Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 831 แค้นใจที่คนในอดีตไม่ได้เห็นข้าบ้าระห่ำ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 831 แค้นใจที่คนในอดีตไม่ได้เห็นข้าบ้าระห่ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 831 แค้นใจที่คนในอดีตไม่ได้เห็นข้าบ้าระห่ำ
“นางไปเรือนกระบี่เร้นปุจฉาแล้ว!”

ตลอดทางมีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันไม่น้อยตามหลัง บุคคลที่ดูเหมือน ‘อริยะ’ เช่นนี้ผู้หนึ่งปรากฏบนโลกยุคปัจจุบัน จะเป็นเพราะอะไรกัน

นี่ทำให้พวกเขาสงสัย เพียงแต่เมื่อเห็นว่าตอนนี้เงาร่างของนางปรากฏหน้าเขาคุนอู๋ สัตว์ประหลาดระดับราชันเหล่านี้ล้วนใจสะท้านไหว แทบงงงวย

นาง…

นี่จะทำอะไร

เขาคุนอู๋สูงตระหง่านและศักดิ์สิทธิ์ ไอสีม่วงอบอวล ผู้ฝึกปราณเรือนกระบี่เร้นปุจฉาที่อารักขาอยู่ภายในนั้น เวลานี้ล้วนขนลุกซู่ รู้สึกกดดันอย่างยิ่งยวด แข็งทื่อไปทั้งตัว หน้าเปลี่ยนสีในทันใด

ไม่นานนักเจ้าสำนักเรือนกระบี่เร้นปุจฉาก็ตื่นตระหนก นำบุคคลชั้นสูงในสำนักทั้งหมดออกมา

เพียงแต่เมื่อเห็นเงาร่างอรชรที่ยืนเด่นอยู่เหนือห้วงอากาศนั้นพวกเขาก็หน้าเปลี่ยนสียิ่ง ไม่อาจรักษาความสุขุมเยือกเย็นได้ ประหนึ่งเผชิญหน้ากับผู้เป็นนายเหนือหัวคนหนึ่ง

“พวกเจ้าถอยไปให้หมด!” ก็ในตอนนี้เอง กลางเขตหวงห้ามหลังเขาที่ลี้ลับที่สุดในเขาคุนอู๋ก็มีเสียงชราเสียงหนึ่งดังออกมา เผยความน่าเกรงขามอย่างยิ่ง

ผู้อาวุโสชางเจิ้งก็ตื่นตระหนกเข้าแล้ว!

ในชั่วพริบตา โดยรอบเรือนกระบี่เร้นปุจฉาล้วนสั่นไหวจนไม่อาจพูนเพิ่มไปมากกว่านี้ได้แล้ว

ผู้อาวุโสชางเจิ้ง คนเก่าแก่ระดับดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตผู้หนึ่ง ทั้งยังเป็นอริยะที่ชื่อเสียงสะเทือนไปทั้งดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง!

เพียงแต่เขาไม่ได้เปล่งเสียงมานับพันปีแล้ว แต่ตอนนี้กลับตื่นตระหนกและออกคำสั่ง ทำให้พวกเขาย่อมสั่นสะท้านอย่างมาก ทั้งรู้สึกได้ว่าเงาร่างอ้อนแอ้นที่มาอย่างกะทันหันนั้นต้องมีที่มาน่าหวาดหวั่นแน่

หาไม่แล้วจะทำให้อริยะชางเจิ้งสะทกสะท้านได้อย่างไร

หญิงสาวยืนอยู่ตรงนั้นกลับเหมือนไม่รับรู้ททุกอย่างนี้ ดวงตาคู่นั้นของนางกวาดมองเขาคุนอู๋ สีหน้าปรากฏความเจ็บปวด

ระหว่างที่เหม่อลอยอยู่นั้น นางราวกับได้ยินเสียงหัวเราะภาคภูมิไร้ซึ่งข้อจำกัดเสียงนั้นอีกครั้ง…

‘ไม่แค้นใจที่ผู้คนในอดีตไม่เห็นข้า แต่แค้นใจที่ผู้คนในอดีตไม่ได้เห็นข้าบ้าระห่ำ!’

คนผู้นั้นในตอนนั้นสวมอาภรณ์สีขาวทั้งตัว พรสวรรค์โดดเด่น จิตใจฮึกเหิม เคยฟันแปดพันบรรพตให้สะบั้นในกระบี่เดียว อานุภาพข่มขวัญไปทั้งสิบเก้าเขตแดนของดินแดนรกร้างโบราณ

แต่กาลเวลาผันผ่าน ตอนนี้แม้แต่เขาก็ไม่อยู่แล้ว…

หญิงสาวลอบถอนใจในใจ เยื้องย่างในห้วงอากาศ มาถึงในเขาคุณอู๋อย่างฉับพลัน เงาร่างปรากฏขึ้นหน้ากระท่อมที่ทรุดโทรมหาใดเทียบหลังหนึ่ง

ระหว่างนี้ค่ายกลใหญ่ปกปักษ์ภูเขาที่เรียกได้ว่าสามารถปลิดชีพสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันได้นั้น กลับไม่ไหวติงแม้สักนิด

ส่วนเหล่าผู้ฝึกปราณของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาทั้งหมดต่างงงงวย สะเทือนขวัญจนอึ้งงันอยู่เช่นนั้น ภาพตรงหน้านี้เหนือธรรมดาและน่าหวาดหวั่นเกินจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว!

หินลับกระบี่ก้อนหนึ่งตั้งอยู่หน้ากระท่อม แวววาวดุจกระจก บนนั้นยังมีเจตกระบี่ไร้เทียมทานพวยพุ่ง เสียดแทงหาใดเทียบ

“ขอสหายยุทธ์หยุดก่อน นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาของข้า ไม่อาจยลได้”

เสียงอริยะชางเจิ้งดังขึ้น เป็นทั้งการเตือนและบอกให้ระวัง

ทว่าตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ได้ลงมือขัดขวางไม่ให้หญิงสาวผู้นั้นเข้าสู่เรือนกระบี่เร้นปุจฉาอย่างแท้จริง นี่บ่งบอกว่าขนาดอริยะระดับเขายังรับมือไม่ไหวอยู่บ้างโดยไม่ต้องสงสัย

หญิงสาวไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น จดจ้องกระท่อมที่ผ่านลมฝนจนทรุดโทรมมานานแล้วหลังนั้น ครู่ใหญ่จึงเอ่ยพึมพำว่า “สหายร่วมทางในชีวิตล้วนล้มหายตายจาก ช่างน่าห่อเหี่ยว ผู้ที่เข้าใจข้ามีแต่สหายเหล่านั้น ผ่านไปเนิ่นนานปีล้วนแก่ชรา เฉยชาต่อสรรพสิ่งในโลกา…”

น้ำเสียงเศร้าซึม ดูทดท้อใจและสิ้นหวังอย่างไร้สิ้นสุด

นางเดินมาหน้าหินลับกระบี่ก้อนนั้น ก้มหน้ามองพื้นผิวหน้าหินที่ราวกับกระจก คลับคล้ายสะท้อนเงาร่างสูงใหญ่ซึ่งโดดเด่นในยุคสมัยนั้น

นางอดไม่ได้ที่จะยื่นมืองามข้างหนึ่งออกไป หมายจะลูบหินลับกระบี่ก้อนนั้น

“สหายยุทธ์หยุดมือ!”

เสียงของอริยะชางเจิ้งพลันดังขึ้น เจือไปด้วยแรงกดดันลี้ลับที่น่ากลัว

ชั่วพริบตาทั้งเขาคุนอู๋ก็สั่นระริก เวิ้งฟ้าสภาพอากาศแปรผันในทันใด กลิ่นอายพาให้ผู้อื่นหายใจไม่ออกตลบอบอวลมาด้วย

นี่เป็นโทสะแห่งอริยะ เมื่อในใจครุ่นคิด จักรวาลก็แปรเปลี่ยนโดยง่าย ภูผาธาราล้วนสั่นไหว

มองจากที่ไกลออกไป ทั้งเขาคุณอู๋ปกคลุมไปด้วยพลังลี้ลับน่าครั่นคร้ามชั้นหนึ่ง ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียงภายในหมื่นลี้ล้วนสั่นระรัว แทบจะอ่อนยวบลงไปกับพื้น

สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันที่ตามมาด้วยบางคนล้วนสั่นเทาไปทั้งตัว สีหน้าตื่นตะลึง นี่เป็นพลานุภาพของอริยมรรคที่แท้จริง!

หรือว่าอริยะชางเจิ้งแห่งเรือนกระบี่เร้นปุจฉาจะลงมือต่อกรหญิงสาวลี้ลับผู้นั้น

หน้ากระท่อมทรุดโทรม หญิงสาวมุ่นคิ้ว ราวกับในที่สุดก็ออกจะหมดความอดทนแล้ว ปลายนิ้ววาดออกไปเบาๆ

เจตกระบี่ปรากฏขึ้น ด้านบนพุ่งทะลุเก้าชั้นเมฆ ด้านล่างกดลงมายังคุนอู๋!

โครม!

พลังกดทับของอริยะที่ปกคลุมอยู่เดิมในฟ้าดินบริเวณนี้ ระเบิดสลายเป็นเสียงอึกทึกที่สะท้านสะเทือนจนหูแทบหนวก กระเซ็นกระสายรอบทิศราวกระแสวารี

ในขณะเดียวกันอริยะชางเจิ้งก็ส่งเสียงอึดอัด เหมือนรู้สึกเสียเปรียบไม่น้อย แต่ทันใดนั้นเขาก็ร้องออกมาอย่างฉงนว่า “ฟันหมู่เมฆานิรันดร์ได้ในกระบี่เดียว! เหตุใดเจ้าถึงใช้มรดกตกทอดของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาของข้าได้”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

หญิงสาวกลับไม่สนใจเขาอีก ใช้ปลายนิ้วลูบลงบนหินลับกระบี่นั้นเบาๆ สีหน้าแฝงไปด้วยความทดท้อ เอ่ยทอดถอนใจเบาๆ ว่า “เวิ่นเสวียนนะเวิ่นเสวียน ผู้คนในโลกยกย่องให้เจ้าเป็นมหาจักรพรรดิแห่งวิถีกระบี่ แต่แล้วอย่างไรเล่า ผ่านไปนับหมื่นนับพันปี สรรพสิ่งในโลกมนุษย์ล้วนกลายเป็นว่างเปล่าอย่างที่เจ้าเคยว่าไว้แต่แรกอยู่ดี!”

พอพูดจบนางก็หันกาย ไม่มองดูกระท่อมทรุดโทรมกับหินลับกระบี่นั้นอีก แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

“สหายยุทธ์โปรดหยุดก่อน!”

อริยะชางเจิ้งส่งเสียงรั้ง เขาตระหนักว่าเป็นไปได้สูงที่สตรีนางนี้จะมีความสัมพันธ์กับ ‘จักรพรรดิกระบี่เวิ่นเสวียน’ ปฐมาจารย์ผู้ก่อตั้งเรือนกระบี่เร้นปุจฉาของพวกเขา!

เพียงแต่นางจากไปอย่างรวดเร็ว ลับไปในเวิ้งฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลนานแล้ว

วันนี้เขาคุณอู๋สั่นสะเทือน ทั้งเบื้องบนและเบื้องล่างของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาไหวสะท้าน ส่วนข่าวที่เกี่ยวข้องกับการปรากฏกายของอริยะชางเจิ้งยิ่งม้วนตลบออกไปอย่างครึกโครมในแดนฐิติประจิมราวพายุ

สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันที่ได้เห็นทุกอย่างนี้ล้วนชาหนึบไปทั้งหัว ขนาดอริยะชางเจิ้งยังไม่อาจรั้งหญิงสาวผู้นั้นได้ นี่ช่างน่าตื่นตระหนกเกินไปแล้ว

…….

ห้วงอากาศที่มีรุ้งเทพทะลวงไปทั่วอย่างงดงามยาวออกไปไม่รู้กี่หมื่นลี้ หงส์เซียนว่ายวน เจินหลงทะยานฟ้า แสดงให้เห็นความน่าเกรงขามเจิดจรัสหาใดเทียม ราวกับจักรพรรดินีจรจรัล

หญิงสาวเดินเยื้องย่าง มองภูผาธาราและผืนพสุธาไปทั่ว รอยเท้าเลื่อนลอย ชั่วพริบตาก็ห่างออกมาหลายหมื่นลี้ กว้างใหญ่ไพศาล จิตวิญญาณไม่ประหวั่น

ไม่นานนักนางก็มาถึงหน้าแม่น้ำแบ่งเขตแดนสายหนึ่ง กระแสธารสีเงินเกรียงไกรม้วนกลับลงมาจากเวิ้งฟ้า คำรามห้อตะบึงท่ามกลางห้วงอากาศ จากนั้นก็ไหลเข้าไปในแม่น้ำแบ่งเขตอันไร้ขอบเขตนั้น

มองไกลออกไป ผืนน้ำและท้องฟ้าเชื่อมกัน ยิ่งใหญ่และเชี่ยวกราก เหมือนแม่น้ำสายหนึ่งเสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่าเหมือนมหาสมุทรไร้ที่สิ้นสุดพาดผ่านอยู่ที่นั่นประหนึ่งฉากกั้นแห่งภพภูมิ

ภายในแม่น้ำพรมแดน สายฟ้าฟาดโครมคราม ห้วงเวลาปั่นป่วน หลุมดำน่าพรั่นพรึงปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ตลอด สำแดงกลิ่นอายทำลายล้างแทบจะกลืนกินทุกอย่างออกมา

นี่ก็คือแม่น้ำพรมแดน ขวางกั้นระหว่างสี่แดนวิภูของดินแดนรกร้างโบราณ ภายในมีความแปลกประหลาดและสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้ได้มากมาย ลี้ลับและน่าครั่นคร้าม

เคยมีราชันที่แท้จริงลองข้ามแม่น้ำพรมแดนนี้ดู เมื่อถึงโลกอีกฟากฝั่งกลับสิ้นชีพระหว่างทาง ไม่เหลือซากศพ

ว่ากันว่าสิ่งที่สังหารราชันผู้นี้เป็นเพียงปลาลี้ฮื้อแดงที่รูปลักษณ์ไม่สะดุดตาตัวหนึ่งเท่านั้น!

แต่ข่าวลือทำนองนี้ก็ไม่ได้มีน้อย ทำให้แม่น้ำพรมแดนกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามแห่งหนึ่งโดยสิ้นเชิง แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็ไม่ต้องการเหยียบย่างเข้าไปในนั้นโดยง่าย

แขนเสื้อหญิงสาวพลิ้วไสว หยุดยืนริมฝั่งแม่น้ำพรมแดน ทั้งกายอบอวลไปด้วยรุ้งเทพราวสายโซ่เทวะเป็นระเบียบ เพียงลุกขึ้นยืนตามสบายเท่านั้น กลับบีบให้คลื่นน้ำสีเงินที่ไหลเชี่ยวในแม่น้ำแบ่งเขตแดนนั้นพากันถอยร่นได้!

ตู้ม!

น้ำในแม่น้ำกำลังพลิกกลับ เสียงดังราวอสนีบาต ส่วนในสมองของนางก็เหมือนมีเสียงประหัดประหารต่อสู้ดุเดือดระลอกแล้วระลอกเล่าดังขึ้น

ทุกอย่างตรงหน้าราวกลับไปเหมือนตอนแรก ในตอนนั้นฟ้าดินสั่นสะเทือน ภูเขาศพทะเลเลือด เหล่าเทพมารข้ามฟ้ามาสู้รบดุเดือดระหว่างเก้าชั้นฟ้าสิบชั้นดิน

แสงดาบเงากระบี่เกี่ยวกะหวัดกับรัศมีเทพมหามรรค เสียงคำรามดาลเดือดของเทพมารกับโพธิสัตว์กำลังห้ำหั่นกัน

ตอนนั้นเหมือนท้องฟ้ากำลังจมจ่อม ผืนพสุธายุบตัว สิ่งมีชีวิตที่ถูกดึงเข้าไปในศึกนี้ล้วนไม่อาจโชคดีมีชีวิตรอด แม้แต่พวกสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีทางรักษาตัวไว้ได้!

น่าสลดหดหู่เกินไปแล้ว!

กระทั่งภายหลังผู้มากความสามารถในตำนานบางคนก็ปรากฏตัว ยื่นมือสอยจันทราและดารา โจมตีเหนือฟ้าคราม…

นั่นเป็นภาพราววันสิ้นโลก!

ศึกนั้นถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘ศึกแห่งการดับสูญ’

ตั้งแต่นั้นมาดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้ก็ตกอยู่ในความมืดมนและพังทลาย นิจนิรันดร์ราวราตรีอันยาวนาน!

“ในสมัยนั้นน่ากลัวว่าคนพวกนั้นจะไม่รู้ว่า ดินแดนรกร้างโบราณในตอนนี้ได้กลายเป็นสี่แดนวิภูและโลกใบน้อยที่แตกออกเป็นส่วนๆ นับไม่ถ้วนแล้ว…”

ครู่ใหญ่หญิงสาวก็ถอนใจเบาๆ แล้วหันกายจากไป

กระทั่งเงาร่างของหญิงสาวหายไป ส่วนลึกของแม่น้ำพรมแดนนั้นถึงมีนัยน์ตาคู่หนึ่งเบิกออก แล้วจดจ้องเบื้องหลังนางที่จากไปอยู่นาน

ในที่สุดดวงตานั้นก็ปิดลงอีกครั้งแล้วมลายหายไป

……

แคว้นคันฉ่องทมิฬ

“เพิ่งกลับจากแม่น้ำพรมแดน ชั่วหันกายก็เข้ามาในแคว้นคันฉ่องทมิฬแล้ว นางคิดจะทำอะไรกันแน่”

สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันที่ตามรอยหญิงสาวล้วนใจสั่นระรัว แคว้นคันฉ่องทมิฬนี้เป็นถึงอาณาเขตของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!

หลังจากหญิงสาวเข้าสู่แคว้นคันฉ่องทมิฬก็ผ่อนความเร็วลงเหมือนกำลังเสาะหาอะไรอยู่

แต่นี่กลับทำให้ผู้ฝึกปราณแต่ละเผ่าในแคว้นคันฉ่องทมิฬล้วนใจสั่นระรัว รู้สึกหวาดหวั่น กลิ่นอายที่ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนเช่นนั้นปกคลุมไปทั่วฟ้าดินทุกหนแห่ง แม้ว่าจะห่างไปไกลก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน!

นางจะทำอะไร

หญิงสาวข้ามผ่านแคว้นคันฉ่องทมิฬ ทำให้คนใหญ่คนโตหลายคนกระวนกระวายใจ นี่ก็เหมือนพายุไร้เทียมทานผ่านดินแดน ไม่ว่าใครได้เห็นก็ไม่อาจสุขุมเยือกเย็นได้

ผู้ฝึกปราณธรรมดาบางคนยิ่งหมอบลงไปกับพื้น บูชาอย่างจริงใจ

พลานุภาพเช่นนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว

ผ่านไปเพียงครู่เดียว เงาร่างอรชรของหญิงสาวก็ปรากฏหน้าเขาเถื่อนเมฆินทร์

เขาเถื่อนเมฆินทร์ หนึ่งในฐานที่มั่นใหญ่ซึ่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬยึดครองในแดนฐิติประจิม งดงามอัศจรรย์เกินธรรมดา เป็นแดนสมบัติถ้ำเซียนชั้นเลิศ

“ใครน่ะ”

“แย่แล้ว!”

“สวรรค์! น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

ทันทีที่เงาร่างนั้นปรากฏขึ้น บนเขาเถื่อนเมฆินทร์ก็มีเสียงแตกตื่นเซ็งแซ่ สถาณการณ์โกลาหล

ไม่นานนักเหล่าคนใหญ่คนโตของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬก็ปรากฏตัวขึ้น ล้วนมองเงาร่างอ้อนแอ้นที่ไกลออกไปนั้นด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง ในใจหวาดผวาและไม่สงบ

ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่มาถึงโดยกะทันหันผู้หนึ่ง แต่เมื่อยืนอยู่ตรงนั้นกลับเหมือนผู้เป็นนายที่ควบคุมเก้าชั้นฟ้าสิบผืนดินผู้หนึ่ง พลังคุกคามที่น่ากริ่งเกรงนั้นทำให้พวกเขาไม่ว่าพลังปราณจะสูงหรือต่ำ ล้วนรู้สึกหายใจไม่ออกจนแทบหมดอาลัยตายอยาก

“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมาเยือนเผ่าข้าด้วยเหตุใดหรือ”

ในที่สุดสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬผู้หนึ่งก็เดินออกมา เก็บกลั้นความหวาดหวั่นและสะพรึงกลัวในใจ สูดหายใจลึกแล้วถามออกไป

หญิงสาวสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยวาจาง่ายๆ เพียงแค่สองคำเท่านั้น “ฆ่าหมา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด