Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 816 นักชำนาญวิญญาณ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 816 นักชำนาญวิญญาณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ถนนในเมืองเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก สามารถมองเห็นต้นก่วมหิมะที่กระจ่างพร่างพราวได้ทั่วทุกมุม

ต้นไม้โบราณชนิดนี้มีสีขาวแวววาวทั้งต้นราวกับก่อตัวจากหิมะน้ำแข็ง ปกคลุมด้วยหมอกสีขาวจาง เมื่อทอดสายตามองไป ต้นไม้นับพันนับหมื่นต้นราวกับกำแพงหยกขาว เลือนรางสดใส งดงามอย่างยิ่ง

นี่คือทัศนียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองก่วมหิมะ

ว่ากันว่าในสมัยโบราณ ที่นี่เคยมีต้นก่วมหิมะต้นหนึ่งแจ้งมรรค ในวันที่กลายเป็นอริยะ ใบไม้ปลิวไสวราวกับเกล็ดหิมะ สำแดงเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ใบไม้บดบังท้องฟ้า หิมะน้ำแข็งปรากฏทั่วทั้งเมือง

หลินสวินกลับไม่มีกะจิตกะใจจะชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงามนี้ เขาสวมเสื้อคลุม ปีกหมวกปิดใบหน้า เดินอยู่บนถนนอย่างเร่งรีบ

‘เผ่าวาทวาโยช่างเป็นตัวปากโป้งที่มีชื่อเสียงแห่งยุคจริงๆ เผยแพร่ข่าวไวกว่าใคร!’ หลินสวินลอบวิจารณ์

เขาเข้าเมืองมาก่อนอวี๋เสวี่ยเจียวและน้องชาย ทั้งยังมาถึงหน้าต้นข่าวสารนั่นก่อน

ตอนแรกอยากดูว่าช่วงนี้มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น ใครจะคิดว่าข่าวฮือฮาที่เห็นล้วนเกี่ยวข้องกับตน…

หากไม่ใช่เพราะเขามือไวตาไว รีบใช้เสื้อคลุมบดบังใบหน้าเอาไว้คงถูกจำได้แล้ว

‘เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬนี่ต่ำช้าจริงๆ ดันติดประกาศนำจับข้า คิดว่าข้ารังแกได้ง่ายจริงๆ หรือ’

หลินสวินคิดถึงประกาศนำจับที่เห็นเมื่อครู่นี้ ไอสังหารก็พลุ่งพล่านขึ้นในใจอย่างควบคุมไม่อยู่

หลังออกจากนครเตโช เขาถูกตามฆ่ามาตลอดทาง เจออันตรายไม่รู้เท่าไหร่

ตอนนี้ยังไม่ทันที่เขาจะไปชำระความ อีกฝ่ายกลับติดประกาศนำจับ หมายจะประกาศจับเขาทั่วทั้งแดนฐิติประจิม

นี่เป็นการทำทุกวิถีทางเพื่อฆ่าเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!

‘ช่างเถอะ รอให้เสร็จธุระก่อนค่อยไปคิดบัญชีกับหมาดำสารเลวพวกนี้’ หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางตัดสินใจ

……

หอหิมะล้ำค่า

นี่เป็นร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองก่วมหิมะ ด้านในขายสมบัติ ของมีค่า ลูกกลอนโอสถ สมบัติวิญญาณ… สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ฝึกปราณในเมืองได้อย่างเต็มที่

ไม่นานหลินสวินก็ปรากฏตัวที่นี่ และได้รับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้นจากผู้ดูแลหญิงคนหนึ่ง

“ข้าอยากขายวัตถุดิบวิญญาณจำนวนหนึ่ง เจ้าช่วยจัดการให้ข้าหน่อย” หลินสวินพูดสั้นๆ ตรงประเด็น

ผู้ดูแลหญิงอึ้งไป อดถามไม่ได้ “คุณชายจะขายวัตถุดิบวิญญาณระดับใด จำนวนเท่าไหร่ หากน้อยเกินไป…”

หลินสวินฟังความสงสัยในคำพูดของผู้ดูแลหญิงออก พลันพูดตัดบทว่า “คุณภาพของวัตถุดิบวิญญาณนับว่าไม่เลว จำนวนก็มากพอ ตอนนี้ข้าเพียงเป็นห่วงว่าหอหิมะล้ำค่าของพวกเจ้าจะรับไหวหรือไม่”

ผู้ดูแลหญิงยิ้มอย่างหยิ่งผยองมาก กล่าวเรียบๆ “คุณชายคงไม่รู้ว่าหอหิมะล้ำค่าของเราเป็นถึงร้านค้าอันดับหนึ่งในเมือง ทั่วทั้งเมืองก่วมหิมะนี้ จนปัจจุบันยังไม่มีสินค้าที่หอหิมะล้ำค่าของเรารับไม่ไหว”

หลินสวินขานรับว่าอ้อ ก่อนจะยิ้มพูด “เช่นนี้ก็ดีมาก ข้าอยากเชิญนักประเมินทรัพย์คนหนึ่ง หลังจากนั้นเตรียมแกนวิญญาณให้มากพอ พวกเราก็สามารถแลกเปลี่ยนได้ทันที”

เขาต้องทำเวลา สำหรับเขาเมืองก่วมหิมะไม่ใช่สถานที่ที่จะอยู่ระยะยาว แม้แต่ประกาศนำจับก็ปรากฏออกมาแล้ว หากร่องรอยรั่วไหลออกไป จะต้องนำพาคลื่นลมไม่น้อยเข้ามาแน่

เห็นหลินสวินมั่นใจเช่นนี้ผู้ดูแลหญิงเองก็ไม่กล้ารีรออีก พาเขาเข้าไปในห้องหรูหราที่เงียบสงบ แล้วจากไปอย่างเร่งรีบ

ไม่นานผู้ดูแลหญิงก็กลับมา ข้างกายมีชายหญิงคู่หนึ่งเพิ่มเข้ามา

“คุณหนู เป็นคุณชายท่านนี้ที่ต้องการขายวัตถุดิบวิญญาณ” ผู้ดูแลหญิงแนะนำเสียงเบา

เพียงแต่นางกลับพบอย่างน่าแปลกว่าแวบแรกที่คุณหนูเห็นอีกฝ่ายก็ราวกับต้องคำสาป ท่าทางตกตะลึง

ไม่เพียงแค่คุณหนู แม้แต่คุณชายน้อยก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง ท่าทางราวกับเห็นผี

ในเวลาเดียวกันหลินสวินก็อึ้งไปเช่นกัน ลอบพูดในใจว่าบังเอิญจริง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นพี่น้องคู่นี้

นี่มันอวี๋เสวี่ยเจียวและอวี๋เสวี่ยเทียน!

พวกเขาเพิ่งกลับหอหิมะล้ำค่า ก็ได้ยินคนรายงานว่ามีลูกค้าคนหนึ่งจะขายวัตถุดิบวิญญาณจำนวนมาก ทั้งยังเป็นห่วงว่าหอหิมะล้ำค่าจะรับไม่ไหว นี่ทำให้พวกเขาทั้งโกรธทั้งรู้สึกว่าน่าขัน

ตระกูลอวี๋ของพวกเขาดำเนินกิจการหอหิมะล้ำค่ามาหลายพันปี ไม่เคยมีลูกค้าคนไหนกล้าคุยโวแบบนี้มาก่อน

ด้วยความสงสัย พวกเขาจึงตัดสินใจมาดูว่าลูกค้าคนนี้เป็นอริยเทพจากไหนกัน ถึงได้กล้าคุยโวเช่นนี้

ถึงขั้นที่ในใจยังสงสัยว่า เป็นคู่แข่งจงใจมาก่อความวุ่นวายหรือเปล่า

เพียงแต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอหลินสวินที่นี่!

นึกถึงข่าวฮือฮาที่ได้ยินหน้าต้นข่าวสาร สองพี่น้องนี้ล้วนมีความรู้สึกไม่สมจริง

เด็กหนุ่มผู้กล้าที่ราวกับเทพมารซึ่งตอนนี้ในเมืองก่วมหิมะลือกันอย่างดุเดือด กลับปรากฏตัวที่นี่?

นี่หากเผยแพร่ออกไปจะนำพาความฮือฮาที่ใหญ่โตกว่าหรือไม่

แม้ใบหน้าของหลินสวินถูกปีกหมวกบดบังไปกว่าครึ่ง แต่อวี๋เสวี่ยเจียวยังคงจำฐานะของหลินสวินได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น!

เพียงแต่ไม่นานอวี๋เสวี่ยเจียวก็รู้สึกแข็งทื่อไปทั้งตัว มองเห็นว่าหลินสวินที่อยู่ตรงหน้ากำลังมองตนอยู่ สายตานั่นแม้จะนิ่งสงบ แต่กลับทำให้นางหัวใจกระเพื่อมไหว หลุดจากภวังค์อย่างสิ้นเชิงในทันที

นางโบกมือให้ผู้ดูแลหญิงคนนั้นออกไป ปิดประตูห้องแล้วจึงกล่าวว่า “คุณชาย… จะขายวัตถุดิบวิญญาณหรือ”

สีหน้าของนางเรียบเฉย ท่าทางเหมือนต้อนรับลูกค้าปกติ

“ท่านพี่ ท่านจำไม่ได้หรือ เขาคือ…” ข้างๆ อวี๋เสวี่ยเทียนอดเตือนไม่ได้

“น้องเล็ก พวกเราจำผิดแล้ว ไม่ต้องพูดอีก เจ้าดูอยู่ข้างๆ ก็พอ” อวี๋เสวี่ยเจียวพูดง่ายๆ

นี่ทำให้อวี๋เสวี่ยเทียนไม่เข้าใจ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งสังเกตหลินสวิน สายตามีทั้งความระแวง หวาดกลัวและแปลกใจอย่างลึกล้ำ

แววชื่นชมเสี้ยวหนึ่งแวบผ่านในดวงตาดำของหลินสวิน แม้แต่เขายังต้องยอมรับว่าอวี๋เสวี่ยเจียวคนนี้เป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก

เรื่องบางเรื่องแม้รู้อยู่เต็มอกแต่กลับไม่สามารถพูดออกมาได้ เช่นนั้นก็ถือซะว่าไม่รู้ นี่เป็นความฉลาดเฉลียวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เหมือนเช่นตอนนี้ อวี๋เสวี่ยเจียวรู้ดีว่าหากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬรู้ว่าตระกูลอวี๋ของพวกเขาเคยเกี่ยวข้องกับหลินสวิน จะต้องนำพาภัยครั้งใหญ่อันยากจะคาดเดามาให้อย่างแน่นอน!

“หากยุ่งยากข้าเปลี่ยนร้านค้าก็ได้” หลินสวินพูด

อวี๋เสวี่ยเจียวอึ้ง จากนั้นจึงยิ้มพูด “หอหิมะล้ำค่าของเราทำกิจการค้า มีเหตุผลอะไรที่จะไล่ลูกค้า”

ทันใดนั้นหลินสวินเองก็ไม่มีพิธีรีตองอีกต่อไป เสียงพรืดดังขึ้น สายแร่สมบูรณ์สีม่วงไหลออกมาราวกับงูหลามที่ขดตัว เรืองแสงอยู่ในห้อง

“สำริดทรัพย์เร้นม่วงที่สมบูรณ์แบบเส้นหนึ่ง!” อวี๋เสวี่ยเทียนที่อยู่ข้างๆ ตาเป็นประกาย หลุดปากออกมา

และตอนนี้อวี๋เสวี่ยเจียวก็ได้แสดงความสามารถอันแม่นยำในการประเมินทรัพย์ออกมา พินิจเพียงครู่เดียวเท่านั้นก็พูดว่า “คุณภาพชั้นสูง เพียงแต่ต้องดำเนินการหลอมใหม่จึงจะสามารถหลอมสำริดทรัพย์เร้นม่วงที่แท้จริงออกมาได้ จากที่ข้าคาดเดา สายแร่เส้นนี้เทียบเท่ากับแกนวิญญาณขั้นสูงแปดสิบชิ้น”

หลินสวินพยักหน้า “งั้นก็ตามราคาที่เจ้าว่า”

แกนวิญญาณขั้นสูงแปดสิบชิ้นก็เทียบเท่าแกนวิญญาณขั้นกลางแปดพันชิ้นแล้ว! นี่เรียกได้ว่าเป็นราคาที่สูงมากอย่างแน่นอน

อวี๋เสวี่ยเจียวยิ้ม “คุณชายพอใจก็ดีแล้ว ข้าจะไปเตรียมแกนวิญญาณให้คุณชายเดี๋ยวนี้”

“ไม่ต้องรีบ ข้ายังมีวัตถุดิบวิญญาณอีกมากจะขาย” หลินสวินเรียกนางไว้

อวี๋เสวี่ยเจียวอึ้งไปทันที พูดตามจริง การแลกเปลี่ยนแกนวิญญาณขั้นสูงแปดสิบชิ้นถือว่าเป็นการซื้อขายขนาดใหญ่แล้ว และพบได้น้อยมาก สิบวันครึ่งเดือนก็ยังไม่เจอสักครั้ง

เพียงแต่นางกลับคิดไม่ถึงว่า การซื้อขายครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้น!

พรึ่บ~

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ สายแร่สีแดงราวแสงสนธยาแผ่ประกายควันเมฆ ความหนาราวนิ้วโป้ง แต่กลับยาวมาก ขดตัวเป็นกอง

แร่หยกหมอกทับทิมที่สมบูรณ์สายหนึ่ง!

แวบเดียวอวี๋เสวี่ยเจียวก็จำได้ว่านี่คือวัตถุดิบวิญญาณระดับสูงชนิดหนึ่งเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังพบได้น้อยมาก ถือเป็นของล้ำค่า มูลค่าสูงกว่าสำริดทรัพย์เร้นม่วงเสียอีก

“สีของมันแดงเข้มราวกับเปลวเพลิง คุณลักษณะโปร่งแสงแวววาม แทบไม่มีการเจือปน ถือเป็นลักษณะของสมบัติชั้นยอด อิงตามราคาในท้องตลาด สามารถแลกแกนวิญญาณขั้นสูงได้หนึ่งร้อยยี่สิบชิ้น”

อวี๋เสวี่ยเจียวสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วแจ้งราคาออกมา

นางไม่กล้าจงใจกดราคา เอาเปรียบหลินสวินผู้ถูกกำหนดว่าจะเป็นบุคคลแห่งยุคที่ชื่อเสียงสะเทือนไปทั่วทั้งแดนฐิติประจิมหรอกนะ

หลินสวินขานรับว่าอืม พลันทยอยหยิบสายแร่ทองพิสุทธิ์ประกายพรึกเส้นหนึ่ง สายแร่เหล็กสลักอสูรมรกตเส้นหนึ่ง สายแร่หยกทองดาราเส้นหนึ่ง…

รวมๆ แล้วมีสายแร่ประมาณสิบกว่าชนิดกองเต็มห้อง สีสันสดใสงดงาม พราวพร่างสะดุดตา แผ่แสงอันเย้ายวนดูน่าทึ่งมากเป็นพิเศษ

“นี่ นี่…นี่เยอะเกินไปแล้ว…” อวี๋เสวี่ยเทียนริมฝีปากสั่น อึ้งอย่างสิ้นเชิง ตะลึงงันไปแล้ว

เขาอยู่ดีกินดีมาตั้งแต่เด็ก และถือกำเนิดในตระกูลทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งของเมืองก่วมหิมะอย่างตระกูลอวี๋ เห็นสมบัติวิญญาณประเภทต่างๆ มาแล้วมากมาย แต่กลับไม่เคยเห็นภาพที่สายแร่วิญญาณมากมายขนาดนี้อยู่รวมกัน!

แม้แต่อวี๋เสวี่ยเจียวเองก็จิตใจหวั่นไหว รู้สึกเหลือเชื่อไม่น้อย หลุดปากพูดออกมาอย่างอดไม่อยู่ “คุณชาย ท่านคงไม่ใช่ ‘นักชำนาญวิญญาณ’ ที่ชำนาญการเสาะหาชีพจรปราณกระมัง”

นักชำนาญวิญญาณ!

บุคคลที่สูงส่งและโดดเด่น พวกเขาชำนาญการเสาะหาชีพจรปราณ สามารถคาดการณ์แนวโน้มโดยรวมของภูผานที ทิศทางปราณพิภพ มีฝีมืออันน่ามหัศจรรย์เกินคาดเดา

ในโลกปัจจุบัน ทุกขุมอำนาจใหญ่ที่ต้องการจะสร้างถ้ำสวรรค์แดนมงคลหรือขุดเจาะสายแร่ปราณ ล้วนไม่เกี่ยงว่าต้องทุ่มทุนมหาศาล อย่างไรก็ต้องเชิญนักชำนาญวิญญาณลงมือให้ได้!

น่าเสียดายที่นักชำนาญวิญญาณมีน้อยเกินไป เรียกได้ว่าดุจเขากิเลนขนหงส์ อีกทั้งโดยทั่วไปมีเพียงในขุมอำนาจสำนักเก่าแก่เท่านั้นจึงจะสามารถพบเห็นได้

อย่างในอาณาเขตแคว้นล้ำเมฆาทั้งแคว้น ในเมืองนับพัน ก็มีนักชำนาญวิญญาณไม่ถึงห้าคน อีกทั้งสี่คนยังอยู่ในสำนักกระบี่โผผิน!

จากเรื่องนี้สามารถรู้ได้ว่า ฐานะของนักชำนาญวิญญาณโดดเด่นและน่าเคารพมากเพียงใด ไม่ต่างอะไรกับปรมาจารย์สลักวิญญาณที่ชำนาญการหลอมอาวุธ

“ไม่ใช่” หลินสวินส่ายหน้า เขารู้ถึงการมีอยู่ของนักชำนาญวิญญาณ แต่เขาไม่รู้วิชาลับที่นักชำนาญวิญญาณครอบครอง

สายแร่วิญญาณที่เขาขายในครั้งนี้ ล้วนเป็นสายแร่ที่เขาเจอในภูเขาแม่น้ำอันกว้างใหญ่นั่น โดยอาศัยความมหัศจรรย์ของนัยน์ตาเฉาเฟิง

อวี๋เสวี่ยเจียวสีหน้าสับสนเล็กน้อย ในใจแอบพูดว่า หากไม่ใช่นักชำนาญวิญญาณ จะสามารถค้นเจอสายแร่วิญญาณล้ำค่ามากขนาดนี้ได้อย่างไร

แต่ในเมื่อหลินสวินไม่ยอมรับ นางเองก็ไม่รู้จะถามอย่างไรอีก

ไม่นานราคาแลกเปลี่ยนในตอนท้ายถูกคำนวณออกมา เป็นแกนวิญญาณขั้นสูงหนึ่งพันยี่สิบชิ้น!

ตอนที่คำนวณได้จำนวนนี้ แม้แต่อวี๋เสวี่ยเจียวและอวี๋เสวี่ยเทียนต่างอึ้งค้างอยู่กับที่ ในใจไหวหวั่น นี่มันตัวเลขที่สูงเสียดฟ้าเลยเชียว!

แม้แต่ตระกูลอวี๋ที่เรียกได้ว่าทรงอิทธิพลเป็นอันดับหนึ่งในเมืองก่วมหิมะ ก็ไม่สามารถเอาแกนวิญญาณมากขนาดนั้นออกมาได้ในทันที!

เวลานี้ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดก่อนหน้านี้หลินสวินจึงบอกว่า กังวลว่าหอหิมะล้ำค่าจะรับสินค้าพวกนี้ไม่ไหว…

หลินสวินเองก็ราวกับดูออกอยู่บ้าง กล่าวว่า “ข้าต้องการหยกควบรวมจิตจำนวนหนึ่ง ถ้าได้ระดับสูงจะดีที่สุด ระดับกลางก็ได้ ยิ่งเยอะยิ่งดี ไม่รู้ว่าหอหิมะล้ำค่าให้ได้เท่าไหร่”

ทันใดนั้นจิตใจอวี๋เสวี่ยเจียวพลันฮึกเหิมขึ้นมา

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด