห่งทะเลทรายตะวันตกทั้งหมด

 

เป้าหมายที่แท้จริงของฟางหยวนคือผลประโยชน์ในอนาคต วิญญาณอมตะสิ่งกีดขวางทางปัญญาเป็นเพียงการเรียกน้ําย่อยก่อนงานเลี้ยงที่แท้จริง

 

โดยไม่ได้ตั้งใจ ณ จุดนี้ฟางหยวนไม่ได้ให้ความสําคัญกับกําไรหรือขาดทุนเล็กๆน้อยๆอีกต่อไป 

 

เขาสามารถอาละวาดไปทุกที่โดยปราศจากอุปสรรค

 

จิตใจของเขาพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

‘โดยไม่รู้ตัว ข้ามาถึงระดับนี้แล้ว’

 

ท่ามกลางทะเลทรายผีเขียวที่หม่นหมองและยิ่งมืดมิดมากขึ้นในเวลากลางคืน ฟางหยวนนั่งอยู่บนศีรษะอสูรวิญญาณแรกกําเนิดที่ดุร้ายโดยมีกองทัพอสูรวิญญาณจํานวนมากติดตามอยู่ด้านหลัง

 

ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน กองทัพขนาดใหญ่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างเงียบงันท่ามกลางความมืดมิดอันไร้ขอบเขต

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1802 การสนับสนุนของตระกูลฟาง

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1802 การสนับสนุนของตระกูลฟาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1802 การสนับสนุนของตระกูลฟาง

 

ฐานทัพใหญ่ตระกูลหว่าน

 

“ท่านพ่อ! ท่านตายอย่างน่าสมเพช!” เสียงร้องไห้ดังขึ้นในห้องโถงใหญ่ท่ามกลางกลุ่มผู้อมตะ 

 

ชายหนุ่มในชุดไว้ทุกข์กําลังร้องไห้

 

คนผู้นี้คือหว่านซุ้ยชิง เขาเป็นผู้อมตะระดับหกและเป็นบุตรของหว่านเหลียงฮัน

 

หว่านซุ้ยชิงคุกเข่าอยู่บนพื้นและกรีดร้อง ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดเขา

 

ผู้อมตะตระกูลหว่านที่อยู่ในห้องโถงขมวดคิ้ว พวกเขาเงียบและแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลหว่านถอนหายใจ “มันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เราส่งผู้อมตะระดับเจ็ดสามคนออกไป แต่พวกเขากลับพ่ายแพ้!”

 

ผู้อมตะตระกูลหว่างต่างรู้สึกเช่นเดียวกัน

 

หากไม่ใช่เพราะฟางหยวนเปิดเผยการต่อสู้ในสวรรค์สีเหลือง ผู้อมตะตระกูลหว่านอาจยอมรับผลลัพธ์หลังจากลังเลอยู่บ้าง

 

ในความเป็นจริงหว่านเหลียงฮันออกเดินทางหลังจากได้รับการอนุมัติจากผู้อมตะตระกูลหว่านส่วนใหญ่

 

สามผู้อมตะระดับเจ็ดและเขตแดนอมตะ สถานการณ์ควรจะอยู่ในการควบคุมของพวก เขา แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขากําลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งเปิดปากกล่าวในที่สุด “ซวนปู้จินสังหารผู้อมตะของตระกูลหว่าน เราไม่สามารถให้อภัยเขา หว่านซุ้ยชิง พ่อของเจ้าทิ้งมรดกไว้หรือไม่?”

 

หว่านซุ้ยชิงหยุดร้องไห้ก่อนตอบคําถาม “ท่านพ่อสอนข้าทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายหรือเคล็ดลับการหลอมรวม แต่ไม่มีวิญญาณอมตะ”

 

การแสดงออกของกลุ่มผู้อาวุโสกลายเป็นมืดครื้ม

 

ซวนปู้จินและหว่านเหลียงฮันเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นเดียวกัน แต่ซวนปู้จินกลับสามารถสังหารหว่านเหลียงฮันโดยที่ฝ่ายหลังไม่แม้แต่จะสามารถตอบโต้

 

โดยปกติการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายของผู้อมตะระดับเดียวกันมักจะติดอยู่ในสภาวะชะงักงัน หากฝ่ายตรงข้ามไม่ติดอยู่ในเขตแดนอมตะและต้องการจากไป อีกฝ่ายจะไม่สามารถทําสิ่ง

 

คุณค่าของเขตแดนอมตะหรือค่ายกลวิญญาณอมตะคือการกักขังศัตรู

 

ตระกูลหว่านใช้เขตแดนอมตะเพื่อทําให้แน่ใจว่าซวนปู้จินจะไม่สามารถหลบหนี แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าซวนปู้จินจะไม่พยายามหลบหนี ตรงข้าม เขาใช้ประโยชน์จากมันเพื่อสังหารหว่านเหลียงฮันและต่อสู้กับผู้อมตะตระกูลหว่านอีกสองคน

 

นี่เป็นผลลัพธ์ที่น่าขันสําหรับตระกูลหว่าน

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลหว่านรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้

 

หากเขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เขาจะนําคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกไป

 

แต่พวกเขามีปัญหาของตนเอง

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลหว่านเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด เขาไม่เหมือนผู้นําของกองกําลังอื่นที่เป็นผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นเขาจึงต้องใช้มันปกป้องฐานทัพใหญ่ของตระกูล

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลหว่านถอนหายใจและกล่าวกับหว่านซุ้ยชิง “ความตายของหว่านเหลียงฮันเป็นความผิดพลาดของเรา หว่านเหลียงฮันจะได้รับเกียรติสูงสุดจากตระกูล เราจะมอบทรัพยากรอมตะให้เจ้าเป็นการชดเชย ข้าเพียงหวังว่าคนเหล่านั้นจะถูกทําลาย!”

 

“ขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง! ขอบคุณผู้อาวุโสทุกท่าน!” หว่านซุ้ยชิงโค้งคํานับกลุ่มผู้อาวุโสสูงสุดที่อยู่ในห้องโถงซ้ําๆ

 

นี่คือสิ่งที่เขาคาดหวังจากการร้องไห้และแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ่งก่อนหน้านี้ ตอนนี้แผนการของเขาสําเร็จแล้ว

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งกล่าวต่อ “ซวนปู้จินเป็นสมาชิกตระกูลฟาง เราจะกดดันตระกูลฟางให้ส่งมอบตัวเขา จากการต่อสู้ครั้งนี้ เราสามารถกล่าวได้ว่าชวนจินคือทายาทของหลี่เฉิน เขาคือปีศาจที่ชั่วร้าย! หนี้เลือดของเราต้องได้รับการชําระ!”

 

ดวงตาของกลุ่มผู้อมตะตระกูลหว่านส่องประกายขึ้น

 

พวกเขาทําได้เพียงเท่านี้

 

ย้อนกลับไปหลี่เฉินเคยมอบความเจ็บปวดให้กับกองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตก ดังนั้นพวกเขาจึงใช้การเชื่อมโยงระหว่างหลี่เฉินกับฟางหยวนเป็นข้ออ้างในการต่อต้านตระกูลฟาง

 

ก่อนหน้านี้พวกเขาต้องการจับตัวชวนปู่จินมาสอบสวนและโยนความผิดให้เขา แต่แผนการของตระกูลหว่านล้มเหลว อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลหว่านยังคงยืนกรานที่จะทําให้เรื่องนี้เป็นความจริง

 

ขาดหลักฐาน?

 

หากขาหลักฐาน ข้าก็จะสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง!

 

แม้มันจะไร้ยางอาย แต่กองกําลังใหญ่ทั้งหมดของฝ่ายธรรมะต้องการจัดการตระกูลฟาง ดังนั้นพวกเขาสามารถใช้แผนนี้ได้อย่างไร้กังวล

 

มันเป็นเพียงว่าโอกาสประสบความสําเร็จของแผนนี้ไม่สูงเท่ากับแผนการก่อนหน้า

 

ผู้อมตะตระกูลหว่านเสียชีวิตในการต่อสู้และกระทั่งถูกเปิดเผยออกไป แล้วพวกเขาจะนิ่งเฉยได้อย่างไร?

 

ตระกูลหว่านไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแก้ตัวต่อไป!

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลหว่านถอนหายใจ “สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น ตระกูลฟางอาจตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กับซวนปู้จินไปแล้ว”

 

“ฮืม แม้พวกเขาจะยอมแพ้ ตระกูลฟางก็ไม่สามารถหลบหนีจากอาชญากรรมที่พวกเขาปกป้องปีศาจ!”

 

อย่างไรก็ตามในวันรุ่งขึ้นข่าวร้ายก็มาถึงตระกูลหว่าน

 

ตระกูลฟางประกาศจุดยืน พวกเขาจะปกป้องชวนรู้จินและพิสูจน์ว่าต้นกําเนิดของซวนปู้จินเกี่ยวข้องกับเจิ้งจิงเฉิน ไม่ใช่หลี่เฉิน

 

ตระกูลหว่านคัดค้านและขอหลักฐานทันที

 

ฟางตี้เฉิงโยนหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ออกไป

 

แน่นอนว่ามันเป็นหลักฐานปลอม อีกฝ่ายทําได้ เหตุใดพวกเขาจะทําไม่ได้

 

สองกองกําลังใหญ่ของทะเลทรายตะวันตกโต้เถียงกันอย่างหนักว่าชวนจินเป็นทายาทของเจิ้งจิงเฉินหรือหลี่เฉิน

 

ฝ่ายหนึ่งบอกว่าตนเองมีหลักฐาน อีกฝ่ายก็บอกว่าพวกเขามีหลักฐานที่เชื่อถือได้มากกว่า

 

ฝ่ายหนึ่งโยนหลักฐานชิ้นหนึ่งออกมา อีกฝ่ายก็โยนหลักฐานออกมาสองชิ้น

 

แต่บุคคลที่เป็นจุดศูนย์กลางของการต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้กําลังปราบปรามอสูรวิญญาณอยู่ในทะเลทรายผีเขียวอย่างสบายอารมณ์

 

เขาให้ความสนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้สึกว่ามันน่าขัน

 

ฟางหยวนไม่กังวลแม้แต่น้อย เขาไม่ได้นําหลักฐานใดๆออกมาเพื่อพิสูจน์ตนเอง มีเพียงตระกูลฟางและตระกูลหว่างที่ร้อนรนนําหลักฐานมากมายออกมาพิสูจน์ตัวตนของเขา

 

มหาอํานาจทั้งสองแข่งขันกันเพื่อเป็นพยานและต่อต้านปีศาจ พวกเขาแสดงความมั่นใจในความคิดของตนออกมาอย่างสุดโต่ง

 

หากพวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของชวนจิน ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาจะแสดงออกอย่างไร

 

ตระกูลฟางอาจรู้สึกเหมือนตกลงไปในธารน้ําแข็ง แต่ตระกูลหว่านก็จะตกอยู่ในความหวาดกลัวเช่นกัน

 

นี่คือปีศาจฟางหยวน!

 

กระทั่งวังสวรรค์และกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ก็ไม่สามารถทําสิ่งใดกับเขา!

 

ในช่วงเวลานี้นอกจากปราบปรามอสูรวิญญาณ ฟางหยวนยังดูดซับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งปัญญาของหว่านเหลียงฮัน

 

หว่านเหลียงฮันถูกสังหารอย่างกะทันหัน เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะทําลายวิญญาณอมตะของตนเอง

 

ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะสามดวงจากเขา สองดวงเป็นวิญญาณอมตะระดับหก อีกหนึ่งเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด

 

วิญญาณอมตะระดับเจ็ดมีชื่อว่าสิ่งกีดขวางทางปัญญา ฟางหยวนเคยเห็นพลังอํานาจของวิญญาณอมตะดวงนี้มาแล้ว มันสามารถสร้างสิ่งกีดขวางบนเส้นทางแห่งปัญญาขึ้นรอบตัวเป้าหมาย

 

นอกจากนี้ยังมีท่าไม้ตายอมตะมากมายที่ใช้วิญญาณอมตะสิ่งกีดขวางทางปัญญาเป็นแกนกลาง

 

หนึ่งในท่าไม้ตายอมตะของหว่านเหลียงฮันทําให้ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

มันเป็นท่าไม้ตายอมตะที่จะสร้างสิ่งกีดขวางขึ้นในใจของศัตรูโดยตรง ความคิดในใจของศัตรูจะพบอุปสรรคและไม่สามารถพุ่งชนกัน

 

ตามตรรกะ หากท่าไม้ตายนี้ประสบความสําเร็จ ศัตรูจะกลายเป็นคนโง่ทันที พวกเขาจะรู้สึกเหมือนมีก้อนหินอยู่ในใจและไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ

 

ท่าไม้ตายนี้โดดเด่นมาก แต่มันต้องทะลวงผ่านการป้องกันของฝ่ายตรงข้ามเพื่อโจมตีสมองของพวกเขา

 

น่าเสียดายที่ฟางหยวนเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญา เขามีวิธีการมากมายที่สามารถปกป้องจิตใจของตน ท่าไม้ตายอมตะของหว่านเหลียงฮันแทบไม่มีความหวังที่จะทะลวงผ่านการป้องกันของเขา

 

ยิ่งไปกว่านั้นหว่านเหลียงฮันยังเป็นฝ่ายถูกรบกวนจิตใจโดยฟางหยวน เขามีท่าไม้ตายที่ดีแต่ไม่สามารถใช้ได้

 

เมื่อคิดถึงการต่อสู้ที่ผ่านมา ฟางหยวนรู้สึกพอใจมาก

 

เขาทดสอบท่าไม้ตายอมตะสองท่าในการต่อสู้จริงและได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม

 

หนึ่งคือท่าไม้ตายอมตะรบกวนความคิด มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีหนึ่งในแกนกลางเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงสามารถปกปิดกลิ่นอายของมันโดยพึ่งพาอสูรวิญญาณแรกกําเนิดทั้งสี่

 

อีกหนึ่งคือท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจขโมยชีวิต มันเป็นท่าไม้ตายอมตะที่ฟางหยวนอ้างอิงมาจากท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณและมรดกที่แท้จริงขโมยชีวิต

 

มือปีศาจปล้นวิญญาณสามารถขโมยวิญญาณขณะที่มือปีศาจขโมยชีวิตสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามทันที

 

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด มันไม่สามารถสังหารผู้อมตะระดับแปด แต่มันเพียงพอที่จะสังหารหว่านเหลียงฮัน

 

ในการต่อสู้เพื่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ฟางหยวนใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณขโมยวิญญาณอมตะจากชิงโจวต่อหน้าฟางกงและฟางตี้เฉิง

 

วิธีการที่ซวนปู้จินแสดงออกมาไม่ได้ทําให้ตระกูลฟางประหลาดใจแต่พวกเขายิ่งเห็นคุณค่าของเขา

 

ในเวลาเดียวกันฟางหยวนยังเปิดเผยจุดอ่อนออกมาอย่างชาญฉลาด นั่นทําให้ตระกูลฟางตัดสินใจปกป้องเขา

 

ภายนอกอาจดูเหมือนการต่อสู้ครั้งนี้เป็นเพียงการต่อสู้ระหว่างซวนปู้จินกับสามผู้อมตะ ตระกูลหว่าน แต่ในความเป็นจริงฟางหยวนกําลังวางแผนควบคุมสถานการณ์ของโลกผู้อมตะแห่งทะเลทรายตะวันตกทั้งหมด

 

เป้าหมายที่แท้จริงของฟางหยวนคือผลประโยชน์ในอนาคต วิญญาณอมตะสิ่งกีดขวางทางปัญญาเป็นเพียงการเรียกน้ําย่อยก่อนงานเลี้ยงที่แท้จริง

 

โดยไม่ได้ตั้งใจ ณ จุดนี้ฟางหยวนไม่ได้ให้ความสําคัญกับกําไรหรือขาดทุนเล็กๆน้อยๆอีกต่อไป 

 

เขาสามารถอาละวาดไปทุกที่โดยปราศจากอุปสรรค

 

จิตใจของเขาพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

‘โดยไม่รู้ตัว ข้ามาถึงระดับนี้แล้ว’

 

ท่ามกลางทะเลทรายผีเขียวที่หม่นหมองและยิ่งมืดมิดมากขึ้นในเวลากลางคืน ฟางหยวนนั่งอยู่บนศีรษะอสูรวิญญาณแรกกําเนิดที่ดุร้ายโดยมีกองทัพอสูรวิญญาณจํานวนมากติดตามอยู่ด้านหลัง

 

ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน กองทัพขนาดใหญ่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างเงียบงันท่ามกลางความมืดมิดอันไร้ขอบเขต

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+