Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 771 ส่งต่อเคราะห์ร้ายให้ผู้อื่น

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 771 ส่งต่อเคราะห์ร้ายให้ผู้อื่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แซ่ก!

พร้อมกับเสียงนี้ บนต้นไม้โบราณสีเงินที่ตระหง่านทรงพลังต้นหนึ่งใกล้จุดสูงสุดของยอดเขา พลันปรากฏเถาวัลย์ประหลาดหาใดเทียบเส้นหนึ่ง

มันมีความหนาเท่าถังน้ำ ยาวราวร้อยจั้ง ครึ่งหนึ่งของลำต้นเขียวชอุ่ม ราวกับเจียระไนจากหยกสีเขียวเข้ม เปล่งพลังชีวิตมหาศาลไร้เทียมทาน

ส่วนลำต้นอีกครึ่งหนึ่งกลับเหี่ยวเฉาราวถ่านไม้ ดุจไม้ที่ถูกสายฟ้าฟาด เต็มไปด้วยกลิ่นอายความตายทึบทึม

สองสิ่งนี้ขับเน้นตรงข้ามกัน ครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยพลังชีวิต อีกครึ่งหนึ่งตายซากไร้ชีวา ดั่งความโรยราและรุ่งเรืองดำรงอยู่ด้วยกัน เวียนว่ายเป็นสังสารวัฏ พาให้ผู้คนกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง

มันแผ่ออกลงมาจากบนต้นไม้เก่าแก่สีเงิน กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นหาใดเทียบก็อบอวลตามมาด้วย ทำให้ฟ้าดินบริเวณนี้เกิดเสียงครวญด้วยไม่อาจแบกรับไหว

แต่มันระมัดระวังนัก พลานุภาพที่แผ่ออกมาไม่กล้าเข้าใกล้จุดสูงสุดของยอดเขา ประหนึ่งกลัวรบกวนอะไรบางอย่าง

อสูรเฒ่าเครือเถา!

เพียงมองปราดเดียวหลินสวินก็บอกที่มาที่ไปของอีกฝ่ายได้

ตามคำพูดของงูเหลือมยักษ์วารีทมิฬกับหมูอสูรมาร นี่ต้องเป็นพญาอสูรมารอันดับหนึ่งของภูเขาโคม่วง ครอบครองพลังระดับราชันกึ่งระดับ น่าพรั่นพรึงถึงที่สุดอย่างแน่นอน

ตั้งแต่ค่ายกลโบราณที่ยอดเขาดาราโรยปรากฏออกมา อสูรเฒ่าเครือเถาก็ยึดครองพื้นที่แห่งนี้ ช่วงนี้สังหารผู้แข็งแกร่งที่มาสำรวจไปไม่รู้เท่าไร ต้องเป็นพวกร้ายกาจที่สังหารหมู่จนเกิดเป็นวิบัติภัยตนหนึ่งแน่

เมื่อรับรู้ได้ว่าอสูรเฒ่าเครือเถาเคลื่อนไหว ผู้ฝึกปราณมากมายที่ซ่อนอยู่ในความมืดเหล่านั้นก็พากันหันเหความสนใจมาทางนี้

“ดังคาด เจ้าอสูรมารเฒ่าตนนี้ไม่มีทางยอมให้ใครเข้าใกล้จุดสูงสุดของยอดเขาได้เลย ที่นั่นเป็นอาณาเขตที่มันยึดครอง ใครเข้าไปใกล้ต้องตายแน่”

“เจ้าหนุ่มนั่นต้องเจอเภทภัยเข้าแล้ว!”

“เจ้าหนุ่มนั่นบ้าระห่ำเหมือนกันนะนี่ เขาก็ไม่คิดเสียหน่อยว่าที่นี่มีผู้แข็งแกร่งเฝ้ารออยู่มากขนาดนั้น ทำไมจนถึงตอนนี้ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามเข้าใกล้ตำแหน่งสูงสุดของยอดเขา”

“ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ขอเพียงเป็นอัจฉริยะเหนือโลกามักจะตายก่อนวัยอันควรได้ง่าย ดูท่าตอนนี้ กลัวแต่เจ้าเด็กนี่จะพ้นเคราะห์นี้ได้ยากแล้ว”

ในความมืดมิด บางคนทอดถอนใจ บางคนมีความสุขที่ได้เห็นคนอื่นพบเคราะห์ บางคนเสียดาย รู้สึกว่าที่หลินสวินทำไม่คุ้ม

นั่นเป็นถึงอสูรเฒ่าเครือเถา ราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งเชียวนะ!

อย่าว่าแต่ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ ต่อให้เป็นมหายุทธ์ชั้นยอดระดับกระบวนแปรจุติยังไม่กล้า!

“สหายน้อย เจ้าคิดเห็นอย่างไร”

อสูรเฒ่าเครือเถาเข้ามาใกล้ จำแลงเป็นใบหน้าแปลกพิกลใบหน้าหนึ่ง ครึ่งหนึ่งผิวพรรณอ่อนนุ่มราวทารก เปล่งปลั่งกระจ่างใส อีกครึ่งหนึ่งกลับเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น โอบล้อมไปด้วยกลิ่นอายความตาย ขนาดดวงตาทั้งคู่ยังปรากฏสภาพที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง รูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดพาให้คนอื่นกลัวจนขนหัวลุก

“ศุภโชคครั้งนี้เดิมทีก็เกิดขึ้นจากฟ้าดิน ทั้งไม่ใช่สิ่งที่เจ้าครอบครอง หากเจ้าต้องการก็ไปแย่งชิงมาเอง คิดจะสั่งให้ข้าช่วยเป็นธุระ เจ้าไม่มีคุณสมบัติมากพอ”

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย กิริยาท่าทางสงบนิ่งมั่นคง

ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในความมืดล้วนประหลาดใจและตื่นตระหนก ไม่คิดว่าในเวลาเช่นนี้เด็กหนุ่มจะยังคงสงบนิ่งและแข็งกร้าวปานนี้ พาให้คนหวั่นเกรง

อสูรเฒ่าเครือเถาก็ผงะไปอย่างเห็นได้ชัดครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งจะมีจิตใจกล้าหาญแบบนี้

ทันใดนั้นเขาก็สีหน้าถมึงทึง กล่าวว่า “เปิ่นหวังมอบโอกาสให้เจ้า แต่เจ้าไม่รู้บุญคุณ กลับไร้มารยาทเช่นนี้ หรืออยากตายจริงๆ”

หลินสวินยิ้มแล้ว ดวงตาสีดำปรากฏรังสีเย็นเยียบ “วิญญาณเถาวัลย์เถาหนึ่งเท่านั้น ยังไม่ก้าวเข้าสู่ระดับราชันที่แท้จริง ยังกล้าเรียกตัวเองว่าเปิ่นหวัง (ข้าผู้เป็นราชัน) มาข่มขู่ข้าหรือ”

เฮือก!

ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยที่ซ่อนอยู่ในความมืดสูดหายใจหนาวเยือก ต่างสงสัยอยู่บ้างว่าหลินสวินเสียสติไปแล้วหรือ แม้ราชันกึ่งระดับไม่ใช่ราชันที่แท้จริง แต่ก็สามารถโอหังเหนือผู้ฝึกปราณที่ต่ำกว่าระดับราชันได้แล้ว

แต่ในสายตาของเด็กหนุ่ม ประหนึ่งคิดว่าราชันกึ่งระดับไม่ได้พิเศษอะไร… นี่ช่างน่าตกใจเกินไปแล้ว

อสูรเฒ่าเครือเถาหรี่ตา ไอสังหารน่ากลัวพลุ่งพล่านไปทั้งตัว พลานุภาพราวน้ำป่าทลายเขื่อนม้วนกลืนไปทั้งที่นั้น

“เจ้าหนู เปิ่นหวังชื่นชมความกล้าของเจ้านัก ให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย ไปเด็ดโอสถสมบัติต้นนั้นมา เปิ่นหวังจะให้เจ้าตายอย่างมีเกียรติอยู่บ้าง”

เขาเอ่ยปาก ทอดสายตามองโอสถสมบัติมหัศจรรย์ดุจหงส์เพลิงเริงระบำต้นนั้นที่อยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของยอดเขา

เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้หลินสวินเสี่ยงชีวิต!

ใครก็รู้ว่าใกล้ๆ กับโอสถสมบัติมหัศจรรย์ต้นนั้นมีความน่ากลัวใหญ่หลวงซ่อนอยู่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับผนึกค่ายกลโบราณที่จุดสูงสุดของยอดเขา หากเข้าไปเด็ดสุ่มสี่สุ่มห้า ผลลัพธ์ต้องน่าอนาถแน่

“ได้สิ”

เหนือความคาดหมายของทุกคน หลินสวินกลับตอบรับอย่างยินดี

ชั่วขณะนี้ผู้ฝึกปราณที่ซ่อนอยู่ในความมืดเหล่านั้นล้วนนึกว่าตนหูฝาดไป เมื่อกี้เจ้าเด็กนี่ยังแข็งกร้าวปานนั้น เหตุใดจู่ๆ ถึงเปลี่ยนความคิดเสียล่ะ

หรือว่าเขาก็หวาดหวั่นอานุภาพร้ายกาจของอสูรเฒ่าเครือเถาแล้ว

“หึ ที่แท้เจ้าก็กลัวตายสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็รีบไปจัดการเสียเถิด!”

อสูรเฒ่าเครือเถาแสดงสีหน้าดูถูก ท่าทีมั่นคงก่อนหน้านี้ของเด็กหนุ่มถูกเขามองว่าเป็นการแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ทว่าภายในอ่อนแอ

“ก็ได้ ในเมื่อเจ้ารีบร้อนขนาดนี้ เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เจ้าสมใจ” หลินสวินพยักหน้า พุ่งตัวออกไปยังโอสถสมบัติมหัศจรรย์ต้นนั้น

“รีบร้อนหรือ ทำให้ข้าสมใจหรือ” นัยน์ตาอสูรเฒ่าเครือเถาหรี่ลง รู้สึกว่าคำพูดนี้ประหลาดชอบกล

ครู่ต่อมาเขาก็หน้าเปลี่ยนสี คำรามอย่างกราดเกรี้ยว “หยุดนะ…!”

ด้วยเห็นว่าหลินสวินพลันหยิบคมดาบขาวเจิดจ้าราวหิมะเล่มหนึ่งออกมา ฟันใส่โอสถสมบัติมหัศจรรย์ที่อยู่ไม่ไกลทันทีด้วยความเร็วเหลือเชื่อ

เร็วเกินไปแล้ว!

ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่เดิมทีรับปากไปเด็ดสมุนไพรจะทำเรื่องร้ายกาจเช่นนี้ได้ ถึงกับจะทำลายโอสถสมบัติต้นนั้นทิ้ง!

นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ล้วนตาเบิกกว้าง

ส่วนอสูรเฒ่าเครือเถายิ่งรับมือไม่ทัน ยามคิดจะขวางก็ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว

ตู้ม!

ได้ยินเสียงกึกก้องสะท้านฟ้าเสียงหนึ่งดังขึ้น ทันใดนั้นก็มีพลังต้องห้ามน่าหวาดหวั่นทะลักออกมาใกล้ๆ โอสถสมบัติมหัศจรรย์ต้นนั้น และแปรเป็นอักษรสัญลักษณ์ที่ลึกลับคลุมเครือเต็มฟ้า ซัดดาบหักที่ฟาดฟันลงมาให้กระเด็น

หลินสวินก็ได้รับแรงสะเทือน เลือดลมทั้งร่างปั่นป่วนแทบกระอักเลือด

แต่เขาเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว ยามสำแดงการโจมตีนี้เขาก็หายตัวออกมา ขับเคลื่อนยานขนส่งอวกาศพุ่งออกมานอกยอดเขาดาราโรยเต็มกำลังอยู่ก่อนแล้ว

หลินสวินคาดการณ์ไว้นานแล้วว่าด้วยความสามารถของตน การทำลายโอสถสมบัตินั้นทิ้งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างชัดเจน เขาทำเช่นนี้ก็เพียงเพื่อส่งต่อเคราะห์ร้ายให้อสูรเฒ่าเครือเถาเท่านั้น

ตูม!

ดังคาด พลังต้องห้ามที่อยู่ใกล้กับโอสถสมบัติมหัศจรรย์ต้นนั้นถูกกระตุ้น สาดส่องสัญลักษณ์ลี้ลับนับหมื่นนับพัน สัญลักษณ์ทุกอันล้วนเจิดจ้าราวสร้างจากเงิน ส่องสว่างท่ามกลางรัตติกาล สำแดงอานุภาพน่าหวาดหวั่นคับฟ้า

พลานุภาพเช่นนั้นทำให้ทั้งยอดเขาดาราโรยสั่นคลอน สะท้านสะเทือนไม่หยุดหย่อน

อสูรเฒ่าเครือเถาสั่นเทาไปทั้งร่าง สีหน้าย่ำแย่หาใดเทียบ เดือดดาลถึงที่สุด เขาส่งเสียงคำรามแล้วหันกายหนีไป

พลังต้องห้ามนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว ทันทีที่ปะทุขึ้นก็สามารถทลายฟ้าดิน ช่วงนี้อสูรเฒ่าเครือเถายึดครองพื้นที่นี้มาโดยตลอด และเคยเห็นอานุภาพที่พลังต้องห้ามปะทุขึ้นเช่นนี้ ทำให้เขากลัวสันหลังวาบ พรั่นพรึงไม่ว่างเว้น

ดังนั้นในเวลานี้เขาจะกล้าลังเลได้อย่างไร รีบหนีออกมาทันที

“บ้าเอ๊ย รีบหนีเร็ว!”

“ให้ตายสิ เจ้าหนูนั่นชั่วช้านัก ถึงขั้นทำร้ายพวกเราไปด้วย!”

“นี่เขาจะอาศัยพลังต้องห้ามของค่ายกลโบราณมาต่อกรกับอสูรเฒ่าเครือเถา ถือเป็นการเดินหมากอันตรายตาหนึ่ง น่าเสียดาย เขาไม่รู้เลยว่าพลังต้องห้ามของค่ายกลโบราณนี้น่ากริ่งเกรงแค่ไหน!”

บนยอดเขาดาราโรย ผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวในความมืดต่างลนลานเหมือนกระต่ายที่ถูกทำให้ตกใจเกินเหตุ พากันเคลื่อนไหวออกมาจากยอดเขาเสียงดังสวบๆๆ

บางคนยังด่าทอไม่หยุดปาก เดือดดาลกราดเกรี้ยวราวสายฟ้า คิดว่าการเคลื่อนไหวนี้ของหลินสวินไม่ต่างอะไรกับการให้ร้ายพวกเขา

อย่างไรเสียพวกเขาต้องลำบากลำบนกว่าจะได้มายึดครองพื้นที่บริเวณหนึ่งบนยอดเขาดาราโรย เพียงรอยามวาสนาเปิดฉาก ก็จะได้เปรียบยามช่วงชิง

แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็เท่ากับทำลายข้อได้เปรียบที่พวกเขายึดถือไว้จนสิ้นแล้ว!

ครืน!

พลังต้องห้ามปะทุออก แสงเงินเจิดจรัสศักดิ์สิทธิ์แปรสภาพเป็นสัญลักษณ์คลุมเครือ ไหลลงมาจากจุดสูงสุดของยอดเขาราวกับภูเขาไฟที่สงบลงนับหมื่นปีระเบิดออก มีพลังน่าพรั่นพรึงที่สามารถผลาญฟ้าทลายดินได้

นี่ก็เหมือนแหย่รังแตน สภาพการณ์น่ากลัวนัก

ปัง!

แม้อสูรเฒ่าเครือเถาหนีออกมาอย่างว่องไวมากแล้ว ก็ยังถูกสัญลักษณ์สีเงินรางเลือนสายหนึ่งกระแทกตัว จนร่างที่หนาราวถังไม้เกิดเป็นโพรงเลือด

เขาส่งเสียงร้องเจ็บปวด เลือดแดงก่ำไปทั้งตา ชิงชังจนแทบคลั่ง ถูกเด็กเผ่ามนุษย์คนหนึ่งคิดบัญชี ทั้งยังเอาเปรียบหนักหน่วงเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกอับอายผิดธรรมดา

ส่วนผู้แข็งแกร่งคนอื่นก็ยิ่งหนีเร็วขึ้น ขนาดผู้แข็งแกร่งอย่างอสูรเฒ่าเครือเถายังรับพลังต้องห้ามที่ปะทุออกมานั้นไม่ได้ นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว

สถานการณ์โกลาหลไปหมด หมูอสูรมารและซย่าเสี่ยวฉงที่หลบซ่อนอยู่ไกลออกไปมองดูด้วยความตกตะลึง อ้าปากค้างอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดเหตุสะท้านโลกาเช่นนี้ได้

“คงไม่ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันกับพี่หลินสวินใช่ไหม” บนใบหน้าน้อยใสซื่อของซย่าเสี่ยวฉงเต็มไปด้วยความกังวลใจ

“เขาตายสิยิ่งดี!” ก่อนหน้านี้หมูอสูรมารถูกหลินสวินเล่นงานอย่างร้ายกาจ ความเดือดดาลเต็มอก แทบอยากจะให้หลินสวินเกิดเรื่องเร็วขึ้นเสียหน่อย

ทันใดนั้นดวงตาเขาก็หมุนกลิ้ง ปลอบซย่าเสี่ยวฉงอย่างนุ่มนวลว่า “แม่นางน้อย เจ้าอย่าเสียใจไปเลย ต่อให้เจ้าหนูนั่นตายข้าก็ยังอยู่นะ ต้องทำดีต่อเจ้าอย่างยิ่ง จะไม่ให้เจ้าคับข้องใจเลย”

ซย่าเสี่ยวฉงถลึงตาใส่เขาแรงๆ ครั้งหนึ่ง “เจ้ากล้าแช่งพี่หลินสวิน ถ้าเขากลับมาจะต้องเอาเจ้าเป็นวัตถุดิบทำอาหารจากหมูยกโต๊ะแน่!”

หมูอสูรมารหนาวสั่นด้วยความกลัว สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่ว่างเว้น เขาย่อมกังวลใจไม่กล้าเพ้อเจ้ออีก ประโยคที่ว่าเคราะห์มาจากปาก ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ลิ้มรสอย่างลึกซึ้งจากหลินสวินมาแล้ว

ด้านหลินสวินในตอนนี้ก็มีทุกข์ยากจะกล่าว แม้เขาขับยานขนส่งอวกาศออกมาอย่างรวดเร็วปานเหาะเหิน แต่ทันทีที่มาถึงกลางอากาศก็ถูกพลังต้องห้ามคลุมเครือกดทับราวตกลงไปในบ่อโคลน ทำให้ไม่สามารถสำแดงความเร็วของยานขนส่งอวกาศได้อย่างเต็มที่

ที่ทำให้เขาหมดคำพูดที่สุดก็คือ พลังต้องห้ามที่ปะทุขึ้นเหนือยอดเขาดาราโรยยังพุ่งขึ้นสู่ห้วงอากาศ ไล่โจมตีเขาอย่างบ้าคลั่งราวมีชีวิต

เขาเพียงจะส่งต่อเคราะร้ายให้อสูรเฒ่าเครือเถาเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าตนจะตกกระไดพลอยโจนไปด้วย

ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ เขาใช้คันธนูวิญญาณไร้แก่นสารกับศรแห่งนภาครามเสียก็สิ้นเรื่องแล้ว จะมีเคราะเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

“มาดูเร็ว ยานสมบัติของเจ้าหนูนั่นถูกกำราบแล้ว ฮ่าๆๆ กรรมตามสนองสินะ!”

ที่ตีนเขา ผู้แข็งแกร่งที่หนีจากอันตรายออกมาได้บางคนหัวเราะร่า มีความสุขที่ได้เห็นเคราะห์ของผู้อื่น ในใจเต็มไปด้วยเจตนาร้าย

“ไอ้เด็กเวร เจ้าตายแน่แล้ว เปิ่นหวังจะหลอมซากศพเจ้าให้ป่นปี้เลย!”

อสูรเฒ่าเครือเถาเต็มไปด้วยความแค้น ชิงชังจนกัดฟันกรอด

ครั้งนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยไม่คาดฝัน หากมีศัตรูที่แข็งแกร่งมารุกล้ำ เป็นไปได้สูงว่าอาจไม่สามารถยึดครองตำแหน่งบนสุดของยอดเขาดาราโรยไว้ได้เหมือนแต่ก่อน

ส่วนซย่าเสี่ยวฉงกับหมูอสูรมารก็มีปฏิกิริยาในที่สุด รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ของหลินสวินไม่สู้ดี ล้วนหน้าเปลี่ยนสี กังวลใจอย่างยิ่ง

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด