Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1006 มีเพียงสังหารจึงจะสงบใจ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1006 มีเพียงสังหารจึงจะสงบใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เรียบง่าย หยาบกระด้าง รวดเร็ว!

ตั้งแต่อวี้เป๋าเป่าก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ หลายปีมานี้แทบไม่พบคู่ต่อกร ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตนจะถูกซัดพ่ายง่ายดายปานนี้

นี่คือการประลองซึ่งหน้าแต่นางกลับแพ้หมดรูป!

ความรู้สึกหวาดกลัวยากพรรณนาแผ่ลามทั่วร่างดั่งกระแสวารี ทำให้มือเท้านางเย็นเยียบ

โครม!

เวลาต่อมา เบื้องหน้านางพลันมืดมัวหมดสติฉับพลัน

ขณะเดียวกันหลินสวินออกเคลื่อนไหวอีกครั้งนานแล้ว

ตูม!

กลางอากาศ ทวนทองผลาญตะวันเปล่งประกายเรืองอร่าม เพียงคลื่นที่แผ่ขยายออกมาก็ทำให้ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือน เกิดคลื่นชวนประหวั่น

มันเฉียบคมไร้เทียมทาน ดุดันหาใดเปรียบ พละกำลังไม่อาจต้าน สำแดงอานุภาพอริยเทพ แสงอริยะสีทองห้อมล้อมสะท้อนแสงเรืองรองจนทำให้ใต้หล้าหม่นมัว

เมืองแสงอุดรที่กว้างใหญ่ดั่งตกสู่มหันตภัยวันสิ้นโลก ฟ้าพลิกดินตลบ สรรพสิ่งดับสลาย ภาพทำลายล้างเช่นนั้นเพียงพอทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดๆ หวาดผวา

แม้ทวนทองผลาญตะวันจะแข็งแกร่ง แต่กลับทะลวงการสกัดและขัดขวางของเจดีย์สมบัติไร้อักษรไม่ได้

เจดีย์นี้หลอมจากเหล็กเทพศุภโชคทั้งหมด เผยความจรัสงามตระการหลากสี ตัวเจดีย์เก่าแก่แผ่แสงศักดิ์สิทธิ์หมื่นพันสาย ท่ามกลางความเลือนรางดั่งมีเสียงธรรมวิเศษของอริยบุคคลแพร่ผ่าน

มันลอยคว้างกลางอากาศ เปี่ยมพลานุภาพไร้ขีดจำกัดกำราบทั่วทิศ ไม่ว่าทวนทองผลาญตะวันจู่โจมอย่างไรก็ไม่อาจสั่นคลอนได้

ครืนๆ

สมบัติอริยะทั้งสองปะทะชิงชัย ความน่ากลัวแห่งพลังทำลายล้างที่เกิดขึ้น หากไม่เห็นกับตาตัวเองคงไม่อาจจินตนาการแน่

‘เป็นไปได้อย่างไร! แม้แต่ทวนทองผลาญตะวันล้วนทำอะไรไม่ได้หรือ’ เสวี่ยเชียนเหินในใจสั่นสะท้าน สีหน้าจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ก่อนหน้านี้แม้หลินสวินสำแดงพลังต่อสู้ล้ำเลิศไม่เป็นสองรองใคร ทำให้เขารู้สึกเกินคาด แต่ก็ไม่ได้หวาดหวั่น เพราะภารกิจครั้งนี้ทางสำนักยังมอบสมบัติอริยะทวนทองผลาญตะวันชิ้นนี้มาด้วย!

อย่าว่าแต่เทพมารหลินที่ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎคนหนึ่ง ต่อให้เหล่าปีศาจไร้เทียมทานซึ่งชื่อเสียงสั่นสะเทือนแดนชัยบูรพานานแล้วมาเอง เสวี่ยเชียนเหินก็มั่นใจว่าจะคว่ำอีกฝ่ายได้

แต่ตอนนี้…

เมื่อเห็นอานุภาพของเจดีย์สมบัติไร้อักษรกับตา ความเชื่อมั่นในใจเสวี่ยเชียนเหินพลันสั่นคลอน

นึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีสมบัติอริยะจริง!

นี่เหนือการคาดเดาของเสวี่ยเชียนเหินอย่างสิ้นเชิง ราวกับถูกฟาดกระบองใส่หนักๆ ทำให้เขายากจะรับ

จากที่เขารู้อีกฝ่ายมีชาติกำเนิดต่ำต้อยยิ่ง เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มาจากชนบทของโลกชั้นล่างอันแร้นแค้น แต่คนพรรค์นี้กลับครองสมบัติอริยะ นี่จะให้ผู้อื่นกล้าเชื่อได้อย่างไร

ตูม!

ช่วงที่เหม่อลอยพลังน่าหวาดกลัวสายหนึ่งจู่โจมเข้ามา ทำเสวี่ยเชียนเหินพลันได้สติทันที

เมื่อเงยมองออกไป หลินสวินก็บุกสังหารเข้ามาด้วยอานุภาพดั่งเทพมาร

ทวนทองผลาญตะวันถูกสกัด เสวี่ยเชียนเหินเท่ากับเสียไพ่ตายใหญ่สุดในมือ

ประกอบกับพลังต่อสู้ชวนประหวั่นที่หลินสวินสำแดงก่อนหน้า แม้แต่จางเจิงและอวี้เป๋าเป่าล้วนทยอยถูกกำราบ นี่ทำให้เสวี่ยเชียนเหินไม่มีความมุ่งมาดอยากต่อสู้กับหลินสวินต่ออีก

เขารู้ว่าไม่เข้าทีจึงคิดถอย

“ผนึกป้าเซี่ย!”

แต่ในเวลาเดียวกับที่หลินสวินเข้าจู่โจมสังหาร คลื่นผนึกต้องห้ามเร้นลับก็แผ่กระจายออกมา ปกคลุมเสวี่ยเชียนเหินท่ามกลางความเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง

เสวี่ยเชียนเหินสังเกตเห็นทันที การเคลื่อนไหวของเขาหยุดชะงักเสี้ยวหนึ่งราวปลาแหวกว่ายที่ติดอยู่ในชั้นน้ำแข็ง

‘แย่แน่!’ เขาหน้าพลันเปลี่ยนสี ตวาดทันใด “ปล่อยข้านะ!”

เสียงครืนดังสนั่น บนร่างสูงโปร่งของเขาปรากฏแสงศักดิ์สิทธิ์ลุกโชนดุจอัคคี พริบตาก็ทลายพลังผนึกป้าเซี่ย

แต่ขณะเดียวกันหลินสวินพุ่งโจมตีเข้ามาแล้ว!

หากใช้ผนึกป้าเซี่ยจัดการผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติคนอื่น คงทำให้อีกฝ่ายขยับไม่ได้ ได้แค่นั่งรอความตายแล้ว แต่ใช้จัดการคนในขอบเขตมกุฎระดับเสวี่ยเชียนเหินกลับมีผลไม่มาก

ทว่าขอแค่สามารถกักขังอีกฝ่ายชั่วขณะก็เพียงพอ!

ฆ่า!

นัยน์ตาเยียบเย็นของหลินสวินวาบแววอสนี ปล่อยพลังหมัดเรียบง่ายทรงอานุภาพออกมา

“ไสหัวไป!” เสวี่ยเชียนเหินประกบนิ้วเป็นดาบ กรีดตัดพลังหมัดของหลินสวินดังขวับ

แต่เหนือความคาดหมายของเขา พลังหมัดนั่นแม้ถูกกรีดตัดแต่ยังควบรวมไม่สลาย กลายเป็นเส้นสายแหลมคมหลากสายพุ่งยิ่งออกมา

ฟื้นคืนหวนชีวา!

นี่คือวิชาหนึ่งที่อยู่ใน ‘วิชาจุติหงส์ทมิฬ’ ทำให้การจู่โจมที่สำแดงออกไปเกิดใหม่ฟื้นคืนชีพ แปลกประหลาดและน่าหวาดกลัวยิ่ง ทำให้ผู้คนไม่อาจป้องกัน

ฟุ่บๆๆ

เห็นชัดว่าเสวี่ยเชียนเหินถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว แม้ป้องกันเต็มกำลังแต่พลังพิทักษ์กายบนร่างยังถูกทะลวงผ่าน แสงพลังเฉียบคมสายแล้วสายเล่าแทงทะลุ เกิดรูโหว่ชุ่มเลือดมากมาย!

เขาร้องทุรนทุรายหน้าพลันเปลี่ยนสี เจ็บปวดรวดร้าวหาใดเปรียบ หลบหนีออกไปโดยไม่ลังเล

เมื่อต่อสู้กับหลินสวินจริง เขาถึงเข้าใจความรู้สึกของจางเจิงและอวี้เป๋าเป่าก่อนหน้านี้ แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ไม่เหมือนผู้กล้าขอบเขตมกุฎอย่างสิ้นเชิง กลับประหนึ่งเทพมารที่ไม่อาจเอาชนะ!

เคร้ง!

ทวนทองผลาญตะวันกระเด็นกลับ เสวี่ยเชียนเหินเอื้อมมือหมายไขว่คว้า

เพราะเวลานี้เขาสัมผัสถึงอันตรายขีดสุด แม้หลบหนีก็จำต้องอาศัยสมบัติอริยะมาคุ้มกาย

แต่มีเจดีย์สมบัติไร้อักษรสกัดกั้น มีหรือจะให้ทวนทองผลาญตะวันถูกเรียกคืนง่ายดายเช่นนั้น

วู้ม…

ก็เห็นเจดีย์สมบัติไร้อักษรส่องประกาย แสงมรรคทองนิลกาฬหมื่นพันสายลู่ลงมาปกคลุมแน่นขนัด ทำให้ทวนทองผลาญตะวันนั่นสั่นคลอนรุนแรงฉับพลัน

ไม่ดีแน่!

เสวี่ยเชียนเหินนัยน์ตาเบิกกว้าง ขวัญหนีดีฝ่อ

เพียงแต่ระหว่างที่เขาไม่ทันตอบสนอง หลินสวินก็เข้ามาแล้ว นิ้วทั้งห้าดั่งกรงเล็บมังกรเข้าคว้าอย่างแรงแหวกอากาศ จับร่างเสวี่ยเชียนเหินไว้ได้อย่างมั่นเหมาะ

ขอบเขตมกุฎพ่ายอีกคนแล้ว!

เริ่มจากจางเจิงบุกจู่โจมจนถึงอวี้เป๋าเป่าถูกกำราบ และเสวี่ยเชียนเหินถูกจับอีก ใช้เวลาไม่กี่อึดใจก็ปิดฉากลง

แต่ช่วงเวลาไม่กี่อึดใจนี้กลับเกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญมากเหลือเกิน

การประลองสมบัติอริยะทำเมืองแสงอุดรตกสู่ความพินาศ…

เหล่าผู้ฝึกปราณถอยหนีไม่กล้าเข้าใกล้สักก้าว…

ห้วงอากาศปั่นป่วน ฟ้าดินแถบนี้โกลาหล…

ปรากฏการณ์ทุกอย่างเรียกได้ว่าสะท้านฟ้าสะเทือนดิน น่าสะพรึงไร้ขีดจำกัด

แต่สุดท้ายอวี้เป๋าเป่าพ่ายแพ้ เสวี่ยเชียนเหินเองก็ปราชัย!

ไกลออกไป เหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์อย่างพวกหนานกงหั่ว กู้อวิ๋นถิงต่างอึ้งงันนานแล้ว ถูกสยบอยู่ตรงนั้น จิตวิญญาณสั่นสะท้าน

พวกเขาไหนเลยจะคาดคิด ว่าแม้มีทวนทองผลาญตะวันคอยช่วยก็ยังไม่ส่งผลอันใด

และหลินสวินที่ดุดันกร้าวแกร่ง อานุภาพมากล้นดุจดั่งเทพมารนั่น ก็ทำให้พวกเขาหนาวสะท้านจากก้นบึ้งของหัวใจ

ตูม!

เหนือความคาดหมายของทุกคน หลังจับตัวเสวี่ยเชียนเหินแล้ว หลินสวินเบนความสนใจไปยังทวนทองผลาญตะวันนั่น ขับเคลื่อนเจดีย์สมบัติไร้อักษรหมายกำราบมัน

แต่นึกไม่ถึงว่าหลังสูญเสียการควบคุมของเสวี่ยเชียนเหิน ทวนศึกที่เรียกได้ว่าร้ายกาจเล่มนี้ อานุภาพกลับเปลี่ยนเป็นทรงพลังอย่างไม่เคยมีมาก่อน ประหนึ่งมีจิตวิญญาณ ดิ้นรนแผ่วเบาก็ทลายพันธนาการของเจดีย์สมบัติไร้อักษรได้

ฟุ่บ!

พริบตาถัดมามันกลายเป็นรุ้งเทพสีทองสายหนึ่งแหวกอากาศไปทันใด หายลับไร้ร่องรอย

หลินสวินมุ่นคิ้วทอดถอนใจ รู้ว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ต่อให้ไร้คนควบคุมก็หาใช่สิ่งที่ใครๆ สามารถกำราบโดยง่าย

ทวนทองผลาญตะวันจากไปแล้ว…

เหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์พังทลายโดยสมบูรณ์ รู้สึกราวฟ้าถล่ม หันหลังหนีลุกลี้ลุกลน

แม้พวกเขาคนเยอะกำลังมาก กระบวนรบยังเรียกได้ว่าแข็งแกร่ง แต่จากที่บุคคลขอบเขตมกุฎทั้งสามอย่างจางเจิง อวี้เป๋าเป่า เสวี่ยเชียนเหินถูกกำราบ ก็ทำให้จิตต่อสู้ของพวกเขาล่มสลาย

ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายตรงข้ามยังมีสมบัติอริยะ!

จะให้พวกเขากล้าสู้ต่อได้อย่างไร

ไม้ล้มวานรเตลิด นำมาบรรยายถึงเหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ในเวลานี้ได้อย่างดีที่สุด

“เผ่นโว้ย!”

“เทพมารหลินที่น่าชัง เขาต้องประสบเคราะห์แน่!”

“เร็วเข้า! รีบส่งข่าวกลับสำนัก…!”

พวกเขาเหมือนสัตว์ป่าที่หวาดกลัวสุดขีดกำลังเผ่นหนีเอาชีวิตรอด

ฟุ่บ!

หลินสวินมีหรือจะให้พวกเขาหนีไปเช่นนี้ ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งโผทะยานไม่ลังเล ความเร็วฉับไวดุจแสงเคลื่อนแหวกอากาศ

พรูด!

ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คนหนึ่งกำลังห้อตะบึง ฉับพลันก็รู้สึกเจ็บท้อง ยามก้มหน้าลงมองกลับค้นพบอย่างน่าพิศวงว่าร่างกายส่วนล่างถูกตัดขาดรอบเอว…

จากนั้นเบื้องหน้าเขาพลันมืดมัว สิ้นสติไป

ตูม!

อีกฟากหนึ่งชายคนหนึ่งศีรษะระเบิด ร่างไร้หัวยังมีแรงเฉื่อยพุ่งไประยะร้อยกว่าจั้งกลางอากาศค่อยหล่นสู่พื้นดังโครม

พรูดๆๆ…

เวลาต่อมาทยอยมีผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คนแล้วคนเล่าถูกสังหาร โลหิตซ่านเซ็น สิ้นชีพในบริเวณต่างๆ

หลินสวินเวลานี้ดุจเพชฌฆาต สังหารหมู่คร่าชีวิตไร้ปรานี

ในเมืองแสงอุดรสิ่งมีชีวิตมากมายพำนักอาศัย ก่อนหน้านี้หนึ่งเค่อที่นี่ยังมีภาพคึกคักรุ่งเรือง

แต่ตอนนี้กลับอ้างว้างเงียบสงัด ทุกหนแห่งคือภาพผนังถล่มกำแพงทลาย แหลกลาญถ้วนทั่ว กลายเป็นซากปรักหักพัง

ทำให้ผู้คนล้วนไม่อาจจินตนาการ ว่าในการต่อสู้เมื่อครู่มีผู้บริสุทธิ์โดนลูกหลงสิ้นชีพไปภายใต้ความไม่ทันตั้งตัวเท่าไหร่กันแน่

เรื่องนี้แม้ไม่ได้เกิดจากหลินสวิน แต่ถึงอย่างไรก็เกี่ยวกับเขา นี่ทำให้ในใจเขาอดละอายขึ้นมาไม่ได้

คนหาใช่ต้นไม้ใบหญ้า ถึงได้ไร้ความรู้สึก

หลินสวินฝึกปราณถึงปัจจุบัน พวกที่สังหารล้วนทำให้เขาไม่ละอายต่อตัวเอง แต่มีเพียงครานี้ที่เกิดผลกระทบต่อสภาวะจิตของเขา

ดังนั้นขณะไล่ล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เหล่านั้น หลินสวินจึงเปลี่ยนเป็นอำมหิตยิ่ง มีเพียงเช่นนี้จึงจะทำให้เขาสงบใจได้!

เสี่ยวอิ๋นเองก็ออกเคลื่อนไหว คล้ายสัมผัสถึงความผิดแปลกในอารมณ์ของหลินสวิน ยามเจ้าตัวน้อยปฏิบัติตามคำสั่งหาได้ชักช้าแม้เพียงเสี้ยว

พรูดๆๆ

สายโลหิตสาดพรม

จำนวนผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ทยอยน้อยลงเรื่อยๆ

ไม่นานนักหลินสวินพบหนานกงหั่ว ฝ่ายตรงข้ามทำหน้าหวาดกลัวและหมดหนทาง สีหน้าซีดเผือดจวนโปร่งแสง

“หลินสวิน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า เป็นศิษย์พี่ฉู่เป่ยไห่ต้องการจับตายเจ้าเต็มกำลัง หมายชิงศุภโชคบนตัวเจ้า…” เขาเอ่ยเสียงสั่นร้องขอความเมตตา

พรูด!

ทว่ายังไม่ทันพูดจบก็ถูกหลินสวินปลิดชีพตรงนั้น กระทั่งก่อนตายนัยน์ตายังเบิกกว้างราวยากจะเชื่อ

ไม่นานนักพี่ชายเขาหนานกงสุ่ยก็ยากพ้นเคราะห์เช่นกัน ถูกเสี่ยวอิ๋นตัดรากพลังจิตอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ร่างล้มลงกับพื้นดังสนั่น

จากนั้นหลินสวินก็ตามทันกู้อวิ๋นถิง

“หลินสวิน…”

กู้อวิ๋นถิงกระอักกระอ่วนนัก สีหน้าเจือความขมขื่นสายหนึ่ง มองเห็นสหายเก่าคนนี้แล้วแม้อยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้ สุดท้ายกลับไม่พูดมากความคล้ายยอมรับชะตากรรม

“ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เถอะ”

กล่าวทิ้งท้ายประโยคหนึ่งแล้ว หลินสวินก็หันหลังจากไป

ตั้งแต่การตามฆ่านี้เริ่มต้น หลินสวินก็รู้ว่ากู้อวิ๋นถิงสหายเก่าที่เคยขัดแย้งกับตนคนนี้เปลี่ยนไปแล้ว อย่างน้อยเรื่องการตามล่า กู้อวิ๋นถิงน่าจะอยู่ในสภาพจนปัญญา

เห็นเงาหลังหลินสวินจากไป กู้อวิ๋นถิงอึ้งงัน สีหน้ามึนงง ล้วนไม่กล้าเชื่อว่าตนยังมีโอกาสรอดชีวิต…

‘ต่อให้เจ้าไม่เตือน ข้าก็จะออกจากสำนัก…’

กู้อวิ๋นถิงสีหน้าซับซ้อน คนมากขนาดนั้นตายลง แต่เขากลับอยู่รอดปลอดภัย หากทางสำนักรู้เข้าคงยากที่จะไม่คลางแคลง!

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด