Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 904 กระบวนผนึกมรรคราชัน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 904 กระบวนผนึกมรรคราชัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 904 กระบวนผนึกมรรคราชัน
เหนือห้วงอากาศ การต่อสู้ดุเดือดดำเนินต่อไป เพียงแต่สถานการณ์พลิกผันไปแล้ว

หลินสวินเคลื่อนทะยานอย่างแข็งกร้าวราวพยัคฆ์ออกจากถ้ำ กำราบบุคคลแห่งยุคอย่างมู่เจี้ยนถิงและเหลยเชียนจวินจนโงหัวไม่ขึ้น

เหล่าผู้กล้าสั่นสะท้าน ภาพนี้เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่อาจคาดการณ์ได้ เป็นภาพติดตารุนแรงหาใดเทียบ ทำให้พวกเขาแทบไม่อาจคาดคิด

“ยังจำได้ไหม ตอนนั้นที่หน้าหอวสันตสารท เทพมารหลินก็เคยประลองกับซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์เช่นนี้”

มีผู้แข็งแกร่งทอดถอนใจ “ตอนนั้นชิงเหลียนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซาหลิวฉานถูกเล่นงานยับเยิน หากไม่ใช่จงหลีอู๋จี้มาป่วน ผลลัพธ์ของสองคนนี้ก็ไม่อาจคาดคิดได้”

ทุกคนต่างนึกขึ้นมาได้ เมื่อเทียบกับการประลองตรงหน้านี้ก็พบว่าออกจะเหมือนกันจริงๆ

ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกัน แม้ซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์จะเป็นบุคคลแห่งยุคเช่นกัน แต่ว่ากันเรื่องพลังต่อสู้ ก็เห็นได้ชัดว่าด้อยกว่าพวกมู่เจี้ยนถิง

แต่แม้เป็นเช่นนี้ พวกมู่เจี้ยนถิงก็ยังคงถูกหลินสวินกำราบอย่างแข็งกร้าว!

“เทพมารหลินในตอนนั้นแสดงความสง่างามของผู้กล้าแห่งยุคชั้นยอด แต่เขาในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าต่างจากตอนนั้นโดยสิ้นเชิงแล้ว”

“ตอนทดสอบถกถกมรรคด่านแรก เขาได้ดอกบัวเพลิงเก้ากลีบมาดอกหนึ่ง นี่เท่ากับครอบครองความเร้นลับมหามรรคใหม่เอี่ยมชิ้นหนึ่งกับมรดกวิชามรรคที่เรียกได้ว่าชั้นเลิศวิชาหนึ่ง”

“ตอนทดสอบถกมรรคด่านที่สอง คล้ายว่าเขาจะชิงอันดับหนึ่งในเขตขีดจำกัดไปครอง ได้รับรางวัลพิเศษอย่างหนึ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังต่อสู้ของเขาต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าดินภายใต้การเคี่ยวกรำของเขตขีดจำกัดแน่!”

“และเหนือทะเลปรวนแปร เขาก็เลือกทะลวงปราณท่ามกลางสถานการณ์อันตราย แม้ถูกขัดขวางแต่สุดท้ายก็เลื่อนขั้นเป็นระดับกระบวนแปรจุติขั้นกลางได้อย่างราบรื่น!”

“ทุกท่านน่าจะรู้ดีว่าบุคคลโดดเด่นเช่นเทพมารหลินผู้นี้ ทุกครั้งที่พลังปราณของเขาเลื่อนขั้น พลังต่อสู้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มพูน หาไม่แล้วตอนนั้นซาหลิวฉานคงไม่ถูกหลินสวินเอาชนะได้ในการโจมตีเดียว ตกใจจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนหรอก”

ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งวิเคราะห์ ดูสงบนิ่งและฉลาดเฉลียวถึงที่สุด วิเคราะห์พลังการต่อสู้ของหลินสวินอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดึงดูดให้ผู้แข็งแกร่งหลายคนเงี่ยหูฟัง

“เช่นเดียวกัน ตอนทดสอบจุดโคมวิญญาณ ดูเหมือนเทพมารหลินไม่ได้อะไรเลย แต่พลังจิตวิญญาณที่เขาแสดงออกมากลับเหนือกว่ารุ่นเดียวกัน ทุกท่านต่างรู้ว่าจิตวิญญาณเป็นกุญแจสำคัญของการมองทะลุความเป็นความตาย หลอมมรรคกลายเป็นราชัน จิตวิญญาณของเทพมารหลินแข็งกล้าเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าเขามีพลังแฝงแห่งการกลายเป็นราชันที่เกินจินตนาการแน่!”

“ส่วนในการทดสอบด่านที่ห้า พลังมหามรรคที่เทพมารหลินหยั่งรู้ได้ต้องไม่เรียบง่ายอย่าง ‘มหามรรควังน้ำวน’ เช่นนั้นแน่ หาไม่แล้วป้ายหินเก่าแก่ป้ายนั้นจะทำลายตัวเองทำไม นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน”

“นี่หมายความว่าต่อให้พลังมหามรรคที่เขาครอบครองอยู่ไม่ยิ่งใหญ่เท่าพวกเทพธิดาจี้ แต่ก็ย่อมเรียกได้ว่าพิเศษ ไม่อาจเทียบกับมหามรรคทั่วไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย!”

พูดถึงตรงนี้ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดล้วนกระจ่างแจ้ง รู้สึกได้ชัดเจนทันใด

“ตอนนี้ ทุกท่านน่าจะเข้าใจแล้วกระมังว่าเทพมารหลินในตอนนี้ต่างกับก่อนเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคโดยสิ้นเชิง พลังต่อสู้ พลังปราณ จิตวิญญาณ รวมถึงพลังมหามรรคที่ครอบครองของเขาล้วนเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าดินแล้ว”

ผู้แข็งแกร่งคนนั้นดวงตาวาวโรจน์ “ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้ายังสงสัยเลยว่าแม้แต่บุคคลชั้นแนวหน้าในหมู่ผู้กล้าแห่งยุคอย่างเทพธิดาจี้ อวี่หลิงคงลงมือ ก็อาจจะสยบเทพมารหลินไม่ได้!”

เฮือก!

เมื่อได้ยินการตัดสินเช่นนี้ เสียงสูดหายใจเย็นเยียบดังขึ้นระลอกหนึ่งในบริเวณนั้น ผู้แข็งแกร่งมากมายจิตใจสั่นสะท้าน เทพมารหลิน… แข็งแกร่งปานนี้แล้วหรือ

พวกเขาเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นว่าในการต่อสู้นั้น เงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินอาบชโลมไปด้วยรัศมีใสเจิดจ้าราวทินกรเทพเปล่งประกาย รังสีหมื่นจั้ง ท่าท่าผงาดผยอง

เทียบกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมู่เจี้ยนถิงหรือเหลยเชียนจวินล้วนดูหม่นหมอง ถูกกำราบจนพากันถอยหนี แทบเชิดหน้าขึ้นมาไม่ได้

ดังคาด!

เหล่าผู้กล้ารู้สึกซับซ้อนในใจ สั่นสะท้านอย่างประหลาด การต่อสู้ครั้งนี้ราวสุริยันจันทราประชันรัศมี และหลินสวินก็เป็นดวงอาทิตย์แรงกล้าไม่เป็นสองรองใครดวงนั้น!

……

พรูด!

ถูกตีพ่ายอีกครั้ง ในที่สุดมู่เจี้ยนถิงก็ทนไม่ไหว กระอักเลือดออกทางปาก

เขาสีหน้าคล้ำเขียว อึมครึมยิ่งนัก ในใจมีความคับข้องและตกใจระคนโกรธ ความแข็งแกร่งของหลินสวินทะลุความคาดหมายและจินตนาการยิ่งขึ้นไปทุกครั้ง นี่ทำให้เขาได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจ

อีกด้านหนึ่ง เหลยเชียนจวินยังคงต้านทานอย่างขมขื่น

ตั้งแต่เริ่มจนจบหลินสวินยังไม่ได้ใช้สมบัติเลย แต่หมัดคู่นั้นของเขากลับน่ากลัวกว่าสมบัติไร้เทียมทาน มีพลังกดดันน่าหวาดหวั่น ท่าทางราวกวาดซัดสรรพสิ่ง ดุจภูผาถล่มทะเลหวีดร้อง ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้

นี่ทำให้เหลยเชียนจวินสงสัยว่าหากหลินสวินใช้สมบัติต่อสู้ เช่นนั้นจะเกิดสภาพการณ์น่ากลัวเช่นไรอีก

ตึง!

เป็นหมัดหนึ่งจู่โจมมาอีกครั้ง พลังหมัดเปล่งประกายแพรวพราว มีท่วงทำนองว่างเปล่าเรียบง่าย กระแทกไปบนกระบองอสนี

เหลยเชียนจวินตัวสั่นเทา ข้อมือแทบขาดออกจากกัน ทั้งร่างถูกกดทับจนจมลงไปอย่างรุนแรง แทบจะกระแทกไปกับพื้น

“ไป!”

ไกลออกออกไปมู่เจี้ยนถิงตะคอก หันกายเคลื่อนออกไปไหล

เหล่าผู้กล้างงงวย คิดไม่ถึงว่ามู่เจี้ยนถิงที่เป็นถึงผู้สืบทอดอารามพรางมรกต บุคคลแห่งยุคซึ่งชื่อเสียงระบือแดนฐิติประจิมผู้หนึ่งนี้กลับถอยหนีไปได้

นี่แสดงให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเขารู้ได้ด้วยตัวเองว่าไม่อาจพลิกสถานการณ์ ดังนั้นจึงเลือกหนีไป

สวบ!

เหลยเชียนจวินไม่ลังเลเช่นกัน แน่วแน่ยิ่งนัก เงาร่างหายวับไปในอากาศ เคลื่อนออกไปไกลราวพันจั้งประหนึ่งสายฟ้าฟาด

“ก่อนหน้านี้พวกเจ้าร่ำร้องอยากจะแลกเปลี่ยนความรู้ เหตุใดแลกเปลี่ยนยังไม่ทันจบพวกเจ้าก็จะไปแล้วล่ะ”

หลินสวินส่งเสียงหึหยัน เท้าใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งตามไปเต็มกำลัง

ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ใช้กระบวนสังหารมาโดยตลอด ไม่ได้เป็นเพราะปรานี แต่เป็นความรอบคอบและระมัดระวัง

เพราะเขาแน่ใจว่ามู่เจี้ยนถิงและเหลยเชียนจวินต้องครอบครองเครื่องมือสังหารชิ้นโต มีอำนาจคุกคามถึงชีวิต

ดังนั้นเขาจึงรออยู่ตลอด รอให้อีกฝ่ายเผยทีเด็ดออกมาจนหมด

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าบุคคลแห่งยุคเช่นนี้สองคน ยังจะเลือกหลบหนีไปโดยไม่สนใจหน้าตาและเกียรติภูมิทั้งสิ้นท่ามกลางสายตาของฝูงชน

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยังคงเก็บคมในฝักไว้ ไม่ต้องการนำไพ่ตายออกมาใช้ในตอนนี้

แต่เป้าหมายก็คาดเดาได้ง่ายนัก การช่วงชิงศุภโชคบนต้นโคมสำริดมรรคโบราณยังไม่จบลงอย่างแท้จริง ทั้งสองต่างไม่อยากเผยไพ่ตายของตนเร็วเกินไป!

ทว่าหลินสวินก็ไม่อาจยินยอมได้แล้ว

ก่อนหน้านี้ถูกลอบจู่โจมอย่างไม่มีสาเหตุ อีกนิดเดียวก็จะถูกทำร้าย อีกฝ่ายกลับพูดออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ นี่จะให้หลินสวินไม่โกรธได้หรือ

เป็นการดูเบาว่าเขาหลินสวินไม่กล้าฆ่าคนหรือ

สวบ!

ชั่วพริบตา หลินสวินก็ตามไปโจมตีเต็มกำลังอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

“ตามไป!”

เหล่าผู้กล้าล้วนดูออกว่าหลินสวินไม่คิดรามือ พวกเขาจะพลาดการประลองสะท้านโลกเช่นนี้ได้อย่างไร ล้วนไล่ตามไปด้วย

ไม่ใช่ว่าผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ชื่นชอบดูเรื่องครื้นเครง แต่เพราะดอกตูมสำริดที่เหลืออยู่บนต้นโคมสำริดมรรคโบราณเหล่านั้นไม่มีทีท่าจะเบ่งบานแต่อย่างใด หาไม่แล้วพวกเขาคงไม่มีทางละทิ้งศุภโชคที่ต้องการช่วงชิงไปดูเรื่องครึกครื้นได้

…….

ต้นโคมสำริดมรรคโบราณยิ่งใหญ่ ยิ่งสูงขึ้นไปลำต้นยิ่งหนาแน่น กิ่งก้านยืดออกไปยังส่วนลึกของชั้นเมฆราวเขาวงกตใหญ่แห่งหนึ่ง

เมฆหมอกสีม่วงรางเลือนราวทะลวงผ่านไปยังโลกเบื้องบน

มู่เจี้ยนถิงและเหลยเชียนจวินหนีมาเร็วยิ่ง แต่กลับหนีไม่พ้นการจับกุมของจิตรับรู้ของหลินสวิน ทั้งว่าด้วยความเร็ว หลินสวินที่โคจรก้าวย่างชือน้ำแข็งเต็มกำลังยิ่งว่องไวกว่า!

“ทั้งสองท่าน เหตุใดต้องหนีด้วยเล่า มาๆๆ พวกเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันต่อ!” เบื้องหลังหลินสวินสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเจือด้วยความประชดประชันและเย็นยะเยือก

พวกมู่เจี้ยนถิงขุ่นเคืองจนกัดฟันกรอด ก่อนหน้านี้ถูกหลินสวินกำราบก็ทำให้พวกเขาอัดอั้นตันใจ รู้สึกอับอายและโกรธเคืองอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้ยังถูกเย้ยหยันอีก ทำให้พวกเขาต่างไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“เสียทีที่พวกเจ้าเป็นผู้กล้าแห่งยุค ข้าหลินสวินพิจารณาตัวเองแล้วว่าไม่ได้ผิดใจหรือมีความแค้นกับพวกเจ้า ทั้งไม่ได้สอดมือเข้าไปยุ่งการช่วงชิงศุภโชคของพวกเจ้า พวกเจ้ากลับลอบโจมตีข้าอย่างต่ำทรามเช่นนี้ น่าขายหน้าหรือไม่”

“ในพวกเจ้าอยากเป็นศัตรูกับข้า เช่นนั้นก็เอาหัวเจ้ามาชดใช้ความผิดเถอะ!”

เสียงของหลินสวินดังก้องไปทั่วสารทิศ ไม่เพียงพูดให้พวกมู่เจี้ยนถิงได้ยิน แต่พูดให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นได้ยินด้วย

“เจ้ารนหาที่ตาย!” เหลยเชียนจวินโกรธจนไม่อาจยับยั้งได้ ส่วนมู่เจี้ยนถิงก็สีหน้าเขียวคล้ำถึงที่สุด

“ข้ารนหาที่ตายหรือ เหอะๆ แล้วพวกเจ้าจะหนีทำไมเล่า” หลินสวินยิ้ม สีหน้ายิ่งเย็นชาเข้าไปอีก

เขาว่องไวนัก กำลังตามเข้าไปประชิดทั้งสองคน

ขณะเดียวกันในใจเขาก็รอบคอบ เพราะทั้งสองคนอาจสำแดงไพ่ตายในมือออกมาโดยไม่สนใจสิ่งใดแบบหมาจนตรอก เขาจึงเตรียมการรับมือเต็มกำลังไว้เรียบร้อยแล้ว

โครม!

เพียงแต่ยังไม่ทันตามทั้งสองทัน พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้น…

ก็เห็นว่าในห้วงอากาศทุกสารทิศปรากฏธงรบแน่นขนัดผืนแล้วผืนเล่า รวมทั้งสิ้นหนึ่งร้อยแปดผืน ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน

ในชั่วขณะนั้นหลินสวินราวกับอยู่ในกรง

นัยน์ตาเขาหดรัดทันใด ค่ายกลใหญ่สลักวิญญาณ!

ซ่า!

ธงรบแน่นขนัดไหววูบ ปลดปล่อยรอยสลักวิญญาณหนาแน่นราวกระแสวารีลึกลับพิศวงออกมาปกคลุมบริเวณนี้

ชั่วพริบตาเท่านั้นทิวทัศน์ตรงหน้าหลินสวินก็เปลี่ยนไปโดยพลัน หมอกคลุมเครือทั่วทุกสารทิศ ไม่มีสิ่งใดเลย หาทางออกใดก็ไม่พบ ขนาดจิตรับรู้ยังถูกตัดขาด ไม่อาจรับรู้โลกภายนอก

‘นี่เป็นกระบวนผนึกมรรคาราชันกระบวนหนึ่ง!’

ชั่วพริบตาหลินสวินก็รับรู้ถึงสถานการณ์ เขาเป็นถึงปฐมาจารย์สลักวิญญาณผู้หนึ่ง คร่ำหวอดด้านกระบวนรอยสลักวิญญาณมานานปี ถึงขั้นสามารถชี้ชัดได้ว่าธงรบทั้งหนึ่งร้อยแปดผืนล้วนเป็น ‘สมบัติค่ายกลโบราณ’ ที่พบเห็นได้ยาก!

นี่เป็นสมบัติที่ตกทอดมาจากบรรพกาลประเภทหนึ่ง บนสมบัติหลอมกระบวนรอยสลักวิญญาณรางเลือนและลี้ลับไว้ เมื่อสำแดงออกมาจะร้องเรียกหากัน สามารถแปรสภาพเป็นค่ายกลใหญ่สลักวิญญาณค่ายหนึ่ง อานุภาพยากหยั่งถึง

แต่กระบวนผนึกมรรคราชันกลับยิ่งน่ากลัว จะวางค่ายกลนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีสมบัติค่ายกลโบราณที่มีอานุภาพระดับยอดศาสตรามรรคราชันชุดหนึ่ง

ค่ายกลใหญ่ระดับนี้ ถึงขั้นสามารถล้อมสังหารระดับราชัน หลอมฟ้าดินแถบหนึ่งได้!

“มือเติบเสียจริงนะ เพื่อต่อกรกับข้า ขนาดกระบวนผนึกมรรคาราชันยังถูกเอามาใช้แล้ว…”

ดวงตาสีดำของหลินสวินล้ำลึก สีหน้าเย็นชาจนน่ากลัว

เขารู้สึกได้ว่านี่เป็นกับดักที่ตั้งใจเตรียมการไว้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว รอแค่ตนกระโดดเข้ามา!

ขณะเดียวกัน หลินสวินก็เข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดพวกมู่เจี้ยนถิงถึงต้องการหนีแล้ว สาเหตุที่พวกเขาไม่ใช้ไพ่ไม้ตาย เห็นได้ชัดว่าต้องการเป็นเหยื่อล่อ ล่อตนเข้ามาถูกล้อมสังหารในค่ายกลนี้!

หรือกล่าวได้ว่า ค่ายกลใหญ่นี้ต่างหากจึงจะเป็นไพ่ตายของพวกเขา!

“อุบายโหดเหี้ยมนัก!”

เมื่อเข้าใจทุกอย่างนี้หลินสวินก็รู้สึกเย็นเยียบในใจ เพื่อต่อกรกับเขา วิธีการที่ผู้กล้าแห่งยุคเหล่านี้ใช้เรียกได้ว่าโหดเหี้ยมร้ายกาจ เด็ดขาดถึงที่สุด

นี่ทำให้ในใจหลินสวินบังเกิดความแค้นขึ้น ใกล้จะคุมไอสังหารไม่อยู่แล้ว

เพียงแต่ไม่นานนักหลินสวินก็สงบใจลง จิตรับรู้แผ่ขยายออก เริ่มสัมผัสรับรู้ค่ายกลใหญ่นี้สุดกำลัง

หากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งคนอื่นคงจะหมดหวังไปก่อนแล้ว แต่น่าเสียดาย เกรงว่าพวกมู่เจี้ยนถิงต้องคิดไม่ถึงแน่ว่า หลินสวินที่พวกเขาต้องการต่อกร ยังมีฐานะเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่มีความสามารถสมชื่อด้วยผู้หนึ่ง…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด