Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 810 ไม่ยอมตายอย่างไร้ค่า

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 810 ไม่ยอมตายอย่างไร้ค่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 810 ไม่ยอมตายอย่างไร้ค่า
“ไอ้เด็กสวะ ทำไมไม่หนีแล้วล่ะ” โก่วขุ่ยพลันกลายร่างเป็นคน ก้าวย่างผ่านห้วงอากาศ สีหน้าอำมหิต แสงอัศจรรย์สีโลหิตทั่วร่างตลบอบอวล อานุภาพแห่งราชันกดดันครอบคลุมฟ้าดิน

เวลานี้เขาผ่อนคลายนัก เดิมทียามไล่ล่ามาตลอดทางในใจเขาระวังยิ่ง สงสัยว่าเด็กนี่จะซ่อนแผนชั่วร้าย มีเจตนาไม่บริสุทธิ์

แต่สุดท้ายตอนนี้เขาก็มองออก แผนการของมันก็แค่แผนเดิม ยังคิดอาศัยราชันอสูรเนตรทองนอเดียวนั่นมากำราบเขา นี่ทำให้เขารู้สึกขบขันนัก

ถูกหลอกไปครั้งหนึ่งแล้ว ยังจะถูกหลอกซ้ำสองอีกรึ

ไอ้เด็กนี่เห็นชัดว่าไร้น้ำยาเต็มทน!

“หนี? ทำไมต้องหนีด้วย”

หลินสวินยิ้ม ฟันขาวดุจหิมะส่องประกายเจิดจ้ากลางแสงอาทิตย์ “เจ้าไม่คิดว่าฮวงจุ้ยที่นี่ไม่เลวนักหรอกรึ”

“ฮวงจุ้ย?”

โก่วขุ่ยคิ้วขมวด รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ผิดปกติยิ่ง เขาเกิดความระแวดระวัง ไม่ได้รีบลงมือ “ความตายมาเยือนจนเริ่มพูดจาเหลวไหลแล้วหรือ”

“เจ้าหมาแก่ ข้าไม่ได้ล้อเล่น นี่คือที่ฝังศพที่ข้าเตรียมให้เจ้าเป็นพิเศษ” หลินสวินกล่าวยิ้มระรื่น

โก่วขุ่ยสีหน้าพลันทะมึน แววตาวาบไหวไอสังหารแผ่พุ่ง ทำฟ้าดินสั่นสะเทือน เวลานี้แล้วเจ้าเด็กนี่ยังกล้ายั่วยุเช่นนี้ ทนไม่ไหวแล้ว!

วู้ม!

และเวลานี้เองที่หลินสวินเริ่มลงมือ!

พลังซึ่งสะสมภายในร่างมานานบรรลุถึงขีดสุดในชั่วพริบตา ทำให้ทั่วร่างเขาแผ่แสงเขียวเจิดจรัสที่ราวกับภาพฝัน ดุจดั่งภาพลวงตา

วู้ม!

ธนูวิญญาณไร้แก่นสารถูกดึงรั้งเต็มอัตรา ศรแห่งนภาครามส่งเสียงหวีดร้องทุ้มต่ำ

หลินสวินเวลานี้ประดุจเปลี่ยนร่างเป็นมือธนูเทพบรรพกาล กระดูกสันหลังบึกบึนกำยำ กล้ามแขนเป็นมัด ไอสังหารดุดันไร้รูปทรงพลังดั่งไฟสงคราม

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ต่างจากแต่ก่อน ครานี้หลินสวินโคจรพลังมรดกสองแบบอย่างวิชาอริยะยุทธ์และโทสะหยาจื้อ สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั่วร่างปะทุถึงขั้นน่าพรั่นพรึงเป็นประวัติการณ์

จิตต่อสู้พลุ่งพล่าน ทำให้พละกำลังทั่วร่างล้วนเปลี่ยนไป เสมือนเทพยุทธการกรำศึกเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน โลหิตผลาญนภาคราม!

ไม่จำเป็นต้องสงสัย นี่คือการโจมตีอันแข็งแกร่งที่สุดโดยไม่มียั้งแม้แต่น้อยนับตั้งแต่ที่หลินสวินฝึกปราณมา โคจรพลังทั้งมวลถึงขีดสุด

หืม?

ไม่อาจไม่กล่าวถึง กลับเป็นโก่วขุ่ยที่หวาดกลัว ในฐานะราชันเขาสังเกตเห็นภยันตรายถึงชีวิตในพริบตา สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนยกใหญ่ หมุนตัวถอยหนีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ตูม!

เขากลายร่างเป็นสุนัขสวรรค์มายาทมิฬตัวใหญ่มหึมา ย่ำเหยียบห้วงอากาศปานยกย้าย ความเร็วถึงขั้นสะเทือนใต้หล้า

‘กลิ่นอายชวนประหวั่นนัก เจ้าเด็กนี่ล่อลวงข้ามาเพื่อเรียกอาวุธสังหารระดับนี้มาฆ่าข้าเวลานี้หรอกรึ’

‘ยังมีอีก นั่นมันคันธนูและศรอะไร ถึงกับทำใจข้าหวาดกลัวเหลือประมาณ หรือจะเป็นยอดศาสตราอริยมรรค’

‘บัดซบ! บนตัวไอ้เด็กสวะนี่ทำไมมีสมบัติเยอะขนาดนี้ หากรู้แต่แรกคงรีบลงมือกำจัดมันทิ้งไปแล้ว!’

ระหว่างหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง โก่วขุ่ยสีหน้าปรวนแปร เคียดแค้นจนกัดฟันกรอด เขาราชันผู้สง่าผ่าเผย กับแค่การสังหารหนอนตัวจ้อยระดับหยั่งสัจจะตัวหนึ่ง ต้องลำบากลำบนไล่ตามตลอดทางแถมลงมือไม่ได้ นี่ก็อับอายขายขี้หน้าพออยู่แล้ว

มาบัดนี้เขายังถูกทำให้ตระหนกจนถอยร่น!

นี่ทำให้โก่วขุ่ยโกรธจนแทบอกแตกตาย ไหนเลยจะคาดคิดว่าเด็กหนุ่มซึ่งถูกเขาเห็นเป็นหนอนตัวหนึ่งจะรับมือยากเช่นนี้

แต่เขากลับไม่กล้าไม่หนี อันตรายชวนประหวั่นถึงชีวิตนั่นเสียดแทงจนเขาไม่กล้าลังเลแม้เพียงเสี้ยว

ตูม!

ทันใดนั้นโก่วขุ่ยพลันหน้าเปลี่ยนสี พบว่าบนท้องฟ้าปรากฏอสนีบาตทองอร่ามสายหนึ่งกะทันหัน แสงสายฟ้าวาบฉาย พลังทำลายล้างไร้เทียมทาน

แย่แน่!

เขาตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ หนังศีรษะแทบระเบิด ไหนเลยจะคิดว่าระหว่างหลบหนียังมีไอสังหารเช่นนี้โผล่มาอีก

เพียงชั่วขณะเขาถูกโจมตีจนรับมือไม่ทัน ไม่อาจไม่หลีกหลบ เงาร่างพุ่งทะยานออกไปนอกระยะกว่าพันจั้ง หลบอสนีบาตสีทองนั่นได้อย่างหวุดหวิด

แต่ทว่า…

พริบตานี้เองเขาพลันแข็งทื่อไปทั้งตัว สัมผัสถึงไอสังหารรุนแรงสายหนึ่งที่จู่โจมมาถึง

“ข้าจะทุ่มสุดตัวกับเจ้า!”

โก่วขุ่ยเวลานี้สำแดงความเด็ดขาดและดุดันของราชัน ทั่วร่างพรั่งพรูแสงอัศจรรย์มหามรรคที่ชวนประหวั่น สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณราวกำลังลุกโชน ร่างกายเคลื่อนไหว ไม่ถอยร่นกลับพุ่งทะยานไปยังหลินสวินซึ่งอยู่ห่างไกล

ตูม!

พริบตานั้นศรแห่งนภาครามทะลวงผ่านร่างโก่วขุ่ยจนเกิดรูโหว่มหึมา ร่างกายซีกหนึ่งระเบิดออก เลือดเนื้อซ่านเซ็น

เปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณอื่นถูกโจมตีเช่นนี้ เกรงว่าคงวิญญาณหลุดลอยขวัญกระเจิง ชีพวายนานแล้ว

แต่ทว่าที่น่ากลัวคือโก่วขุ่ยยังคงพุ่งทะยาน กลิ่นอายทำลายล้างน่าพรั่นพรึงแผ่กระจายทั่วร่างจนฟ้าดินคร่ำครวญ

ห่างออกไปหลินสวินหน้าซีดเผือด ทั่วร่างพลันอ่อนระทวย เพียงแต่เขาในยามนี้กลับมีสีหน้าเคร่งเครียด ออกจะรับมือไม่ทันอยู่บ้าง

เดิมคิดว่าศรเดียวคงพอสังหารโก่วขุ่ยซึ่งบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้ว ไหนเลยจะคิดว่าชะตาเจ้าหมาแก่นี่จะแข็งเช่นนี้!

นี่ก็คือราชัน ระดับพลังปราณอันยิ่งใหญ่ทั้งห้าที่เปรียบเสมือนขุนเขาใหญ่ห้าลูก ทำให้ผู้ฝึกปราณบนโลกเสาะหาหนทางอย่างยากลำบาก

และราชันคือผู้ยืนหยัดบนหมู่คีรีเหนือระดับทั้งห้า ผยองมองโลกจากเบื้องสูง พลังที่ครอบครองมองทะลุอุปสรรคแห่งความเป็นตาย เริ่มเสาะหาโอกาสแห่งอมตะ!

ผู้ที่เด่นผงาดเช่นนี้มีหรือจะสังหารได้โดยง่าย

แต่ก่อนหลินสวินเคยสังหารแค่ราชันกึ่งระดับ และเคยพบเห็นราชันที่แท้จริงถูกฆ่า แต่อย่างไรก็ยังไม่เคยต่อกรกับราชันที่แท้จริงมาก่อน เป็นธรรมดาที่ไม่อาจรู้ว่าระดับราชันน่ากลัวมากเพียงใด

ยามนี้เมื่อเขาตระหนักถึงจุดนี้อย่างชัดเจน สถานการณ์ก็ล่อแหลมอันตรายแล้วส

“ไอ้เด็กสวะ ตายซะ!”

โก่วขุ่ยดวงตาปูดโปนแทบถลน เสียสติและบ้าคลั่งโดยสมบูรณ์ ทันทีที่ราชันบันดาลโทสะ ภูผาธาราผันเปลี่ยนง่ายดาย โลหิตหลั่งดั่งชลธาร นับประสาอะไรกับโก่วขุ่ยซึ่งตอบโต้ก่อนความตายมาเยือน จึงยิ่งน่าสะพรึงอย่างที่สุด

ก็เห็นฟ้าดินกล้เคียงถล่มทลาย แสงมรรคกู่ก้อง เผยสัญญาณอลหม่านราววันสิ้นโลก น่ากลัวถึงขีดสุด

หากสิ่งนี้เกิดขึ้นในเมืองที่สรรพชีวิตในใต้หล้ารวมตัวกัน จะต้องนำมาซึ่งภัยพิบัติไม่อาจประเมินแน่!

พลังทั่วร่างของหลินสวินถูกยึดกุมไว้โดยสิ้นเชิง สัมผัสได้ถึงอันตรายและความกดดันที่ทำให้หายใจไม่ออก

สวบ!

เขาไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป ใช้วิชาลับโทสะหยาจื้อผลาญเลือดพิสุทธิ์แห่งตน เค้นพลังแฝงของตนถึงขีดสุด ควบคุมยานขนส่งอวกาศหลบหนี

แต่สุดท้ายยังช้าไปเสี้ยวหนึ่ง ถูกกรงเล็บโก่วขุ่ยทุบใส่ยานขนส่งอวกาศเข้าอย่างจัง

ตูม!

ยานขนส่งอวกาศกระแทกพื้นฝุ่นควันตลบ ส่วนหลินสวินได้รับบาดเจ็บสาหัสกระอักเลือดออกมาทันที กล้ามเนื้อและกระดูกทั่วร่างแทบพังทลาย

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

หากไม่ใช่ยานขนส่งอวกาศแข็งแกร่งพอและเป็นสมบัติอริยะชำรุด คงไม่อาจต้านทานการโจมตีนี้ หลินสวินซึ่งอยู่ภายในคงไม่รอดชีวิตแน่

ที่ยิ่งน่าหวาดเสียวคือ ศรเดียวเมื่อครู่สูบพลังหลินสวินเกือบหมด ทำให้เขาอ่อนแรงไปทั้งตัว ซ้ำตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เรียกได้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขนานแท้

“ตาย!”

บนห้วงอากาศ โก่วขุ่ยซึ่งเหลือเพียงร่างส่วนหนึ่งร้องตะโกนโกรธแค้น

เขาในเวลานี้เสมือนเทพมารกำลังต่อสู้สุดแรงเฮือกสุดท้าย สีหน้าเหี้ยมโหดดุดันชวนประหวั่น โหมปล่อยเพลิงมายาทมิฬน่าหวาดกลัว ปกคลุมลงมาทางหลินสวินจากเหนือห้วงฟ้า

สวบ!

ยานขนส่งอวกาศวาบกะพริบ หลบหนีหวุดหวิด

หลินสวินกำลังดื่มอมฤตแกนสุวรรณ เขาเองก็ทุ่มสุดตัวเช่นกัน ใช้พลังทั้งหมดหลบหนี

เขามองออกว่าเรี่ยวแรงของเจ้าหมาแก่นี่เป็นเพียงแสงสายัณห์ยามตะวันรอน หากยืดเวลาออกไปต้องยืนหยัดไม่อยู่แน่!

“ยังคิดหนีรึ”

โก่วขุ่ยคลั่งแล้ว เสียงตูมดังขึ้นคราหนึ่งเงาร่างเขาก็วูบไหว ดั่งเคลื่อนย้ายหายตัวไล่ตามมาในชั่วพริบตา

ทว่าไม่รอให้เขาลงมือ อสนีสีทองจากฟากฟ้าก็ฟาดลงมากะทันหันอีกครา

เปรี้ยง!

ห้วงอากาศถูกแหวกผ่า สายฟ้าทองอร่ามส่องสว่างหาใดเปรียบ เปี่ยมกลิ่นอายมลายล้างผ่าลงบนร่างโก่วขุ่ยโดยตรง ทำให้เงาร่างเขาซวนเซแทบร่วงคะมำจากท้องฟ้า

“เป็นเจ้าอีกแล้ว….!”

โก่วขุ่ยเดือดดาลเต้นเร่า ดวงตาหลั่งโลหิตมองไปยังภูเขาวิญญาณไร้นามอันห่างไกล “ข้าจะเผารังเจ้าให้เป็นจุณ!”

ตูม!

เขาอ้าปากพ่นเพลิงมายาทมิฬมืดฟ้ามัวดินดั่งมหาสมุทรไร้ขอบเขต ผลาญห้วงอากาศครืนๆ พุ่งใส่ภูเขาวิญญาณไร้นาม

พร้อมกันนั้นเงาร่างก็ทะยานสู่ฟากฟ้า ยกฝ่ามือหมายผ่ายานขนส่งอวกาศ

ตึง!

ยานขนส่งอวกาศถูกโจมตีกระเด็นราวว่าวสายป่านขาด ส่วนกระดูกทั่วร่างหลินสวินไม่รู้ถูกหักไปกี่ท่อน กระอักเลือดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ทันไรสีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นโปร่งแสงหาใดเปรียบ

แต่เขายังกัดฟันกรอดไม่ยอมแพ้ ควบคุมยานขนส่งอวกาศหลบหนีต่ออย่างโซซัดโซเซ

“น่าชังนัก!”

โก่วขุ่ยบ้าคลั่งโดยสมบูรณ์แล้ว คาดไม่ถึงสักนิดว่ายานขนส่งอวกาศนั่นจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ช่วยชีวิตหลินสวินติดต่อกันถึงสองครั้ง

“ตาย!”

โก่วขุ่ยคำรามดุดัน

เพียงแต่เวลานี้เองทั่วร่างเขาพลันแข็งทื่อ ปากแผลที่ถูกศรแห่งนภาครามทะลวงผ่านตรงหน้าอก ขณะนี้ปริออกจากกันแล้ว…

เดิมเขาก็ถูกทำลายร่างกายไปครึ่งหนึ่งแล้ว การโจมตีเมื่อครู่เป็นแค่การโต้กลับสุดชีวิตเท่านั้น สุดท้ายตอนนี้อาการบาดเจ็บพลันระงับไว้ไม่อยู่

ก็เห็นร่างกายอีกครึ่งของเขาเริ่มส่งสัญญาณพังทลาย!

“ไม่…!”

พริบตาที่ความตายมาเยือน ในที่สุดโก่วขุ่ยก็รู้สึกถึงความหวาดกลัว เริ่มลนลานกระสับกระส่าย เขาเป็นถึงราชันผู้เริ่มเสาะหาหนทางแห่งอมตะ ไหนเลยจะยอมตายไปเช่นนี้

เขายังอยากรอมหาสงครามมาเยือน แสวงหาปริศนาแห่งการบรรลุอริยะ ยังอยาก…

ความไม่ยินยอมมากมายเอ่อท้นจิตใจ ทำให้สภาวะจิตโก่วขุ่ยมีเค้าลางพังทลาย เขารู้ว่าครานี้ตนจบสิ้นแน่แล้ว…

แต่เมื่อนึกถึงว่าตนถูกเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งสังหาร โก่วขุ่ยก็มีความอัดอั้นปานบ้าคลั่ง

ขนาดตายยังตายอย่างไร้ค่าเช่นนี้ เขาไม่ยินยอม!

ตูม!

โก่วขุ่ยลากร่างไม่สมประกอบเจียนพังทลายเหินสู่ท้องฟ้า ต้องการทำให้หลินสวินพินาศย่อยยับไปด้วยกันก่อนความตายมาเยือน

เพียงแต่เขาไม่ทันสังเกตว่าระหว่างโผนทะยานขึ้นไป เลือดเนื้อของเขาที่กำลังแตกกระจุยอย่างว่องไวก็ร่วงหล่นลงมา

จนเมื่อตามยานขนส่งอวกาศทัน ขณะหมายจะดับสิ้นไปด้วยกันถึงได้พบอย่างงงงันว่า ตนใช้พลังไม่ออกแม้เพียงเสี้ยว!

มือหายไปแล้ว ร่างกายก็หายลับไปแล้ว เหลือเพียงศีรษะที่ยังคงถลึงตาถมึงทึง!

ภาพเช่นนี้อเนจอนาถอย่างที่สุดยิ่ง แม้แต่ตัวเขายังแทบไม่กล้าเชื่อ ราวอสนีบาตฟาดผ่า วิธีตายเช่นนี้… น่าอดสูยิ่งแล้ว!

โก่วขุ่ยคับแค้นเหลือประมาณ สุดท้ายเบื้องหน้าพลันมืดดำ ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง

ปึง!

ศีรษะเขาหล่นลงพื้นเกิดเป็นหลุมใหญ่หลุมหนึ่ง นัยน์ตาหลั่งเลือดยังคงจ้องตำแหน่งของยานขนส่งอวกาศ ท่าทางตายตาไม่หลับ

ราชันแห่งยุคที่ทรงอำนาจนานปี ชื่อเสียงสะเทือนทั่วทิศ กลับสิ้นลมเฉียบพลันตอนนี้ ก่อนตายยังไม่อาจสังหารคู่ต่อสู้ที่ถูกเขามองเป็นหนอนตัวจ้อยได้ เถ้ากระดูกก็ถูกฝังกลบกลางธุลีไปแล้ว!

ส่วนในยานขนส่งอวกาศ หลินสวินกระอักเลือดหยัดร่างขึ้น กล่าวพึมพำอย่างหวาดผวา “เจ้าหมาแก่นี่สุดท้ายก็ตายสักที… นี่ ก็คือระดับราชันสินะ”

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด