Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1804 จิตวิญญาณเดียวดาย

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1804 จิตวิญญาณเดียวดาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1804 จิตวิญญาณเดียวดาย

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกจัดตั้งขึ้นอย่างพิถีพิถัน มันปล่อยแสงที่มืดมิดออกมาและทําให้มันดูน่าขนลุก

 

ฟางหยวนตรวจสอบค่ายกลหลายครั้งและรู้สึกพึงพอใจ “ค่ายกลนี้ถูกดัดแปลงมาจากท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ มันมีความเสถียรมากกว่าท่าไม้ตายและสามารถควบคุมได้ง่ายกว่า”

 

นี่เป็นวิธีบ่มเพาะจิตวิญญาณที่ถูกบันทึกไว้ในมรดกที่แท้จริงของนิกายเงา มันจะช่วยยกระดับรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจากจิตวิญญาณมนุษย์สู่จิตวิญญาณเดียวดาย

 

หลังจากจัดเตรียมทุกสิ่ง ฟางหยวนส่งดวงวิญญาณของเขาเข้าสู่ค่ายกล

 

เมื่อดวงวิญญาณของเขาเข้าสู่จุดศูนย์กลางของค่ายกล มันถูกบดขยื้อย่างรุนแรง

 

หมอกหนาทึบ

 

วงวิญญาณของฟางหยวน หลังจากหลายชั่วโมงหมอกก็เริ มบางเบาลงก่อนจะหายไปอย่างสมบูรณ์

 

ดวงวิญญาณของฟางหยวนยังอยู่ที่เดิมแต่มันดูแข็งแกร่งขึ้น

 

‘นี่คือจิตวิญญาณเดียวดาย’

 

ฟางหยวนตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงอยู่ภายใน

 

รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณระดับจิตวิญญาณเดียวดายทําให้ดวงวิญญาณของพวกเขาสามารถต่อสู้กับสัตว์อสูรเดียวดายได้โดยตรง

 

ด้วยความตั้งใจของฟางหยวน ดวงวิญญาณของเขาบินออกจากค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

ฟางหยวนเตรียมการไว้แล้ว สัตว์อสูรเดียวดายถูกขังอยู่ไม่ไกล

 

สัตว์อสูรเดียวดายที่พึ่งได้รับอิสรภาพเห็นดวงวิญญาณที่อยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์บินเข้าไปหามัน

 

มันคํารามก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีดวงวิญญาณของฟางหยวนด้วยความดุร้าย

 

ดวงวิญญาณของฟางหยวนบินขึ้นไปด้านบนเพื่อหลบเลี้ยงสัตว์อสูรเดียวดายในวินาทีสุดท้าย จากนั้นเขาก็ฟาดขาขวาลงบนศีรษะของสัตว์อสูรเดียวดายราวกับขวาน

 

“ปัง!”

 

สัตว์อสูรเดียวดายที่มีร่างกายเท่าเนินเขาล้มลงและได้รับบาดเจ็บ

 

“อีกครั้ง!” ดวงวิญญาณของฟางหยวนไล่ล่าและทุบตีมัน

 

หลังจากถูกทุบตีสักพัก สัตว์อสูรเดียวดายเริ่มส่งเสียงครวญครางและพยายามหลบหนี

 

ดวงวิญญาณของฟางหยวนไม่ได้ไล่ล่า

 

‘ดวงวิญญาณของข้ามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสัตว์อสูรเดียวดายจริงๆ’

 

‘เพิ่มเติมด้วยทักษะการต่อสู้ของข้า สัตว์อสูรเดียวดายไม่ใช่คู่แข่งของข้าในการต่อสู้ตัวต่อตัว’

 

‘อย่างไรก็ตามดวงวิญญาณของข้าไม่สามารถบินทะลุสิ่งของได้อีกต่อไป นอกจากนั้นข้ายังต้องพึ่งพาวิญญาณหากต้องการบิน’

 

อสูรวิญญาณบางชนิดบินได้แต่บางชนิดก็บินไม่ได้

 

ดวงวิญญาณของมนุษย์เป็นประเภทที่ไม่สามารถบิน กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณก็ยังไม่สามารถบินได้โดยตรง

 

‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าเพิ่มขึ้นอย่าง รวดเร็ว ตอนนี้มันทะลุหนึ่งหมื่นไปแล้ว’

 

นี่เป็นเพราะฟางหยวนใช้ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ หากเขาใช้วิธีอื่น เขาจะไม่ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

 

ร่างกายเป็นภาชนะบรรจุร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ ดวงวิญญาณก็เช่นกัน

 

ไม่เพียงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แต่เส้นทางอื่นก็สามารถทํา

 

ตัวอย่างเช่น ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เซี่ยชา นางสามารถจัดเตรียมการป้องกันไว้ในดวงวิญญาณของนาง นั่นทําให้ดวงวิญญาณของนางถูกปกคลุมไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งกาลเวลาจํานวนมาก

 

ในช่วงเวลานี้ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนยังมุ่งเน้นที่การอนุมานขณะที่ร่างหลักของเขาเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับร่างแยกมนุษย์มังกร

 

แม้ร่างแยกมนุษย์มังกรจะถูกสร้างขึ้นโดยตัวเขาเองแต่มันยังมีประโยชน์ที่จะทําวิจัย

 

รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของร่างแยกมนุษย์มังกรอยู่ในระดับสามสิบล้านคน

 

เดิมที่ดวงวิญญาณแยกของฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ แต่หลังจากมันหลอมรวมกับร่างแยกมนุษย์มังกร มันค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างเป็นมนุษย์มังกรเช่นเดียวกับร่างกายภาพของมัน

 

นอกจากนั้นรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของร่างแยกมนุษย์มังกรยังตกลงอย่างมาก

 

ฟางหยวนสร้างร่างแยกมนุษย์มังกรขึ้นมาเพื่อแย่งชิงคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังมังกร

 

หลังจากดวงวิญญาณของร่างแยกมนุษย์มังกรเปลี่ยนรูปลักษณ์ มันก็กลายเป็นมนุษย์มังกรที่สมบูรณ์แบบในที่สุด

 

ในความเป็นจริงเมื่อฟางหยวนได้รับร่างทารกอมตะ ดวงวิญญาณของเขายังไม่เหมาะสมกับร่างกาย เขาต้องใช้เวลานานก่อนที่ดวงวิญญาณของเขาจะสามารถหลอมรวมกับร่างกายได้อย่างสมบูรณ์

 

มนุษย์มังกรเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ขณะที่มนุษย์กลายพันธุ์แต่ละประเภทมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน

 

หินมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งปฐพี มนุษย์หิมะมีร่องรอยของพลัง งานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ําแข็ง มนุษย์ขนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม มนุษย์เงือกมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งวารี และมนุษย์มังกรมีร่องรอยของพลังเต๋บนเส้นทางแห่งทาสตั้งแต่กําเนิด

 

มนุษย์มังกรมีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งทาส พวกเขาคือราชาโดยธรรมชาติที่สา มารถปกครองสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

 

ตามการอนุมานของฟางหยวน ด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งทาส โครงสร้างสังคมของเผ่ามนุษย์มังกรจะเข้มงวดกว่าเผ่าพันธุ์อื่น

 

สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากอิทธิพลภายนอกแต่มันเป็นเพราะตัวตนของมนุษย์มังกรเอง

 

ฟางหยวนรู้สึกว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งทาสมีความสําคัญต่อมนุษย์มังกรมากกว่าอิทธิพลภายนอก

 

เผ่ามนุษย์มังกรมักจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว สิ่งนี้ไม่เหมือนกับเผ่าพันธุ์อื่น

 

เส้นทางแห่งทาสมีความเชี่ยวชาญด้านการลดพลังการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม หากมีความสําเร็จระดับหนึ่ง พวกเขาจะสามารถต่อสู้กับศัตรูจํานวนมากหรือเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าด้วยตัวเอง

 

มีเส้นทางไม่กี่สายที่มีคุณสมบัติพิเศษในการต่อสู้เพื่อเอาชนะศัตรูจํานวนมากหรือศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า ตัวอย่างเช่นเส้นทางแห่งทาสและเส้นทางแห่งค่ายกล

 

ฟางหยวนเคยใช้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสในการต่อสู้แย่งชิงตําแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ เขายังเคยใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะจับผู้อมตะภาคใต้เมื่อไม่นานมานี้

 

ฟางหยวนตระหนักถึงจุดหนึ่ง “ไม่แปลกใจเลยที่วังมังกรสามารถกดขี่ตี้จางเฉิง คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาส!”

 

ฟางหยวนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวังมังกรมากนัก นอกจากนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าเหตุใดไปหนิงปิงจึงกลายเป็นเจ้าของวังมังกรในชีวิตก่อนหน้า

 

แต่มันไม่สําคัญ

 

“ต่อให้ร่างแยกมนุษย์มังกรของข้าไร้ประโยชน์ ข้าก็ยังมีไป่หนิงปิง”

 

ร่างแยกมนุษย์มังกรยังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งเท่านั้น ขั้นตอนหลังจากนี้คือการนํามันก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะบนเส้นทางแห่งทาส

 

ฟางหยวนปิดผนึกร่างแยกกายาแห่งความฝันของเขาไว้แล้วแต่ดวงวิญญาณแยกยังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับร่างกาย

 

ร่างแยกทั้งสองมีรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแต่มันอยู่ในระดับทั่วไปเท่านั้น พวกมันไม่สามารถบรรลุระดับจิตวิญญาณเดียวดายเหมือนร่างหลักของฟางหยวน

 

เหตุผลเป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่แตกต่างกันจะเกิดการต่อต้านกัน มันไม่เหมือนร่างทารกอมตะ

 

“ข้าจะฝึกฝนอีกสักพักก่อนจะเริ่มโจมตี” ดวงตาของฟางหยวนลุกไหม้ขึ้นด้วยความคาดหวัง

 

ในวังสวรรค์ เทพธิดาจื่อเว่ยได้รับข้อความบางอย่าง นั่นทําให้คิ้วที่ขมวดของนางคลายลงเล็กน้อย

 

“ดี ปีศาจอมตะเซี่ยหูยอมรับข้อเสนอขององค์ชายฟงเซี่ยนและรับความช่วยเหลือทางการเงินจากพวกเรา!”

 

ถ้ําสวรรค์นิรันดรต้องการรวบรวมผู้อมตะของภาคเหนือ ดังนั้นมันจึงเกิดการเผชิญหน้าครั้งใหญ่กับผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะ

 

เทพธิดาจื่อเว่ยวางแผนและส่งองค์ชายฟงเซี่ยนกลับภาคเหนือเพื่อโน้มน้าวปีศาจอมตะเซี่ยหู

 

แรกเริ่มปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่เต็มใจแต่ภายใต้การชักจูงของภรรยา เขาจึงต้องร่วมมือกับวังสวรรค์แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม

 

“แม้ความร่วมมือในปัจจุบันจะค่อนข้างจํากัด แต่มันจะไม่เหมือนเดิมในอนาคต” เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มมั่นใจ

 

ภาคเหนือเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทะเลทรายตะวันตกเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ภาคกลางไม่มีเหตุการณ์สําคัญใดเป็นพิเศษ กองกําลังใหญ่ของทะเลตะวันออกสา มารถแบ่งปันผาสวรรค์ ขณะที่วังสวรรค์พยายามสร้างปัญหาให้กับทุกฝ่ายและค้นหาวังมังกรอย่างลับๆ

 

“สําหรับภาคใต้” รอยยิ้มของเทพธิดาจื่อเว่ยหายไป

 

สถานการณ์ของภาคใต้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของนาง

 

กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ถูกฟางหยวนข่มขู่ เทพธิดาจื่อเว่ยไม่สามารถหยุดเรื่องนี้ ในเวลาเดียวกันกองกําลังพันธมิตรภาคใต้ก็ถือกําเนิดขึ้นแล้ว ตําแหน่งผู้นํากองกําลังพันธมิตรยังว่างเปล่า แต่หอคอยดวงประทีปถูกสร้างขึ้นทุกหนทุกแห่ง

 

สถานการณ์เหล่านี้เป็นข่าวร้ายสําหรับวังสวรรค์

 

“นอกจากนี้ยังมีฟางหยวน เขาจับผู้อมตะภาคใต้จํานวนมากและรีดไถทรัพยากรอมตะจํานวนนับไม่ถ้วน เขายังมีผู้อมตะเผ่ามนุษย์ทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา…”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยให้ความสนใจเกี่ยวกับฟางหยวนอย่างใกล้ชิด

 

แต่นางยังหาฟางหยวนไม่พบ

 

เทพธิดจื่อเว่ยรู้สึกกดดันมาก นางต้องการให้ฟางหยวนก่อเหตุจลาจลและอาละวาดไปทุกหนทุกแห่งแต่เขาไม่ได้ทําเช่นนั้น

 

ปัจจุบันนางไม่ได้ยินข่าวใดๆเกี่ยวกับฟางหยวนเลย

 

“ฟางหยวนกําลังทําสิ่งใดอยู่?”

 

“ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมากเพียงใด?”

 

“เขาจะปรากฏตัวอีกครั้งเมื่อใดและที่ไหน?”

 

คําถามสุดท้ายไม่ได้รบกวนจิตใจของเทพธิดาจื่อเว่ยนานนัก

 

ประมาณครึ่งเดือนต่อมานางก็ได้รับข้อมูลบางอย่าง

 

ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นในสายธารแห่งกาลเวลาและต่อสู้กับสี่ขุนจือ

 

เขาไม่ได้มาเพียงผู้เดียวแต่เขานําคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดมาด้วย!

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1804 จิตวิญญาณเดียวดาย

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1804 จิตวิญญาณเดียวดาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1804 จิตวิญญาณเดียวดาย

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกจัดตั้งขึ้นอย่างพิถีพิถัน มันปล่อยแสงที่มืดมิดออกมาและทําให้มันดูน่าขนลุก

 

ฟางหยวนตรวจสอบค่ายกลหลายครั้งและรู้สึกพึงพอใจ “ค่ายกลนี้ถูกดัดแปลงมาจากท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ มันมีความเสถียรมากกว่าท่าไม้ตายและสามารถควบคุมได้ง่ายกว่า”

 

นี่เป็นวิธีบ่มเพาะจิตวิญญาณที่ถูกบันทึกไว้ในมรดกที่แท้จริงของนิกายเงา มันจะช่วยยกระดับรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจากจิตวิญญาณมนุษย์สู่จิตวิญญาณเดียวดาย

 

หลังจากจัดเตรียมทุกสิ่ง ฟางหยวนส่งดวงวิญญาณของเขาเข้าสู่ค่ายกล

 

เมื่อดวงวิญญาณของเขาเข้าสู่จุดศูนย์กลางของค่ายกล มันถูกบดขยื้อย่างรุนแรง

 

หมอกหนาทึบ

 

วงวิญญาณของฟางหยวน หลังจากหลายชั่วโมงหมอกก็เริ มบางเบาลงก่อนจะหายไปอย่างสมบูรณ์

 

ดวงวิญญาณของฟางหยวนยังอยู่ที่เดิมแต่มันดูแข็งแกร่งขึ้น

 

‘นี่คือจิตวิญญาณเดียวดาย’

 

ฟางหยวนตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงอยู่ภายใน

 

รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณระดับจิตวิญญาณเดียวดายทําให้ดวงวิญญาณของพวกเขาสามารถต่อสู้กับสัตว์อสูรเดียวดายได้โดยตรง

 

ด้วยความตั้งใจของฟางหยวน ดวงวิญญาณของเขาบินออกจากค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

ฟางหยวนเตรียมการไว้แล้ว สัตว์อสูรเดียวดายถูกขังอยู่ไม่ไกล

 

สัตว์อสูรเดียวดายที่พึ่งได้รับอิสรภาพเห็นดวงวิญญาณที่อยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์บินเข้าไปหามัน

 

มันคํารามก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีดวงวิญญาณของฟางหยวนด้วยความดุร้าย

 

ดวงวิญญาณของฟางหยวนบินขึ้นไปด้านบนเพื่อหลบเลี้ยงสัตว์อสูรเดียวดายในวินาทีสุดท้าย จากนั้นเขาก็ฟาดขาขวาลงบนศีรษะของสัตว์อสูรเดียวดายราวกับขวาน

 

“ปัง!”

 

สัตว์อสูรเดียวดายที่มีร่างกายเท่าเนินเขาล้มลงและได้รับบาดเจ็บ

 

“อีกครั้ง!” ดวงวิญญาณของฟางหยวนไล่ล่าและทุบตีมัน

 

หลังจากถูกทุบตีสักพัก สัตว์อสูรเดียวดายเริ่มส่งเสียงครวญครางและพยายามหลบหนี

 

ดวงวิญญาณของฟางหยวนไม่ได้ไล่ล่า

 

‘ดวงวิญญาณของข้ามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสัตว์อสูรเดียวดายจริงๆ’

 

‘เพิ่มเติมด้วยทักษะการต่อสู้ของข้า สัตว์อสูรเดียวดายไม่ใช่คู่แข่งของข้าในการต่อสู้ตัวต่อตัว’

 

‘อย่างไรก็ตามดวงวิญญาณของข้าไม่สามารถบินทะลุสิ่งของได้อีกต่อไป นอกจากนั้นข้ายังต้องพึ่งพาวิญญาณหากต้องการบิน’

 

อสูรวิญญาณบางชนิดบินได้แต่บางชนิดก็บินไม่ได้

 

ดวงวิญญาณของมนุษย์เป็นประเภทที่ไม่สามารถบิน กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณก็ยังไม่สามารถบินได้โดยตรง

 

‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าเพิ่มขึ้นอย่าง รวดเร็ว ตอนนี้มันทะลุหนึ่งหมื่นไปแล้ว’

 

นี่เป็นเพราะฟางหยวนใช้ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ หากเขาใช้วิธีอื่น เขาจะไม่ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

 

ร่างกายเป็นภาชนะบรรจุร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ ดวงวิญญาณก็เช่นกัน

 

ไม่เพียงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แต่เส้นทางอื่นก็สามารถทํา

 

ตัวอย่างเช่น ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เซี่ยชา นางสามารถจัดเตรียมการป้องกันไว้ในดวงวิญญาณของนาง นั่นทําให้ดวงวิญญาณของนางถูกปกคลุมไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งกาลเวลาจํานวนมาก

 

ในช่วงเวลานี้ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนยังมุ่งเน้นที่การอนุมานขณะที่ร่างหลักของเขาเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับร่างแยกมนุษย์มังกร

 

แม้ร่างแยกมนุษย์มังกรจะถูกสร้างขึ้นโดยตัวเขาเองแต่มันยังมีประโยชน์ที่จะทําวิจัย

 

รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของร่างแยกมนุษย์มังกรอยู่ในระดับสามสิบล้านคน

 

เดิมที่ดวงวิญญาณแยกของฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ แต่หลังจากมันหลอมรวมกับร่างแยกมนุษย์มังกร มันค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างเป็นมนุษย์มังกรเช่นเดียวกับร่างกายภาพของมัน

 

นอกจากนั้นรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของร่างแยกมนุษย์มังกรยังตกลงอย่างมาก

 

ฟางหยวนสร้างร่างแยกมนุษย์มังกรขึ้นมาเพื่อแย่งชิงคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังมังกร

 

หลังจากดวงวิญญาณของร่างแยกมนุษย์มังกรเปลี่ยนรูปลักษณ์ มันก็กลายเป็นมนุษย์มังกรที่สมบูรณ์แบบในที่สุด

 

ในความเป็นจริงเมื่อฟางหยวนได้รับร่างทารกอมตะ ดวงวิญญาณของเขายังไม่เหมาะสมกับร่างกาย เขาต้องใช้เวลานานก่อนที่ดวงวิญญาณของเขาจะสามารถหลอมรวมกับร่างกายได้อย่างสมบูรณ์

 

มนุษย์มังกรเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ขณะที่มนุษย์กลายพันธุ์แต่ละประเภทมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน

 

หินมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งปฐพี มนุษย์หิมะมีร่องรอยของพลัง งานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ําแข็ง มนุษย์ขนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม มนุษย์เงือกมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งวารี และมนุษย์มังกรมีร่องรอยของพลังเต๋บนเส้นทางแห่งทาสตั้งแต่กําเนิด

 

มนุษย์มังกรมีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งทาส พวกเขาคือราชาโดยธรรมชาติที่สา มารถปกครองสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

 

ตามการอนุมานของฟางหยวน ด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งทาส โครงสร้างสังคมของเผ่ามนุษย์มังกรจะเข้มงวดกว่าเผ่าพันธุ์อื่น

 

สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากอิทธิพลภายนอกแต่มันเป็นเพราะตัวตนของมนุษย์มังกรเอง

 

ฟางหยวนรู้สึกว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งทาสมีความสําคัญต่อมนุษย์มังกรมากกว่าอิทธิพลภายนอก

 

เผ่ามนุษย์มังกรมักจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว สิ่งนี้ไม่เหมือนกับเผ่าพันธุ์อื่น

 

เส้นทางแห่งทาสมีความเชี่ยวชาญด้านการลดพลังการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม หากมีความสําเร็จระดับหนึ่ง พวกเขาจะสามารถต่อสู้กับศัตรูจํานวนมากหรือเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าด้วยตัวเอง

 

มีเส้นทางไม่กี่สายที่มีคุณสมบัติพิเศษในการต่อสู้เพื่อเอาชนะศัตรูจํานวนมากหรือศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า ตัวอย่างเช่นเส้นทางแห่งทาสและเส้นทางแห่งค่ายกล

 

ฟางหยวนเคยใช้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสในการต่อสู้แย่งชิงตําแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ เขายังเคยใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะจับผู้อมตะภาคใต้เมื่อไม่นานมานี้

 

ฟางหยวนตระหนักถึงจุดหนึ่ง “ไม่แปลกใจเลยที่วังมังกรสามารถกดขี่ตี้จางเฉิง คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาส!”

 

ฟางหยวนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวังมังกรมากนัก นอกจากนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าเหตุใดไปหนิงปิงจึงกลายเป็นเจ้าของวังมังกรในชีวิตก่อนหน้า

 

แต่มันไม่สําคัญ

 

“ต่อให้ร่างแยกมนุษย์มังกรของข้าไร้ประโยชน์ ข้าก็ยังมีไป่หนิงปิง”

 

ร่างแยกมนุษย์มังกรยังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งเท่านั้น ขั้นตอนหลังจากนี้คือการนํามันก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะบนเส้นทางแห่งทาส

 

ฟางหยวนปิดผนึกร่างแยกกายาแห่งความฝันของเขาไว้แล้วแต่ดวงวิญญาณแยกยังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับร่างกาย

 

ร่างแยกทั้งสองมีรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแต่มันอยู่ในระดับทั่วไปเท่านั้น พวกมันไม่สามารถบรรลุระดับจิตวิญญาณเดียวดายเหมือนร่างหลักของฟางหยวน

 

เหตุผลเป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่แตกต่างกันจะเกิดการต่อต้านกัน มันไม่เหมือนร่างทารกอมตะ

 

“ข้าจะฝึกฝนอีกสักพักก่อนจะเริ่มโจมตี” ดวงตาของฟางหยวนลุกไหม้ขึ้นด้วยความคาดหวัง

 

ในวังสวรรค์ เทพธิดาจื่อเว่ยได้รับข้อความบางอย่าง นั่นทําให้คิ้วที่ขมวดของนางคลายลงเล็กน้อย

 

“ดี ปีศาจอมตะเซี่ยหูยอมรับข้อเสนอขององค์ชายฟงเซี่ยนและรับความช่วยเหลือทางการเงินจากพวกเรา!”

 

ถ้ําสวรรค์นิรันดรต้องการรวบรวมผู้อมตะของภาคเหนือ ดังนั้นมันจึงเกิดการเผชิญหน้าครั้งใหญ่กับผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะ

 

เทพธิดาจื่อเว่ยวางแผนและส่งองค์ชายฟงเซี่ยนกลับภาคเหนือเพื่อโน้มน้าวปีศาจอมตะเซี่ยหู

 

แรกเริ่มปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่เต็มใจแต่ภายใต้การชักจูงของภรรยา เขาจึงต้องร่วมมือกับวังสวรรค์แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม

 

“แม้ความร่วมมือในปัจจุบันจะค่อนข้างจํากัด แต่มันจะไม่เหมือนเดิมในอนาคต” เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มมั่นใจ

 

ภาคเหนือเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทะเลทรายตะวันตกเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ภาคกลางไม่มีเหตุการณ์สําคัญใดเป็นพิเศษ กองกําลังใหญ่ของทะเลตะวันออกสา มารถแบ่งปันผาสวรรค์ ขณะที่วังสวรรค์พยายามสร้างปัญหาให้กับทุกฝ่ายและค้นหาวังมังกรอย่างลับๆ

 

“สําหรับภาคใต้” รอยยิ้มของเทพธิดาจื่อเว่ยหายไป

 

สถานการณ์ของภาคใต้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของนาง

 

กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ถูกฟางหยวนข่มขู่ เทพธิดาจื่อเว่ยไม่สามารถหยุดเรื่องนี้ ในเวลาเดียวกันกองกําลังพันธมิตรภาคใต้ก็ถือกําเนิดขึ้นแล้ว ตําแหน่งผู้นํากองกําลังพันธมิตรยังว่างเปล่า แต่หอคอยดวงประทีปถูกสร้างขึ้นทุกหนทุกแห่ง

 

สถานการณ์เหล่านี้เป็นข่าวร้ายสําหรับวังสวรรค์

 

“นอกจากนี้ยังมีฟางหยวน เขาจับผู้อมตะภาคใต้จํานวนมากและรีดไถทรัพยากรอมตะจํานวนนับไม่ถ้วน เขายังมีผู้อมตะเผ่ามนุษย์ทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา…”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยให้ความสนใจเกี่ยวกับฟางหยวนอย่างใกล้ชิด

 

แต่นางยังหาฟางหยวนไม่พบ

 

เทพธิดจื่อเว่ยรู้สึกกดดันมาก นางต้องการให้ฟางหยวนก่อเหตุจลาจลและอาละวาดไปทุกหนทุกแห่งแต่เขาไม่ได้ทําเช่นนั้น

 

ปัจจุบันนางไม่ได้ยินข่าวใดๆเกี่ยวกับฟางหยวนเลย

 

“ฟางหยวนกําลังทําสิ่งใดอยู่?”

 

“ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมากเพียงใด?”

 

“เขาจะปรากฏตัวอีกครั้งเมื่อใดและที่ไหน?”

 

คําถามสุดท้ายไม่ได้รบกวนจิตใจของเทพธิดาจื่อเว่ยนานนัก

 

ประมาณครึ่งเดือนต่อมานางก็ได้รับข้อมูลบางอย่าง

 

ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นในสายธารแห่งกาลเวลาและต่อสู้กับสี่ขุนจือ

 

เขาไม่ได้มาเพียงผู้เดียวแต่เขานําคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดมาด้วย!

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+