Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 883 ทะเลปรวนแปรทะลวงปราณ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 883 ทะเลปรวนแปรทะลวงปราณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 883 ทะเลปรวนแปรทะลวงปราณ
เรื่องในอดีตผลุบโผล่ คลื่นยักษ์โถมกระหน่ำ

หลินสวินคาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าจะมีวันนี้ บนทะเลปรวนแปร อาศัยกลวิธีพิเศษทำให้ตน ‘พบเจอ’ บิดามารดาที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน

นี่เป็นการ ‘พบเจอ’ พ่อแม่ครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเติบใหญ่มาจนบัดนี้

น่าเสียดาย สุดท้ายก็เป็นแค่ความทรงจำฝุ่นกลบในก้นบึ้งหัวใจสายหนึ่ง ชีวิตนี้คงไม่อาจพบเจอกันอีกแล้ว…

หลินสวินทอดถอนใจ

ในสมองปรากฏเงาร่างอหังการสวมชุดขาวยิ่งกว่าหิมะ เจตกระบี่ทะลวงเมฆานั่นอีกครั้ง กระบี่โบราณในมือดำสนิท มีหยาดโลหิตแดงก่ำหลั่งลง เบื้องหลังคือภาพทะเลเพลิงและความพินาศ

อวิ๋นชิ่งไป๋!

ในใจหลินสวินพรั่งพรูความแค้นเกินบรรยาย ไม่เคยจดจำลึกซึ้งเช่นนี้มาก่อน

ก่อนหน้านี้ เขามองว่าการแก้แค้นเป็นเพียงความรับผิดชอบอย่างหนึ่งที่ต้องแบกรับของทายาทตระกูลหลินสายตรง แต่ปัจจุบันการแก้แค้นคือสัญชาตญาณซึ่งฝังลงในกระดูกหลินสวินแล้ว!

ครืนๆ…

บนทะเลปรวนแปร คลื่นคลั่งซัดสาดโหมกระหน่ำ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดอาศัยดอกบัวแทนลำเรือแข่งล่องบนทะเล

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นบุคคลแห่งยุคอย่างอวี่หลิงคง จี้ซิงเหยา หรือผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ความเร็วต่างไม่ว่องไว

การทดสอบด่านที่สามนี้สิ่งที่ทดสอบคือสภาวะจิต ทั้งไร้เวลาจำกัดและปราศจากรางวัล ขอแค่สามารถถึงอีกฝั่งโดยราบรื่นก็ถือว่าผ่านบททดสอบ

แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้ว การทดสอบครั้งนี้อันตรายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

พลังไร้รูปแผ่ซ่านจากทะเลปรวนแปร บุกจู่โจมจิตใจของผู้แข็งแกร่งแต่ละคน ทำจนพวกเขาต่างได้รับผลกระทบและถูกโจมตีโดยปริยาย

การทดสอบเช่นนี้ไม่ใช่ทั้งการต่อสู้หรือการแข่งพลัง แต่เกี่ยวเนื่องถึงความเข้มแข็งอ่อนแอของสภาวะจิต ล้ำลึกสุดขีดและน่าหวาดกลัวถึงที่สุด

ท่ามกลางคลื่นลมมีเสียงมากมายดังขึ้นตลอดเวลา บ้างตะโกนอย่างหวาดผวา บ้างแผดคำรามเดือดดาล และมีเสียงหัวเราะราวมารคลั่ง

ผู้ที่สงบจิตได้ล้วนสามารถตื่นขึ้นมาโดยไร้อันตราย แต่ผู้ที่จิตมรรคแตกซ่านจะถูกคลื่นทะเลม้วนกลืนและคัดออกทันที

หลินสวินและเยวี่ยเจี้ยนหมิงล้วนเพิ่งผ่านประสบการณ์ราวฝันร้าย ตระหนักถึงความน่ากลัวของทะเลปรวนแปร บนหนทางต่อมาล้วนไม่กล้าประมาท จดจ่อควบรวมจิตต้านทาน

โลกภายนอกเวลานี้กลับวายุก่อเมฆาซัด เสียงฮือฮาดังขึ้นโดยรอบ

“การทดสอบด่านที่สอง เทพธิดาจี้เป็นอันดับสอง อวี่หลิงคงอันดับสาม เช่นนั้นใครเป็นอันดับหนึ่งกันแน่”

เมื่อผู้แข็งแกร่งซึ่งถูกคัดออกกลับมา ก็นำข่าวใหม่ล่าสุดที่เกิดขึ้นในการทดสอบถกมรรคกลับมาด้วย ดึงดูดความสนใจมหาชน

“ตอนนั้นพวกเราล้วนสงสัย อันดับหนึ่งเป็นไปได้สูงที่จะถูกเทพมารหลินช่วงชิงไป!”

“เป็นไปไม่ได้ เทพมารหลินนับเป็นอะไร มีหรือจะสามารถข้ามหัวเทพธิดาจี้ได้”

“แต่นอกจากเทพมารหลินแล้วยังมีใครทำได้ถึงขั้นนี้ มู่เจี้ยนถิงอารามพรางมรกต เหลยเชียนจวินเผ่ามหาอสนี หลี่ชิงฮวนสำนักยุทธ์สมุทรคราม อันดับของพวกเขาล้วนเผยออกมาแล้ว และไม่ใช่อันดับหนึ่ง มีเพียงอันดับของเทพมารหลินที่จนบัดนี้ยังไม่ถูกเผยแพร่”

ผู้คนทยอยวิพากษ์วิจารณ์ ต่างคาดไม่ถึงว่าการทดสอบด่านที่สามเริ่มขึ้นแล้ว แต่อันดับหนึ่งของบททดสอบด่านที่สองจนบัดนี้กลับเป็นปริศนา!

“อะไรนะ เทพมารหลินคนเดียวท้าทายเหล่าผู้กล้า?” ไม่ช้า ข่าวชวนตะลึงนี้ก็ก่อความอึกทึกครึกโครมทั่วบริเวณ

เรื่องที่หลินสวินถล่มเซี่ยอวี้ถัง ซัดผู้แข็งแกร่งเผ่าแมวป่าทองม่วงจนพ่าย เกิดความขัดแย้งกับเหล่าผู้กล้าแห่งยุคหน้าทะเลปรวนแปรทยอยเผยออกมา

คราวนี้แม้แต่เหล่าคนใหญ่คนโตล้วนนั่งไม่ติด ไหวหวั่นเพราะเหตุนี้

“รนหาที่ตาย นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ เทพมารหลินเด่นผงาดขึ้นมาจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยพบความล้มเหลว เลยคิดว่าสามารถยกตนข่มท่าน ดูถูกเหล่าผู้กล้าทั่วหล้าหรือ”

มีคนปรามาสประณาม

“นี่สิลูกผู้ชายตัวจริง หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี กล้าหาญทะยานฟ้า มาดเช่นนี้คนรุ่นเยาว์ทั่วแดนฐิติประจิมจะมีสักกี่คนที่สามารถครอบครองได้”

และมีอีกมากที่ทอดถอนใจ ชื่นชมความกล้าและห้าวหาญของหลินสวิน เลื่อมใสในตัวเขา

‘ไม่ว่าอย่างไร เมื่อถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณนั่น เทพมารหลินต้องเจอการจู่โจมและเคราะห์สังหารที่คาดไม่ถึงแน่!’

ส่วนนี่คือความคิดของทุกคน

ถึงอย่างไรคนที่เล็งเป้าไปยังหลินสวินครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงผู้กล้าแห่งยุคซึ่งชื่อเสียงสะเทือนโลกฟากหนึ่งมานานแล้วอย่างอวี่หลิงคง ยังมีผู้กล้าที่เรียกได้ว่าเป็นระดับชั้นยอดอย่างซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์ จั๋วขวงหลันอีกด้วย

แม้พูดว่าซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์เคยถูกหลินสวินโจมตีพ่ายมาก่อน แต่ไม่มีใครคิดว่าในมือพวกเขาจะไม่มีไพ่ไม้ตายอยู่!

“เทพมารหลินลำบากแน่ ยามนี้เซี่ยอวี้ถังนั่นยืนยันมาแล้วว่า เขาเคยได้รับวาสนาใหญ่ครั้งหนึ่งจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล ทั้งครอบครองสมบัติอริยะ สามารถคาดเดาได้เลยว่าในที่ลับคงมีผู้แข็งแกร่งไม่น้อยเพ่งเล็งเขา!”

“ไม่ผิด หากเบื้องหลังเทพมารหลินมีสำนักโบราณสักแห่งหนุนอยู่ เช่นนั้นคงทำให้คนมากมายหวาดกลัว ไม่กล้าทำเรื่องเกินงามอยู่บ้าง แต่ทุกคนต่างรู้ว่าเขาหัวเดียวกระเทียมลีบ ทั้งมาจากโลกชั้นล่างไร้ที่พึ่งพิง นี่ทำให้สถานการณ์ของเขาเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิมโดยไม่ต้องสงสัย”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ณ ที่นั้นดังไม่หยุด

คนใหญ่คนโตส่วนหนึ่งมีความคิดต่างกันไป แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ วาสนาใหญ่ สมบัติอริยะ… แค่เพียงคำพวกนี้ก็พอทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันต่างน้ำลายหก

เดาได้เลยว่า ต่อให้เทพมารหลินรอดชีวิตจากเทศกาลโคมกถามรรคออกมา หลังจากนั้นก็จะมีเรื่องวุ่นวายมากมายมาเยือนเขาแน่!

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าคนไม่ผิด ผิดที่มีหยกติดตัว เด็กหนุ่มโลกชั้นล่างที่ไร้หัวนอนปลายเท้า ปราศจากภูมิหลังคนหนึ่ง กลับครองศุภโชคเช่นนี้ นี่ช่างเหมือนคลังเก็บสมบัติเคลื่อนที่ เพียงพอดึงดูดสายตาแห่งความละโมบมากมาย

ผ่านไปสองชั่วยาม

หลินสวินรู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ้าง การมุ่งไปเบื้องหน้าท่ามกลางทะเลปรวนแปร ไม่เพียงแต่ต้องรับมือการจู่โจมจิตวิญญาณ ยังต้องโคจรปราณขับเคลื่อนเรือดอกบัวใต้ฝ่าเท้าไปข้างหน้า กระทั่งตอนนี้ปราณของหลินสวินก็ถูกเผาผลาญไปไม่น้อย

เขาไม่กล้าหักโหมใช้พลังเกินพอดี ถึงอย่างไรบนทะเลปรวนแปรก็ยังมีผู้แข็งแกร่งกระจายอยู่โดยรอบ หากมีคนลอบโจมตี ต้องเก็บพลังไว้ต่อสู้ต้านทานด้วย

“เปลี่ยนให้ข้าเถอะ”

เยวี่ยเจี้ยนหมิงที่อยู่ด้านข้างรับช่วงต่อ เริ่มควบคุมเรือดอกบัวมุ่งหน้าไป

หลินสวินนั่งขัดสมาธิ เริ่มทำสมาธิทันที

ทะเลปรวนแปรคือการทดสอบเคี่ยวกรำสภาวะจิต ตลอดทางที่มุ่งหน้ามา สภาวะจิตของหลินสวินถูกโจมตีแทบจะตลอดเวลา

มีทั้งอิทธิพลจากภาพเหตุการณ์ในส่วนลึกของความทรงจำ มีทั้งเงามายามารสวรรค์ที่รุกล้ำ กระทั่งมีเคราะห์ลึกลับมากมายมาเยือน กลายเป็นเพลิงปฐพีอสนีวาโยกระหน่ำสภาวะจิตของเขา

แม้อันตรายหาใดเปรียบ แต่เมื่อผ่านการเคี่ยวกรำนี้กลับทำให้จิตมรรคของหลินสวินได้รับการขัดเกลาและชำระล้างอย่างหาได้ยาก

เปรียบดั่งหยกสลัวก้อนหนึ่งที่ถูกพันค้อนร้อยหลอม เริ่มเผยด้านที่เปล่งประกายเจิดจรัสออกมา

การหยั่งรู้และแปรสภาพอันล้ำค่าซึ่งเกิดจากสภาวะจิตเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นศุภโชคที่ไม่ใช่เล็กๆ เลย

เวลานี้หลินสวินนั่งสมาธิฟื้นฟูพลังกายไปพลาง สร้างความมั่นคงให้สภาวะจิตไปด้วย หยั่งถึงการเปลี่ยนแปลงอันซับซ้อนที่เกิดขึ้นในจิตใจ

หลังผ่านไปครู่ใหญ่หลินสวินลืมตาขึ้น ประกายอัศจรรย์ในนัยน์ตาดำพุ่งวาบ ชวนประหวั่นหาใดเปรียบ

พลังกายเขาฟื้นคืนโดยสมบูรณ์ อีกทั้งสภาวะจิตดั่งหินผา เปลี่ยนไปเป็นแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมา

‘อาศัยโอกาสนี้ทะลวงขั้นในคราเดียว!’ หลินสวินตัดสินใจ

เขาหยิบผลึกแวววาวเจิดจรัสดุจเพลิงออกมากองหนึ่ง บ้างใหญ่เท่าถั่วมันฮ่อ (วอลนัท) บ้างใหญ่ประมาณเล็บมือ ต่างอบอวลด้วยไอพลังเจตะบริสุทธิ์

นี่คือแหล่งผลึกเจตะ เป็นสิ่งที่หลินสวินได้มาจากการล่าสัตว์ปีศาจในการทดสอบรอบแรกที่ ‘แดนลี้ลับมหาปัญจธาตุผันแปร’ มีประมาณห้าสิบกว่าก้อน

สิ่งนี้วิเศษอัศจรรย์หาใดเปรียบ คุณประโยชน์ที่มากที่สุดคือสามารถยกระดับปราณของผู้ฝึกปราณ อีกทั้งไม่ส่งผลกระทบและสั่นคลอนรากฐานผู้ฝึกปราณ สมบัติเช่นนี้ในโลกภายนอกไม่อาจเสาะหาได้ เป็นสมบัติล้ำค่าที่ต้องมีวาสนาจึงพบพาน

‘เริ่มการหลอม!’

หลินสวินไม่ลังเล โคจรเคล็ดวิชาหลุมดำกลืนกินเริ่มนั่งสมาธิ

และวิญญาณแห่งพลังจิตของเขาก็ปกปักษ์ห้วงนิมิต ควบคุมสภาวะจิตและพลังจิตวิญญาณของหลินสวิน ระมัดระวังรอบด้าน พลางต้านทานพลังที่ยังจู่โจมจิตมรรคอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนั่น

เคราะห์ดีที่พลังจิตของหลินสวินควบรวมออกมาเป็นร่างวิญญาณแล้ว สามารถทำหลายสิ่งได้พร้อมกัน ไม่เช่นนั้นการหลอมปราณบนทะเลปรวนแปรซึ่งอันตรายเกินคาดเดานี้ คงไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย

ตามเวลาที่ล่วงเลย หลินสวินสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าปราณของตนกำลังยกระดับต่อเนื่อง แต่ละครั้งที่ยกระดับล้วนเด่นชัดยิ่ง ประดุจสายน้ำพุ่งทะยานกลางสายฝน

นี่ก็คือพลังของแหล่งผลึกเจตะ!

ก่อนหน้านี้หากศักยภาพรุดหน้าก้าวกระโดด หลินสวินจะยังกังวลว่ารากฐานจะไม่มั่นคงจนส่งผลต่อมรรคาในภายภาคหน้าหรือไม่

แต่ตอนนี้กลับไม่ต้องกังวลโดยสิ้นเชิง พลังของแหล่งผลึกเจตะบริสุทธิ์แข็งแกร่ง มาจากแหล่งกำเนิดมหามรรค ระหว่างกระบวนการหลอม ไม่เพียงไม่กระทบฐานมรรคยังก่อเกิดคุณประโยชน์อัศจรรย์ ทำการหล่อเลี้ยงและขัดเกลาฐานมรรคไปด้วย!

เกือบเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชา หลินสวินสังเกตได้อย่างฉับไวว่าตนใกล้ทะลวงขั้นแล้ว ขณะนี้ในมือเขายังมีแหล่งผลึกเจตะยี่สิบกว่าก้อนซึ่งเพียงพอใช้งานได้

ตูม!

พลังขับเคลื่อนทั่วร่างของหลินสวินล้วนถูกเคลื่อนย้าย สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณกู่ก้องกัมปนาทราวภูเขาไฟจวนระเบิด เริ่มปะทะปราการปราณเต็มกำลัง

หมอกพิสุทธิ์เจิดจ้าพร่างพราวอาบชโลมทั้งตัวเขา เจิดจรัสสุกสกาว

การเคลื่อนไหวนี้ใหญ่เกินไป เยวี่ยเจี้ยนหมิงซึ่งอยู่ข้างกายพลันตระหนก นัยน์ตาหดรัด เกือบร้องออกมา ไหนเลยจะคาดคิดว่าหลินสวินกำลังทะลวงขั้นปราณในสถานที่อันตรายเช่นนี้!

นี่ก็กล้ามากไปแล้ว!

“สวรรค์ ข้าไม่ได้ดูผิดกระมัง นี่เทพมารหลินกำลัง… ทะลวงปราณหรือ”

“เดี๋ยว เป็นเช่นนั้นจริง!”

“ข้าเข้าใจแล้ว ต้องเป็นเพราะเจอการนัดหมายต่อสู้กับพวกอวี่หลิงคง ทำให้เทพมารหลินรู้สึกถึงความกดดันยิ่งใหญ่ ไม่อาจไม่ช่วงชิงเวลายกระดับปราณ หมายป้องกันตัวเอง!”

บนผืนทะเลที่ห่างออกไป สายตาผู้แข็งแกร่งมากมายล้วนมองมา ต่างถูกทำให้ตระหนก แววตาวาบประกายพลางคาดคะเน

“เขานี่มันรนหาที่ตาย!”

“เวลานี้หากมีคนลอบโจมตีเขา ไม่เพียงแค่ถูกคัดออกเท่านั้น กระทั่งอาจทำให้เขาธาตุไฟเข้าแทรกกลายเป็นพิการไปอย่างสิ้นเชิง!”

มีคนกล่าวเสียงเบา และไม่รู้ว่าเจตนาหรือไม่ วาจานี้คล้ายเตือนสติผู้แข็งแกร่งคนอื่น ว่าหากคิดลงมือ เวลานี้คือจังหวะดีที่สุดในการโจมตีเทพมารหลินโดยไม่ต้องสงสัย

เยวี่ยเจี้ยนหมิงสีหน้าพลันอึมครึม ในใจแอบกล่าวว่าแย่แน่

แค่ชั่วพริบตา เขาก็สังเกตเห็นอย่างแจ่มชัด ว่ามีสายตามุ่งร้ายมากมายมองมาทางหลินสวินจากทั่วสารทิศ

‘ยุ่งแล้วไง!’

เยวี่ยเจี้ยนหมิงคิ้วขมวด ทันใดนั้นเขาพลันกัดฟันกรอด ตัดสินใจว่าต่อให้ต้องถูกคัดออกก็ต้องปกป้องหลินสวินเต็มกำลัง เลี่ยงไม่ให้เขาประสบอันตรายของการถูกธาตุไฟเข้าแทรก

ทว่ายังไม่รอเยวี่ยเจี้ยนหมิงเตรียมการ ข้างหูก็ได้ยินเสียงสื่อจิตของหลินสวิน ‘พี่เยวี่ย เจ้าอย่าเคลื่อนไหว ข้าอยากดูว่าใครจะกล้าลงมือกับข้าเวลานี้บ้าง!’

เป็นน้ำเสียงราบเรียบเจือไอสังหารเยียบเย็นสายหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด