Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1980 ยอมรับความพ่ายแพ้

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1980 ยอมรับความพ่ายแพ้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทะเลตะวันออก แดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ากู้

วังมังกรตั้งอยู่ที่นี่

อาณาจักรแห่งความฝันถูกเก็บไว้ภายใน

อู่ส่วยนั่งปิดเปลือกตาอยู่ด้านหน้าอาณาจักรแห่งความฝัน เขากําลังสํารวจมันอย่างต่อเนื่อง

ภายในอาณาจักรแห่งความฝัน อู่ส่วยเป็นศิษย์ของหมอผู้หนึ่ง เขากําลังเรียนรู้ทักษะด้านการรักษา

ชายหนุ่มไหล่กว้างแต่เอวบางเดินเข้ามาในสถานพยาบาล เขามีสถานะค่อนข้างพิเศษหมอเจ้าของสถานพยาบาลต้องดูแลเขาด้วยตนเอง

“ท่านหมอ ตั้งแต่ข้าชนะการต่อสู้ครั้งก่อน ข้ารู้สึกว่าร่างกายของข้ามีปัญหาบางอย่าง” ชายหนุ่มกล่าว

หมอชราหัวเราะ “มา ข้าจะตรวจชีพจรของท่าน”

“ตรวจชีพจร?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

หมอชราอธิบาย “นี่เป็นวิธีตรวจร่างกายจากบ้านเกิดของข้า มันสามารถตรวจสอบอาการเจ็บป่วยขณะที่หัวใจของมนุษย์เต้นเลือดของพวกเขาจะไหลผ่านเส้นโลหิตและเกิดเป็นชีพจรข้ากู้หลอ สามารถตรวจชีพจรเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย”

ชายหนุ่มยกย่อง “สมกับเป็นหมอมากประสบการณ์ ข้าเคยได้ยินว่าสวรรค์มีเส้นโลหิตสวรรค์ปฐพี่มีเส้นโลหิตปฐพีและมนุษย์ก็มีเส้นโลหิตมนุษย์การตรวจชีพจรก็คือการตรวจสอบเส้นโลหิตมนุษย์เพื่อหาสาเหตุของปัญหาใช่หรือไม่?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถูกต้อง โปรดยกมือขึ้น” หมอชรายิ้ม

ชายหนุ่มยื่นมือออกไป หมอชราวางนิ้วลงบนข้อมือและปิดเปลือกตาลงเพื่อตรวจสอบ

ครูต่อมา หมอชราก็เปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง “นี่เป็นอาการเจ็บป่วยจริงๆ แต่ภายนอกจะไม่ปรากฏร่องรอยใดๆมันค่อนข้างเลวร้าย ท่านถูกโจมตีโดยวิธีบนเส้นทางแห่งภูตผี”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ท่านหมอกล่าวได้ถูกต้องแล้ว คู่ต่อสู้ของข้าคือผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผีจริงๆข้าถูกเขาโจมตีแม้ข้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ข้ารู้สึกแปลกๆโดยเฉพาะยามค่ำคืนปกติแล้วข้าสามารถนอนกับนางสนมมากกว่าสิบคนแต่ตอนนี้ข้าเหนื่อยมากหลังจากหลับนอนกับหญิงเพียงคนเดียว นอกจากนั้นข้ายังปวดเอวมากและรู้สึกเวียนศีรษะเป็นครั้งคราว”

หมอชราพยักหน้า “วิธีบนเส้นทางแห่งภูตผีนี้มุ่งเป้าไปที่ไตของท่าน กล่าวอีกนัยหนึ่งท่านเป็นโรคไต”

“เส้นทางแห่งภูตผีรับมือยากจริงๆ แล้วข้าควรทําอย่างไร?” ชายหนุ่มถาม

หมอชราตอบ “ข้าจะสั่งยาให้ท่าน กินยาชุดนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน ในช่วงหนึ่งเดือนนี้ท่านไม่ควรทํากิจกรรมยามค่ำคืน

ชายหนุ่มแสดงสีหน้าลําบากใจ “ท่านหมอ ท่านสามารถใช้วิญญาณรักษาข้าโดยตรงหรือไม่?หากข้าต้องใช้เวลารักษาถึงหนึ่งเดือนข้าอาจเป็นบ้าไปก่อน”

หมอชราส่ายศีรษะ “วิธีบนเส้นทางแห่งภูตผีส่งผลกระทบสลับกันระหว่างความจริงและความลวงเราต้องใช้เวลาเพื่อจัดการมัน แม้การรักษาของข้าจะไม่ใช่การใช้วิญญาณแต่มันก็อยู่ไม่ไกลจากเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณที่แท้จริงมันสามารถรักษาท่านได้อย่างแน่นอนนอกจากนี้วิธีอื่นก็ยากที่จะรักษาท่าน เว้นเพียงท่านจะพบหมอที่เก่งกว่าข้าเขาอาจสามารถแก้ปัญหาของท่าน”

ชายหนุ่มถอนหายใจ “ท่านหมอเป็นหมอที่เก่งที่สุดที่ข้ารู้จัก ข้าจะทําตามคําแนะนําของท่าน”

อาณาจักรแห่งความฝันจางหายไป อู่ส่วยประสบความสําเร็จในการสํารวจมัน

“เส้นโลหิตมนุษย์…” ดวงวิญญาณของอู่ส่วยกลับเข้าร่างและไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องราวในอาณาจักรแห่งความฝัน

อาณาจักรแห่งความฝันนี้มอบความหมายที่แท้จริงสองเส้นทางให้เขา พวกมันคือเส้นทางแห่งภูตผีและเส้นทางมนุษย์

ความสําเร็จบนเส้นทางมนุษย์ของฟางหยวนอยู่ในระดับปรมาจารย์ แต่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งภูตผีของเขาอยู่ระดับสามัญเท่านั้น

หลังจากสงครามชะตากรรม อาณาจักรแห่งความฝันทั้งหมดถูกมอบให้อู่ส่วยเพื่อสํารวจ

อาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้มาจากภูเขาอี้เทียน แม้ส่วนหนึ่งของมันจะถูกใช้ไปในสงครามชะตากรรมแต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่

หลังจากอู่ส่วยออกจากวังสวรรค์ เขากลับมายังทะเลตะวันออกและอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเขาปิดประตูฝึกตนและสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันเพื่อยกระดับความสําเร็จบนเส้นทางสายต่างๆ ให้กับร่างหลัก

“ปัจจุบันร่างหลักของข้าต้องการความสําเร็จบนเส้นทางมนุษย์ หลังจากการสํารวจครั้งนี้แม้มันจะยังอยู่ในระดับปรมาจารย์แต่มันน่าจะสามารถช่วยเหลือร่างหลักได้บ้าง”

อู่ส่วยพักผ่อนและเตรียมตัวสําหรับการสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันต่อไป

“หือ?” เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาได้รับวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลจากผู้นําเผ่ากู้

“ผู้นําเผ่ากูจะไม่รบกวนข้าด้วยเรื่องเล็กน้อย มันต้องมีเรื่องสําคัญเกิดขึ้น” อู่ส่วยเร่งตรวจสอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล

“โอ้ ผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์หิมะ จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งก่าลังสร้างปัญหาให้กับเผ่ามนุษย์เงือกงั้นหรือ?”

ในจดหมาย นางเงือกทั้งสามสัญญาว่าตราบเท่าที่คู่ส่วยมอบบทเรียนให้กับจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งและบังคับให้เขาจากไป พวกเขาจะขอบคุณด้วยรางวัลมากมาย ผู้นําเผ่ากู้ยังใช้น้ำเสียงที่ สุภาพเพื่อขอความช่วยเหลือจากอู่ส่วย

“แน่นอน ข้าจะช่วย” อู่ส่วยเผยรอยยิ้มบาง
เขามีความทรงจําส่วนหนึ่งในชีวิตห้าร้อยปีของฟางหยวน

อิส่วยตระหนักว่าเมื่อกําแพงภูมิภาคหายไป ห้าภูมิภาครวมเป็นหนึ่ง กระแสลมปราณจะเกิดขึ้น

ผู้อมตะของห้าภูมิภาคจะถูกบังคับให้พักฟื้น ในช่วงเวลานี้กองกําลังของสองสวรรค์จะออกมา และแสดงความเย่อหยิ่งอยู่ชั่วคร่
“ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะมีโอกาสติดต่อกับกองกําลังของสวรรค์สีดํา นี่เป็นโอกาสที่ดี!”

หลังจากนั้นอี้ส่วยก็ออกจากการปิดประตูฝึกตน

ที่งานเลี้ยง กลิ่นหอมของสุราลอยคละคลุ้งไปทั่ว แต่บรรยากาศกลับค่อนข้างน่ากลัว

สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกแสดงออกอย่างเย็นชาขณะที่จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งเผยรอยยิ้มให้กับ พวกนาง

เมื่อเสียงเพลงและการแสดงจบลง ห้องโถงกลายเป็นเงียบงัน

จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งดื่มสุราหนึ่งคําก่อนจะเปิดปากถาม “ข้าสงสัยว่าพวกเจ้าตัดสินใจหรือยัง ว่าจะส่งผู้ใดออกมาในรอบสุดท้าย?”

ใบหน้าของสามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกกลายเป็นมืดครึม แต่หลังจากพวกนางได้รับจดหมาย ใบ หน้าของพวกนางกลายเป็นปิติยินดี

เซี่ยหนิงซีกล่าว “เนื่องจากท่านจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งมีความกระตือรือร้น เช่นนั้นเรามาเริ่มการ ประลองรอบที่สามกันเถอะ”

“ดี” จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งวางถ้วยสุราลง “เราจะประลองกันอย่างไรร?”

“เราเชิญบางคนมาต่อสู้กับท่านจักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง” เหลียนเค่อซินกล่าว

“ท่านผู้นี้มาถึงแล้ว ท่านจักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง โปรดเตรียมตัวให้พร้อม” หยุจื่อเผยรอยยิ้มเย็นชา

หลังจากนั้นอู่ส่วยก็เดินเข้ามาในห้องโถง

“ผู้ใดต้องการสู้กับข้า” อู่ส่วยถามเสียงดัง

การแสดงออกของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งเปลี่ยนไป ทัศนคติที่ไร้กังวลของเขาหายไปอย่าง สมบูรณ์ เขาอุทานด้วยความตกใจ “เป็นเจ้า?”

จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับสงครามชะตากรรม อู่ส่วยเป็นหนึ่งในดา วจรัสแสงของสงครามครั้งนี้ ตอนนี้ทุกคนบนโลกใบนี้รู้จักเขาแล้ว

จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งเข้าใจทันทีว่าเหตุใดนางเงือกทั้งสามจึงมั่นใจนัก

หัวใจของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งจมดิ่งลง เขารู้จักความแข็งแกร่งของอู่ส่วย เขามีความหวังที่ จะได้รับชัยชนะเพียงเล็กน้อย

แต่ในสถานการณ์นี้ เขาไม่มีทางเลือก “ท่านอู่ส่วย ผู้ใดจะคิดว่าท่านจะอยู่ในวังเงือกศักดิ์สิทธิ์ ข้าสงสัยว่าฟางหยวนอยู่ที่ใด?”

อิส่วยก่นเสียงเย็น “ข้าได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวนเพื่อฟื้นคืนชีพ แต่เราเพียงร่วมงา นกันเพื่อต่อต้านวังสวรรค์เท่านั้น เราไม่มีความเกี่ยวข้องกันมากนัก เจ้าคือคู่ต่อสู้ของข้างั้นหรือ? เช่นนั้นก็ลงมือเถอะ”

อู่ส่วยแสดงออกอย่างไม่แยแส นี้ทําให้จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งโกรธ “อู่ส่วย เจ้าเป็นผู้อมตะระ ดับเจ็ด แต่น้ำเสียงของเจ้าช่างเย่อหยิ่งนัก”

อู่ส่วยยิ้ม “น้ำเสียงของผู้ใดกันแน่ที่เย่อหยิ่ง ในแง่ของความอาวุโส ข้าเป็นคนในยุคเดียวกับ เทพปีศาจบัวแดง! ตอนที่บ้าตายด้วยวัยชรา ปู่ของเจ้ายังไม่เกิด!”

“เจ้า!” จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง

“เจ้ามาหาเรื่องเผ่ามนุษย์เงือก เช่นนั้นก็อย่าเสียเวลา” อู่ส่วยกล่าวเสียงเย็น “หากเจ้าไม่โจมตี ข้าก็จะลงมือก่อน!”

หลังกล่าวจบคํา เขาก็นําคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมา

“วังมังกร!” รูม่านตาของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งหดเล็กลงขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งเข้า มาหาเขา

เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับคฤหาสน์ วิญญาณอมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงหลังนี้ได้โดยตรง ดังนั้นเขาจึงต้องหลบออกไป

สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกไม่คิดว่าอู่ส่วยจะรีบร้อนเช่นนี้ เขาโจมตีโดยไม่แจ้งเตือนล่วงหน้า!

เซี่ยหนึ่งซีกล่าว “ผู้อาวุโสอู่ส่วย นี่คือห้องโถงของเผ่ามนุษย์เงือก หากท่านต้องการต่อสู้ มัน จะดีกว่าที่ท่านจะออกไปข้างนอก…”

“บีม!”
แต่มันสายเกินไป ห้องโถงพังทลายลงเรียบร้อยแล้ว

สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกและจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งบินออกไปอย่างน่าสมเพช

วังมังกรลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า อู่ส่วยยืนอยู่ที่ประตูวังและมองลงไปที่จักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง “เจ้าหนู เจ้าจะวิ่งไปที่ใด?”

หัวใจของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งเต้นแรง เขารู้สึกคอแห้งอย่างกะทันหัน “อู่ส่วยไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นผู้อาวุโสงั้นหรือ? หากมีความกล้าก็อย่าพึ่งพาคฤหาสน์วิญญาณอมตะ!”

“โอ้ เช่นนั้นหรือ?” อู่ส่วยหัวเราะเย้ยหยัน

สามผู้นําเผ่ามนาย์เงือกรู้สึกผิดปกติ หยูจอตะโกน “ผู้อาวุโสอู่ส่วย ที่นี่เป็นฐานทัพใหญ่ของเผ่ามนุษย์เงือกหากท่านกําลังจะต่อสู้โปรดออกไปข้างนอก…”

ก่อนที่นางจะกล่าวจบประโยค ตีจางเฉิงก็ถูกปล่อยออกมาจากวังมังกรเรียบร้อยแล้ว

“โฮก…”

มังกรที่มีร่างกายขนาดมหึมาบีบอัดอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ หางของมันสะบัดไปมาและทําลายภูเขาจํานวนมากลงในครั้งเดียว

เผ่ามนุษย์เงือกกรีดร้องและวิ่งหนีด้วยความโกลาหล

สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกตกตะลึงและไม่รู้ว่าควรทําอย่างไร

“มาสู้กัน!” อู่ส่วยกล่าวกับจักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง

จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งมองวังมังกรกับมังกรปีศาจและรู้สึกถึงความไร้นัยสําคัญของตนเอง

แม้เขาจะเป็นมนุษย์หิมะ แต่ตอนนี้เขารู้สึกหนาวเย็นไปถึงแกนกระดูก

หลังจากเงียบไปสักพัก จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งก็ป้องหมัดกล่าว “ผู้อาวุโส ท่านแข็งแกร่งมากผู้น้อยยอมรับความพ่ายแพ้!”

สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกเงียบกริบ

อู่ส่วยเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แต่จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งกลับยอมรับความพ่ายแพ้โดยไม่แม้แต่จะต่อสู้

“ฮัม เจ้าฉลาดมาก” อู่ส่วยหัวเราะเบาๆก่อนจะเก็บจางเฉิงและวังมังกร

“ต่อไปเรามาพูดคุยเกี่ยวกับพันธมิตร”อู่ส่วยกล่าวอีกครั้ง

“ผู้อาวุโสอู่ส่วย!” สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกตกใจ

“อันใด พวกเจ้ายังคิดว่าสามารถแยกตัวเองออกจากทุกสิ่งได้อีกงั้นหรือ?” คิ้วของอู่ส่วยยกขึ้นเขากล่าวด้วยความไม่พอใจ

สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกไม่กล้าโต้แย้ง

จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งดีใจมาก ผู้ใดจะคิดว่าเหตุการณ์จะพลิกผันเช่นนี้เขากล่าวตะกุกตะกัก“ผู้…ผู้อาวุโสท่านหมายถึง?”

อู่ส่วยตบไหล่จักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง “ไปคุยกันที่ห้องโถง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1980 ยอมรับความพ่ายแพ้

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1980 ยอมรับความพ่ายแพ้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทะเลตะวันออก แดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ากู้

วังมังกรตั้งอยู่ที่นี่

อาณาจักรแห่งความฝันถูกเก็บไว้ภายใน

อู่ส่วยนั่งปิดเปลือกตาอยู่ด้านหน้าอาณาจักรแห่งความฝัน เขากําลังสํารวจมันอย่างต่อเนื่อง

ภายในอาณาจักรแห่งความฝัน อู่ส่วยเป็นศิษย์ของหมอผู้หนึ่ง เขากําลังเรียนรู้ทักษะด้านการรักษา

ชายหนุ่มไหล่กว้างแต่เอวบางเดินเข้ามาในสถานพยาบาล เขามีสถานะค่อนข้างพิเศษหมอเจ้าของสถานพยาบาลต้องดูแลเขาด้วยตนเอง

“ท่านหมอ ตั้งแต่ข้าชนะการต่อสู้ครั้งก่อน ข้ารู้สึกว่าร่างกายของข้ามีปัญหาบางอย่าง” ชายหนุ่มกล่าว

หมอชราหัวเราะ “มา ข้าจะตรวจชีพจรของท่าน”

“ตรวจชีพจร?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

หมอชราอธิบาย “นี่เป็นวิธีตรวจร่างกายจากบ้านเกิดของข้า มันสามารถตรวจสอบอาการเจ็บป่วยขณะที่หัวใจของมนุษย์เต้นเลือดของพวกเขาจะไหลผ่านเส้นโลหิตและเกิดเป็นชีพจรข้ากู้หลอ สามารถตรวจชีพจรเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย”

ชายหนุ่มยกย่อง “สมกับเป็นหมอมากประสบการณ์ ข้าเคยได้ยินว่าสวรรค์มีเส้นโลหิตสวรรค์ปฐพี่มีเส้นโลหิตปฐพีและมนุษย์ก็มีเส้นโลหิตมนุษย์การตรวจชีพจรก็คือการตรวจสอบเส้นโลหิตมนุษย์เพื่อหาสาเหตุของปัญหาใช่หรือไม่?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถูกต้อง โปรดยกมือขึ้น” หมอชรายิ้ม

ชายหนุ่มยื่นมือออกไป หมอชราวางนิ้วลงบนข้อมือและปิดเปลือกตาลงเพื่อตรวจสอบ

ครูต่อมา หมอชราก็เปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง “นี่เป็นอาการเจ็บป่วยจริงๆ แต่ภายนอกจะไม่ปรากฏร่องรอยใดๆมันค่อนข้างเลวร้าย ท่านถูกโจมตีโดยวิธีบนเส้นทางแห่งภูตผี”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ท่านหมอกล่าวได้ถูกต้องแล้ว คู่ต่อสู้ของข้าคือผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผีจริงๆข้าถูกเขาโจมตีแม้ข้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ข้ารู้สึกแปลกๆโดยเฉพาะยามค่ำคืนปกติแล้วข้าสามารถนอนกับนางสนมมากกว่าสิบคนแต่ตอนนี้ข้าเหนื่อยมากหลังจากหลับนอนกับหญิงเพียงคนเดียว นอกจากนั้นข้ายังปวดเอวมากและรู้สึกเวียนศีรษะเป็นครั้งคราว”

หมอชราพยักหน้า “วิธีบนเส้นทางแห่งภูตผีนี้มุ่งเป้าไปที่ไตของท่าน กล่าวอีกนัยหนึ่งท่านเป็นโรคไต”

“เส้นทางแห่งภูตผีรับมือยากจริงๆ แล้วข้าควรทําอย่างไร?” ชายหนุ่มถาม

หมอชราตอบ “ข้าจะสั่งยาให้ท่าน กินยาชุดนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน ในช่วงหนึ่งเดือนนี้ท่านไม่ควรทํากิจกรรมยามค่ำคืน

ชายหนุ่มแสดงสีหน้าลําบากใจ “ท่านหมอ ท่านสามารถใช้วิญญาณรักษาข้าโดยตรงหรือไม่?หากข้าต้องใช้เวลารักษาถึงหนึ่งเดือนข้าอาจเป็นบ้าไปก่อน”

หมอชราส่ายศีรษะ “วิธีบนเส้นทางแห่งภูตผีส่งผลกระทบสลับกันระหว่างความจริงและความลวงเราต้องใช้เวลาเพื่อจัดการมัน แม้การรักษาของข้าจะไม่ใช่การใช้วิญญาณแต่มันก็อยู่ไม่ไกลจากเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณที่แท้จริงมันสามารถรักษาท่านได้อย่างแน่นอนนอกจากนี้วิธีอื่นก็ยากที่จะรักษาท่าน เว้นเพียงท่านจะพบหมอที่เก่งกว่าข้าเขาอาจสามารถแก้ปัญหาของท่าน”

ชายหนุ่มถอนหายใจ “ท่านหมอเป็นหมอที่เก่งที่สุดที่ข้ารู้จัก ข้าจะทําตามคําแนะนําของท่าน”

อาณาจักรแห่งความฝันจางหายไป อู่ส่วยประสบความสําเร็จในการสํารวจมัน

“เส้นโลหิตมนุษย์…” ดวงวิญญาณของอู่ส่วยกลับเข้าร่างและไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องราวในอาณาจักรแห่งความฝัน

อาณาจักรแห่งความฝันนี้มอบความหมายที่แท้จริงสองเส้นทางให้เขา พวกมันคือเส้นทางแห่งภูตผีและเส้นทางมนุษย์

ความสําเร็จบนเส้นทางมนุษย์ของฟางหยวนอยู่ในระดับปรมาจารย์ แต่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งภูตผีของเขาอยู่ระดับสามัญเท่านั้น

หลังจากสงครามชะตากรรม อาณาจักรแห่งความฝันทั้งหมดถูกมอบให้อู่ส่วยเพื่อสํารวจ

อาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้มาจากภูเขาอี้เทียน แม้ส่วนหนึ่งของมันจะถูกใช้ไปในสงครามชะตากรรมแต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่

หลังจากอู่ส่วยออกจากวังสวรรค์ เขากลับมายังทะเลตะวันออกและอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเขาปิดประตูฝึกตนและสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันเพื่อยกระดับความสําเร็จบนเส้นทางสายต่างๆ ให้กับร่างหลัก

“ปัจจุบันร่างหลักของข้าต้องการความสําเร็จบนเส้นทางมนุษย์ หลังจากการสํารวจครั้งนี้แม้มันจะยังอยู่ในระดับปรมาจารย์แต่มันน่าจะสามารถช่วยเหลือร่างหลักได้บ้าง”

อู่ส่วยพักผ่อนและเตรียมตัวสําหรับการสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันต่อไป

“หือ?” เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาได้รับวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลจากผู้นําเผ่ากู้

“ผู้นําเผ่ากูจะไม่รบกวนข้าด้วยเรื่องเล็กน้อย มันต้องมีเรื่องสําคัญเกิดขึ้น” อู่ส่วยเร่งตรวจสอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล

“โอ้ ผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์หิมะ จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งก่าลังสร้างปัญหาให้กับเผ่ามนุษย์เงือกงั้นหรือ?”

ในจดหมาย นางเงือกทั้งสามสัญญาว่าตราบเท่าที่คู่ส่วยมอบบทเรียนให้กับจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งและบังคับให้เขาจากไป พวกเขาจะขอบคุณด้วยรางวัลมากมาย ผู้นําเผ่ากู้ยังใช้น้ำเสียงที่ สุภาพเพื่อขอความช่วยเหลือจากอู่ส่วย

“แน่นอน ข้าจะช่วย” อู่ส่วยเผยรอยยิ้มบาง
เขามีความทรงจําส่วนหนึ่งในชีวิตห้าร้อยปีของฟางหยวน

อิส่วยตระหนักว่าเมื่อกําแพงภูมิภาคหายไป ห้าภูมิภาครวมเป็นหนึ่ง กระแสลมปราณจะเกิดขึ้น

ผู้อมตะของห้าภูมิภาคจะถูกบังคับให้พักฟื้น ในช่วงเวลานี้กองกําลังของสองสวรรค์จะออกมา และแสดงความเย่อหยิ่งอยู่ชั่วคร่
“ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะมีโอกาสติดต่อกับกองกําลังของสวรรค์สีดํา นี่เป็นโอกาสที่ดี!”

หลังจากนั้นอี้ส่วยก็ออกจากการปิดประตูฝึกตน

ที่งานเลี้ยง กลิ่นหอมของสุราลอยคละคลุ้งไปทั่ว แต่บรรยากาศกลับค่อนข้างน่ากลัว

สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกแสดงออกอย่างเย็นชาขณะที่จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งเผยรอยยิ้มให้กับ พวกนาง

เมื่อเสียงเพลงและการแสดงจบลง ห้องโถงกลายเป็นเงียบงัน

จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งดื่มสุราหนึ่งคําก่อนจะเปิดปากถาม “ข้าสงสัยว่าพวกเจ้าตัดสินใจหรือยัง ว่าจะส่งผู้ใดออกมาในรอบสุดท้าย?”

ใบหน้าของสามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกกลายเป็นมืดครึม แต่หลังจากพวกนางได้รับจดหมาย ใบ หน้าของพวกนางกลายเป็นปิติยินดี

เซี่ยหนิงซีกล่าว “เนื่องจากท่านจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งมีความกระตือรือร้น เช่นนั้นเรามาเริ่มการ ประลองรอบที่สามกันเถอะ”

“ดี” จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งวางถ้วยสุราลง “เราจะประลองกันอย่างไรร?”

“เราเชิญบางคนมาต่อสู้กับท่านจักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง” เหลียนเค่อซินกล่าว

“ท่านผู้นี้มาถึงแล้ว ท่านจักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง โปรดเตรียมตัวให้พร้อม” หยุจื่อเผยรอยยิ้มเย็นชา

หลังจากนั้นอู่ส่วยก็เดินเข้ามาในห้องโถง

“ผู้ใดต้องการสู้กับข้า” อู่ส่วยถามเสียงดัง

การแสดงออกของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งเปลี่ยนไป ทัศนคติที่ไร้กังวลของเขาหายไปอย่าง สมบูรณ์ เขาอุทานด้วยความตกใจ “เป็นเจ้า?”

จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับสงครามชะตากรรม อู่ส่วยเป็นหนึ่งในดา วจรัสแสงของสงครามครั้งนี้ ตอนนี้ทุกคนบนโลกใบนี้รู้จักเขาแล้ว

จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งเข้าใจทันทีว่าเหตุใดนางเงือกทั้งสามจึงมั่นใจนัก

หัวใจของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งจมดิ่งลง เขารู้จักความแข็งแกร่งของอู่ส่วย เขามีความหวังที่ จะได้รับชัยชนะเพียงเล็กน้อย

แต่ในสถานการณ์นี้ เขาไม่มีทางเลือก “ท่านอู่ส่วย ผู้ใดจะคิดว่าท่านจะอยู่ในวังเงือกศักดิ์สิทธิ์ ข้าสงสัยว่าฟางหยวนอยู่ที่ใด?”

อิส่วยก่นเสียงเย็น “ข้าได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวนเพื่อฟื้นคืนชีพ แต่เราเพียงร่วมงา นกันเพื่อต่อต้านวังสวรรค์เท่านั้น เราไม่มีความเกี่ยวข้องกันมากนัก เจ้าคือคู่ต่อสู้ของข้างั้นหรือ? เช่นนั้นก็ลงมือเถอะ”

อู่ส่วยแสดงออกอย่างไม่แยแส นี้ทําให้จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งโกรธ “อู่ส่วย เจ้าเป็นผู้อมตะระ ดับเจ็ด แต่น้ำเสียงของเจ้าช่างเย่อหยิ่งนัก”

อู่ส่วยยิ้ม “น้ำเสียงของผู้ใดกันแน่ที่เย่อหยิ่ง ในแง่ของความอาวุโส ข้าเป็นคนในยุคเดียวกับ เทพปีศาจบัวแดง! ตอนที่บ้าตายด้วยวัยชรา ปู่ของเจ้ายังไม่เกิด!”

“เจ้า!” จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง

“เจ้ามาหาเรื่องเผ่ามนุษย์เงือก เช่นนั้นก็อย่าเสียเวลา” อู่ส่วยกล่าวเสียงเย็น “หากเจ้าไม่โจมตี ข้าก็จะลงมือก่อน!”

หลังกล่าวจบคํา เขาก็นําคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมา

“วังมังกร!” รูม่านตาของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งหดเล็กลงขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งเข้า มาหาเขา

เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับคฤหาสน์ วิญญาณอมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงหลังนี้ได้โดยตรง ดังนั้นเขาจึงต้องหลบออกไป

สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกไม่คิดว่าอู่ส่วยจะรีบร้อนเช่นนี้ เขาโจมตีโดยไม่แจ้งเตือนล่วงหน้า!

เซี่ยหนึ่งซีกล่าว “ผู้อาวุโสอู่ส่วย นี่คือห้องโถงของเผ่ามนุษย์เงือก หากท่านต้องการต่อสู้ มัน จะดีกว่าที่ท่านจะออกไปข้างนอก…”

“บีม!”
แต่มันสายเกินไป ห้องโถงพังทลายลงเรียบร้อยแล้ว

สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกและจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งบินออกไปอย่างน่าสมเพช

วังมังกรลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า อู่ส่วยยืนอยู่ที่ประตูวังและมองลงไปที่จักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง “เจ้าหนู เจ้าจะวิ่งไปที่ใด?”

หัวใจของจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งเต้นแรง เขารู้สึกคอแห้งอย่างกะทันหัน “อู่ส่วยไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นผู้อาวุโสงั้นหรือ? หากมีความกล้าก็อย่าพึ่งพาคฤหาสน์วิญญาณอมตะ!”

“โอ้ เช่นนั้นหรือ?” อู่ส่วยหัวเราะเย้ยหยัน

สามผู้นําเผ่ามนาย์เงือกรู้สึกผิดปกติ หยูจอตะโกน “ผู้อาวุโสอู่ส่วย ที่นี่เป็นฐานทัพใหญ่ของเผ่ามนุษย์เงือกหากท่านกําลังจะต่อสู้โปรดออกไปข้างนอก…”

ก่อนที่นางจะกล่าวจบประโยค ตีจางเฉิงก็ถูกปล่อยออกมาจากวังมังกรเรียบร้อยแล้ว

“โฮก…”

มังกรที่มีร่างกายขนาดมหึมาบีบอัดอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ หางของมันสะบัดไปมาและทําลายภูเขาจํานวนมากลงในครั้งเดียว

เผ่ามนุษย์เงือกกรีดร้องและวิ่งหนีด้วยความโกลาหล

สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกตกตะลึงและไม่รู้ว่าควรทําอย่างไร

“มาสู้กัน!” อู่ส่วยกล่าวกับจักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง

จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งมองวังมังกรกับมังกรปีศาจและรู้สึกถึงความไร้นัยสําคัญของตนเอง

แม้เขาจะเป็นมนุษย์หิมะ แต่ตอนนี้เขารู้สึกหนาวเย็นไปถึงแกนกระดูก

หลังจากเงียบไปสักพัก จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งก็ป้องหมัดกล่าว “ผู้อาวุโส ท่านแข็งแกร่งมากผู้น้อยยอมรับความพ่ายแพ้!”

สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกเงียบกริบ

อู่ส่วยเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แต่จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งกลับยอมรับความพ่ายแพ้โดยไม่แม้แต่จะต่อสู้

“ฮัม เจ้าฉลาดมาก” อู่ส่วยหัวเราะเบาๆก่อนจะเก็บจางเฉิงและวังมังกร

“ต่อไปเรามาพูดคุยเกี่ยวกับพันธมิตร”อู่ส่วยกล่าวอีกครั้ง

“ผู้อาวุโสอู่ส่วย!” สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกตกใจ

“อันใด พวกเจ้ายังคิดว่าสามารถแยกตัวเองออกจากทุกสิ่งได้อีกงั้นหรือ?” คิ้วของอู่ส่วยยกขึ้นเขากล่าวด้วยความไม่พอใจ

สามผู้นําเผ่ามนุษย์เงือกไม่กล้าโต้แย้ง

จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งดีใจมาก ผู้ใดจะคิดว่าเหตุการณ์จะพลิกผันเช่นนี้เขากล่าวตะกุกตะกัก“ผู้…ผู้อาวุโสท่านหมายถึง?”

อู่ส่วยตบไหล่จักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง “ไปคุยกันที่ห้องโถง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+