Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1867 ตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1867 ตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1867 ตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์

 

เทพอมตะบัวสวรรค์ เทพอมตะสวรรค์พิภพ และเทพปีศาจคลั่ง?” หัวใจของฟางหยวนสั่นไหว

 

ตามคําอธิบายของชนพื้นเมือง ฟางหยวนสามารถเชื่อมโยงถึงผู้อมตะระดับเก้าในประวัติศาสตร์

 

ความคิดต่างๆพุ่งผ่านจิตใจของฟางหยวน พวกเขามาที่นี่งั้นหรือ? ในชั้นเจ็ด ข้าเห็นเส้นทางที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้อมตะระดับเก้าเพียงสามสายพวกมันเป็นของเทพอมตะตะวันเดือดเทพปีศาจจิตวิญญาณและเทพอมตะสวรรค์พิภพนี่หมายความว่ามีผู้อมตะระดับเก้าอย่างน้อยห้าคนมาที่นี่

 

ฟางหยวนรู้สึกสับสนและตกตะลึงเล็กน้อย

 

“ดูเหมือนผู้อมตะระดับเก๋คนอื่นๆจะมาที่นี่เช่นกัน บางที่เส้นทางที่พวกเขาทิ้งไว้อาจถูกทําลายไปตามกาลเวลา

 

เทพปีศาจบัวแดงถือกําเนิดขึ้นเมื่อหนึ่งล้านปีก่อนในยุคโบราณ เขาปรากฏตัวขึ้นหลังจากเทพปีศาจคลั่ง

 

ในยุคกลางเมื่อสามแสนปีก่อน เทพอมตะบัวสวรรค์ เทพปีศาจปล้นสวรรค์ และเทพอมตะตะวันเดือดปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง บรรพชนผมยาวอยู่ในยุคนี้ เนื่องจากเขาเป็นมนุษย์ขนที่มีอายุยืนยาวเขาจึงสามารถร่วมงานกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์และเทพอมตะตะวันเดือด

 

หลังจากนั้นก็เป็นยุคปลายเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน เทพปีศาจจิตวิญญาณ และเทพอมตะสวรรค์พิภพปรากฏตัวขึ้นในยุคนี้

 

ในยุคปัจจุบัน ตามคําทํานาย เทพอมตะแห่งความฝันจะถือกําเนิดขึ้น นางจะเป็นเทพอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด

 

เทพอมตะตะวันเดือด เทพปีศาจจิตวิญญาณ และเทพอมตะสวรรค์พิภพทิ้งเส้นทางของพวกเขาเอาไว้ในชั้นที่เจ็ดของปีศาจคลั่ง นั่นเป็นร่องรอยที่พวกเขาพุ่งทะยานเข้าไป

 

ทั้งสามเป็นผู้อมตะระดับเก้า ดังนั้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ของพวกเขาจึงคงอยู่มาถึงปัจจุบัน

 

อย่างไรก็ตามแม้ผู้อมตะระดับเก้าจะทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเดีเอาไว้แต่พวกมันก็จะเลือนหายไปตามกาลเวลา

 

ความสงสัยของฟางหยวนได้รับค่าตอบมากขึ้นในเวลานี้

 

“เหตุใดผู้อมตะระดับเก้ามากมายจึงมาที่นี่?

 

“ปีศาจคลั่งดึงดูดตัวตนระดับนี้จริงๆ

 

“พวกเขาไปถึงชั้นเก๊หรือไม่?

 

“ค่ายกลวิญญาณอมตะของชั้นเก้ยังทํางานอยู่ หากพวกเขาไปถึงชั้นเก่า เหตุใดพวกเขาไม่ทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะและนําวิญญาณอมตะระดับเก้าออกไป?

 

หากพวกเขาไปไม่ถึงชั้นเก้าและหยุดอยู่ที่ชั้นแปด เหตุใดพวกเขาจึงสร้างโลกของตนเอง?

 

ฟางหยวนไตร่ตรองและต้องการไปดูโลกของผู้อมตะระดับเก้าเหล่านั้น

เขาไม่สามารถหาเส้นทางเพื่อไปยังชั้นเก้า

 

ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ชั้นเจ็ด เขาไม่เคยคิดว่าจะพบฉากที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ในชั้นแปด

 

บางทีเขาอาจพบเบาะแสบางอย่างจากโลกของผู้อมตะระดับเก้า

 

แม้มันจะไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับชั้นเก้า แต่โลกเหล่านั้นอาจมีมรดกของพวกเขาเก็บไว้

 

แม้มันจะไม่มีมรดกที่แท้จริง แต่ตราบเท่าที่มีบางสิ่งทิ้งไว้ กระทั่งมันจะไม่มีนัยสําคัญต่อผู้อมตะระดับเก้าแต่มันอาจมีประโยชน์อย่างมากต่อฟางหยวน

 

“น่าสนใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าโลกเหล่านั้นอยู่ที่ใด?” ฟางหยวนถาม

 

มนุษย์หมอกส่ายศีรษะ พวกเขาไม่รู้ พวกเขาเคยได้ยินมาเพียงเท่านี้

 

“ท่านนักปราชญ์ เราอยู่ในโลกใบนี้และไม่สามารถออกไปข้างนอกอันตรายเกินไปสําหรับพวกเรา”

 

ฟางหยวนขมวดคิ้ว “แล้วพวกเจ้ารู้ข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไร?”

 

มนุษย์หมอกตอบ “บางเวลา ศิษย์ของนักปราชญ์เหล่านั้นจะเดินทางข้ามความว่างเปล่ามายังโลกต่างๆเพื่อทําธุรกรรมหรือปล้นสะดมพวกเราได้รับข้อมูลเหล่านี้มาจากพวกเขา”

 

รม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง “ศิษย์ของผู้อมตะระดับเก้างั้นหรือ? พวกเขามีความแข็งแกร่งระดับใด?พวกเขาต้องมีความสามารถพิเศษที่ทําให้พวกเขาสามารถเดินทางข้ามโลก!”

 

แต่หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ตระหนักถึงสิ่งผิดปกติและเปิดปากถาม “หากมีศิษย์ของนักปราชญ์อยู่มากมายเหตุใดพวกเจ้าจึงเรียกข้าว่านักปราชญ์ทันทีเมื่อเห็นข้า?”

 

มนุษย์หมอกตอบ “เพราะนักปราชญ์ทุกคนมีลักษณ์เหมือนท่าน แต่ศิษย์ของพวกเขามีรูปร่างทุกแบบ”

 

ฟางหยวนเข้าใจทันที ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีมนุษย์ สิ่งที่เรียกว่าศิษย์ของนักปราชญ์อาจเป็นเผ่าพันธุ์อื่นเหมือนมนุษย์หมอกเหล่านี้

 

กล่าวถึงเรื่องนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยเห็นมนุษย์หมอก พวกเขาไม่ใช่สัตว์หรือพืชพวกเขาไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์ แต่พวกเขามีรูปลักษณ์ที่คลุมเครือที่ดูคล้ายมนุษย์

 

“ท่านนักปราชญ์โปรดช่วยเราด้วย!”

 

“ท่านนักปราชญ์โปรดกอบกู้โลกใบนี้!

 

มนุษย์หมอกจํานวนมากอ้อนวอน

 

“แน่นอน” ฟางหยวนยิ้มและเริ่มโจมตี

 

“ท่านนักปราชญ์!”

 

“ท่านกําลังทําสิ่งใด?”

 

“อา…”

 

มนุษย์หมอกกรีดร้องด้วยความตกใจ

 

ในเวลาเพียงสองลมหายใจ ฟางหยวนก็จับมนุษย์หมอกเหล่านั้น

 

ข้อมูลที่ได้รับจากการซักถามจะเชื่อถือได้อย่างไร?

 

เขาต้องค้นวิญญาณมนุษย์หมอกเหล่านี้

 

แต่ผลลัพธ์ค่อนข้างน่าอึดอัดใจ

 

เพราะมนุษย์หมอกเหล่านี้ไม่มีดวงวิญญาณ!

 

หากปราศจากดวงวิญญาณ แล้วพวกเขาจะถือเป็นสิ่งมีชีวิตได้หรือไม่?

 

ฟางหยวนมึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตระหนักถึงบางสิ่ง ดูเหมือนโลกใบเล็กใบนี้จะไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณดังนั้นสิ่งมีชีวิตที่นี่จึงไม่มีดวงวิญญาณ

 

นี่เป็นการค้นพบใหม่ที่น่าสนใจ

 

ในห้าภูมิภาคและสองสวรรค์ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีดวงวิญญาณเป็นของตนเองเนื่องจากการคงอยู่ของร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ

 

อย่างไรก็ตามมนุษย์หมอกเหล่านี้กลับไม่มี

 

การขุดค้นความทรงจําของพวกเขากลายเป็นเรื่องยาก

 

แต่ปัญหานี้ถูกฟางหยวนแก้ไขอย่างรวดเร็ว

 

ฟางหยวนได้รับข้อมูลทั้งหมดของมนุษย์หมอกเหล่านี้

 

จากข้อมูล เขาพบว่ามนุษย์หมอกไม่ได้หลอกเขา พวกเขาไม่เคยออกจากโลกใบนี้ แม้ศิษย์ของนักปราชญ์จะมาที่นี่และทําธุรกรรมกับพวกเขา มันก็เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ช่วงเวลานั้นสั้นเกินไปดังนั้นความคิดของมนุษย์หมอกเหล่านี้จึงค่อนข้างเรียบง่าย

 

ฟางหยวนยังพบว่ามนุษย์หมอกเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ พวกเขาไม่สามารถออกจากที่นี่

 

“มนุษย์หมอกเหล่านี้คล้ายกับจิตวิญญาณสวรรค์หรือจิตวิญญาณแผ่นดิน” ฟางหยวนคิด

 

นี้หมายความว่ามนุษย์หมอกเหล่านี้คือตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์หรือจิตวิญญาณแผ่นดินงั้นหรือ? หากข้าสามารถทําความเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง ข้าจะสามารถสร้างจิตวิญญาณสวรรค์หรือจิตวิญญาณแผ่นดินหรือไม่?

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อคิดถึงผลประโยชน์ที่ล้ําค่า

 

เขาต้องการค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แต่โลกใบนี้กําลังจะถูกทําลาย เขามีเวลาไม่พอ

 

“ไม่เป็นไร ข้าเพียงต้องค้นหาต่อไป”

 

โลกเช่นนี้หายากแต่มันยังมีอยู่

 

“หากข้าพบโลกของผู้อมตะระดับเก้ นั่นจะดีที่สุด!

 

จากนั้นฟางหยวนก็เริ่มออกเดินทางไปในความว่างเปล่าเพื่อค้นหาเป้าหมายต่อไป

 

“พรวด!”

 

เพิ่งซานกระอักเลือดและกําวถอยหลัง

 

เขามีร่างกายใหญ่โต เพียงก้าวเดียวก็ส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก มันไม่มีปัญหาหากมันเป็นพื้นดินธรรมดาแต่ที่นี่คือชั้นเจ็ดของปีศาจคลั่ง ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋

 

“ข้าไม่พบร่องรอยของฟางหยวนเลย” เพิ่งซานกล่าวขณะเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของตน

 

ผู้อมตะเงียบ

 

นักวางแผนถอนหายใจ

 

ปีศาจอมตะทั้งสามมารวมตัวกันแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาแยกกันเพื่อป้องกันฟางหยวน แต่ตอนนี้หลังจากเสียงปีศาจจบลงพวกเขาก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

 

ด้านหนึ่งพวกเขารู้สึกว่าแม้ฟางหยวนจะมีชีวิตอยู่แต่เขาย่อมอยู่ในสภาพที่ไม่เป็นภัยคุกคาม

 

อีกด้านหนึ่งพวกเขาต้องการช่วยฟางหยวน

 

“เรารู้จักชั้นเจ็ดเป็นอย่างดี ความหวังที่ฟางหยวนจะมีชีวิตอยู่…” เพิ่งซานสายศีรษะ

“ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะตายเช่นนี้” ผู้อมตะปู่ถอนหายใจ

 

นักวางแผนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

 

พวกเขาไม่มีความคิดที่จะกําจัดความชั่วร้าย เป้าหมายในชีวิตของพวกเขามีเพียงการสํารวจถ้ําปีศาจคลั่งเพื่อค้นหาชีวิตนิรันดร์เท่านั้น

 

ฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟาง

 

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่ในอากาศและปลดปล่อยแสงสีเขียวหยกออกมา

 

ฟางกง ฟางฮั่วเฉิง ฟางเล้ง และฟางหยุนกําลังเฝ้ามองมันจากสถานที่ห่างออกไป

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงสีเขียวหยกยิงสายฟ้าสีเขียวออกไปทุกทิศทาง

 

“บีม บีม บีม…”

 

สายฟ้าแสงสีเขียวตกกระทบพื้นและส่งฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ

 

เมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง ต้นหญ้าสีเขียวก็เริ่มเติบโตขึ้นจากหลุมก่อนจะกลายเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่

 

นี่คือท่าไม้ตายอมตะของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ สายฟ้าหมื่นชีวิต!

 

ท่าไม้ตายนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของฟางตี้เฉิง

 

ประตูวังเปิดออก ร่างแยกฟางตี้เฉิงของฟางหยวนเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“ดี!” ฟางกงหัวเราะเสียงดัง “ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สอง นี้เป็นผลงานครั้งใหญ่ของเจ้า”

 

“ด้วยวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลฟางของเราจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคและลุกขึ้น!” ฟางหยุนอุทาน

 

ฟางตี้เฉิงยิ้ม “ด้วยวังหลังนี้ พวกเราจะไม่ถูกกดขี่อีกต่อไป แต่ไม่จําเป็นต้องรีบร้อน มีบางส่วนที่เรายังต้องจัดการทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์ต้องใช้เวลาเตรียมการล่วงหน้า”

 

“อย่ากังวล เจ้าสามารถใช้ทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งไม้จากคลังสมบัติของเราได้ตามที่เจ้าต้องการฟางกงหัวเราะอีกครั้ง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1867 ตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1867 ตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1867 ตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์

 

เทพอมตะบัวสวรรค์ เทพอมตะสวรรค์พิภพ และเทพปีศาจคลั่ง?” หัวใจของฟางหยวนสั่นไหว

 

ตามคําอธิบายของชนพื้นเมือง ฟางหยวนสามารถเชื่อมโยงถึงผู้อมตะระดับเก้าในประวัติศาสตร์

 

ความคิดต่างๆพุ่งผ่านจิตใจของฟางหยวน พวกเขามาที่นี่งั้นหรือ? ในชั้นเจ็ด ข้าเห็นเส้นทางที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้อมตะระดับเก้าเพียงสามสายพวกมันเป็นของเทพอมตะตะวันเดือดเทพปีศาจจิตวิญญาณและเทพอมตะสวรรค์พิภพนี่หมายความว่ามีผู้อมตะระดับเก้าอย่างน้อยห้าคนมาที่นี่

 

ฟางหยวนรู้สึกสับสนและตกตะลึงเล็กน้อย

 

“ดูเหมือนผู้อมตะระดับเก๋คนอื่นๆจะมาที่นี่เช่นกัน บางที่เส้นทางที่พวกเขาทิ้งไว้อาจถูกทําลายไปตามกาลเวลา

 

เทพปีศาจบัวแดงถือกําเนิดขึ้นเมื่อหนึ่งล้านปีก่อนในยุคโบราณ เขาปรากฏตัวขึ้นหลังจากเทพปีศาจคลั่ง

 

ในยุคกลางเมื่อสามแสนปีก่อน เทพอมตะบัวสวรรค์ เทพปีศาจปล้นสวรรค์ และเทพอมตะตะวันเดือดปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง บรรพชนผมยาวอยู่ในยุคนี้ เนื่องจากเขาเป็นมนุษย์ขนที่มีอายุยืนยาวเขาจึงสามารถร่วมงานกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์และเทพอมตะตะวันเดือด

 

หลังจากนั้นก็เป็นยุคปลายเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน เทพปีศาจจิตวิญญาณ และเทพอมตะสวรรค์พิภพปรากฏตัวขึ้นในยุคนี้

 

ในยุคปัจจุบัน ตามคําทํานาย เทพอมตะแห่งความฝันจะถือกําเนิดขึ้น นางจะเป็นเทพอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด

 

เทพอมตะตะวันเดือด เทพปีศาจจิตวิญญาณ และเทพอมตะสวรรค์พิภพทิ้งเส้นทางของพวกเขาเอาไว้ในชั้นที่เจ็ดของปีศาจคลั่ง นั่นเป็นร่องรอยที่พวกเขาพุ่งทะยานเข้าไป

 

ทั้งสามเป็นผู้อมตะระดับเก้า ดังนั้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ของพวกเขาจึงคงอยู่มาถึงปัจจุบัน

 

อย่างไรก็ตามแม้ผู้อมตะระดับเก้าจะทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเดีเอาไว้แต่พวกมันก็จะเลือนหายไปตามกาลเวลา

 

ความสงสัยของฟางหยวนได้รับค่าตอบมากขึ้นในเวลานี้

 

“เหตุใดผู้อมตะระดับเก้ามากมายจึงมาที่นี่?

 

“ปีศาจคลั่งดึงดูดตัวตนระดับนี้จริงๆ

 

“พวกเขาไปถึงชั้นเก๊หรือไม่?

 

“ค่ายกลวิญญาณอมตะของชั้นเก้ยังทํางานอยู่ หากพวกเขาไปถึงชั้นเก่า เหตุใดพวกเขาไม่ทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะและนําวิญญาณอมตะระดับเก้าออกไป?

 

หากพวกเขาไปไม่ถึงชั้นเก้าและหยุดอยู่ที่ชั้นแปด เหตุใดพวกเขาจึงสร้างโลกของตนเอง?

 

ฟางหยวนไตร่ตรองและต้องการไปดูโลกของผู้อมตะระดับเก้าเหล่านั้น

เขาไม่สามารถหาเส้นทางเพื่อไปยังชั้นเก้า

 

ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ชั้นเจ็ด เขาไม่เคยคิดว่าจะพบฉากที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ในชั้นแปด

 

บางทีเขาอาจพบเบาะแสบางอย่างจากโลกของผู้อมตะระดับเก้า

 

แม้มันจะไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับชั้นเก้า แต่โลกเหล่านั้นอาจมีมรดกของพวกเขาเก็บไว้

 

แม้มันจะไม่มีมรดกที่แท้จริง แต่ตราบเท่าที่มีบางสิ่งทิ้งไว้ กระทั่งมันจะไม่มีนัยสําคัญต่อผู้อมตะระดับเก้าแต่มันอาจมีประโยชน์อย่างมากต่อฟางหยวน

 

“น่าสนใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าโลกเหล่านั้นอยู่ที่ใด?” ฟางหยวนถาม

 

มนุษย์หมอกส่ายศีรษะ พวกเขาไม่รู้ พวกเขาเคยได้ยินมาเพียงเท่านี้

 

“ท่านนักปราชญ์ เราอยู่ในโลกใบนี้และไม่สามารถออกไปข้างนอกอันตรายเกินไปสําหรับพวกเรา”

 

ฟางหยวนขมวดคิ้ว “แล้วพวกเจ้ารู้ข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไร?”

 

มนุษย์หมอกตอบ “บางเวลา ศิษย์ของนักปราชญ์เหล่านั้นจะเดินทางข้ามความว่างเปล่ามายังโลกต่างๆเพื่อทําธุรกรรมหรือปล้นสะดมพวกเราได้รับข้อมูลเหล่านี้มาจากพวกเขา”

 

รม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง “ศิษย์ของผู้อมตะระดับเก้างั้นหรือ? พวกเขามีความแข็งแกร่งระดับใด?พวกเขาต้องมีความสามารถพิเศษที่ทําให้พวกเขาสามารถเดินทางข้ามโลก!”

 

แต่หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ตระหนักถึงสิ่งผิดปกติและเปิดปากถาม “หากมีศิษย์ของนักปราชญ์อยู่มากมายเหตุใดพวกเจ้าจึงเรียกข้าว่านักปราชญ์ทันทีเมื่อเห็นข้า?”

 

มนุษย์หมอกตอบ “เพราะนักปราชญ์ทุกคนมีลักษณ์เหมือนท่าน แต่ศิษย์ของพวกเขามีรูปร่างทุกแบบ”

 

ฟางหยวนเข้าใจทันที ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีมนุษย์ สิ่งที่เรียกว่าศิษย์ของนักปราชญ์อาจเป็นเผ่าพันธุ์อื่นเหมือนมนุษย์หมอกเหล่านี้

 

กล่าวถึงเรื่องนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยเห็นมนุษย์หมอก พวกเขาไม่ใช่สัตว์หรือพืชพวกเขาไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์ แต่พวกเขามีรูปลักษณ์ที่คลุมเครือที่ดูคล้ายมนุษย์

 

“ท่านนักปราชญ์โปรดช่วยเราด้วย!”

 

“ท่านนักปราชญ์โปรดกอบกู้โลกใบนี้!

 

มนุษย์หมอกจํานวนมากอ้อนวอน

 

“แน่นอน” ฟางหยวนยิ้มและเริ่มโจมตี

 

“ท่านนักปราชญ์!”

 

“ท่านกําลังทําสิ่งใด?”

 

“อา…”

 

มนุษย์หมอกกรีดร้องด้วยความตกใจ

 

ในเวลาเพียงสองลมหายใจ ฟางหยวนก็จับมนุษย์หมอกเหล่านั้น

 

ข้อมูลที่ได้รับจากการซักถามจะเชื่อถือได้อย่างไร?

 

เขาต้องค้นวิญญาณมนุษย์หมอกเหล่านี้

 

แต่ผลลัพธ์ค่อนข้างน่าอึดอัดใจ

 

เพราะมนุษย์หมอกเหล่านี้ไม่มีดวงวิญญาณ!

 

หากปราศจากดวงวิญญาณ แล้วพวกเขาจะถือเป็นสิ่งมีชีวิตได้หรือไม่?

 

ฟางหยวนมึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตระหนักถึงบางสิ่ง ดูเหมือนโลกใบเล็กใบนี้จะไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณดังนั้นสิ่งมีชีวิตที่นี่จึงไม่มีดวงวิญญาณ

 

นี่เป็นการค้นพบใหม่ที่น่าสนใจ

 

ในห้าภูมิภาคและสองสวรรค์ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีดวงวิญญาณเป็นของตนเองเนื่องจากการคงอยู่ของร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ

 

อย่างไรก็ตามมนุษย์หมอกเหล่านี้กลับไม่มี

 

การขุดค้นความทรงจําของพวกเขากลายเป็นเรื่องยาก

 

แต่ปัญหานี้ถูกฟางหยวนแก้ไขอย่างรวดเร็ว

 

ฟางหยวนได้รับข้อมูลทั้งหมดของมนุษย์หมอกเหล่านี้

 

จากข้อมูล เขาพบว่ามนุษย์หมอกไม่ได้หลอกเขา พวกเขาไม่เคยออกจากโลกใบนี้ แม้ศิษย์ของนักปราชญ์จะมาที่นี่และทําธุรกรรมกับพวกเขา มันก็เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ช่วงเวลานั้นสั้นเกินไปดังนั้นความคิดของมนุษย์หมอกเหล่านี้จึงค่อนข้างเรียบง่าย

 

ฟางหยวนยังพบว่ามนุษย์หมอกเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ พวกเขาไม่สามารถออกจากที่นี่

 

“มนุษย์หมอกเหล่านี้คล้ายกับจิตวิญญาณสวรรค์หรือจิตวิญญาณแผ่นดิน” ฟางหยวนคิด

 

นี้หมายความว่ามนุษย์หมอกเหล่านี้คือตัวอ่อนของจิตวิญญาณสวรรค์หรือจิตวิญญาณแผ่นดินงั้นหรือ? หากข้าสามารถทําความเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง ข้าจะสามารถสร้างจิตวิญญาณสวรรค์หรือจิตวิญญาณแผ่นดินหรือไม่?

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อคิดถึงผลประโยชน์ที่ล้ําค่า

 

เขาต้องการค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แต่โลกใบนี้กําลังจะถูกทําลาย เขามีเวลาไม่พอ

 

“ไม่เป็นไร ข้าเพียงต้องค้นหาต่อไป”

 

โลกเช่นนี้หายากแต่มันยังมีอยู่

 

“หากข้าพบโลกของผู้อมตะระดับเก้ นั่นจะดีที่สุด!

 

จากนั้นฟางหยวนก็เริ่มออกเดินทางไปในความว่างเปล่าเพื่อค้นหาเป้าหมายต่อไป

 

“พรวด!”

 

เพิ่งซานกระอักเลือดและกําวถอยหลัง

 

เขามีร่างกายใหญ่โต เพียงก้าวเดียวก็ส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก มันไม่มีปัญหาหากมันเป็นพื้นดินธรรมดาแต่ที่นี่คือชั้นเจ็ดของปีศาจคลั่ง ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋

 

“ข้าไม่พบร่องรอยของฟางหยวนเลย” เพิ่งซานกล่าวขณะเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของตน

 

ผู้อมตะเงียบ

 

นักวางแผนถอนหายใจ

 

ปีศาจอมตะทั้งสามมารวมตัวกันแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาแยกกันเพื่อป้องกันฟางหยวน แต่ตอนนี้หลังจากเสียงปีศาจจบลงพวกเขาก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

 

ด้านหนึ่งพวกเขารู้สึกว่าแม้ฟางหยวนจะมีชีวิตอยู่แต่เขาย่อมอยู่ในสภาพที่ไม่เป็นภัยคุกคาม

 

อีกด้านหนึ่งพวกเขาต้องการช่วยฟางหยวน

 

“เรารู้จักชั้นเจ็ดเป็นอย่างดี ความหวังที่ฟางหยวนจะมีชีวิตอยู่…” เพิ่งซานสายศีรษะ

“ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะตายเช่นนี้” ผู้อมตะปู่ถอนหายใจ

 

นักวางแผนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

 

พวกเขาไม่มีความคิดที่จะกําจัดความชั่วร้าย เป้าหมายในชีวิตของพวกเขามีเพียงการสํารวจถ้ําปีศาจคลั่งเพื่อค้นหาชีวิตนิรันดร์เท่านั้น

 

ฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟาง

 

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่ในอากาศและปลดปล่อยแสงสีเขียวหยกออกมา

 

ฟางกง ฟางฮั่วเฉิง ฟางเล้ง และฟางหยุนกําลังเฝ้ามองมันจากสถานที่ห่างออกไป

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงสีเขียวหยกยิงสายฟ้าสีเขียวออกไปทุกทิศทาง

 

“บีม บีม บีม…”

 

สายฟ้าแสงสีเขียวตกกระทบพื้นและส่งฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ

 

เมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง ต้นหญ้าสีเขียวก็เริ่มเติบโตขึ้นจากหลุมก่อนจะกลายเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่

 

นี่คือท่าไม้ตายอมตะของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ สายฟ้าหมื่นชีวิต!

 

ท่าไม้ตายนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของฟางตี้เฉิง

 

ประตูวังเปิดออก ร่างแยกฟางตี้เฉิงของฟางหยวนเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“ดี!” ฟางกงหัวเราะเสียงดัง “ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สอง นี้เป็นผลงานครั้งใหญ่ของเจ้า”

 

“ด้วยวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลฟางของเราจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคและลุกขึ้น!” ฟางหยุนอุทาน

 

ฟางตี้เฉิงยิ้ม “ด้วยวังหลังนี้ พวกเราจะไม่ถูกกดขี่อีกต่อไป แต่ไม่จําเป็นต้องรีบร้อน มีบางส่วนที่เรายังต้องจัดการทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์ต้องใช้เวลาเตรียมการล่วงหน้า”

 

“อย่ากังวล เจ้าสามารถใช้ทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งไม้จากคลังสมบัติของเราได้ตามที่เจ้าต้องการฟางกงหัวเราะอีกครั้ง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+