Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1962 เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1962 เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอ้ คนผู้นี้เดินออกมาจากแม่น้ํา!”

“เหตุใดท้องฟ้าถึงมีแม่น้ํา?”

“ชายผู้นี้ช่างหล่อเหลานัก!”

“ข้ายังคิดว่าเขาเป็นนางฟ้าในชุดคลุมสีแดง”

เนื่องจากท่าไม้ตายอมตะวิสัยทัศน์ของทุกคน มนุษย์ทั้งห้าภูมิภาคจึงเห็นฉากนี้

มนุษย์และผู้ใช้วิญญาณอาจไม่เข้าใจความรุนแรงของสถานการณ์ แต่ผู้อมตะส่วนใหญ่รู้ว่าชายหนุ่มลึกลับผู้นี้คือผู้ใด

ทันใดนั้นหัวใจของผู้อมตะทั้งหมดก็สั่นสะท้านขึ้นราวกับโลกกําลังจะถล่มทลาย

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?”

“เขาคือเทพปีศาจบัวแดงงั้นหรือ!?”

ท่ามกลางผู้อมตะระดับเก้า เทพปีศาจบัวแดงเป็นเทพที่ลึกลับที่สุด ย้อนกลับไปในอดีตวังสวรรค์ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อหล่อเลี้ยงเขา แต่ความพยายามของพวกเขากลายเป็นสูญเปล่าไม่เพียงบัวแดงจะไม่เป็นเทพอมตะเขายังกลายเป็นเทพปีศาจเขาทรยศต่อฝ่ายธรรมะและต้องการทําลายวิญญาณชะตากรรมวังสวรรค์พยายามทําลายข้อมูลทั้งหมดเพื่อขจัดอิทธิพลของเขา

นอกจากนั้นเทพปีศาจบัวแดงยังเกิดใหม่ตลอดเวลา เขาเปลี่ยนกลยุทธ์เสมอแต่เขายังต้องการรักษาชื่อเสียงของวังสวรรค์เพื่อประโยชน์ของอาจารย์ของเขานั่นทําให้เขาดําเนินการอย่างลับๆในความมืด

ดังนั้นผู้อมตะส่วนใหญ่จึงไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับเทพปีศาจบัวแดง

แต่เมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มเดินออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาและเรียกราชันมังกรว่าอาจารย์ พวกเขาจึงตระหนักถึงตัวตนของคนผู้นี้

เขาคือเทพปีศาจบัวแดงจริงๆ!

เขาเป็นผู้อมตะระดับเก้า เมื่อเขาปรากฏตัว ผู้ใดจะสามารถต่อต้านเขา?

แม้ราชันมังกรจะทรงพลัง แม้จางอี้เฉิงจะมีร่างกายใหญ่โต แม้ฟางหยวนจะมีผ้าคลุมเปื้อนเลือด พวกเขาก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเก่า
ไม่มีผู้ใดสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

เทพปีศาจบัวแดงเดินกลางอากาศไปถึงใจกลางสนามรบ เขายิ้ม “ทุกคนอย่ากังวลขาตายไปแล้วท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอดีตไม่เหลือพลังแล้วข้าเป็นเพียงเจตจํานงของร่างหลัก”

เจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงดูสมจริงและเหมือนมนุษย์ที่มีชีวิตมาก

แต่เมื่อผู้อมตะตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน พวกเขาจะตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างเจตจํานงกับมนุษย์ที่มีชีวิต

หลังจากผู้อมตะสามารถแยกแยะสิ่งนี้ พวกเขาจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เทพปีศาจบัวแดงไม่ได้โกหก นี่คือเจตจํานง มันไม่ใช่ร่างหลักของเขา

สังหรณ์ร้ายปรากฏขึ้นในใจของราชันมังกร

ราชันมังกรก่นเสียงเย็นและตะโกน “บัวแดง แม่เจ้าจะตายไปแล้ว แต่เจ้ายังไม่ยอมละทิ้งความคิดนอกรีตครั้งนี้เจ้าชนะวิญญาณชะตากรรมถูกทําลายโดยตัวหมากเบี้ยที่เจ้าเลือก”

เทพปีศาจบัวแดงส่ายศีรษะ “ท่านอาจารย์ นี่ยังไม่ใช่ชัยชนะ ดังนั้นข้าจึงต้องปรากฏตัว”

“เจ้าพยายามทําสิ่งใด?” ราชันมังกรขมวดคิ้ว ลางสังหรณ์ร้ายของเขายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

เทพปีศาจบัวแดงตอบด้วยการกระทํา ร่างของเขาหายไปก่อนจะปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าฟางหยวนในเสี้ยวพริบตา

ฟางหยวนมองเทพปีศาจบัวแดงด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง สายตาของเขามืดมิดราวกับท้องฟ้ายามค่ําคืน

เขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเทพปีศาจบัวแดง วิญญาณกาลเวลาที่เขาใช้เปลี่ยนสถานการณ์มาหลายครั้งเป็นวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนผู้นี้

“เจ้าทําได้ดีมาก ข้าแน่ใจว่าเจ้าเดาได้ว่าข้าจะทําสิ่งใดต่อไป” เทพปีศาจบัวแดงเผยรอยยิ้มให้ฟางหยวน

ฟางหยวนตอบ “แน่นอน”

“วิญญาณชะตากรรมถูกทําลาย แต่นั้นคือวิธีการใช้มันเป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต พวกเราต้องการปีศาจต่างโลกเช่นเจ้าต้องขอบคุณความช่วยเหลือของบางคนสุดท้ายเจ้าก็กลายเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์”เทพปีศาจจิตวิญญาณกล่าวและหันหน้าไปทางเทพปีศาจจิตวิญญาณและคนรับใช้ของเขาที่ซ่อนตัวอยู่

เทพธิดาจื่อเว่ยและเฒ่าเพิ่งหยวนเหงื่อไหล แม่นจะเป็นเพียงเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงแต่เขาก็น่ากลัวมากและสามารถค้นพบพวกเขาได้ด้วยการชําเลืองมองเพียงครั้งเดียว

ดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณกลับสู่ร่างมนุษย์แล้ว เขามองเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบกับเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดง ความทรงจําาปรากฏขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง

ย้อนกลับไป เมื่อเขากลายเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อสํารวจความลับของมัน แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแต่เขาสามารถเข้าและออกจากสายธารแห่งกาลเวลาได้อย่างอิสระ
เกาะบัวหินปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาด้วยตัวของมันเอง

เขาก้าวเข้าสู่เกาะบัวหินและพบกับเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดง “เทพปีศาจจิตวิญญาณ ข้า รอเจ้าอยู่ เรามาทําข้อตกลงกันเถอะ”

เทพปีศาจจิตวิญญาณตกลงทําข้อตกลง ดังนั้นเขาจึงได้เรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับวิญญาณชะตากรรมและวังสวรรค์เขาล้มเลิกความคิดที่จะบุกวังสวรรค์และวางแผนสร้างวิญญาณทารกอมตะ

เทพปีศาจบัวแดงมองเทพปีศาจจิตวิญญาณราวกับต้องการบอกว่าถึงเวลาทําธุรกรรมของเราแล้ว

เทพปีศาจจิตวิญญาณหัวเราะและออกคําสั่งเฒ่าเพิ่งหยวน “รวบรวมเจตจํานงของมนุษย์ทั้งหมดส่งให้ฟางหยวน”

เฒ่าเพิ่งหยวนเคลื่อนไหวทันที

เจตจํานงของมนุษย์ทุกประเภทปรากฏขึ้น

เทพปีศาจบัวแดงมองเจตจํานงของมนุษย์จํานวนมหาศาลที่ดูคล้ายทะเลสีรุ้งด้วยความพึงพอใจ

เขายิ้มให้ฟางหยวนก่อนจะพุ่งเข้าสู่ทะเลเจตจํานงด้วยตนเอง

เจตจํานงของมนุษย์กลืนกินเขาเข้าไป ต่อมาเปลวเพลิงสีแดงก็ลุกไหม้ขึ้นคล้ายกับดอกบัวสี
แดง

ราชันมังกรเห็นสิ่งนี้และโกรธมาก “บัวแดง เจ้าลอบทิ้งสิ่งนี้ไว้ในวังสวรรค์!”

ก่อนที่ราชันมังกรจะกล่าวจบ เขาก็บินออกไปและต้องการทําลายเจตจํานงของมนุษย์เหล่านั้น

“อย่าแม้แต่จะคิด!” อู่ส่วยเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขาใช้วังมังกรกีดขวางเส้นทางของราชันมังกร

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ในไม่ช้าวังมังกรก็ถูกบังคับให้ล่าถอย

“พวกเจ้าจะรอสิ่งใดอยู่?” ราชันมังกรตะโกนไปยังกลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์

หัวใจของผู้อมตะวังสวรรค์ชั้นสะท้านขึ้นก่อนที่พวกเขาจะพุ่งเข้าไปหาฟางหยวนและทะเลเจตจํานง

ผู้อมตะของสามภูมิภาคไม่สามารถนิ่งเฉย การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้นอีกครั้ง

“ไม่ว่าเทพปีศาจบัวแดงจะต้องการทําสิ่งใด วังสวรรค์ก็ต้องพบกับความสูญเสียนี่คือสิ่งที่เราต้องการเห็น!”ดวงตาของวูหยงส่องประกายสว่างไสวเขายิงดาบสายลมจํานวนนับไม่ถ้วนออกไปทันที

จางเฉิงคารามด้วยความโกรธ มันขดร่างอยู่รอบตัวฟางหยวนเพื่อปกป้องเขาและทะเลเจตจํานงแม้มันจะถูกโจมตีอย่างหนักแต่มันปฏิเสธที่จะล่าถอย

ปิงช่ายฉวนนําแท่นบูชาแห่งโชคต่อสู้กับหอพิพากษาปีศาจ เขามีความรู้สึกที่ซับซ้อนเทพปีศาจบัวแดงต้องการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิตเช่นกันนี่เป็นสิ่งที่ขัดต่อเป้าหมายของสวรรค์นิรันดร แต่เขาไม่สามารถหยุดมันหรือล่าถอยในเวลานี้เขาต้องต่อสู้เท่านั้น

เปลวเพลิงสีแดงเผาผลาญเจตจํานงของมนุษย์และปลดปล่อยกลิ่นหอมออกมา

หลังจากเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงหลอมรวมกับเจตจํานงของมนุษย์ทะเลเจตจํานงก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น

ฟางหยวนสูดหายใจลึกและยืนอยู่ในทะเลเพลิงโดยไม่เคลื่อนไหว

ผู้อมตะของวังสวรรค์หัวเราะเย้ยหยัน “ฟางหยวนไม่เคลื่อนไหว ดูเหมือนเขาจะไม่มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต!”

ฟางหยวนมองบุคคลที่กล่าวเรื่องนี้จากภายในเปลวเพลิง เขาเผยรอยยิ้มเย็นชาก่อนที่เสียงของเขาจะดังขึ้น“ข้าไม่มีแต่บางคนที่อยู่ในสนามรบแห่งนี้มี!”

“ผู้ใด?” ผู้อมตะทั้งหมดมีคําถามนี้อยู่ในใจ

“ค้นหาคนผู้นั้นและฆ่ามัน!” ผู้อมตะของวังสวรรค์บางคนกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ค้นหาคนผู้นั้นและปกป้องเขา!” ผู้อมตะของสามภูมิภาคตัดสินใจ

ฟางหยวนเงียบและมองไปที่ฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อมองเขาเช่นกัน

ทั้งสองมองหน้ากันราวกับการต่อสู้อยู่ห่างไกลจากพวกเขา

ฟงจิวเก้อสูดหายใจลึกและค่อยๆปิดเปลือกตาลง

ต่อมาเขาก็เปิดปากร้องเพลง

เพลงพรหมลิขิตดังไปทั่วสนามรบ

“ฟงจิวเก้อโจมตีอีกครั้ง!”

“ไปฆ่าฟางหยวน ทําลายเจตจํานงของมนุษย์!”

“กําจัดเจตจํานงของมนุษย์ก่อน ฟางหยวนเป็นเรื่องรอง!”

ผู้อมตะของวังสวรรค์ตะโกนด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่พุ่งสูงขึ้นแต่ในวินาทีต่อมาพวกเขากลับกรีดร้องด้วยความตกใจ

พวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากเพลงพรหมลิขิต แต่ผู้อมตะของสามภูมิภาคกลับแข็งแกร่งขึ้น

“ฟงจิวเก้อ เจ้ากําลังทําสิ่งใด?” ราชันมังกรโกรธและตกใจมาก

“ท่านพ่อ!” เสียงของฟงจินฮวงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“ฟงจิวเก้อ เหตุใดจึงทําเช่นนี้? เจ้าทรยศวังสวรรค์! กล้าดีอย่างไรถึงทําเช่นนี้!”ฉินติงหลิงกรีดร้องเสียงแหลมนางโกรธมากเพราะนางเป็นผู้มอบวิญญาณอมตะตอบสนองโชคให้กับฟงจิวเก้อ

แต่ฟงจิวเก้อกลับตอบแทนนางเช่นนี้

อย่างไรก็ตามฟงจิวเก้อยังสงบ เขาไม่หยุดร้องเพลง

เขาทรยศวังสวรรค์และร่วมมือกับฟางหยวนโดยปราศจากความลังเล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1962 เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1962 เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอ้ คนผู้นี้เดินออกมาจากแม่น้ํา!”

“เหตุใดท้องฟ้าถึงมีแม่น้ํา?”

“ชายผู้นี้ช่างหล่อเหลานัก!”

“ข้ายังคิดว่าเขาเป็นนางฟ้าในชุดคลุมสีแดง”

เนื่องจากท่าไม้ตายอมตะวิสัยทัศน์ของทุกคน มนุษย์ทั้งห้าภูมิภาคจึงเห็นฉากนี้

มนุษย์และผู้ใช้วิญญาณอาจไม่เข้าใจความรุนแรงของสถานการณ์ แต่ผู้อมตะส่วนใหญ่รู้ว่าชายหนุ่มลึกลับผู้นี้คือผู้ใด

ทันใดนั้นหัวใจของผู้อมตะทั้งหมดก็สั่นสะท้านขึ้นราวกับโลกกําลังจะถล่มทลาย

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?”

“เขาคือเทพปีศาจบัวแดงงั้นหรือ!?”

ท่ามกลางผู้อมตะระดับเก้า เทพปีศาจบัวแดงเป็นเทพที่ลึกลับที่สุด ย้อนกลับไปในอดีตวังสวรรค์ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อหล่อเลี้ยงเขา แต่ความพยายามของพวกเขากลายเป็นสูญเปล่าไม่เพียงบัวแดงจะไม่เป็นเทพอมตะเขายังกลายเป็นเทพปีศาจเขาทรยศต่อฝ่ายธรรมะและต้องการทําลายวิญญาณชะตากรรมวังสวรรค์พยายามทําลายข้อมูลทั้งหมดเพื่อขจัดอิทธิพลของเขา

นอกจากนั้นเทพปีศาจบัวแดงยังเกิดใหม่ตลอดเวลา เขาเปลี่ยนกลยุทธ์เสมอแต่เขายังต้องการรักษาชื่อเสียงของวังสวรรค์เพื่อประโยชน์ของอาจารย์ของเขานั่นทําให้เขาดําเนินการอย่างลับๆในความมืด

ดังนั้นผู้อมตะส่วนใหญ่จึงไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับเทพปีศาจบัวแดง

แต่เมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มเดินออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาและเรียกราชันมังกรว่าอาจารย์ พวกเขาจึงตระหนักถึงตัวตนของคนผู้นี้

เขาคือเทพปีศาจบัวแดงจริงๆ!

เขาเป็นผู้อมตะระดับเก้า เมื่อเขาปรากฏตัว ผู้ใดจะสามารถต่อต้านเขา?

แม้ราชันมังกรจะทรงพลัง แม้จางอี้เฉิงจะมีร่างกายใหญ่โต แม้ฟางหยวนจะมีผ้าคลุมเปื้อนเลือด พวกเขาก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเก่า
ไม่มีผู้ใดสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

เทพปีศาจบัวแดงเดินกลางอากาศไปถึงใจกลางสนามรบ เขายิ้ม “ทุกคนอย่ากังวลขาตายไปแล้วท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอดีตไม่เหลือพลังแล้วข้าเป็นเพียงเจตจํานงของร่างหลัก”

เจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงดูสมจริงและเหมือนมนุษย์ที่มีชีวิตมาก

แต่เมื่อผู้อมตะตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน พวกเขาจะตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างเจตจํานงกับมนุษย์ที่มีชีวิต

หลังจากผู้อมตะสามารถแยกแยะสิ่งนี้ พวกเขาจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เทพปีศาจบัวแดงไม่ได้โกหก นี่คือเจตจํานง มันไม่ใช่ร่างหลักของเขา

สังหรณ์ร้ายปรากฏขึ้นในใจของราชันมังกร

ราชันมังกรก่นเสียงเย็นและตะโกน “บัวแดง แม่เจ้าจะตายไปแล้ว แต่เจ้ายังไม่ยอมละทิ้งความคิดนอกรีตครั้งนี้เจ้าชนะวิญญาณชะตากรรมถูกทําลายโดยตัวหมากเบี้ยที่เจ้าเลือก”

เทพปีศาจบัวแดงส่ายศีรษะ “ท่านอาจารย์ นี่ยังไม่ใช่ชัยชนะ ดังนั้นข้าจึงต้องปรากฏตัว”

“เจ้าพยายามทําสิ่งใด?” ราชันมังกรขมวดคิ้ว ลางสังหรณ์ร้ายของเขายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

เทพปีศาจบัวแดงตอบด้วยการกระทํา ร่างของเขาหายไปก่อนจะปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าฟางหยวนในเสี้ยวพริบตา

ฟางหยวนมองเทพปีศาจบัวแดงด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง สายตาของเขามืดมิดราวกับท้องฟ้ายามค่ําคืน

เขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเทพปีศาจบัวแดง วิญญาณกาลเวลาที่เขาใช้เปลี่ยนสถานการณ์มาหลายครั้งเป็นวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนผู้นี้

“เจ้าทําได้ดีมาก ข้าแน่ใจว่าเจ้าเดาได้ว่าข้าจะทําสิ่งใดต่อไป” เทพปีศาจบัวแดงเผยรอยยิ้มให้ฟางหยวน

ฟางหยวนตอบ “แน่นอน”

“วิญญาณชะตากรรมถูกทําลาย แต่นั้นคือวิธีการใช้มันเป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต พวกเราต้องการปีศาจต่างโลกเช่นเจ้าต้องขอบคุณความช่วยเหลือของบางคนสุดท้ายเจ้าก็กลายเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์”เทพปีศาจจิตวิญญาณกล่าวและหันหน้าไปทางเทพปีศาจจิตวิญญาณและคนรับใช้ของเขาที่ซ่อนตัวอยู่

เทพธิดาจื่อเว่ยและเฒ่าเพิ่งหยวนเหงื่อไหล แม่นจะเป็นเพียงเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงแต่เขาก็น่ากลัวมากและสามารถค้นพบพวกเขาได้ด้วยการชําเลืองมองเพียงครั้งเดียว

ดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณกลับสู่ร่างมนุษย์แล้ว เขามองเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบกับเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดง ความทรงจําาปรากฏขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง

ย้อนกลับไป เมื่อเขากลายเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อสํารวจความลับของมัน แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแต่เขาสามารถเข้าและออกจากสายธารแห่งกาลเวลาได้อย่างอิสระ
เกาะบัวหินปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาด้วยตัวของมันเอง

เขาก้าวเข้าสู่เกาะบัวหินและพบกับเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดง “เทพปีศาจจิตวิญญาณ ข้า รอเจ้าอยู่ เรามาทําข้อตกลงกันเถอะ”

เทพปีศาจจิตวิญญาณตกลงทําข้อตกลง ดังนั้นเขาจึงได้เรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับวิญญาณชะตากรรมและวังสวรรค์เขาล้มเลิกความคิดที่จะบุกวังสวรรค์และวางแผนสร้างวิญญาณทารกอมตะ

เทพปีศาจบัวแดงมองเทพปีศาจจิตวิญญาณราวกับต้องการบอกว่าถึงเวลาทําธุรกรรมของเราแล้ว

เทพปีศาจจิตวิญญาณหัวเราะและออกคําสั่งเฒ่าเพิ่งหยวน “รวบรวมเจตจํานงของมนุษย์ทั้งหมดส่งให้ฟางหยวน”

เฒ่าเพิ่งหยวนเคลื่อนไหวทันที

เจตจํานงของมนุษย์ทุกประเภทปรากฏขึ้น

เทพปีศาจบัวแดงมองเจตจํานงของมนุษย์จํานวนมหาศาลที่ดูคล้ายทะเลสีรุ้งด้วยความพึงพอใจ

เขายิ้มให้ฟางหยวนก่อนจะพุ่งเข้าสู่ทะเลเจตจํานงด้วยตนเอง

เจตจํานงของมนุษย์กลืนกินเขาเข้าไป ต่อมาเปลวเพลิงสีแดงก็ลุกไหม้ขึ้นคล้ายกับดอกบัวสี
แดง

ราชันมังกรเห็นสิ่งนี้และโกรธมาก “บัวแดง เจ้าลอบทิ้งสิ่งนี้ไว้ในวังสวรรค์!”

ก่อนที่ราชันมังกรจะกล่าวจบ เขาก็บินออกไปและต้องการทําลายเจตจํานงของมนุษย์เหล่านั้น

“อย่าแม้แต่จะคิด!” อู่ส่วยเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขาใช้วังมังกรกีดขวางเส้นทางของราชันมังกร

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ในไม่ช้าวังมังกรก็ถูกบังคับให้ล่าถอย

“พวกเจ้าจะรอสิ่งใดอยู่?” ราชันมังกรตะโกนไปยังกลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์

หัวใจของผู้อมตะวังสวรรค์ชั้นสะท้านขึ้นก่อนที่พวกเขาจะพุ่งเข้าไปหาฟางหยวนและทะเลเจตจํานง

ผู้อมตะของสามภูมิภาคไม่สามารถนิ่งเฉย การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้นอีกครั้ง

“ไม่ว่าเทพปีศาจบัวแดงจะต้องการทําสิ่งใด วังสวรรค์ก็ต้องพบกับความสูญเสียนี่คือสิ่งที่เราต้องการเห็น!”ดวงตาของวูหยงส่องประกายสว่างไสวเขายิงดาบสายลมจํานวนนับไม่ถ้วนออกไปทันที

จางเฉิงคารามด้วยความโกรธ มันขดร่างอยู่รอบตัวฟางหยวนเพื่อปกป้องเขาและทะเลเจตจํานงแม้มันจะถูกโจมตีอย่างหนักแต่มันปฏิเสธที่จะล่าถอย

ปิงช่ายฉวนนําแท่นบูชาแห่งโชคต่อสู้กับหอพิพากษาปีศาจ เขามีความรู้สึกที่ซับซ้อนเทพปีศาจบัวแดงต้องการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิตเช่นกันนี่เป็นสิ่งที่ขัดต่อเป้าหมายของสวรรค์นิรันดร แต่เขาไม่สามารถหยุดมันหรือล่าถอยในเวลานี้เขาต้องต่อสู้เท่านั้น

เปลวเพลิงสีแดงเผาผลาญเจตจํานงของมนุษย์และปลดปล่อยกลิ่นหอมออกมา

หลังจากเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงหลอมรวมกับเจตจํานงของมนุษย์ทะเลเจตจํานงก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น

ฟางหยวนสูดหายใจลึกและยืนอยู่ในทะเลเพลิงโดยไม่เคลื่อนไหว

ผู้อมตะของวังสวรรค์หัวเราะเย้ยหยัน “ฟางหยวนไม่เคลื่อนไหว ดูเหมือนเขาจะไม่มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต!”

ฟางหยวนมองบุคคลที่กล่าวเรื่องนี้จากภายในเปลวเพลิง เขาเผยรอยยิ้มเย็นชาก่อนที่เสียงของเขาจะดังขึ้น“ข้าไม่มีแต่บางคนที่อยู่ในสนามรบแห่งนี้มี!”

“ผู้ใด?” ผู้อมตะทั้งหมดมีคําถามนี้อยู่ในใจ

“ค้นหาคนผู้นั้นและฆ่ามัน!” ผู้อมตะของวังสวรรค์บางคนกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ค้นหาคนผู้นั้นและปกป้องเขา!” ผู้อมตะของสามภูมิภาคตัดสินใจ

ฟางหยวนเงียบและมองไปที่ฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อมองเขาเช่นกัน

ทั้งสองมองหน้ากันราวกับการต่อสู้อยู่ห่างไกลจากพวกเขา

ฟงจิวเก้อสูดหายใจลึกและค่อยๆปิดเปลือกตาลง

ต่อมาเขาก็เปิดปากร้องเพลง

เพลงพรหมลิขิตดังไปทั่วสนามรบ

“ฟงจิวเก้อโจมตีอีกครั้ง!”

“ไปฆ่าฟางหยวน ทําลายเจตจํานงของมนุษย์!”

“กําจัดเจตจํานงของมนุษย์ก่อน ฟางหยวนเป็นเรื่องรอง!”

ผู้อมตะของวังสวรรค์ตะโกนด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่พุ่งสูงขึ้นแต่ในวินาทีต่อมาพวกเขากลับกรีดร้องด้วยความตกใจ

พวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากเพลงพรหมลิขิต แต่ผู้อมตะของสามภูมิภาคกลับแข็งแกร่งขึ้น

“ฟงจิวเก้อ เจ้ากําลังทําสิ่งใด?” ราชันมังกรโกรธและตกใจมาก

“ท่านพ่อ!” เสียงของฟงจินฮวงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“ฟงจิวเก้อ เหตุใดจึงทําเช่นนี้? เจ้าทรยศวังสวรรค์! กล้าดีอย่างไรถึงทําเช่นนี้!”ฉินติงหลิงกรีดร้องเสียงแหลมนางโกรธมากเพราะนางเป็นผู้มอบวิญญาณอมตะตอบสนองโชคให้กับฟงจิวเก้อ

แต่ฟงจิวเก้อกลับตอบแทนนางเช่นนี้

อย่างไรก็ตามฟงจิวเก้อยังสงบ เขาไม่หยุดร้องเพลง

เขาทรยศวังสวรรค์และร่วมมือกับฟางหยวนโดยปราศจากความลังเล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1962 เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1962 เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอ้ คนผู้นี้เดินออกมาจากแม่น้ํา!”

“เหตุใดท้องฟ้าถึงมีแม่น้ํา?”

“ชายผู้นี้ช่างหล่อเหลานัก!”

“ข้ายังคิดว่าเขาเป็นนางฟ้าในชุดคลุมสีแดง”

เนื่องจากท่าไม้ตายอมตะวิสัยทัศน์ของทุกคน มนุษย์ทั้งห้าภูมิภาคจึงเห็นฉากนี้

มนุษย์และผู้ใช้วิญญาณอาจไม่เข้าใจความรุนแรงของสถานการณ์ แต่ผู้อมตะส่วนใหญ่รู้ว่าชายหนุ่มลึกลับผู้นี้คือผู้ใด

ทันใดนั้นหัวใจของผู้อมตะทั้งหมดก็สั่นสะท้านขึ้นราวกับโลกกําลังจะถล่มทลาย

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?”

“เขาคือเทพปีศาจบัวแดงงั้นหรือ!?”

ท่ามกลางผู้อมตะระดับเก้า เทพปีศาจบัวแดงเป็นเทพที่ลึกลับที่สุด ย้อนกลับไปในอดีตวังสวรรค์ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อหล่อเลี้ยงเขา แต่ความพยายามของพวกเขากลายเป็นสูญเปล่าไม่เพียงบัวแดงจะไม่เป็นเทพอมตะเขายังกลายเป็นเทพปีศาจเขาทรยศต่อฝ่ายธรรมะและต้องการทําลายวิญญาณชะตากรรมวังสวรรค์พยายามทําลายข้อมูลทั้งหมดเพื่อขจัดอิทธิพลของเขา

นอกจากนั้นเทพปีศาจบัวแดงยังเกิดใหม่ตลอดเวลา เขาเปลี่ยนกลยุทธ์เสมอแต่เขายังต้องการรักษาชื่อเสียงของวังสวรรค์เพื่อประโยชน์ของอาจารย์ของเขานั่นทําให้เขาดําเนินการอย่างลับๆในความมืด

ดังนั้นผู้อมตะส่วนใหญ่จึงไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับเทพปีศาจบัวแดง

แต่เมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มเดินออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาและเรียกราชันมังกรว่าอาจารย์ พวกเขาจึงตระหนักถึงตัวตนของคนผู้นี้

เขาคือเทพปีศาจบัวแดงจริงๆ!

เขาเป็นผู้อมตะระดับเก้า เมื่อเขาปรากฏตัว ผู้ใดจะสามารถต่อต้านเขา?

แม้ราชันมังกรจะทรงพลัง แม้จางอี้เฉิงจะมีร่างกายใหญ่โต แม้ฟางหยวนจะมีผ้าคลุมเปื้อนเลือด พวกเขาก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเก่า
ไม่มีผู้ใดสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

เทพปีศาจบัวแดงเดินกลางอากาศไปถึงใจกลางสนามรบ เขายิ้ม “ทุกคนอย่ากังวลขาตายไปแล้วท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอดีตไม่เหลือพลังแล้วข้าเป็นเพียงเจตจํานงของร่างหลัก”

เจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงดูสมจริงและเหมือนมนุษย์ที่มีชีวิตมาก

แต่เมื่อผู้อมตะตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน พวกเขาจะตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างเจตจํานงกับมนุษย์ที่มีชีวิต

หลังจากผู้อมตะสามารถแยกแยะสิ่งนี้ พวกเขาจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เทพปีศาจบัวแดงไม่ได้โกหก นี่คือเจตจํานง มันไม่ใช่ร่างหลักของเขา

สังหรณ์ร้ายปรากฏขึ้นในใจของราชันมังกร

ราชันมังกรก่นเสียงเย็นและตะโกน “บัวแดง แม่เจ้าจะตายไปแล้ว แต่เจ้ายังไม่ยอมละทิ้งความคิดนอกรีตครั้งนี้เจ้าชนะวิญญาณชะตากรรมถูกทําลายโดยตัวหมากเบี้ยที่เจ้าเลือก”

เทพปีศาจบัวแดงส่ายศีรษะ “ท่านอาจารย์ นี่ยังไม่ใช่ชัยชนะ ดังนั้นข้าจึงต้องปรากฏตัว”

“เจ้าพยายามทําสิ่งใด?” ราชันมังกรขมวดคิ้ว ลางสังหรณ์ร้ายของเขายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

เทพปีศาจบัวแดงตอบด้วยการกระทํา ร่างของเขาหายไปก่อนจะปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าฟางหยวนในเสี้ยวพริบตา

ฟางหยวนมองเทพปีศาจบัวแดงด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง สายตาของเขามืดมิดราวกับท้องฟ้ายามค่ําคืน

เขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเทพปีศาจบัวแดง วิญญาณกาลเวลาที่เขาใช้เปลี่ยนสถานการณ์มาหลายครั้งเป็นวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนผู้นี้

“เจ้าทําได้ดีมาก ข้าแน่ใจว่าเจ้าเดาได้ว่าข้าจะทําสิ่งใดต่อไป” เทพปีศาจบัวแดงเผยรอยยิ้มให้ฟางหยวน

ฟางหยวนตอบ “แน่นอน”

“วิญญาณชะตากรรมถูกทําลาย แต่นั้นคือวิธีการใช้มันเป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต พวกเราต้องการปีศาจต่างโลกเช่นเจ้าต้องขอบคุณความช่วยเหลือของบางคนสุดท้ายเจ้าก็กลายเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์”เทพปีศาจจิตวิญญาณกล่าวและหันหน้าไปทางเทพปีศาจจิตวิญญาณและคนรับใช้ของเขาที่ซ่อนตัวอยู่

เทพธิดาจื่อเว่ยและเฒ่าเพิ่งหยวนเหงื่อไหล แม่นจะเป็นเพียงเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงแต่เขาก็น่ากลัวมากและสามารถค้นพบพวกเขาได้ด้วยการชําเลืองมองเพียงครั้งเดียว

ดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณกลับสู่ร่างมนุษย์แล้ว เขามองเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบกับเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดง ความทรงจําาปรากฏขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง

ย้อนกลับไป เมื่อเขากลายเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อสํารวจความลับของมัน แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแต่เขาสามารถเข้าและออกจากสายธารแห่งกาลเวลาได้อย่างอิสระ
เกาะบัวหินปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาด้วยตัวของมันเอง

เขาก้าวเข้าสู่เกาะบัวหินและพบกับเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดง “เทพปีศาจจิตวิญญาณ ข้า รอเจ้าอยู่ เรามาทําข้อตกลงกันเถอะ”

เทพปีศาจจิตวิญญาณตกลงทําข้อตกลง ดังนั้นเขาจึงได้เรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับวิญญาณชะตากรรมและวังสวรรค์เขาล้มเลิกความคิดที่จะบุกวังสวรรค์และวางแผนสร้างวิญญาณทารกอมตะ

เทพปีศาจบัวแดงมองเทพปีศาจจิตวิญญาณราวกับต้องการบอกว่าถึงเวลาทําธุรกรรมของเราแล้ว

เทพปีศาจจิตวิญญาณหัวเราะและออกคําสั่งเฒ่าเพิ่งหยวน “รวบรวมเจตจํานงของมนุษย์ทั้งหมดส่งให้ฟางหยวน”

เฒ่าเพิ่งหยวนเคลื่อนไหวทันที

เจตจํานงของมนุษย์ทุกประเภทปรากฏขึ้น

เทพปีศาจบัวแดงมองเจตจํานงของมนุษย์จํานวนมหาศาลที่ดูคล้ายทะเลสีรุ้งด้วยความพึงพอใจ

เขายิ้มให้ฟางหยวนก่อนจะพุ่งเข้าสู่ทะเลเจตจํานงด้วยตนเอง

เจตจํานงของมนุษย์กลืนกินเขาเข้าไป ต่อมาเปลวเพลิงสีแดงก็ลุกไหม้ขึ้นคล้ายกับดอกบัวสี
แดง

ราชันมังกรเห็นสิ่งนี้และโกรธมาก “บัวแดง เจ้าลอบทิ้งสิ่งนี้ไว้ในวังสวรรค์!”

ก่อนที่ราชันมังกรจะกล่าวจบ เขาก็บินออกไปและต้องการทําลายเจตจํานงของมนุษย์เหล่านั้น

“อย่าแม้แต่จะคิด!” อู่ส่วยเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขาใช้วังมังกรกีดขวางเส้นทางของราชันมังกร

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ในไม่ช้าวังมังกรก็ถูกบังคับให้ล่าถอย

“พวกเจ้าจะรอสิ่งใดอยู่?” ราชันมังกรตะโกนไปยังกลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์

หัวใจของผู้อมตะวังสวรรค์ชั้นสะท้านขึ้นก่อนที่พวกเขาจะพุ่งเข้าไปหาฟางหยวนและทะเลเจตจํานง

ผู้อมตะของสามภูมิภาคไม่สามารถนิ่งเฉย การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้นอีกครั้ง

“ไม่ว่าเทพปีศาจบัวแดงจะต้องการทําสิ่งใด วังสวรรค์ก็ต้องพบกับความสูญเสียนี่คือสิ่งที่เราต้องการเห็น!”ดวงตาของวูหยงส่องประกายสว่างไสวเขายิงดาบสายลมจํานวนนับไม่ถ้วนออกไปทันที

จางเฉิงคารามด้วยความโกรธ มันขดร่างอยู่รอบตัวฟางหยวนเพื่อปกป้องเขาและทะเลเจตจํานงแม้มันจะถูกโจมตีอย่างหนักแต่มันปฏิเสธที่จะล่าถอย

ปิงช่ายฉวนนําแท่นบูชาแห่งโชคต่อสู้กับหอพิพากษาปีศาจ เขามีความรู้สึกที่ซับซ้อนเทพปีศาจบัวแดงต้องการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิตเช่นกันนี่เป็นสิ่งที่ขัดต่อเป้าหมายของสวรรค์นิรันดร แต่เขาไม่สามารถหยุดมันหรือล่าถอยในเวลานี้เขาต้องต่อสู้เท่านั้น

เปลวเพลิงสีแดงเผาผลาญเจตจํานงของมนุษย์และปลดปล่อยกลิ่นหอมออกมา

หลังจากเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงหลอมรวมกับเจตจํานงของมนุษย์ทะเลเจตจํานงก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น

ฟางหยวนสูดหายใจลึกและยืนอยู่ในทะเลเพลิงโดยไม่เคลื่อนไหว

ผู้อมตะของวังสวรรค์หัวเราะเย้ยหยัน “ฟางหยวนไม่เคลื่อนไหว ดูเหมือนเขาจะไม่มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต!”

ฟางหยวนมองบุคคลที่กล่าวเรื่องนี้จากภายในเปลวเพลิง เขาเผยรอยยิ้มเย็นชาก่อนที่เสียงของเขาจะดังขึ้น“ข้าไม่มีแต่บางคนที่อยู่ในสนามรบแห่งนี้มี!”

“ผู้ใด?” ผู้อมตะทั้งหมดมีคําถามนี้อยู่ในใจ

“ค้นหาคนผู้นั้นและฆ่ามัน!” ผู้อมตะของวังสวรรค์บางคนกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ค้นหาคนผู้นั้นและปกป้องเขา!” ผู้อมตะของสามภูมิภาคตัดสินใจ

ฟางหยวนเงียบและมองไปที่ฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อมองเขาเช่นกัน

ทั้งสองมองหน้ากันราวกับการต่อสู้อยู่ห่างไกลจากพวกเขา

ฟงจิวเก้อสูดหายใจลึกและค่อยๆปิดเปลือกตาลง

ต่อมาเขาก็เปิดปากร้องเพลง

เพลงพรหมลิขิตดังไปทั่วสนามรบ

“ฟงจิวเก้อโจมตีอีกครั้ง!”

“ไปฆ่าฟางหยวน ทําลายเจตจํานงของมนุษย์!”

“กําจัดเจตจํานงของมนุษย์ก่อน ฟางหยวนเป็นเรื่องรอง!”

ผู้อมตะของวังสวรรค์ตะโกนด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่พุ่งสูงขึ้นแต่ในวินาทีต่อมาพวกเขากลับกรีดร้องด้วยความตกใจ

พวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากเพลงพรหมลิขิต แต่ผู้อมตะของสามภูมิภาคกลับแข็งแกร่งขึ้น

“ฟงจิวเก้อ เจ้ากําลังทําสิ่งใด?” ราชันมังกรโกรธและตกใจมาก

“ท่านพ่อ!” เสียงของฟงจินฮวงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“ฟงจิวเก้อ เหตุใดจึงทําเช่นนี้? เจ้าทรยศวังสวรรค์! กล้าดีอย่างไรถึงทําเช่นนี้!”ฉินติงหลิงกรีดร้องเสียงแหลมนางโกรธมากเพราะนางเป็นผู้มอบวิญญาณอมตะตอบสนองโชคให้กับฟงจิวเก้อ

แต่ฟงจิวเก้อกลับตอบแทนนางเช่นนี้

อย่างไรก็ตามฟงจิวเก้อยังสงบ เขาไม่หยุดร้องเพลง

เขาทรยศวังสวรรค์และร่วมมือกับฟางหยวนโดยปราศจากความลังเล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+